"เมื่อเ้าได้เห็นสิ่งที่้าตรวจสอบแล้ว ก็จงหายไปจากครรลองสายตาของเฉียวเยว่เสีย"
ถ้อยคำเยียบเย็นดุจน้ำแข็งหลุดออกมาจากปากของฉีจือโจว หรงจ้านไม่ขยับ แต่มุมปากกลับโค้งขึ้น "เพราะเหตุใดท่านถึงรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้คุ้มค่าแก่การนำมาแลกกับเฉียวเยว่?"
หรงจ้านสวมเสื้อคลุมกันลมสีขาวบริสุทธิ์ ผุดผ่องดั่งพระจันทร์กระจ่างกลางเวหา "ข้าจะไม่มีวันนำเฉียวเยว่มาแลกกับสิ่งใด ไม่ว่าของสิ่งไหนล้วนไม่ได้ ชีวิตคนเรามักมีของบางอย่างที่ไม่อาจนำไปแลก แม้ทองคำพันชั่งก็แลกไม่ได้"
ฉีจือโจวหัวเราะเยาะ ทั้งสองต่างไม่ขยับ "นี่คือโอกาสเดียวของเ้า เ้าควรรู้ว่าต่อให้เ้าบุกหอน้ำชาเจ็ดสมบัติยามวิกาลก็ไร้ประโยชน์ ข้ารับประกันได้เลยว่า ถึงเ้าจะเข้าไปได้ก็หาเบาะแสใดๆ ที่้าไม่พบ มีแต่ต้องล้มเหลวกลับไป ยิ่งไปกว่านั้น เ้าไม่อาจทำลายค่ายกลของหอน้ำชาเจ็ดสมบัติได้อยู่แล้ว"
หรงจ้านคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เอ่ยเสียงเบา "กลไกลับที่ผู้าุโฉีสร้างขึ้นย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว อันที่จริงขอเป็เพียงผู้รู้และเคยเห็นจวนของท่านเสนาบดีฉี ย่อมสามารถมองออกว่าค่ายกลหอน้ำชาเจ็ดสมบัติคือฝีไม้ลายมือของผู้ใด พวกเ้าสองพ่อลูกคือทายาทสายตรงของฝ่าาจริงๆ แต่ท่านเสนาบดีฉี คราเดียวไม่สำเร็จ ข้ายังสามารถไปสำรวจอีกเป็ครั้งที่สอง หรืออาจมีครั้งที่สามที่สี่ ไยท่านถึงคิดว่าข้าจะไม่สำเร็จไปหมดทุกคราเล่า"
"เ้าคิดว่ามีประโยชน์หรือ? หากมีประโยชน์จริง เ้าบอกข้าได้หรือไม่ เพราะเหตุใดคราก่อนเ้าถึงได้รับาเ็ คนที่บุกหอน้ำชาเจ็ดสมบัติยามวิกาลครั้งก่อนคงเป็เ้ากระมัง? ต่อให้มีวรยุทธ์เช่นเ้าหรงจ้านก็ไม่อาจเล็ดรอดจากกลไกของหอน้ำชาเจ็ดสมบัติไปได้ เ้าน่าจะรู้ หากข้ามิให้โอกาส เ้าก็ไม่อาจเข้าไปถึงประตูห้องเก็บข้อมูลของหอน้ำชาเจ็ดสมบัติ หรือได้เห็นข่าวที่เ้าอยากรู้มากเ่าั้"
เสียงของฉีจือโจวไม่มีสูงต่ำ ทั่วร่างมีแต่ความเ็า
แต่พอหรงจ้านได้ยินถ้อยคำนี้ของเขากลับหัวเราะออกมา แล้วพูดด้วยน้ำใสใจจริง "แต่เหตุใดท่านถึงช่วยข้าเล่า? ท่านปิดข่าวเื่ข้าบุกหอน้ำชาเจ็ดสมบัติยามวิกาลใช่หรือไม่? ท่านเสนาบดีฉี ท่านคิดว่าข้าโง่เขลานักหรือ?"
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนใบหน้าของหรงจ้าน เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง "แต่ไรมาท่านก็ไม่อยากให้ข้าไปตรวจสอบหอน้ำชาเจ็ดสมบัติ ทั้งยังบอกว่าไม่มีสิ่งที่ข้า้า แต่กลับปิดบังเบาะแสที่ข้าได้รับาเ็จากการบุกหอน้ำชาเจ็ดสมบัติยามวิกาล ท่านนึกว่าทุกสิ่งที่ตนเองทำข้าไม่รู้ไม่เห็นเลยหรือ?"
เขาหัวเราะ น้ำเสียงคลุมเครือล่องลอย "สิ่งที่ท่านทำทั้งหมดล้วนบ่งบอกว่า ข้าไม่จำเป็ต้องเข้าไปในหอน้ำชาเจ็ดสมบัติก็สามารถได้คำตอบ"
ทันใดนั้นฉีจือโจวก็เริ่มลงมือ หรงจ้านพลิ้วกายหลบหลีก ทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันไปมา ไม่มีใครยอมใคร
ฝีมือของหรงจ้านกับฉีจือโจวนับว่าสูสีคู่คี่ หากเป็ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์การต่อสู้มาเห็นตอนนี้ก็คงประหลาดใจ ใครจะคิดว่าวรยุทธ์ของหรงจ้านกับฉีจือโจวแทบไม่มีความแตกต่าง ราวกับออกมาจากสำนักเดียวกัน
หรงจ้านเอาชนะฉีจือโจวไม่ได้ แต่ฉีจือโจวก็ใช่ว่าจะเป็ฝ่ายได้เปรียบ
ทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันไปมา ในที่สุดหรงจ้านก็เป็ฝ่ายรามือก่อน "ท่านเสนาบดีฉีจำเป็ต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ ถึงพวกเราสู้กันให้ตายไปข้าง แล้วจะมีความหมายอันใด ข้าเพียงค้นหาคำตอบ หลายปีมานี้ ข้าเฝ้าติดตามคำตอบเท่านั้น"
ฉีจือโจวเอามือไพล่หลัง "เ้ารู้ได้อย่างไรว่าคำตอบจะไม่ยิ่งทำให้เ้าเ็ปทรมาน คนเราไม่อาจสมดังปรารถนาได้ทุกเื่ บางคราความจริงก็อาจน่าสะพรึงยิ่งกว่า และยิ่งไม่อาจยอมรับได้"
แววตาของหรงจ้านทอประกายคลุมเครือ ประหนึ่งว่าเคยคาดเดาผลลัพธ์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เขาเยือกเย็นลง แล้วค่อยๆ เอ่ย "แต่บิดามารดาข้าต้องไม่ตายเปล่า ตราบใดที่ไส้ศึกยังอยู่ในต้าฉี ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าคนที่คบคิดกับซีเหลียงผู้นั้นเป็ใคร มิเช่นนั้นบิดามารดาข้าคงตายตาไม่หลับ ชีวิตข้าปรารถนาเพียงสิ่งนี้ ข้าใช้เวลาสิบกว่าปีไม่อาจสืบค้นความจริง หรือบางทีอาจใช้เวลาทั้งชีวิต ข้าก็ต้องหาคำตอบข้อนี้ให้จงได้"
"เมื่อเป้าหมายในชีวิตของเ้าคือสิ่งนี้ สิ่งที่ข้าทำอยู่ก็ช่วยสนองความ้าของเ้าพอดีมิใช่หรือ หากเ้าไม่เข้าใกล้เฉียวเยว่ ข้าจะจัดการให้เ้าเข้าไปในหอน้ำชาเจ็ดสมบัติ แต่ข้าหวังว่าเ้าจะเข้าใจ การรนหาที่ของเ้าไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราทั้งสิ้น และห้ามปล่อยไฟมาแผดเผาจวนซู่เฉิงโหวเป็อันขาด ข้าจะไม่ปล่อยให้เ้ามีโอกาสทำร้ายเฉียวเยว่ได้แม้แต่ส่วนเดียว"
เสียงของฉีจือโจวเหี้ยมเกรียม กำจายความเ็าไปทั่วร่าง "เ้าน่าจะรู้นิสัยของข้าดี ข้าไม่ใช่คนใจอ่อนกับคนนอก หลายปีมานี้ เ้าคอยหยั่งเชิงข้าตลอดเวลา ก็เพื่อความลับของหอน้ำชาเจ็ดสมบัติมิใช่หรือ อันที่จริงถึงรู้แล้วอย่างไร รังแต่จะทำให้ตนเองจมอยู่ในขุมเพลิงมิอาจถอดถอนก็เท่านั้น"
"เช่นนั้นเหตุใดท่านเสนาบดีฉีต้องปิดข่าวที่ข้าบุกเข้าหอน้ำชาเจ็ดสมบัติยามวิกาลด้วยเล่า? ข้าไม่รู้ว่าท่านรับ่ดูแลที่นั่นั้แ่เมื่อไร แต่ฝ่าาต้องไว้ใจท่านมากถึงมอบหมายให้ท่านดูแล แต่เพราะเหตุใดถึงช่วยเหลือข้า? หรือท่านรู้อยู่แล้ว ว่าคนที่สมคบกับซีเหลียงสังหารบิดาข้าหาใช่เสด็จอา แต่เป็ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน"
สายตาของหรงจ้านเต็มไปด้วยความพยาบาทเคียดแค้น "ฝ่าาอาศัยชื่อข้ากำจัดคนมากมาย แต่ผู้ร้ายตัวจริงก็คือพระองค์ เพื่อราชบัลลังก์ทรงสังหารได้แม้กระทั่งพระเชษฐาของตนเอง"
หรงจ้านหัวเราะออกมา เพียงแต่รอยยิ้มบนใบหน้ามีแต่ความเืเย็น "ั้แ่เล็กเสด็จพ่อสอนข้าเสมอว่าต้องเป็คนดี แต่นอกเหนือจากความตาย รัชทายาทเช่นเขาได้รับสิ่งใดตอบแทนบ้าง? เขาไม่มีวันคาดคิดว่าคนที่คบคิดกับซีเหลียงและคนที่สังหารตนเองจะเป็น้องชายที่เขารักและทะนุถนอมให้ความสำคัญตลอดมา"
หรงจ้านยืนอยู่ใต้เงาจันทร์ ความเย็นะเืแผ่ซ่านออกมาทั่วร่าง ราวกับจะกลายร่างให้กลายเป็เงามืดพุ่งเข้าทำลายทุกคนในบัดเดี๋ยวนั้น
ฉีจือโจวยังคงสงบนิ่ง "เื่ราวตอนนั้น ข้าไม่รู้เบื้องลึก แต่เ้าตัดสินส่งเดชเช่นนี้ไหนเลยจะถูกต้อง เ้าใช้ความรู้สึกของตนเองเคลือบแคลงฝ่าา เ้ามีพยานหลักฐาน หรือจะใช้หอน้ำชาเจ็ดสมบัติมาเป็หลักฐาน เ้าเข้าไปได้ หรือเคยเห็นกับตาแล้วหรือ ไม่ผิด นั่นคือสถานที่ที่ฝ่าาทรงใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แต่หอน้ำชาเจ็ดสมบัติไม่มีทางทรยศต่อต้าฉีเป็อันขาด"
"ไม่ใช่ฝ่าา? หรือเป็จ้าวอ๋อง หรือจะบอกว่าเป็ไทเฮาล่ะ? ท่านบอกว่าไม่ใช่พระองค์ แล้วจะเป็ใคร? ตอนนั้นจ้าวอ๋องเป็เพียงเด็กคนหนึ่ง อายุยังไม่เท่าฉีอันตอนนี้ด้วยซ้ำไป จะเป็เขาได้หรือ? ทำไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด เขาไม่อาจเป็ฮ่องเต้ได้อยู่แล้ว เพราะเสด็จพ่อของข้ากับฝ่าาล้วนเป็พี่ชายแท้ๆ ของเขา หรือจะบอกว่าเป็ไทเฮา เสด็จพ่อของข้ากับฝ่าาล้วนเป็พระโอรสของพระนาง ท่านคิดว่ามีสิ่งใดแตกต่างอีกหรือ? ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ถึงจะเป็คนที่มีความเป็ไปได้สูงสุดที่จะคบคิดกับซีเหลียง น่าเสียดายที่ข้ารู้ช้าเกินไป"
หรงจ้านกำหมัดแน่น "ข้าจะไม่ปล่อยไปเช่นนี้ บิดาข้าตายแล้ว มารดาข้าก็ฆ่าตัวตายอย่างลึกลับ ข้าจะไม่ให้ความไม่เป็ธรรมที่พวกเขาได้รับถูกหินถ่วงลงก้นทะเล คนร้ายตัวจริงที่สมคบกับซีเหลียงจะต้องตาย"
"แล้วถ้าคนที่สมคบกับซีเหลียงตัวจริงคือคนที่ตายไปแล้วเล่า?" ฉีจือโจวเอ่ยอย่างเยือกเย็น
หรงจ้านมองฉีจือโจวอย่างไม่คาดคิด
"หากคนที่สมคบกับซีเหลียงแท้จริงแล้วคือบิดาเ้าเล่า?" ฉีจือโจวกล่าวเน้นทีละคำ ทีละประโยค
หรงจ้านอึ้งอยู่กับที่
"เมื่อทุกอย่างล้วนเป็ไปได้ ก็ใช่ว่าสิ่งนี้จะเป็ไปไม่ได้ มิผิด ข้าก็ไม่รู้ว่าหอน้ำชาเจ็ดสมบัติจะมีความลับเกี่ยวกับเื่ในปีนั้นอยู่หรือไม่ แต่เ้ารู้ได้อย่างไรว่าตนเองจะสามารถแบกรับความจริงข้อนี้ได้ เื่ราวในชีวิตคนเราแปดเก้าส่วนล้วนแต่เป็เื่ที่ไม่สมความปรารถนา ไม่ว่าจะเป็ฝ่าา คนอื่นๆ หรือแม้แต่เ้าเอง ข้าไม่รู้เื่ราวเบื้องลึก แต่ข้าก็ไม่อยากให้เ้าใกล้ชิดกับเฉียวเยว่ คนอย่างเ้า อันตรายเกินไป"
ฉีจือโวหันหลังกลับ น้ำเสียงเนิบเบา "ในใจข้า เฉียวเยว่เป็เพียงเด็กน้อยน่ารักที่ควรกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูทะนุถนอมไว้ในอุ้งมือ ไม่ควรตกอยู่ท่ามกลางาความบาดหมางอันไร้ที่สิ้นสุด เื่ในตอนนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับสกุลฉีของพวกเรา และไม่เกี่ยวข้องกับจวนซู่เฉิงโหว ตอนนี้ยิ่งไม่มี ในฐานะผู้ดูแลหอน้ำชาเจ็ดสมบัติ วันนี้ข้าจะให้โอกาสเ้าสักครั้ง หากเ้าละทิ้ง ต่อไปก็จะไม่มีโอกาสได้เข้าไปอย่างถูกต้องเปิดเผยอีก เ้า... จะไม่ใคร่ครวญข้อเสนอนี้จริงหรือ?"
หรงจ้านรู้สึกว่าอากาศหนาวเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงตอบว่า "ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาเนิ่นนานเท่าไร ข้าก็ต้องค้นหาความจริงจนพบ แต่หากต้องใช้เฉียวเยว่มาเป็ข้อแลกเปลี่ยน ข้าคิดว่าตนเองทำไม่ได้"
"แม้เ้าจะปฏิเสธข้อเสนอของข้า ข้าก็จะไม่ให้เฉียวเยว่ติดต่อกับเ้าอีก"
พูดจบก็ผละจากไป
หรงจ้านยังยืนอยู่ที่เดิม รำพึงด้วยเสียงเนิบเบา "ข้าแค่อยากรู้ความจริง แต่เฉียวเยว่เป็คนดื้อรั้น หากรู้ในสิ่งที่ข้าตัดสินใจเลือก ชั่วชีวิตนี้ข้ากับนางคงจะเป็ไม่ได้แม้แต่สหาย ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อนึกถึงจุดนี้ ข้าก็เหน็บหนาวไปทั่วร่าง คล้ายย้อนกลับไปครานั้น วันนั้น... วันที่มีข่าวส่งมาว่าเสด็จพ่อตายในสนามรบ เสด็จแม่ก็ฆ่าตัวตายตามไป ข้ารู้สึกเหมือนกันไม่มีผิด เหน็บหนาว และมืดมนไร้แสงตะวัน ไม่มีสิ่งใดควรคู่ให้ข้ารักและทะนุถนอมอีกแล้วในโลกนี้ ้าแต่จะแก้แค้นเท่านั้น"
ฉีจือโจวไปแล้ว หรงจ้านเพียงรำพึงรำพันกับตนเอง แต่กลับไม่สามารถหยุดได้ ตรงข้ามกลับยังพร่ำพรรณนาต่อไป "หากเฉียวเยว่คือแสงสว่างนำทางชีวิตข้า แม้ความตายก็มิอาจพรากแสงสว่างสายนี้ไป ชีวิตคนเรามีหลายสิ่งที่ทำได้และอีกหลายสิ่งที่ทำไม่ได้ ข้าทำอะไรไปมากมาย จ่ายค่าตอบแทนก็มากมาย แต่ข้าจะเสียเฉียวเยว่ที่รักที่สุดไปไม่ได้"
ด้วยเหตุผลใดก็สุดรู้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดจะมาแทนที่เฉียวเยว่ได้
นางติดตามเขามาโดยตลอด จนบัดนี้เฉียวเยว่น้อยที่มักแกล้งโง่ทำตัวน่ารักได้เติบโตกลายเป็หญิงงามสะคราญ อาจมีคนชมชอบนางมากมาย และมีคนอีกมากที่ปรกติกว่าและดีกว่าเขา แต่เขากลับปล่อยมือไม่ได้อีกแล้ว ไม่อาจมอบนางให้กับผู้ใดทั้งสิ้น
ผ่านไปอีกไม่นาน เขาคิดว่านางอาจมีความสำคัญยิ่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก แม้ตนเองจะบ้าคลั่ง หรือวิปริตเพียงใด แต่ก็อยากจะปกป้องนาง โดยไม่คิดจะปล่อยมือหรือหยุดพักแม้แต่ชั่วขณะเดียว
"ข้าชอบนางถึงเพียงนั้น ย่อมเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านดี แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะไม่วางมือ ไม่มีวัน"
...
"ฮัดชิ่ว ฮะ...ฮะ... ฮัดชิ่ว" เฉียวเยว่ขยี้จมูกน้อยๆ ของตนเอง พลางบ่นอุบ "ไม่รู้ว่าใครบ่นถึงข้าลับหลังอีกแล้วสิ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้