หลิวฉีซื่อเถียงไม่ไหวจึงเริ่มแสดงฉากโศกเศร้าเพื่อเรียกร้องความสนใจ
หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่จะกลอกตา นี่ไม่ใช่เื่หวงหรือไม่หวง แต่เป็เื่ของตรรกะ ยิ่งไปกว่านั้นหลิวฉีซื่อก็ลำเอียงไปจนถึงเส้นขอบฟ้า ในบ้านมีซิ่วไฉสามคน กลับมาเ้ากี้เ้าการกับสิทธิ์ในชื่อของหลิวซานกุ้ย
“ท่านแม่ เหตุใดท่านไม่บอกว่าข้ายังต้องเล่าเรียน ต่อไปลูกชายสองคนของข้าก็ต้องเล่าเรียน หากจะพูดถึงเื่บุญคุณในการเลี้ยงดู สิบปีก่อนข้าก็เติบโตมากับท่านปู่ท่านย่า จะกินจะใช้ก็ใช้ของท่านปู่ท่านย่า หลังจากสิบขวบ ข้าตามท่านปู่มาที่นี่ ตอนสิบเอ็ดขวบ เมื่อท่านปู่จากไปข้าก็เริ่มรับภาระงานหนักในการเลี้ยงครอบครัว”
หัวใจของหลิวซานกุ้ยเ็าอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าเขาจะสงสัยว่าตนเองใช่ลูกแท้ๆ ของหลิวฉีซื่อหรือไม่
อย่างไรก็ตาม บุญคุณในการให้กำเนิดก็สู้บุญคุณที่เลี้ยงดูไม่ได้
เขาเห็นแก่ที่หลิวฉีซื่อที่เลี้ยงดูมาจนเติบโตเป็คน ต่อไปย่อมต้องเลี้ยงดูทั้งสองจนแก่เฒ่าและจากไป
เพียงแต่ตอนนี้ เขาไม่อยากเลี้ยงดูนางดังที่เคยคิดไว้
ทันใดนั้นหลิวฉีซื่อก็แผดเสียงคำราม “แล้วอย่างไร พวกข้าก็เป็พ่อแม่แท้ๆ ของเ้า เ้าก็ยังต้องเลี้ยงดูพวกข้าจนแก่เฒ่าและตายไป มีเมียแล้วลืมพ่อแม่ เ้าสุนัขไร้หัวใจ ตอนนั้นไม่ควรคลอดเ้าออกมาบนโลกนี้ด้วยซ้ำ”
“ท่านย่า เราแยกครอบครัวกันแล้ว แม้ว่าท่านพ่อท่านแม่ข้าต้องเลี้ยงดูท่านปู่ท่านย่าจนแก่เฒ่า แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าผู้าุโจะไร้เหตุผลและฝืนบังคับข้าวของของลูกได้นี่นา”
หลิวเต้าเซียงทนดูไม่ได้อีกต่อไป ท่านย่าช่างไร้ยางอายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
จอกน้ำชาของหลิวฉีซื่อถูกขว้างออกไปแล้ว ด้วยความโมโหจึงถอดรองเท้าของตนออกมาแล้วขว้างไปทางหลิวเต้าเซียง จากนั้นก่นด่า “นางเด็กกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ของของพ่อเ้าก็ต้องเป็ของของข้า เ้าอย่าคิดมาเอาเปรียบข้า หลายปีมานี้ใครช่วยพ่อเ้าเลี้ยงลูกสาว เ้าเองก็เป็ข้าที่เลี้ยงดูมาั้แ่ตีนเท่าฝาหอย เ้าคนอกตัญญู ตอนนี้ขอของพ่อเ้านิดหน่อย ก็ทำตัวตระหนี่ใจแคบ เ้าหลบทำไม ดูสิว่าข้าจะฉีกปากคมคายของเ้าอย่างไร”
เมื่อได้ยินคำว่าตระหนี่ใจแคบ หลิวซานกุ้ยก็เดือดดาลทันใด แม้ว่าบุตรสาวของเขาจะกินจุอย่างไร แต่ในปีที่ผ่านมาเงินยี่สิบถึงสามสิบตำลึงที่มารดาได้ไปจากครอบครัวเขา ก็น่าจะเพียงพอกับการชดเชยแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ปีใหม่ย่อยครั้งนี้ เขาเลือกของขวัญประจำปีที่มีมูลค่าราวสามตำลึง รวมกับเงินสองตำลึงเป็ค่าเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า
หลิวซานกุ้ยบอกกับตนเองว่าทำได้ดีมากแล้ว แต่มารดากลับอยากไปหากระดูกในกองไข่ไก่เอง
ไม่ว่าอย่างไรในสายตานางก็เห็นครอบครัวเขาเป็ที่ขวางหูขวางตาไปหมด
รองเท้าข้างหนึ่งของหลิวฉีซื่อถูกโยนไปทางฉากกั้นลม หลิวเต้าเซียงนั้นหลบไปอีกทาง หลิวฉีซื่อเห็นดังนั้นไฟโมโหก็ยิ่งลุกลาม จึงหันไปลงที่หลิวซุนซื่อ “นางตัวดีหน้าไม่อาย วันนี้พูดมาให้ชัดเจนว่าใครกันแน่ที่ละโมบข้าวของเ้าสามของข้า ข้าก็แค่เห็นว่าบ้านเขามีเงินเยอะ คงไม่ใส่ใจกับของเล็กน้อยเหล่านี้ พูดราวกับว่าข้าอยากทำร้ายลูกชายตัวเอง นางหญิงปากดีอยากคิดยุแหย่ความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างเราสินะ ข้าล่ะอยากถ่มน้ำลายให้ เ้ามันตัวอะไรกัน ก็แค่สะใภ้ที่ออกเรือนมาแล้ว ที่นี่มีพื้นที่ให้เ้าพูดด้วยหรือ?”
หลิวซุนซื่อไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่น้อย “ข้าหน้าไม่อายอย่างไร? ถึงข้าหน้าไม่อายแค่ไหน ก็คงสู้เ้าไม่ได้ กล้าลงมือทำร้ายลูกชายกับลูกสะใภ้ตัวเอง ถ้าให้ข้าพูดละก็ เ้าต่างหากที่หน้าไม่อาย จนข้ายังสงสัยด้วยซ้ำว่าน้องสามเป็ลูกชายเ้าจริงหรือไม่?”
หลิวฉีซื่อเกลียดหลิวซุนซื่อที่ทำให้เสียเื่ “นางตัวปั้นเื่ ตอนนั้นไม่ควรให้เ้าเข้าบ้าน ไม่รู้ว่าแม่เ้าแอบไปมั่วสุมกับชายคนใดหรืออย่างไร ถึงได้ให้กำเนิดเ้าที่ปากเหม็นราวกับมูลสัตว์เช่นนี้ได้”
หากไม่ใช่เพราะหลิวซุนซื่อสะกิดเื่นี้ออกมา นางยังอยากพูดคุยสนทนาทั่วไปกับบุตรชาย จากนั้นค่อยพูดถึงเื่สิทธิ์ยกเว้นภาษีที่นาดีสามสิบไร่
เดิมทีหลิวซุนซื่อก็เกลียดชังที่แม่สามีชอบยื่นมือออกไปเกินขอบเขต กระทั่งเื่ครอบครัวของบุตรชายก็ยังมาแส่ นอกจากนี้นางก็เคียดแค้นที่หลิวฉีซื่อชอบด่าไปถึงมารดาของนาง จึงลุกพรวดขึ้นมาแล้วชี้ไปยังแม่สามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ “แม่ข้าอยู่ในทำนองคลองธรรม เ้าอย่าคิดว่าจะเหมือนกับนางมารใจเหี้ยมอย่างเ้า ถุย ลำพังหญิงเฒ่าอย่างเ้า แต่ก่อนก็เอาแต่คิดอยากปีนขึ้นเตียงนายท่านหวงไม่ใช่หรือ นางแก่ไม่ตายดี ข้าว่าหนังหน้าเ้าคงหนาเป็คืบสินะ”
แล้วนางก็หันไปหาหลิวเหรินกุ้ยอีกครั้งและกล่าวว่า “เื่นี้ ข้าไม่ยอมจบกับแม่เ้าง่ายๆ แน่ ขืนเ้ากล้าเข้ามายุ่ง มาช่วยแม่เ้า ข้าจะพาลูกชายกับลูกสาวกลับบ้านแม่”
หลิวเหรินกุ้ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่เงียบๆ
เดิมทีเขาพอใจมากกับวันเวลาที่ได้โอบกอดชุ่ยหลิว ยิ่งไปกว่านั้นชุ่ยหลิวเพิ่งจะอายุสิบแปดปี รูปร่างสะโอดสะอง เทียบกับหลิวซุนซื่อที่หนังหย่อนยานจนจะถึงพื้น เขาย่อมชื่นชอบสาวเยาว์วัยมากกว่า
ชอบก็ส่วนชอบ ไม่มีผู้ชายคนใดไม่ภูมิใจกับการที่ผู้สืบสกุลนั้นได้ดี
นับั้แ่หลิวจื้อไฉสอบผ่านซิ่วไฉ หลิวซุนซื่อที่ถูกชุ่ยหลิวเหยียบอยู่ใต้บาทา ก็ได้โอกาสพลิกตัวกลับมาอีกครั้ง!
“ท่านแม่ ท่านคือเสาหลักของบ้าน เถาฮัวก็แค่อัดอั้นตันใจ ท่านแม่ ถือเสียว่านางกำลังผายลม อย่าสนใจนางก็พอ” หลิวเหรินกุ้ยเอ่ย
ดวงตาชราของหลิวฉีซื่อมองไปที่หลิวซุนซื่ออีกครั้ง นี่คือตัวกวนน้ำให้ขุ่น
ขณะนั้นหลิวซานกุ้ยก็พาบุตรสาวไปหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง เขานึกเสียใจอย่างมากที่พาพวกนางมาด้วย คำหยาบเหล่านี้คงได้เข้าหูพวกนางไปเสียแล้ว
ดวงตาของหลิวฉีซื่อฉายแววเปล่งประกาย ทั้งที่เมื่อครู่ยังปั้นหน้าตาย แต่ในเสี้ยววินาทีก็แปรเปลี่ยนเป็ยิ้ม อีกทั้งยังเป็รอยยิ้มที่รักใคร่เมตตา
“ซานกุ้ย ต้องโทษนางผู้หญิงร้ายกาจซุนซื่อ เดิมทีแม่แค่้าปรึกษากับเ้า”
แววตาของหลิวซานกุ้ยนิ่งขรึม ไม่ยอมตัดใจจริงๆ
“ท่านแม่ สิทธิ์ที่นาสามสิบไร่ข้าไม่มีทางยกให้ อีกอย่าง ท่านแม่ ท่านกับท่านพ่อก็อายุมากแล้ว นี่เป็เวลาที่ควรปล่อยวางแล้ว สู้ให้ลูกๆ ตอบแทนให้มากจะดีกว่า ท่านว่า วันนี้ลูกได้นำเสื้อคลุมขนมาให้ตั้งหลายตัว ปีหน้าไม่แน่ว่าอาจจะมอบของที่ดีกว่าให้ได้อีก อีกอย่างเงินที่ยกให้พวกท่านสองตำลึง ตอนที่แยกครอบครัว พวกข้าสามพี่น้องก็ได้แบ่งพร้อมกับพี่ใหญ่และพี่รอง ข้าเชื่อว่าพวกเขาก็คงเอาออกมามากกว่าข้า ไม่มีทางน้อยกว่าแน่”
หลิวเต้าเซียงช่วยพูดอีกแรง “ใช่แล้ว ท่านย่า สิทธิ์ที่นาสามสิบไร่ก็แค่เงินห้าหกตำลึงที่เข้าบัญชี อีกทั้งในหมู่บ้านสามสิบลี้ก็ไม่ได้มีที่นาดีเหลือมากพอให้ซื้อ ย่าเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดสบายๆ ดีกว่า ถึงไม่พอก็ยังมีครอบครัวท่านลุงดูแลอยู่ข้างกาย”
หลิวฉีซื่อถูกหลิวเต้าเซียงพูดดักไว้อย่างสมบูรณ์แบบทุกทางอีกครั้ง จึงรู้สึกว่าข้างในอกนั้นจุกราวกับมีดินโคลนถล่มหลายคันรถ จนแทบจะหายใจไม่ออก
บุตรชายคนรองของนางกตัญญูกตเวทีแน่นอน แต่ซุนเถาฮัวเป็ปีศาจที่อยู่ไม่สุข
ทุกครั้งที่บุตรชายของนางอยากตอบแทนบุพการีทั้งสอง ก็จะมีนางหน้าเหม็นหลิวซุนซื่อที่กำเงินไม่ยอมปล่อย ส่วนชุ่ยหลิวเป็เพียงอนุและยังไม่มีบุตร
หลิวฉีซื่อไตร่ตรองอย่างละเอียดอีกครั้ง ตนเองก็แก่แล้วจริงๆ เหตุใดถึงคิดไม่ได้นะ
นางเด็กเต้าเซียงพูดถูก สิทธิ์ที่นาก็แค่เงินห้าหกตำลึง สายตาของนางเลื่อนไปที่หลิวเหรินกุ้ยเงียบๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะลูกรอง นางต้องดิ้นรนถึงเพียงนี้หรือ?
ก่อนหน้านี้เขามาเกลี้ยกล่อมให้นางอย่ามีเื่กับซุนเถาฮัว แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่เอาสิทธิ์นั้น
ใช่ เื่นี้หลิวเหรินกุ้ยเป็คนเสนอขึ้นเอง
เหตุใดถึงได้อยากได้สิทธิ์ยกเว้นภาษีสามสิบไร่ของหลิวซานกุ้ย เื่นี้ก็ต้องวกกลับมาที่ตัวจางอวี้เต๋อ หลังจากที่หลิวเหรินกุ้ยเฝ้ารอคอยมานาน ในที่สุดจางอวี้เต๋อก็กลับมา แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นได้วางหลุมพรางไว้เสียดิบดี แตกต่างจากที่เขาคิดไว้คนละโยชน์
ในเมื่อหลอกใช้ไม่ได้ แล้วยังถูกจางอวี้เต๋อปฏิเสธอย่างชัดเจนว่าไม่อาจพาไปเดินทางค้าขายด้วย กระนั้นหลิวเหรินกุ้ยย่อมไม่กล้าเคียดแค้น เพราะเขากับจางอวี้เต๋อนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ต่อมาเขาจึงเอาแต่โทษครอบครัวหลิวซานกุ้ย ทั้งยังรู้สึกว่าหลิวซานกุ้ยเป็พวกหมาป่าตาขาว ไม่ยอมช่วยตนเองพูด ทั้งที่หากน้องสามเพียงแค่เอ่ยปาก ไม่ว่าอย่างไรจางอวี้เต๋อก็ต้องไว้หน้าเขาบ้าง
เมื่อไม่มีหนทางทำการค้าขาย หลิวเหรินกุ้ยก็เฝ้าเพียงที่นาสามสิบไร่ของตนเอง หนึ่งปีก็มีรายได้แค่ไม่กี่สิบตำลึง นั่นไม่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงอนุ ภรรยาและลูกๆ กระนั้นจึงคิดแผนการที่ตัวหลิวซานกุ้ย
หลิวเหรินกุ้ยแอบส่งสายตาให้มารดา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะแย่งสิทธิ์นั้นมาให้ได้
ยามที่หลิวฉีซื่อสงสารลูกขึ้นมา ก็จะรักจนไม่มีขอบเขต
“แม้ว่าสิ่งที่เ้าพูดมาจะสมเหตุสมผล แต่ไม่มีเื่ไหนจะดีกว่าการทำนา”
นางยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าเหตุผลนี้ใช้ได้ หากตนเองขอสิทธิ์มา จากนั้นรอให้ผ่านไปสัก่ก็บอกว่าขัดสนเื่เงิน แล้วค่อยไปอาละวาดบ้านเ้าสาม นางมั่นใจว่าตนเองต้องได้รับเงินสนับสนุน เช่นนี้ก็เท่ากับว่าในหนึ่งปีนางสามารถหาเงินได้หลายสิบตำลึง วันเวลาก็จะกลับไปเป็อย่างเก่า
แต่หลิวฉีซื่อหารู้ไม่ว่าความคิดของหลิวซานกุ้ยนั้นต่างไปจากเมื่อก่อนมากนัก จึงไม่รู้ว่าเขาเกิดความสงสัยแต่เนิ่นแล้วว่าตนเองใช่ลูกในไส้ของนางจริงหรือไม่
เพียงแต่ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ จึงไม่อยากเสียแรงหักหน้ากับนาง
หลิวซานกุ้ยปวดศีรษะเล็กน้อย เมื่อมองดูมารดาที่ยังคอยแต่จะหาเื่ จึงจำต้องปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ท่านแม่ เื่นี้เป็ไปไม่ได้ ในเมื่อแยกครอบครัวแล้ว ก็ต้องแยกกันอย่างถูกต้อง ข้าเองก็มีภรรยาและลูกๆ ที่ต้องเลี้ยงดู”
แม้ว่าครอบครัวของเขาจะมีเงินอยู่บ้าง แต่ก็เป็เงินที่บุตรสาวทั้งหลายเพียรพยายามหามาได้
“ใช่แล้ว ท่านย่า ในใจท่านก็น่าจะมีบัญชีสินะ อย่างอื่นไม่ว่า ลำพังปีที่แล้วเงินที่ครอบครัวเราใช้ไปกับบ้านเดิมก็น่าจะมียี่สิบถึงสามสิบตำลึง นั่นล้วนเป็เงินที่หามาได้จากสินเ้าสาวของท่านแม่
ความหมายก็คือ รบกวนหลิวฉีซื่ออย่าหน้าด้านเกินไป เกิดเื่นี้แพร่ออกไปจะทำให้ครอบครัวตระกูลหลิวทั้งหมดต้องใช้ชีวิตอยู่ยากในสังคม!
หลิวฉีซื่อเป็คนที่หวงแหนหน้าตา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลิววั่งกุ้ยที่เป็ซิ่วไฉ แน่นอนว่านางคงไม่อยากอาละวาดจนเกินเหตุ
หากมีสิ่งใดที่สามารถแย่งชิงมาได้ก็จะทำ หากแย่งชิงไม่ได้ พอนึกถึงเงินที่ได้มาจากหลิวซานกุ้ยเมื่อปีที่แล้ว ในใจของหลิวฉีซื่อก็สุขใจ เพียงแต่เงินเ่าั้แม้จะได้เห็น แต่กลับไม่มีส่วนของนางแม้แต่น้อย
“อืม เ้าพูดก็มีเหตุผล ข้าเองก็อายุมากแล้ว สิทธิ์ที่เ้ายกให้ข้ายังต้องไปซื้อที่ดินอีก สู้เลี้ยงหมูไก่สบายๆ ดีกว่า”
แม้จะได้ยินดังนั้น แต่หลิวเต้าเซียงยังเกรงว่านางจะคิดแผนชั่วอีก
จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น การเลี้ยงไก่หากว่าผลผลิตการวางไข่ไม่สูง ไม่แน่ว่าอาจจะขาดทุน หรือไม่ก็ได้แค่ค่าเหนื่อย การที่บ้านของนางสามารถรุ่งเรืองมั่งคั่งได้ หนึ่งเพราะอาศัยเครื่องมือหุ่นยนต์จิ๋วช่วยฆ่าเชื้อจากสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ด ข้อสองคือเพราะนางสามารถรับซื้อเสบียงธัญญาหารในห้วงมิติได้ในราคาถูก
เท่านั้นยังไม่พอ อีกทั้งคุณภาพของเสบียงเ่าั้ก็ไม่เลวทีเดียว
หากจะให้พูดละก็ เหตุใดหลิวเต้าเซียงจึงไม่เปิดร้านขายข้าวเอง ทั้งหาเงินได้และไม่ต้องลำบากลำบน นางเองก็ยังไม่เคยคิดถึงเื่นี้มาก่อน
-----