ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าเ้านายช่างสรรหางานยากเย็นมาให้เสียจริง เขาสามารถขอเ้านายให้เปลี่ยนคนอื่นมาถูกทรมานแทนได้หรือไม่
แน่นอนว่าเป็ไปไม่ได้ ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เขาจึงใช้สายตาสะกิดพ่อครัวจางที่ตัวอ้วนท้วม
“หลิวซานกุ้ยใช่หรือไม่ คนที่มาเยือนคือแขก เร็วเข้า เชิญด้านใน”
พ่อครัวจางนําทางไปข้างหน้าและเชิญทั้งสองคนให้กลับเข้าไปในลานบ้านอีกครั้ง
“เอ๋ แล้วภรรยาของข้าล่ะ?”
หลิวเต้าเซียงได้ยินคำพูดของพ่อครัวจาง จึงรีบเอ่ย “ท่านป้าไปยืมตาชั่งข้างบ้าน”’
“อ้าว เ้ามาที่นี่เพื่อขายปลาหรือ?” พ่อครัวจางพบว่ามีปลาะโในโอ่งน้ำบ้านตนเอง จากนั้นจึงถามไปพลางๆ
หลิวเต้าเซียงตอบพร้อมรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตาม ต้องขอบใจท่านป้าที่เมตตา แล้วเหลือทางรอดให้แก่ครอบครัวของข้า”
เกาจิ่วฟังอย่างเคร่งเครียดอยู่ด้านข้าง แม่เฒ่าจางเมตตาอะไรกัน ครอบครัวนางต่างก็ต้องฟังคำนายท่านจิ่วทั้งหมด อืม ไม่ถูกสิ ต้องฟังคำของแม่สาวน้อยอย่างเ้าผู้เดียวต่างหาก หากเ้าชี้ทิศตะวันออก แม่เฒ่าจางไม่มีทางกล้าชี้ทิศตะวันตกแน่
คำพูดเหล่านี้เขาไม่ได้เอ่ยออกมา เขาวางมาดขึงขัง เยื้องย่างเชื่องช้าเฉกเช่นนายท่านไปยังโอ่งปลา แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หลิวเต้าเซียงสังเกตเห็นว่านายท่านผู้นี้น่าจะเป็เ้านายที่แท้จริง หรืออาจจะเป็เ้านายของแม่เฒ่าจาง?
คําถามนี้แวบเข้ามา อีกฟาก พ่อครัวจางก็ให้คำตอบ
“ที่แท้ก็เป็เ้าของโรงเตี๊ยมชั้นสูง ขออภัย ขออภัย” หลิวซานกุ้ยได้ยินถึงกับหน้าซีด แม้ยังคงเอ่ยอย่างมีมารยาท แต่กลับกลืนน้ำลายดังเอื๊อกพร้อมกับคิดในใจ เกรงว่าเงินนี้คงจะหลุดลอยไปเสียแล้ว
เพราะเ้านายท่านนี้ หรือจะเป็เ้านายของหลิวเหรินกุ้ย
“มิต้องเกรงใจ ปลาตัวนี้สดใหม่ยิ่งนัก ต่อไปหากได้มาอีก…” เกาจิ่ว้าให้หลิวซานกุ้ยส่งไปที่โรงเตี๊ยมด้วยความเคยชิน ต่อมาจึงนึกถึงสิ่งที่นายน้อยกำชับไว้ อย่าได้ให้หลิวซานกุ้ยกับหลิวเหรินกุ้ยเจอกัน โดยเฉพาะห้ามให้หลิวเหรินกุ้ยรู้เื่ที่หลิวเต้าเซียงหาเงิน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาจึงพลิกแพลงคำพูด ยิ้มแล้วเอ่ย “ดูจากเนื้อแท้ของเ้า เป็ผู้ที่ซื่อตรง เ้าส่งไปที่โรงเตี๊ยมคงถูกเสี่ยวเอ้อร์ทั้งหลายทำให้ลำบากใจ หรือไม่เ้าก็ส่งมาที่บ้านจางเช่นเดิม”
พ่อครัวจางไม่รู้ว่าเกาจิ่วคิดอย่างไร จึงพยักหน้าเห็นด้วยตาม
ขณะที่กำลังงัดวิชาการพูดอยู่นั้น แม่เฒ่าจางก็ยืมตาชั่งกลับมาพอดี
“เอ๋ นายท่านจิ่ว เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ได้?” ที่คุยกันไว้คือให้นางออกหน้าเพียงผู้เดียวไม่ใช่หรือ?
เกาจิ่วพยักหน้าและแสร้งทําเป็เอ่ยอย่างเฉยเมย “่นี้รายการอาหารของโรงเตี๊ยมค่อนข้างเก่าแล้ว จึงคิดว่าจะออกมาเดินดูสักหน่อย เกิดโชคดีอาจจะได้เจอกับคนที่มีฝีมือการทำอาหาร หากว่าถูกใจจะได้ออกราคาซื้อกลับไปด้วย”
พ่อครัวจางยิ้มอยู่ข้างหลังและพูดว่า “นั่นสินะ ยายเฒ่า นายท่านจิ่วพูดถูกต้อง อย่างเช่นปลาเนี่ย นอกจากการทอด ผัด นึ่งและต้มแล้วยังมีวิธีทำอย่างอื่นหรือไม่? คิดไปคิดมาก็มีเพียงวิธีเหล่านี้ แขกและพ่อค้ากินนานวันเข้าก็เริ่มรู้สึกเลี่ยน”
หลิวเต้าเซียงดีใจมากเมื่อได้ยิน และเห็นท่าทางที่เห็นด้วยของเกาจิ่ว
นางคิดในใจว่า เห็นทีนายท่านจิ่วผู้นี้คงมีวิธีการอยู่บ้าง ว่ากันว่ายอดฝีมือมักอยู่ท่ามกลางชาวบ้าน ไม่ผิดจริงๆ ดูสิว่านายท่านจิ่วก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน!
“ปลายังสามารถทำ...” หลิวซานกุ้ยได้ยินดังนั้นก็พึมพำ เพียงแต่เขายังไม่ทันพูดจบ ร่างเล็กที่อยู่ข้างกายก็ดึงแขนเสื้อของเขา พอเขาก้มลงมอง อืม เป็บุตรคนรองของตน เพียงแต่นางดึงเขาด้วยเหตุใด?
“ท่านพ่อ ได้ยินหรือไม่ นายท่านจิ่วบอกว่าหากเจอที่ถูกใจก็จะใช้เงินซื้อ” ท่านพ่อน่ะ อย่าใจร้อนโพล่งออกมาสิ คำพูดที่พูดออกมาล้วนเป็เงินทองนะ
หากพูดกันแบบเปิดเผยก็คือ เงินทองเ่าั้อาจจะกลายเป็ฟองสบู่อย่างสวยงาม
หลิวซานกุ้ยได้ยินดังนั้นก็รู้ตัวทันทีว่าตนเองเกือบจะหลุดปากพูดไปก่อน จากนั้นคิดต่อว่า วิธีการทำลูกชิ้นปลานั้นใช่ว่าคนทั่วไปจะนึกออกได้ง่าย
หากไม่ใช่เพราะเห็นบุตรสาวนวดเองกับมือ เขาเองเมื่อได้เห็นยังถึงกับอึ้ง ไม่แน่ว่าอาจจะยังไม่เคยมีใครนึกถึงก็เป็ได้
คำกล่าวข้างต้นเป็เพียงข้อแก้ตัวของหลิวเต้าเซียง เพื่อใช้เกลี้ยกล่อมบิดา
“อ้าว ยังมีวิธีการทำอื่นอีกเช่นนั้นหรือ?” ดวงตาของเกาจิ่วเผยแววดีใจ ์ ฟ้าดิน เขาสามารถทำภารกิจให้จบเร็วก่อนกำหนดหรือ จากนั้นก็จะสามารถให้นกพิราบส่งสาส์นเพื่อขอความชื่นชมจากนายน้อยแล้ว!
“ฟังจากคำพูดของน้องชายท่านนี้ เ้ารู้วิธีการทำปลาแบบอื่นหรือ? ข้าเองเพิ่งเคยได้ยินเป็หนแรก นอกจากการทำสี่แบบนั้น ยังมีวิธีอื่นอีก”
หลิวซานกุ้ยได้ยินดังนั้นถึงกับรู้สึกผิด คนตรงหน้าคือเ้าของโรงเตี๊ยมชั้นสูง หากตนเองกล่าวออกไป จะกลายเป็การบังคับหรือไม่?
เื่ราวเช่นนี้ หลิวซานกุ้ยพบเห็นมากมายในตำบลเหลียนซาน
“ไม่มีอะไรขอรับ ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร มิคู่ควรต่อการเอ่ยถึง”
เกาจิ่วเดิมทียังดีใจเงียบๆ ที่ตนเองจะสามารถจบภารกิจได้อย่างรวดเร็ว ใครเล่าจะรู้ว่า คำพูดที่ว่าไม่ได้วิเศษวิโสอะไรของหลิวซานกุ้ย กลับทำให้อารมณ์ของเขาราวกับถูกโยนลงไปในน้ำโคลน
เขาอยากไปหาพ่อบ้านหวังเพื่อระบายความทุกข์ยากนี้เหลือเกิน!
นายน้อย้าล้อพวกเขาเล่นหรือไม่?
แน่นอนว่าใบหน้าของเขาไม่ได้สื่อออกมาชัดเจน แต่พยายามเค้นรอยยิ้มออกมาแล้วเอ่ย “น้องชายท่านนี้ เ้าลองดูสิว่า ข้าเป็คนเปิดโรงเตี๊ยม มิกลัวว่าเ้าจะหัวเราะเยาะ แต่บุรุษในยุทธภพย่อมมีวันที่หมดหนทาง…”
หลังจากคิดเช่นนั้น เขารู้สึกว่าชายตรงหน้าอาจไม่สามารถฟังคำพูดของเขารู้เื่ จึงเอ่ยอย่างเปิดอกและตรงไปตรงมา “เ้าลองบอกสิว่า ใครเล่าจะไม่สนใจเงินตรา? ในตำบลของเรามีแเื่สัญจรไปมามากมาย โรงเตี๊ยมดุจดั่งหน่อไม้หลังฤดูฝน ผุดขึ้นมาทางซ้ายหนึ่งอัน ขวาหนึ่งอัน ข้าก็เพียงแค่้าหาอาหารดีๆ เ้าอย่าได้กลัวไป หากว่ามีวิธีปรุงอาหารที่ดี ได้โปรดบอกกับข้า หากว่าข้าถูกใจ ย่อมให้ราคาที่เหมาะสม ท่านว่าอย่างไร?”
เมื่อหลิวซานกุ้ยได้ยินว่ามีเงินตอบแทน หัวใจก็มีชีวิตชีวามากขึ้น
เพียงแต่ลูกชิ้นปลาคือสิ่งที่บุตรสาวของตนคิดออกมา ถึงอย่างไรก็ต้องผ่านความเห็นของนางก่อนถึงจะถูก
ตัวเขาเองมีความคิดเช่นนั้น แต่มิอาจพูดออกมาได้ จึงหันศีรษะมองไปทางบุตรสาวคนรอง
ดวงตาของเกาจิ่วฉายแววครู่เดียว ตามคาด คนที่นายน้อยเล็งเห็น ย่อมไม่ธรรมดาเช่นคนทั่วไป
ส่วนอีกฟากหนึ่ง หลิวซานกุ้ยส่งเสียงถามหลิวเต้าเซียงเสียงค่อย “ลูกรัก?”
หลิวเต้าเซียงกำลังครุ่นคิดเื่นี้ เื่ของลูกชิ้นปลา นางไม่เคยได้เห็นในตำบลเหลียนซาน ทั่วทั้งตำบลเหลียนซานอยู่ตรงด้านล่างูเา ไกลออกไป นางเองยังไม่เคยได้ไป แต่จากสิ่งแวดล้อมทั่วสารทิศ ที่แห่งนี้น่าจะเป็พื้นที่ราบด้านใน ซึ่งห่างไกลจากทะเล
เป็ที่รู้กันอยู่ นางชอบกินสิ่งนี้เป็ที่สุด เนื่องจากบังเอิญมีคนสั่งรายการอาหารนี้ตอนไปท่องเที่ยวเมืองริมทะเล หลังจากที่ได้กินของพื้นที่ จึงหลงรักลูกชิ้นปลา โชคดีที่ตอนนั้นการขนส่งพัฒนาไปไกล หลังจากกลับบ้านก็ยังคงได้กิน
นางคํานวณในใจว่าที่แห่งนี้ไม่น่าจะมีสิ่งที่เรียกว่าลูกชิ้นปลา จึงแหงนหน้าขึ้นมองหลิวซานกุ้ยแล้วยิ้ม “ท่านพ่อ ข้าคิดว่าสามารถลองดูได้”
หลิวซานกุ้ยเองก็มีความคิดของตนเอง หลายปีมานี้เขาออกมารับงานนอกจึงพอได้เปิดหูเปิดตาบ้าง รู้ว่าหากได้ข้องเกี่ยวกับคนร่ำรวยเช่นนี้ หากไม่ตอบตกลงคงยากที่จะปลีกตัว ในเมื่ออีกฝ่ายยินดีที่จะให้ราคาซื้อ ก็ต้องลองหยั่งเชิงดู
“คือว่า มันเป็เพียงสิ่งที่บุตรสาวข้าบังเอิญทำออกมาโดยไม่ตั้งใจ หากท่านคิดว่าพอเป็ไปได้ ครั้งหน้าพวกเรากลับบ้านไปจะทำมาให้ท่านได้ชิม เพียงแต่ของสิ่งนี้เสียเวลาและเรี่ยวแรงสักหน่อย”
หลิวเต้าเซียงเสริมอยู่ข้างๆ “นั่นสิ ของสิ่งนี้ไม่เพียงใช้เวลา ทั้งวัตถุดิบก็หายาก ปลาตัวหนึ่งก็ทำออกมาได้ไม่มาก ดังนั้น…”
นางคํานวณในใจว่า ถ้านางพึ่งพาการขายลูกชิ้นปลาเพียงอย่างเดียว ทั้งปีนางคงหาเงินได้ไม่เท่าไร อีกทั้งกำลังคนมีจำกัด หากพึ่งพาหลิวซานกุ้ยในการจับปลาเฉาเพียงลำพัง คาดว่าคงมิอาจเติมเต็มความปรารถนาของคนทั้งโรงเตี๊ยมได้
อีกอย่าง วันเวลาผ่านไป ไม่แน่ว่าผู้อื่นอาจจะจับได้
ดังนั้นหลิวเต้าเซียงจึงวางแผนที่จะขายสูตรการทําลูกชิ้นปลานี้ ทั้งยังสามารถแลกเงินได้มากกว่า จากนั้นค่อยหาสิ่งอื่นทำ
เมื่อเกาจิ่วได้ยินอย่างมีความหวัง ย่อมมีอารมณ์เบิกบาน จึงเอ่ยถาม “เ้าลองทำมาให้ข้าชิมก่อน เดิมทีข้า้าซื้อสูตร หากว่าไม่เลว ข้าจะขอซื้อไว้”
หลิวเต้าเซียงดีใจมาก หนแรกที่ได้ยินว่าคนผู้นี้จะซื้อสูตรอาหาร นางยังนึกว่าล้อกันเล่น
นางเค้นความคิดทั้งหมดที่มี รู้สึกว่านอกจากวิธีทำลูกชิ้นปลา อย่างอื่นนางก็ทำเป็แค่อาหารธรรมดา
“ย่อมได้ วันรุ่งขึ้นยามสิบนาฬิกา เรามาเจอกันที่บ้านท่านป้าเป็เช่นไร?” หลิวเต้าเซียงนัดหมายเวลาอย่างระมัดระวังตัว นางไม่้าไปโรงเตี๊ยมและเจอเข้ากับหลิวเหรินกุ้ย
ยิ่งไปกว่านั้น นางกำลังจะสร้างรายได้ลับหลังหลิวฉีซื่ออีกด้วย
เกาจิ่วมองหน้านางอย่างไม่กระจ่าง คงไม่ได้กลัวว่าเขาจะขโมยสูตรอาหารของนางหรอกใช่หรือไม่?
“ไม่สําคัญว่าจะพบกันที่ไหน เ้าไปทำอาหารอย่างวางใจเถิด วันรุ่งขึ้นหลังจากข้าชิม เราค่อยถกกันเื่ราคา”
เมื่อคิดว่านี่คือคนที่นายน้อยสั่งให้ปกป้องอย่างลับๆ จึงเอ่ยอีก “ต่อไปหากเ้ามีรายการอาหารอีกหรือได้ปลาเฉามา ส่งตรงไปที่โรงเตี๊ยมเป็พอ”
โรงเตี๊ยมฟู่กุ้ยนั้นอยู่ไม่ไกลจากปากทางตำบล ส่วนบ้านของแม่เฒ่าจางกลับอยู่ตรงท้ายตำบล
ความหมายของเกาจิ่วคือนางไม่จำเป็ต้องเดินทางไกล
คิ้วทั้งสองของหลิวเต้าเซียงขมวดเป็ก้อนกลม ไม่รู้ว่าควรเอ่ยถึงหลิวเหรินกุ้ยดีหรือไม่
“มีอะไร ไม่สะดวกตรงไหนหรือ?” เกาจิ่วเห็นนางกับพ่อของนางทำหน้าลำบากใจ จึงไม่ทราบสาเหตุ
หลิวเต้าเซียงเงยหน้าขึ้นมองหลิวซานกุ้ย เขาเพียงแค่ขบริมฝีปากและไม่ส่งเสียง
เื่ฉาวโฉ่ในครอบครัวมิควรเผยสู่ภายนอก ในใจของหลิวซานกุ้ยไม่้าเอ่ยถึงหลิวเหรินกุ้ย แต่พอนึกถึงว่า หากเขารู้และมารดาของตนรู้เข้า เงินที่บุตรสาวหามาได้ เกรงว่าคงยากที่จะรักษาไว้ได้
ส่วนตนเองก็คงเลิกคิดเื่จับปลาเฉาเพื่อหาเงินอีก หาเงินไม่ได้ไม่ว่า หรือกระทั่งไม่ได้เรียน แต่เขาเองกลัวว่าจะต้องกลับไปใช้ชีวิตอย่างรัดเข็มขัดเช่นแต่ก่อน ที่ครอบครัวไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว
เมื่อคิดว่าครอบครัวจะอดอยากอีกครั้ง หลิวซานกุ้ยก็ไม่ยินยอม
เกาจิ่วเห็นสีหน้าของเขา จึงแอบคิดในใจ หรือเพราะตนเองพูดอะไรผิดไป?
เขาอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะขมวดคิ้วแล้วทบทวนคำพูดก่อนหน้านี้ของตนอย่างละเอียดอีกหนึ่งรอบ แต่ก็ไม่พบว่ามีปัญหา?!
หลิวเต้าเซียงเห็นท่าทีลำบากใจของผู้เป็พ่อ พลันนึกถอนหายใจ ช่างเถิด คราบของคนตระกูลหลิวคงไม่มีทางสลัดหลุดแล้ว
ดังนั้นนางจึงเอ่ยอย่างหนังหนาว่า “อันที่จริง ก็ไม่ใช่เื่ยากอะไร เพียงแต่ลุงรองของข้านั้นทำงานเป็เหรัญญิกให้แก่โรงเตี๊ยมของท่าน”
“อ้อ ข้าถึงว่าเมื่อครู่ตอนเห็นพ่อเ้าแล้วรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา!” เกาจิ่วทำหน้าใ
ในขณะเดียวกันก็นึกถึงสิ่งที่ซูจื่อเยี่ยกำชับก่อนหน้านี้ ต้องสั่งสอนหลิวเหรินกุ้ยให้ดี แต่ก็ไม่ให้เขาลาออก
เมื่อคิดดังนี้ ในใจจึงเกิดความคิดบางอย่าง แต่เขายัง้าฟังว่าหลิวเต้าเซียงจะพูดอย่างไร
“ใช่แล้ว นายท่านจิ่ว ท่านเองก็เห็นว่า ทั้งที่ลุงรองข้าทำงานในโรงเตี๊ยม แต่ครอบครัวของเรากลับไม่เคยสร้างความลำบากให้เขา”
หลิวเต้าเซียงพูดถึงตรงนี้ก็แอบมองเกาจิ่ว เมื่อเห็นท่าทีของเขาเหมือนอ่านอะไรไม่ออก จึงเกิดความคิดว่า เห็นทีเกาจิ่วผู้นี้คงไม่ได้เห็นหลิวเหรินกุ้ยอยู่ในสายตานัก เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงรู้สึกว่าสมเหตุสมผล
จะมีเ้านายคนไหนยอมแลกใจกับลูกน้องของตนอย่างสุดใจ ทุกคนต่างก็แลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น
-----
