“พี่สะใภ้ ข้ารู้ว่าพระชายานำสาวใช้มาจากจวนสกุลกู้ด้วย แต่ข้าจะขยันและตั้งใจทำงานอย่างแน่นอนเ้าค่ะ”
กู้เจิงส่งยิ้มให้ปาเม่ย “เมื่อครู่เ้าได้พบพระชายาแล้วกระมัง?”
ปาเม่ยพยักหน้า “หลังจากที่พระชายามาถึงที่นี่ ทุกอย่างล้วนเป็ความดูแลของข้า จะให้ผิดพลาดไม่ได้เ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพระชายาก็น่าจะต้องประทับใจต่อเ้าอยู่บ้างล่ะ และข้าก็เคยได้ยินมาว่าท่านอ๋องก็ให้ความสำคัญกับเ้าเช่นกัน หลี่หนานเคยบอกข้าว่า ตอนนี้เ้าเป็รองผู้ดูแลเรือนด้านนอกของหออิ๋งจวงงั้นหรือ?”
ปาเม่ยพยักหน้ารับ “งานของเรือนชั้นนอกมีมากมายนับไม่ถ้วน บางเื่ก็เกี่ยวข้องกับเงินทอง ข้ากังวลว่าหากข้าทำได้ไม่ดีจะทำให้พระชายาเกิดความหวาดระแวง แต่หากพี่สะใภ้พาข้าไปแนะนำให้กับพระชายา พระชายาก็น่าจะวางใจต่อข้ามากขึ้นเ้าค่ะ”
“ถ้าชุนหงมีความพยายามได้สักครึ่งของเ้า ข้าก็คงสบายไปแล้ว” กู้เจิงพูดยิ้มๆ นางให้ชุนหงอ่านหนังสือ ผ่านไปตั้งหลายวันถึงอ่านจบหนึ่งเล่ม
“พี่ชุนหงมีเ้านายแบบพี่สะใภ้ นางไม่ต้องกังวลหรอกเ้าค่ะ แต่ข้าและพี่หลี่หนานล้วนเป็คนตกยากมาก่อน หากไม่พยายามให้เต็มที่ ก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม”
ทั้งสองพูดคุยกันจนมาถึงเรือนชั้นใน เมื่อสาวใช้ที่เฝ้ายามกลางคืนอยู่ตรงระเบียงมองเห็นพวกนางเข้า กู้เจิงจึงได้แจ้งธุระไป พวกนางจึงรีบเข้าไปรายงานคนในเรือน
เนื่องจากตวนอ๋องยังไม่ได้กลับเข้ามาที่เรือนหอ กู้อิ๋งจึงยังต้องอยู่ในชุดเ้าสาวต่อไป วันนี้นางได้ต้อนรับญาติๆ ของท่านอ๋องมาแล้วทั้งวันจนอ่อนเพลีย
เมื่อเข้ามาภายในห้องกู้เจิงก็ไม่พบกู้เหยา นางจึงคาดเดาได้ว่ากู้เหยาคงจะถูกส่งกลับไปยังจวนกู้แล้ว ภายในห้องมีเพียงแม่เฒ่าซุนและสาวรับใช้ที่ติดตามมาจากจวนกู้
“คุณหนูใหญ่ เชิญเข้ามาเถอะเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนเห็นปาเม่ยที่เดินตามหลังกู้เจิงก็ยิ้มกว้างทันที “นี่ไม่ใช่ปาเม่ยรองผู้ดูแลเรือนชั้นนอกหรอกหรือ?”
“บ่าวคารวะแม่เฒ่าซุนเ้าค่ะ” ปาเม่ยยิ้มเขินอาย “บ่าวให้พี่สะใภ้พาบ่าวมาคารวะพระชายาเ้าค่ะ”
กู้เจิงเห็นแม่เฒ่าซุนดูจะชอบปาเม่ย ปกติพบผู้คนมักจะหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม* แต่นี่ดูแล้วกลับยิ้มสบายๆ
(*หมายถึง ยิ้มไม่เป็ธรรมชาติ หรือยิ้มจอมปลอม)
พี่สะใภ้? คำเรียกขานของปาเม่ยทำให้แม่เฒ่าซุนรู้สึกสงสัย หลังจากพาทั้งสองเข้าไปในห้อง ปาเม่ยก็ย่อตัวทำความเคารพ เหล่าสาวใช้รินน้ำชาให้กู้เจิง แม่เฒ่าซุนจึงถามถึงความสงสัยที่อยู่ภายในใจ “พี่สะใภ้ที่รองผู้ดูแลพูดถึงนั้นเป็คุณหนูใหญ่งั้นหรือเ้าคะ?”
กู้อิ๋งคิดว่าพี่ใหญ่มาเพื่อมาขอตัวกลับ แต่ไม่คิดว่านางจะพาสาวใช้มาด้วย เด็กสาวคนนี้นางจำได้ว่า ยามที่นางเข้าจวนมาคนที่ยุ่งอยู่กับงานทั้งข้างนอกและในก็คือนาง ก่อนหน้านี้ท่านแม่ได้สอบถามเื่คนงานของจวนตวนอ๋องอย่างละเอียดแล้ว ทราบมาว่าเด็กสาวคนนี้เป็ที่ชื่นชอบของตวนอ๋องมาก เข้าจวนมาไม่ถึงกี่เดือนก็มอบหออิ๋งจวงให้นางดูแล
ท่านแม่เคยบอกกับนางว่า ตวนอ๋องอายุยังน้อย ในเรือนคงไม่มีทางที่จะไม่มีห้องข้าง* สาวน้อยคนนี้ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่ แต่วันหน้าก็มีความเป็ไปได้สูง นางต้องคอยจับตาดูสักหน่อย
(*หมายถึง สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติบำเรอเ้านาย)
แต่สาวใช้คนนี้สนิทกับพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? กู้อิ๋งคิดในใจ แต่ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มงดงาม “พี่ใหญ่สนิทกับรองผู้ดูแลเรือนชั้นนอกหรือเ้าคะ?”
“ใช่แล้ว สามีของปาเม่ยและพี่เขยใหญ่ของเ้าเป็สหายพี่น้องร่วมค่ายกัน ข้าคิดว่าเ้าเพิ่งมาอยู่ที่จวนอ๋องคง้าคนที่จะสามารถไว้ใจได้ และปาเม่ยก็เป็คนๆ นั้น” กู้เจิงพูดเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา
“ปาเม่ยแต่งงานแล้วหรือ?” เด็กสาวคนนี้อายุก็ไม่น่าเกินสิบสี่กระมัง? ก่อนหน้านี้กู้อิ๋งยังสงสัยว่าท่านอ๋องจะสนใจเด็กคนนี้หรือไม่ แต่นี่ดันมาบอกนางว่าแต่งงานแล้ว
“บ่าวยังไม่ได้แต่งงานเ้าค่ะ” ปาเม่ยยิ้มเขินพลางกล่าวว่า “ตอนนี้บ่าวเป็สะใภ้เลี้ยงของตระกูลจาง ต้องรอจนอายุสิบหกปีถึงจะได้แต่งงานให้กับพี่หลี่หนานเ้าค่ะ”
กู้อิ๋งคลายความกังวลในใจลงอย่างบอกไม่ถูก ยามนี้ถึงได้ยิ้มออก “ในเมื่อเ้าเรียกพี่ใหญ่ว่าพี่สะใภ้ ทุกอย่างย่อมพูดคุยกันได้ เรือนชั้นนอกให้เ้าดูแล ข้าก็วางใจไปได้มาก”
“บ่าวจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเ้าค่ะ” ปาเม่ยย่อตัวให้กู้อิ๋งอย่างดีใจ นางมองไปทางกู้เจิงแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เช่นนั้นบ่าวขอตัวออกไปทำงานก่อนนะเ้าคะ”
สาวน้อยคนนี้เวลานางยิ้มจะมีลักยิ้มเล็กๆ ด้วย กู้อิ๋งรู้สึกว่าปาเม่ยคนนี้ดูแล้วไม่ขัดตา
หลังจากปาเม่ยออกไป แม่เฒ่าซุนก็เอ่ยถามกู้เจิงขึ้น
“ทำไมคุณหนูใหญ่ถึงไม่พูดแต่แรกเ้าคะ?” แม่เฒ่าซุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้ารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างปาเม่ยกับคุณหนูใหญ่เร็วกว่านี้ เื่ที่พวกเราอยากถามแต่แรกก็จะได้ถามนางตามตรงเสียเลย”
“ถามเื่อะไรหรือ?” กู้เจิงถามด้วยความประหลาดใจ
กู้อิ๋งหน้าแดง
“ยังจะมีเื่อะไรได้อีกเ้าคะ? แน่นอนว่าต้องถามถึงเื่สตรีในเรือนชั้นในของท่านอ๋องเ้าค่ะ”
กู้เจิงสำลักชาที่ดื่มเข้าไป นางไอโขลกอยู่พักหนึ่งถึงดีขึ้น “ตวนอ๋องคงไม่มีสตรีอื่นกระมัง?”
“มีห้องข้างสามห้อง แต่ไม่มีทายาท” แม่เฒ่าซุนเอ่ยขัด
สามห้องหรือ? กู้เจิงคิดไม่ถึงว่าตวนอ๋องที่ทำหน้าเ็าขู่ขวัญผู้คนได้ทั้งวัน จะมีห้องข้างมากมายขนาดนี้ กู้เจิงทอดถอนใจ ถึงแม้เสิ่นเยี่ยนจะเป็แค่ขุนนางขั้นหกเล็กๆ แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องไว้เป็อย่างดี
สองพี่น้องยังคุยกันต่ออีกพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว กู้เจิงจึงลุกขึ้นเตรียมจะกลับ “นี่ก็ดึกมากแล้ว น่าจะใกล้เวลาที่ท่านอ๋องจะกลับเข้ามาแล้ว ข้าขอตัวก่อนไว้วันหลังค่อยมาเยี่ยมเ้าใหม่”
“ได้เ้าค่ะ” กู้อิ๋งให้แม่เฒ่าซุนมาส่งกู้เจิงออกจากเรือนไป
ค่ำคืนดึกดื่น แสงจันทร์สาดส่อง
ขณะที่กู้เจิงกำลังเดินไปถึงห้องโถงใหญ่ที่จัดงานเลี้ยง นางก็เห็นเงาร่างของคนทางประตูกลมแวบหนึ่ง “ท่านพี่หรือ?” นางเห็นเหมือนเสิ่นเยี่ยนเดินผ่านไป
กู้เจิงมองไปทางห้องโถงใหญ่อีกครั้ง ชุนหงไม่อยู่แล้ว แต่ถ้วยชาบนโต๊ะยังอยู่ “แล้วคนเล่า?” ที่ที่เงาร่างนั้นเดินไปน่าจะเป็ทางประตูใหญ่ ท่านพี่เมื่อเห็นว่าชุนหงกับนางไม่อยู่ เขาคงคิดว่าพวกนางกลับไปแล้วกระมัง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ กู้เจิงก็รีบยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งตามเงาร่างนั้นออกไปทางประตูกลม แต่เมื่อวิ่งตามออกมากลับไม่พบเขา นางเห็นแต่บ่าวรับใช้หลายคนกำลังทำความสะอาดกันอยู่
“เ้าเห็นเสิ่นเยี่ยนผ่านมาทางนี้ไหม?” กู้เจิงถามเด็กรับใช้คนหนึ่ง บ่าวรับใช้ของจวนอ๋องล้วนรู้จักเสิ่นเยี่ยน
เด็กรับใช้คนนั้นชี้ไปทางขวามือ “ใต้เท้าเสิ่นไปทางนั้นแล้วขอรับ”
“ขอบคุณ” กู้เจิงรีบตามไป
เด็กรับใช้อีกคนเข้ามาเอ่ยว่า “คนที่เดินผ่านไปเมื่อครู่ไม่ใช่ใต้เท้าเสิ่น เ้าจำคนผิดแล้ว”
“ไม่ใช่ใต้เท้าเสิ่นหรือ? เป็ไปได้ยังไง? ”
“ก็คล้ายมากนะ แต่ไม่ใช่ใต้เท้าเสิ่น อีกทั้งเรือนทางนั้นเป็ห้องสำหรับแขก”
“เช่นนั้นจะทำยังไงดี? ”
“ไม่เป็ไร พอเห็นว่าไม่ใช่ใต้เท้าเสิ่น ฮูหยินน้อยคงเดินกลับออกมา” ทั้งสองเลิกสนใจกู้เจิง พวกเขากลับไปทำความสะอาดต่อ
กู้เจิงรู้สึกว่าเส้นทางที่นางเดินอยู่นี้แปลกๆ นางไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนเข้ามาทางนี้ทำไม ขณะที่นางกำลังคิดจะย้อนกลับทางเดิม นางก็เห็นเสิ่นเยี่ยนเข้าก่อน
กู้เจิงยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งไปหาด้วยความดีใจ นางยื่นมือไปหมายจะคล้องแขนเขาจากด้านหลัง “ท่านพี่”
ยังไม่ทันได้ััเสื้อเขา จู่ๆ อีกฝ่ายก็หมุนตัวกลับ กู้เจิงมองลึกเข้าไปในดวงตาดำสนิท มือที่ยื่นออกไปแข็งค้างอยู่กลางอากาศ
อีกฝ่ายไม่ได้คาดคิดว่าจะพบคนขึ้นที่นี่ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน
กู้เจิงถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความหวาดกลัว นางมองบุรุษที่แผ่รังสีอำมหิตกระจายไปทั่วร่าง บุรุษผู้นี้อายุราวสี่สิบปี เค้าโครงหน้าชัดเจน ใบหน้าเ็าแข็งกระด้าง แม้จะเก็บกลิ่นอายสังหารเมื่อครู่ไว้ แต่ดวงตาสีดำเยือกเย็นนั้นก็ยังฉายแววดุดันทำให้ผู้คนหวาดกลัวอยู่บ้าง
เขาสวมเสื้อคลุมยาวแขนกว้างสีครามเข้ม ปักลวดลายกิ่งไม้เบาบาง เมื่อมองใกล้ๆ มันไม่เหมือนกับเสื้อผ้าของเสิ่นเยี่ยนเลยสักนิด
“เ้าเป็ใคร?” บุรุษผู้นี้ถามขึ้น บนร่างของเขามีกลิ่นอายคาวเืจากสนามรบ ดวงตาคมกริบจับจ้องมองกู้เจิง
“ข้าจำคนผิดเ้าค่ะ” กู้เจิงได้ยินเสียงของตัวเองสั่นเครือ ชายคนนี้หน้าตาไม่เหมือนเสิ่นเยี่ยน แต่เงาร่างกลับคล้ายกันมาก
กู้เจิงเมื่อกล่าวจบ ก็ได้รีบร้อนลนลานวิ่งหนีไปอีกทางหนึ่ง เขาอยากจะร้องเตือนนางว่าไปผิดทางแล้ว แต่พอคิดอีกทีก็คิดว่านางอาจจะเป็อนุของตวนอ๋อง เขาจึงเลิกสนใจ
“ท่านแม่ทัพ” ผู้ติดตามของบุรุษคนนี้เดินออกมาและประสานมือให้เขา “ข้าน้อยเห็นว่าท่านยังไม่ได้กลับห้อง ก็เลยออกมาดูขอรับ”