Chapter 14
ทุกวันพุธใกล้จะมีเรียนเช้า เขาต้องตื่นเช้าเป็พิเศษเพื่อเตรียมตัวไปเรียน ทว่าในเช้าวันพุธนี้รถติดมากกว่าปกติ เพราะใกล้ที่ลงมาจากห้องเพื่อจะขับรถไปเรียนเห็นรถติดยาวเหยียดอยู่บนถนน เขาจึงตัดสินใจเก็บกุญแจรถใส่กระเป๋าแล้วเดินไปขึ้นวินมอเตอร์ไซค์แถวคอนโดเพื่อพาตัวเองไปถึงมหา’ ลัยให้เร็วที่สุด
ใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบนาที พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็พาใกล้มาส่งถึงหน้าประตูมหา’ ลัย คนตัวเล็กลงจากรถพร้อมถอดหมวกกันน็อคคืนให้เ้าของ ก่อนจะยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้พี่วินมอเตอร์ไซค์แล้วรีบเดินเข้ามาในตึกเรียน
ไลน์ ~
เสียงจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวานที่จุดขึ้นบนใบหน้า ในขณะที่ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าผ้าสีเหลืองใบโปรด ใกล้ก็ลองเดาเล่น ๆ ว่าในเวลาเช้าเช่นนี้ คงมีแค่คนเดียวที่ทักมาหาเขา
และคนคนนั้นก็คือ...
P.Panli : ถึงมอหรือยังคะ ?
glaijai : ถึงแล้ว ~
glaijai : send a sticker
คนตัวเล็กกดส่งสติกเกอร์กระต่ายยิ้มแฉ่งไปให้ ‘เพื่อนสนิท’ ขณะก้าวเท้าขึ้นบันไดเลื่อน วันนี้คุณพระจันทร์ไลน์มาหาแต่เช้าเหมือนทุกวัน ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะเลิกคุยกันก็ดึกพอสมควร แต่เ้าตัวเคยบอกว่าต่อให้นอนดึกแค่ไหน พันลี้ก็จะตื่นตอนเจ็ดโมงเช้าของทุกวัน หลังจากวันนั้นที่ได้ไปเชียร์คุณพระจันทร์แข่งบอล ความสัมพันธ์ของเราก็พัฒนาไปอย่างก้าวะโ
ในคืนวันนั้นที่คุณพระจันทร์ขับรถมาส่งที่คอนโด จู่ ๆ เ้าตัวก็ขอเขาเป็ ‘เพื่อน’ ใกล้ตอบตกลงไป ทว่าก็กลัวตัวเองจะตกอยู่ในสถานะ Friend zone แบบที่ไม่สามารถออกมาจากสถานะนี้ได้อีก เขาจึงขอข้ามขั้นให้เราเป็ ‘เพื่อนสนิท’ กันในคืนนั้นเลย และคุณพระจันทร์ก็ตอบตกลงเช่นกัน
สำหรับใกล้...คำว่า ‘เพื่อนสนิท’ ยังพอพัฒนาไปได้มากกว่าเพื่อน
แต่ถ้าเป็เพื่อนกันเฉย ๆ ...อาจจะติดอยู่ใน Friend zone ตลอดไปก็ได้
หลังจากที่เราเป็เพื่อนสนิทกันแล้ว เราก็คุยกันมากขึ้น ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหลาย ๆ เื่ และใกล้รู้สึกว่าเราได้รู้จักกันมากขึ้นผ่านตัวอักษร และบางครั้งก็ผ่านเสียง
ใช่...ตอนดึก ๆ ที่คุณพระจันทร์รู้สึกง่วงจนพิมพ์ไม่ไหว
เ้าตัวจะชอบโทรมาคุยกับเขาแทนการพิมพ์
สองวันที่ผ่านมาใกล้ได้คุยกับคุณพระจันทร์เยอะมาก ๆ จนเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ แม้เราจะไม่ได้เจอกันเลย เพราะต่างคนต่างยุ่งมาก และเขาก็ต้องไปซ้อมขิมเลยไปแอบมองคุณพระจันทร์ที่ชั้นสี่ไม่ได้ แต่เพราะได้คุยกันตลอดใน่เย็นจนถึงดึก
ความคิดถึงที่เคยเล่นงานใกล้ใจอย่างหนัก
ตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้แล้ว
เพราะใกล้ใจมีคุณพระจันทร์คอยปกป้อง
:)
P.Panli : เมื่อคืนคุณใกล้บอกว่าชอบไปดูหนังคนเดียวใช่ไหมคะ ?
คนตัวเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะย้อนคิดถึงบทสนทนาที่เราคุยกันเมื่อคืน ก่อนพยักหน้าน้อย ๆ แล้วพิมพ์ตอบกลับอีกฝ่าย
glaijai : .ใช่ ๆ เราชอบไปดูหนังคนเดียวบ่อย ๆ แต่่นี้ไม่ค่อยว่างเลย เราไม่ได้ไปดูหนังนานแล้ว
P.Panli : อ๋ออ
P.Panli : ไปดูหนังคนเดียว ไม่เหงาเหรอคะ ?
glaijai : ไม่เหงานะ
glaijai : แต่เมื่อคืนพันลี้บอกเราว่าไม่ชอบไปดูหนังในโรงใช่ไหม ?
P.Panli : ค่ะ ลี้ไม่ค่อยชอบไปดูหนังในโรง ลี้ชอบดูอยู่ที่บ้านมากกว่า
glaijai : คนติดบ้าน ~
P.Panli : ติดเพื่อนด้วย
P.Panli : แต่ต้องเป็เพื่อนสนิทเท่านั้นนะคะ ลี้ถึงจะติด
ใกล้กลั้นยิ้มพลางสาวเท้าเดินไปที่ห้องเรียน ถึงจะรู้ว่าคุณพระจันทร์มีเพื่อนสนิทหลายคน แต่เพราะหนึ่งในเพื่อนสนิทของเ้าตัวมี ‘ใกล้ใจ’ รวมอยู่ด้วย เขาเลยขอคิดว่า ‘คุณพระจันทร์ติดใกล้ใจ’ ด้วยก็แล้วกัน
glaijai : เราเชื่อว่าพันลี้ติดเพื่อนสนิทจริง ๆ นั่นแหละ
หยอดวันละนิดวันละหน่อย...
เดี๋ยวเ้าตัวก็ซึมเองแหละเนอะ
P.Panli : ลี้คุยกับคุณใกล้ทั้งวันทั้งคืนแบบนี้
P.Panli : ถ้าคุณใกล้ไม่เชื่อ ลี้คงน้อยใจน่าดูเลย
glaijai : น้อยใจเก่งจังเลย
P.Panli : ลี้น้อยใจเก่งแบบนี้ คุณใกล้ก็ต้องง้อเก่ง ๆ ด้วยนะคะ
glaijai : ปกติเราง้อคนอื่นไม่เก่ง แต่หลังจากนี้เราจะพยายามฝึกง้อให้เก่ง ๆ เลยนะ
P.Panli : จริง ๆ ไม่ต้องฝึกหรอกค่ะ แค่คุณใกล้ทำตาปิ๊ง ๆ ลี้ก็หายน้อยใจแล้ว
คนตัวเล็กอมยิ้มขณะมองตัวอักษรที่อีกฝ่ายส่งมา ใกล้เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องเรียนที่ยังไม่มีเพื่อนร่วมคลาสมาสักคน เขามักจะมาถึงเป็คนแรกเสมอ ใกล้พรมนิ้วไปบนแป้นพิมพ์เพื่อส่งข้อความกลับไปให้อีกคน
glaijai : แค่ทำตาปิ๊ง ๆ อย่างเดียวเหรอพันลี้ ?
ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากแล้วกดอัดข้อความเสียงส่งไปให้อีกคน “เราไม่ต้องพูดว่า...โอ๋ ๆ นะครับ พันลี้ของใกล้ใจ ด้วยเหรอ ?”
glaijai : send a voice
ข้อความเสียงของเขาถูกเปิดอ่านด้วยความรวดเร็ว ก่อนข้อความที่ตอบกลับมาจะทำให้ใกล้หัวเราะเบา ๆ เพราะเ้าตัวทำให้รู้ว่า...
คุณพระจันทร์น่าจะหวั่นไหวน้อย ๆ แล้วแหละ
P.Panli : ตัวแสบ
ใกล้เชื่อว่า...ถ้าเขาเก่งขึ้นกว่านี้
อีกไม่นาน...ใกล้ใจจะได้เข้าไปเขย่าหัวใจของคุณพระจันทร์ให้สั่นคลอนมากกว่าเดิม
แม้จะอยากคุยกับคุณพระจันทร์ต่อแค่ไหน แต่ใกล้ก็ต้องห้ามใจเพราะต้องไปเตรียมตัวก่อนเข้าเรียน เขาจึงพิมพ์ข้อความเพื่อบอกลาอีกคน
glaijai : พันลี้ เดี๋ยวเราขอไปเตรียมตัวก่อนนะ
glaijai : อาจารย์วิชานี้โหดมาก ๆ เราต้องไปเช็กเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยก่อนที่อาจารย์จะมาตรวจ
P.Panli : โอเคค่ะ ตัวแสบ
P.Panli : วันนี้เหมือนเดิมเลยนะ
ใกล้ใจอมยิ้ม ก่อนส่งข้อความไปหาอีกคน เพื่อย้ำให้ชัดว่า ‘เราใจตรงกัน’
glaijai : ให้ตั้งใจเรียนเหมือนเดิมเลยใช่ไหม ?
P.Panli : ใช่ค่ะ
glaijai : send a sticker
ใกล้กดส่งสติกเกอร์กระต่ายทำตาแป๋วที่มีอักษรภาษาอังกฤษว่า ‘OK’ อยู่บนหูยาว ๆ ไปให้คุณพระจันทร์ ไม่นานนักเ้าตัวก็ส่งข้อความกลับมาให้เขาอีก
P.Panli : ถ้ายังพอมีเวลา อย่าลืมกินอะไรรองท้องก่อนเข้าเรียนด้วยนะคะ
glaijai : โอเคเลย
P.Panli : ตัวแสบ สู้ ๆ นะคะ
glaijai : send a sticker
หลังจากกดส่งสติกเกอร์กระต่ายขนปุยสีขาวที่พยักหน้าน้อย ๆ ไปให้คุณพระจันทร์ ใกล้ก็กดล็อกโทรศัพท์แล้วเดินมาที่ล็อกเกอร์ข้างห้องเรียน วิชาการบริการบนเครื่องบินจะต้องเก็บของทุกอย่างไว้ในล็อกเกอร์ โดยเฉพาะเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็ไอแพดและแท็ปเล็ต และสิ่งที่ห้ามนำเข้าไปในห้องเรียนอย่างเด็ดขาดคือโทรศัพท์ ยกเว้นว่าคลาสในวันนั้นอาจารย์จะอนุญาตให้เอาเครื่องมือสื่อสารเข้าไปได้ เพราะต้องใช้พรีเซนต์งานหรือเพื่อเอามาหาข้อมูลประกอบกับเนื้อหาในบทเรียน
แม้กฎระเบียบของวิชานี้จะเยอะมาก และอาจารย์เคร่งครัดสุด ๆ แต่เขากลับชอบวิชานี้มาก เพราะเหมือนได้ไปปฏิบัติงานจริง ๆ บนเครื่องบิน ห้องเรียนหรือห้องที่อาจารย์และนักศึกษสาขาการบินเรียกว่าห้อง Mock – up ที่เอาไว้ใช้สอนวิชานี้จะจำลองมาจากห้องโดยสารบนเครื่องบิน ทุกอย่างเสมือนจริงทั้งหมด ราวกับเขาได้ขึ้นไปให้บริการผู้โดยสารบนเครื่องบินจริง ๆ
เพราะวิชานี้อาจารย์สอนปฏิบัติค่อนข้างเยอะ การไม่ได้ใช้โทรศัพท์ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงจึงไม่ใช่เื่น่าเบื่อ ทว่าใกล้ก็ยังเห็นเพื่อนร่วมคลาสบางคนแอบเอาโทรศัพท์ติดตัวเขาไปด้วย พออาจารย์จับได้ก็จะถูกหักคะแนนจิตพิสัย เพราะมีตัวอย่างให้เห็นแบบนี้ คนที่เห็นทุกคะแนนมีค่าเปรียบเสมือนเพชรอย่างเขาจึงไม่กล้าฝืนกฎ
แม้คุณพระจันทร์จะเคยบอกว่า...
‘อยู่กับลี้ต้องแหกทุกกฎ’
แต่กฎการเรียน...ใกล้ใจขอยกเว้นไว้แล้วกันนะคุณพระจันทร์
คนตัวเล็กเดินมาหยุดที่หน้าล็อกเกอร์ขนาดใหญ่ที่มีช่องเก็บของแยกราว ๆ ยี่สิบกว่าช่อง ประตูเหล็กสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จะมีหมายเลขติดกำกับไว้ อาจารย์ให้ทุกคนในคลาสจองล็อกเกอร์ที่จะใช้เก็บของเป็ประจำกันเอง ใกล้เลือกล็อกเกอร์หมายเลขสิบ เพราะมันอยู่ในระดับสายตาพอดี เขาจะได้ไม่ต้องก้มลงไปเก็บของ
มือเรียวเอื้อมเปิดประตูเหล็กเพื่อเตรียมจะเก็บกระเป๋าผ้ากับโทรศัพท์ ทว่าของสองสิ่งที่วางอยู่ในนั้นทำให้ใกล้ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะหยิบนมหนึ่งขวดกับขนมปังไส้ครีมออกมา
แม้จะมีเพื่อนเซคอื่นที่ใช้ล็อกเกอร์ร่วมกับเขาด้วย แต่ใกล้เดาว่าไม่ใช่ของเพื่อนเซคอื่นแน่ ๆ เพราะหยดน้ำที่เกาะอยู่บนขวดนมช็อกโกแลตช่วยยืนยันว่า...
นมช็อกโกแลตขวดนี้
คงออกจากตู้เย็นมาได้สักพัก
ไม่ได้ถูกปล่อยทิ้งไว้ในล็อกเกอร์ข้ามวันข้ามคืนแน่ ๆ
ใกล้นึกย้อนไปถึงคนที่คอยเตือนให้เขากินข้าวเช้าด้วยความเป็ห่วง และหนึ่งในคนที่คอยแสดงออกว่าเป็ห่วงทำให้ใกล้รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า เมื่อกี้คุณพระจันทร์เพิ่งบอกให้เขากินอะไรรองท้องก่อนเข้าเรียน ทว่าใกล้ไม่อยากคาดหวัง และคิดว่าคงเป็ไปไม่ได้ เพราะวันนี้เ้าตัวมีเรียน่บ่าย
คุณพระจันทร์จะมามหา’ ลัยตอนเช้าขนาดนี้ได้ยังไง
แต่ถึงจะมาได้...
คุณพระจันทร์ก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาใช้ล็อกเกอร์หมายเลขสิบ
เป็ในตอนนี้ที่มีความทรงจำเมื่อสองวันก่อนผุดขึ้นในหัว ใกล้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง เขารอไม่นานปลายสายก็รับโทรศัพท์
[ว่าไงครับใกล้ใจ ? ]
“ใกล้รู้แล้วว่าเมื่อสองวันก่อนพี่ดอมโทรมาถามเื่ล็อกเกอร์ของใกล้ทำไม ? ”
[...]
“พี่ดอมแอบเอานมกับขนมปังมาใส่ไว้ในล็อกเกอร์ใกล้ใช่ไหมครับ ? ”
ปลายสายหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินประโยคคำพูดของเขา
[ใกล้ก็อย่าลืมดื่มนมแล้วก็กินขนมปังก่อนเข้าเรียนด้วยนะ]
คนตัวเล็กส่ายหน้าเบา ๆ พลางอมยิ้ม “โธ่...พี่ดอม ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ครับ ลำบากพี่ดอมเปล่า ๆ ”
[พี่ไม่อยากให้พันลี้โทรมาว่าได้อีก]
“หือ ? ...พันลี้ว่าอะไรพี่ดอมครับ ? ”
[หลังกลับมาจากแข่งบอลวันนั้น ตอนดึก ๆ พันลี้ก็โทรมาบอกว่าให้พี่ดูแลใกล้ดี ๆ หน่อย ใกล้ไม่ค่อยได้กินข้าวเช้า ตัวถึงได้เล็กกระปุ๊กกระปิ๊กแบบนี้]
“...”
[แล้วก็บอกว่า...ทุกเช้าของวันพุธ ใกล้จะรีบมากจนแทบไม่มีเวลาซื้ออะไรกินรองท้องก่อนเข้าเรียนเลย]
“...”
[พี่ก็เลย...ตัดสินใจทำแบบนี้]
“วันพุธหน้าไม่ต้องเอาของกินมาใส่ไว้ในล็อกเกอร์ให้ใกล้แล้วนะครับพี่ดอม...ใกล้เกรงใจ”
[ไม่เป็ไร พี่เรียนเช้าอยู่แล้ว...ไม่ได้ลำบากเลยใกล้]
“...”
[ไม่ต้องเกรงใจนะ ]
“ใกล้ไม่รู้จะตอบแทนพี่ดอมยังไงเลยครับ”
[ใกล้แค่ตอบแทนคนที่เป็ห่วงตัวเองด้วยการ...ดื่มนมให้หมดขวด กินขนมปังให้อร่อย และเข้าเรียนอย่างมีความสุขก็พอ แค่นี้คนที่คอยเป็ห่วงและคอยดูแลใกล้ก็มีความสุขมากแล้ว]
“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับพี่ดอม ใกล้จะดื่มนมให้หมดและกินขนมปังให้อร่อยเลยครับ”
[ดีมาก]
“พี่ดอมก็อย่าลืมกินข้าวเช้าเหมือนกันนะครับ”
[ครับ...งั้นพี่ขอตัวก่อนนะใกล้ เพราะจะเข้าเรียนแล้ว]
“โอเคครับ ~”
[เอ้อ...ใกล้…]
คนตัวเล็กที่กำลังกดวางสายหยุดชะงักเมื่อปลายสายร้องทักเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ครับ พี่ดอม ? ”
[เมื่อวานซืนพี่ไลน์ไปบอกเราเื่ไปทะเลวันเสาร์นี้แล้วใช่ไหม ? ]
“บอกแล้วครับ”
[อย่าลืมนะใกล้ เคลียร์คิวดี ๆ เลยนะ]
“ใกล้เคลียร์คิวไว้แล้วครับ”
ใกล้ต้องรีบเคลียร์คิวแน่ล่ะ...เพราะตอนที่ถามพี่ดอมว่ามีใครไปบ้าง พี่ดอมเอ่ยชื่อ ‘พันลี้’ ด้วย ตอนแรกใกล้คิดว่าต้องไปนั่งหงอยคนเดียวที่ริมทะเลแน่ ๆ ถึงแม้จะมีที่รักไปด้วย แต่เ้าตัวก็คงอยู่ติดกับพี่ฟ้าตลอด ส่วนพี่ดอมก็ต้องอยู่กับพี่เบบ ใกล้แทบไม่รู้จักใครในทริปนี้เลย แต่พอรู้ว่าคุณพระจันทร์ไปทะเลด้วย ความกังวลในใจก็หายเป็ปลิดทิ้ง มีแต่ความรู้สึกตื่นเต้นและคอยนับวันรอที่จะได้ไปเที่ยวกับคุณพระจันทร์
ทว่าตอนนี้ใกล้เริ่มกลับมากังวลนิด ๆ เพราะพันลี้ไม่เคยเอ่ยถึงเื่นี้เลย ทั้งที่ในหนึ่งวันเราคุยกันหลายเื่มาก ๆ เขากลัวเ้าตัวจะเบี้ยวนัดไม่มาร่วมทริปนี้ด้วย ถ้าคุณพระจันทร์ทำแบบนั้น...ใกล้จะไปนั่งดื่มน้ำมะพร้าวย้อมใจที่ริมทะเลคนเดียว
แค่จินตนาการภาพตัวเองนั่งเหงา ๆ อยู่ริมทะเล
เนี่ย...แค่นี้ก็สงสารตัวเองมาก ๆ แล้ว
เพราะฉะนั้นใกล้ใจจะไม่จินตนาการ
แต่จะเชื่อว่าคุณพระจันทร์จะไปทะเลด้วยอย่างแน่นอน
คนตัวเล็กรีบเอากระเป๋าผ้าสีเหลืองกับโทรศัพท์เก็บใส่ในล็อกเกอร์ ก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าห้อง Mock – up เพื่อกินมื้อเช้าที่พี่ชายเตรียมไว้ให้ ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มบางเบาในตอนที่แกะห่อขนมปังไส้ครีมพลางคิดขอบคุณพี่ชายที่แสนดีกับคุณพระจันทร์ที่แสนเอาใจใส่
ใกล้ใจจะดื่มนมให้หมดขวด
และก็กินขนมปังให้อร่อยเลย
:)
#ใกล้แค่พันลี้
“พาย เมย์ เอาน้ำผลไม้ปั่นไหม ?”
“เราไม่เอาอะ”
“เราก็ไม่เอา ใกล้ไปซื้อของตัวเองเลย ไม่ต้องห่วงเรา”
“โอเคครับ”
คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะลุกเดินออกมาจากโต๊ะอาหาร หลังจากเลิกเรียนวิชาแรก พวกเราก็รีบตรงดิ่งมาที่โรงอาหารทันที นั่นไม่ใช่เพราะใกล้หิวจัดเหมือนในทุกวันพุธ เพราะวันนี้ใกล้ได้ดื่มนมและกินขนมปังไส้ครีมรองท้องไปแล้ว ทว่าเป็เพราะเพื่อนสองคนที่หิวโซจึงทำให้ต้องรีบมาที่นี่ และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ต้องรีบมากินข้าวกลางวัน เพราะเหลือเวลาแค่สี่สิบนาทีก่อนจะเข้าเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้
พวกเราโอ้เอ้ไม่ได้เลย
ต้องรีบกินรีบไปเรียนต่อ
โดยปกติพายจะชอบกินโยเกิร์ตกับกล้วยก่อนมาเรียน แต่เ้าตัวบอกว่าเมื่อคืนลืมซื้อของติดตู้เย็นไว้ ส่วนเมย์ที่เคยได้กินข้าวเช้ามาจากบ้านทุกวันก็ต้องหิ้วท้องว่าง ๆ มาเรียน เพราะคุณป้าแม่บ้านลากลับบ้าน ทั้งสองคนจึงมีสภาพหิวโซอย่างในตอนนี้ ผิดกับใกล้ที่ไม่ค่อยรู้สึกหิวสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ต้องกินมื้อกลางวันอยู่ดี
ใกล้เดินออกมาจากโรงอาหาร ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านน้ำผลไม้ปั่น เขาสามารถเอ่ยสั่งน้ำผลไม้ปั่นได้โดยไม่ต้องเลือกเมนูน้ำปั่นบนแผ่นป้าย เพราะมีตัวเลือกในใจอยู่แล้ว เขาส่งยิ้มให้คุณป้าเ้าของร้านก่อนเอ่ย
“เอาน้ำมะพร้าวปั่นแก้วหนึ่งครับ”
“ใส่นมสดด้วยไหมลูก ?”
“ใส่ครับคุณป้า”
“ได้เลยจ้ะ รอแป๊บนะลูก”
“ครับ”
ใกล้พยักหน้ารับแล้วยืนรออยู่ที่หน้าร้าน เขาชอบเดินออกมาซื้อน้ำผลไม้ปั่นที่ร้านนี้ เพราะมีรสชาติดีกว่าร้านที่อยู่ในโรงอาหาร ใกล้เชื่อว่าหลายคนเลือกจะซื้อน้ำผลไม้ปั่นที่ร้านในโรงอาหาร เพราะไม่ต้องเดินออกมาเจออากาศร้อน ๆ เนื่องจากในโรงอาหารเป็ห้องแอร์ แต่ร้านของคุณป้าอยู่ด้านนอกที่ต้องเผชิญกับอากาศร้อน ๆ
แต่ใกล้คิดว่า...
ถ้าเทียบกันด้วยรสชาติ
ยอมร้อนหน่อย...แต่ได้ชื่นใจจริง ๆ นะ
ในระหว่างที่ยืนรอน้ำมะพร้าวปั่นอยู่นั้น มือเรียวก็ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมจะส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้น่าจะถึงมหา’ ลัยแล้ว
วันนี้พันลี้มีเรียน่บ่ายแค่วิชาเดียว
น่าอิจฉาจริง ๆ เลย...
นิ้วเรียวพรมไปบนแป้นพิมพ์เพื่อส่งข้อความถามว่า ‘พันลี้ถึงมอหรือยังครับ ?’ แต่ทว่าคู่สนทนาในห้องแช็ตดันส่งข้อความมาหาเขาก่อน ใกล้นิ่งเงียบแล้วกดลบทุกตัวอักษรที่อยู่บนหน้าจอพลางจ้องมองข้อความของอีกคน
P.Panli : เมื่อกี้คุณใกล้สั่งน้ำอะไรไปคะ ?
เป็ในตอนนี้ที่ใกล้เผลอยิ้มออกมาแล้วเงยหน้ากวาดสายตามองหาคุณพระจันทร์ และใช่...คุณพระจันทร์เดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เขา มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นลูบใบหูของตัวเองที่มีความร้อนวิ่งผ่าน คุณพระจันทร์อมยิ้มพร้อมเลิกคิ้วสูงเป็เชิงถาม
เวลาพันลี้ทำหน้าแบบนี้...
เ้าตัวดูขี้เล่นมากกว่าเดิมอีก
และใช่...ใกล้ใจเขินมากขึ้นด้วย
“เราสั่งน้ำมะพร้าวปั่นไป”
“โอเคค่ะ ลี้จะลองกินของโปรดของคุณใกล้...” พันลี้ว่าพลางสั่งเมนูโปรดของเขา “คุณป้าครับ เอาน้ำมะพร้าวปั่นอีกแก้วหนึ่งครับ เอาเหมือนของคุณใกล้เลยนะครับ...จริง ๆ คุณป้าปั่นโถเดียวกันก็ได้นะครับ”
“...”
“เพราะน้ำมะพร้าวปั่นแก้วแรก...เป็ของเพื่อนสนิทผมเอง”
“โอเคจ้า”
ใกล้กลั้นยิ้ม ก่อนเอ่ยออกไป “น้ำมะพร้าวไม่ใช่ของโปรดของเรานะ เราแค่อยากลองกินดูเฉย ๆ ”
คุณพระจันทร์ยิ้มขำ ก่อนจะส่งมือมาขยี้ที่ศีรษะของเขาเบา ๆ “ขี้โม้ ~”
“...”
“ลี้รู้หรอกว่าเป็ของโปรดคุณใกล้...เพราะถ้าคุณใกล้ไม่ชอบจริง ๆ คุณใกล้จะไม่สนใจเลย”
“...”
“คราวนี้คุณใกล้แกล้งลี้ไม่ได้แล้วค่ะ ลี้รู้ทันหมดแล้ว”
ใกล้หัวเราะเบา ๆ เ้าตัวรู้ทันเขาจริง ๆ นั่นแหละ อุตส่าห์จะแกล้งพันลี้สักหน่อย ตอนนี้ถ้าไม่มีบอสที่คอยเป็คนแนะนำ ใกล้คงไม่มีโอกาสแกล้งคุณพระจันทร์ได้สำเร็จแน่ ๆ
“โธ่...ว่าจะแกล้งพันลี้สักหน่อย”
“เอาไว้คราวหน้านะคะ เดี๋ยวลี้จะยอมอ่อนให้ค่ะ”
ใกล้ย่นจมูกใส่คุณพระจันทร์เพราะรู้สึกมันเขี้ยวสุด ๆ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “พันลี้...”
“ขา...คุณใกล้ ?”
“ขอบคุณนะ...” ขอบคุณจริง ๆ จากใจเลย “ขอบคุณที่บอกให้พี่ดอมดูแลเราให้ดี ๆ ”
คนตัวสูงที่ตอนแรกดูแปลกใจเล็กน้อยเผยรอยยิ้มสดใสออกมา ก่อนเอ่ย “เมื่อเช้าพี่ดอมเอาของกินไปให้คุณใกล้แล้วใช่ไหมคะ ?”
“อื้อ พี่ดอมเอานมช็อกโกแลตกับขนมปังไส้ครีมมาใส่ไว้ในล็อกเกอร์ของเรา”
“สงสัยพี่ดอมจะทนฟังลี้บ่นไม่ไหว”
คนฟังยิ้มขำ ก่อนเอ่ย “จริง ๆ เราเกรงใจพี่ดอมมากเลยนะ”
“ไม่ต้องเกรงใจพี่ดอมหรอกค่ะ คนนี้เขาชอบเซอร์วิซจะตาย...อีกอย่างพี่ดอมมีเรียนเช้าด้วยนี่คะ”
“ใช่ ๆ พี่ดอมมีเรียนเช้าพอดี”
“นั่นไง...ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย”
“พี่ดอมก็บอกแบบนี้เหมือนกัน...พี่ดอมบอกว่าให้เราดื่มนมให้หมดแล้วก็กินขนมปังให้อร่อยก็พอ”
“แล้วคุณใกล้ทำแบบนั้นหรือยังคะ ?”
“เราทำแล้ว...วันนี้เลยไม่ค่อยหิวเลย”
“...”
“ไม่ต้องรีบวิ่งมากินข้าวเพราะหิวจัดแล้ว”
“คุ้มแล้วที่ลี้ไปบ่นใส่พี่ดอม”
คนตัวเล็กยิ้มบางเบา ก่อนจะหันไปมองที่เคาน์เตอร์หน้าร้านตอนที่คุณป้าเอาแก้วน้ำมะพร้าวปั่นสองแก้วมาตั้งรอไว้
“ได้แล้วจ้า...จ่ายรวมกันเลยไหมจ๊ะ ?”
“ครับ”
“พะ พันลี้...เดี๋ยวเราเลี้ยงเองนะ”
คนที่ตอบคุณป้าก่อนเขาล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาด้วยความรวดเร็ว ใกล้จึงล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมาบ้าง ทว่าเขาหยิบเงินไม่ทันคุณพระจันทร์ที่ชิงจ่ายเงินไปก่อนแล้ว คนตัวสูงเก็บกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋าหลังกางเกง ก่อนหยิบแก้วน้ำมะพร้าวปั่นทั้งสองแก้วมาถือไว้
“คุณใกล้เอาแก้วนี้ไปนะคะ มันดูเยอะกว่า”
“เราเอาแก้วไหนก็ได้”
“ลี้ว่า...” คุณพระจันทร์มองแก้วน้ำมะพร้าวปั่นอีกสักครู่ ก่อนจะยื่นให้เขา “...แก้วนี้แหละค่ะ เยอะดี”
ใกล้รับแก้วน้ำมะพร้าวปั่นมาแล้วเอ่ย “ขอบคุณครับ...แต่ครั้งหน้าพันลี้ต้องให้เราเลี้ยงบ้างนะ”
คุณพระจันทร์ไม่ยอมตอบอะไร เ้าตัวมองเขาแล้วอมยิ้มกรุ่มกริ่ม ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องสีดำออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก้มหน้าพิมพ์อะไรสักอย่าง
ไลน์ ~
ใกล้ขมวดคิ้วเมื่อเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น เมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูจึงเห็นว่าอีกคนส่งข้อความมาหา เขาเงยหน้ามองคุณพระจันทร์อย่างสงสัย เ้าตัวจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดขี้เล่นว่า...
“...ลองเปิดดูสิคะ”
เขาทำตามที่อีกคนบอก พอเปิดเข้าไปในห้องแช็ตก็เห็นเ้าตัวส่งรูปภาพที่แคปจากหน้าจอโทรศัพท์ส่งมาให้ เมื่อกดให้ภาพขยายใหญ่เต็มหน้าจอจึงรู้ว่า...
มันคือตั๋วหนัง
คุณพระจันทร์จองตั๋วรอบบ่ายไว้
และเป็เวลาหลังจากที่เขาเลิกเรียนแล้ว...
แน่ล่ะ...ว่าคุณพระจันทร์รู้เวลาเลิกเรียนของเขา
เพราะเราเพิ่งคุยเื่นี้กันไปเมื่อวาน
ใกล้ยังไม่ได้ดูว่าเ้าตัวจองตั๋วหนังเื่อะไรไว้ เพราะเขารู้สึกเขินอายจนเกินไป จึงเลือกละสายตาออกจากจอแก้วแล้วหลุบตามองที่พื้นแทน
คุณพระจันทร์กำลังชวนเขาไปดูหนัง...
...นี่มัน...บ้าชะมัดเลย
ใกล้ดีใจจนหัวใจจะะเิแล้วนะคุณพระจันทร์
“ถ้าอยากเลี้ยงลี้คืน...คุณใกล้เลี้ยงป๊อปคอร์นลี้ได้ไหมคะ ?”
โอกาสที่จะได้เข้าใกล้พระจันทร์ถูกยื่นมาตรงหน้าแล้ว ใกล้ใจจะไม่รับไว้ได้ยังไง “ได้สิ…เราจะซื้อป๊อปคอร์นถังใหญ่ให้พันลี้เลย”
คุณพระจันทร์หัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ย “วิชาต่อไป...คุณใกล้เรียนตึกไหนคะ ?”
“เราเรียนตึกสิบเอ็ด”
“เรียนชั้นไหนคะ ?”
“ชั้นแปด”
“งั้นเดี๋ยวตอนบ่ายสามโมงลี้เดินไปรับที่ตึกสิบเอ็ดชั้นแปดนะ”
“โอเคครับ”
“แต่ตอนนี้ลี้เดินไปส่งคุณใกล้ที่โต๊ะก่อนดีกว่า”
ใกล้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นโบกไปมาเพื่อปฏิเสธ “ไม่เป็ไร เราเดินไปเองได้ พันลี้รีบไปเข้าเรียนเถอะ”
คนตัวสูงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ก่อนเอ่ย “ลี้เหลือเวลาอีกเยอะเลยค่ะ”
“งั้น...ก็ได้”
:)
เราสองคนเดินออกมาจากร้านน้ำผลไม้ปั่น ระหว่างทางใกล้ไม่ได้พูดอะไรกับพันลี้เลย เพราะเขาเขินมากจริง ๆ ส่วนเ้าตัวก็เดินขนาบข้างมาเงียบ ๆ จนกระทั่งเดินมาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะอาหาร ใกล้รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวมากกว่าเดิมในตอนที่เห็นกันต์นั่งอยู่กับพายและเมย์ด้วย เ้าตัวชอบแวะมากินข้าวกลางวันกับพวกเขาบ่อย ๆ
ทุกคนเบิกตาโตคล้ายประหลาดใจ ก่อนจะพากันอมยิ้มแล้วล้อเขาทางสายตา ใกล้ที่เขินจนทำอะไรไม่ถูกหันไปมองคนตัวสูงที่ยังยืนอยู่ข้าง ๆ
“นะ นี่แหละโต๊ะเรา”
“ค่ะ...” คุณพระจันทร์พยักหน้ารับ ก่อนส่งมือมาลูบศีรษะเขาเบา ๆ เหมือนที่ชอบทำ “...แล้วเจอกันนะคะ”
“อื้อ” ตอบพลางโบกมือลาคนตัวสูงที่กำลังเดินจากไป
ทันทีที่หย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาว พวกตัวแสบทั้งสามก็เริ่มส่งเสียงร้องแซวจนใกล้เขินหนักกว่าเดิม สายตาและรอยยิ้มของกันต์ยิ่งทำให้ใกล้อยากจะะเิตัวเองทิ้ง
“ยังไง ๆ ”
“นัดกันไว้เหรอเนี่ย ~”
“นัดกันไว้ก็ไม่เท่าไรหรอก แต่เดินมาส่งกันนี่ไม่ธรรมดาแล้วมั้ง”
“ธรรมดาแหละ...” ใกล้พูดแก้เขิน ก่อนเอ่ยต่อ “...เพื่อนสนิทกัน เดินมาส่งกันก็เป็ธรรมดา”
พอทั้งสามคนได้ยินประโยคคำพูดของเขาก็พากันะเิหัวเราะออกมา คงเพราะเพื่อน ๆ ไม่เคยเห็นเขาเสียอาการขนาดนี้
สุดท้ายใกล้ใจคนนี้ก็หลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบใบหูที่ร้อนฉ่า และเพื่อน ๆ ที่พากันชี้นิ้วพร้อมส่งเสียงแซวก็ทำให้ใกล้ส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วต้องยอมรับว่า...
“ยอมก็ได้...เราเขินจริง ๆ นั่นแหละ”
“ฮ่า ๆ ”
“โอ๊ย ~ หน้าแดงหูแดงไปหมดเลยใกล้”
นี่เพื่อน ๆ ยังไม่รู้นะว่าเขาจะไปดูหนังกับพันลี้
ถ้ารู้แล้วล่ะก็...ใกล้ได้เขินหนักกว่านี้แน่ ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้