เฉิงอี้เฟยกลัวว่ากูเฟยเยี่ยนจะหิวจึงจัดเตรียมหญิงรับใช้มาปรนนิบัตินางในการทานอาหารก่อนจะไปพบใต้เท้ากง
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนเห็นถึงข้าวฟ่างต้มกับผัดผัก ภายในใจของนางก็มีความอบอุ่นขึ้นมา คิดไม่ถึงเลยว่าร่างสูงใหญ่ที่อาศัยอยู่ในค่ายทหารเป็เวลานานอย่างเฉิงอี้เฟยจะมีความใส่ใจมากถึงเพียงนี้ เขาจำได้ว่านางเคยพูดเอาไว้หากหิวมาเป็เวลานานต้องทานอาหารอ่อนๆ นางทานไปด้วยครุ่นคิดถึงเจตนาการมาเยือนของใต้เท้ากงไปด้วย
ผ่านไปสักพักเฉิงอี้เฟยก็กลับมาพร้อมรอยยิ้มทั่วทั้งใบหน้า “แพทย์หญิงตัวน้อย ข่าวดี เ้าลองเดาดู”
กูเฟยเยี่ยนทานอาหารไปพร้อมกับเร่งรัด “หยุดทำให้อยากรู้ รีบพูดมา”
เฉิงอี้เฟยตอบว่า “คดีของอู๋กงกงและอาจารย์แพทย์เจี่ยนมีความเกี่ยวข้องกันแล้ว”
“บังเอิญจัง? เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนคาดไม่ถึงเป็อย่างมาก นี่มันถึงขนาดที่ว่าอยากจะนอนก็มีคนนำหมอนมาส่งให้ถึงที่เชียวนะ?
“เหล่านักฆ่าที่จี้ชิงตัวเ้าในคราวที่แล้วให้การสารภาพไปที่อู๋กงกง พวกนั้นกล่าวว่าอู๋กงกงติดสินบนอาจารย์แพทย์เจี่ยน จึงรับรู้เส้นทางในการจัดส่งยา คนของศาลต้าหลี่จึงเสนอขอเข้าไปจับกุมคนในพระราชวัง แต่กลับพบว่าอู๋กงกงหายไป ใต้เท้ากงมาก็เพราะ…”
เฉิงอี้เฟยเอ่ยยังไม่ทันจบ กูเฟยเยี่ยนก็พ่นข้าวต้มคำใหญ่ที่อยู่ในปากออกมาเต็มหน้าเขาเลย
เฉิงอี้เฟยตกตะลึงมาก กูเฟยเยี่ยนรีบเอ่ยขอโทษทันที “ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
หญิงรับใช้ที่อยู่รอบข้างคิดว่าท่านแม่ทัพจะเกิดโทสะจึงใคุกเข่าลงทั้งหมด ทว่าเฉิงอี้เฟยเพียงแค่เช็ดใบหน้าพลางเอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์ “มันก็แค่เื่ของสองคดีที่มีความเกี่ยวข้องกัน เ้าตื่นเต้นทำไม? ”
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้ตื่นเต้นแต่ใ!
นักฆ่าที่ปล้นสะดมยาในตอนนั้นก็คือนายก้อนน้ำแข็งเหม็น ต่อมานักฆ่าที่ถูกศาลต้าหลี่จับได้ก็คือตัวตายตัวแทนที่นายก้อนน้ำแข็งเหม็นจัดเตรียมเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ นายก้อนน้ำแข็งเหม็นตามหาเส้นทางในครั้งนั้นได้ด้วยตนเอง อู๋กงกงมิได้เป็ผู้ที่เปิดเผยและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาจารย์แพทย์เจี่ยนเลย
บัดนี้การที่นายก้อนน้ำแข็งเหม็นได้ให้ตัวตายตัวแทนใส่ร้ายอู๋กงกงมันจึงทำให้คดีของอู๋กงกงกับอาจารย์แพทย์เจี่ยนมีส่วนเกี่ยวข้องกันได้อย่างง่าย อีกทั้งคดีทั้งสองก็มีส่วนพัวพันไปโดยปริยาย นี่เห็นได้ชัดเลยว่าเป็การพัวพันโดยวิธีการที่ไม่เหมาะสม!
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าสาเหตุสำคัญที่นายก้อนน้ำแข็งเหม็นดำเนินการจี้ชิงตัวเท็จในครั้งนั้นไม่ใช่เพราะกลัวว่าศาลต้าหลี่จะตรวจสอบไปถึงตัวเขา แต่เป็เพราะว่า้าฉวยโอกาสให้คนภายใต้บังคับบัญชาไปอาศัยอยู่ในศาลต้าหลี่เพื่อสร้างหลักฐานเท็จ มิน่าล่ะเขาถึงได้นำตัวอู๋กงกงมาทิ้งไว้ในจวนของเฉิงอี้เฟย เื่นี้ถูกดำเนินการมาอย่างดิบดี เขา้ายืมมือของเฉิงอี้เฟยในการส่งตัวอู๋กงกงออกไป!
เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเช่นนี้จะไม่ล้ำลึกไปหน่อยหรือ? !
กูเฟยเยี่ยนคิดมาโดยตลอดว่าเล่ห์เหลี่ยมความคิดของจิ้งจอกเฒ่ามีความละเอียดรอบคอบหน้าเนื้อใจเสือ แต่บัดนี้นางพบว่านายก้อนน้ำแข็งเหม็นนั่นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย อีกทั้งยังมีแผนการที่ดียิ่งกว่าอีกด้วย!
ละครคดีใหญ่นี้พัวพันไปถึงคนมากมาย แต่ในความเป็จริงเป็เพียงแค่การแข่งขันอย่างลับๆ ของพวกเขาทั้งสอง นี่มันจะไม่น่าใอย่างนั้นหรือ?
“เ้าคิดอะไรอยู่? ”
ทันทีที่เฉิงอี้เฟยซักถามขึ้นมากูเฟยเยี่ยนจึงได้สติจากอารมณ์ความคิด แน่นอนว่านางไม่กล้าพูดความจริงออกมา นางเพียงแค่อธิบายว่า “แน่นอนว่าข้าต้องตื่นเต้นกับเื่บังเอิญเช่นนี้สิ! จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงเข้าเฝ้าฝ่าาที่พระราชวังแล้ว หากว่าฝ่าาทรงตัดสินคดีไปแล้วก็แย่เลย เร็ว เ้ารีบคิดหาวิธีในการส่งตัวอู๋กงกงกับของกลางเหล่านี้ออกไป”
บัดนี้ทุกคนล้วนคิดว่าผู้ที่อยู่เื้ัอาจารย์แพทย์เจี่ยนคือคนจากตระกูลฉี เพียงแค่เฉิงอี้เฟยมอบตัวอู๋กงกงออกไป สถานการณ์ของคดีก็จะมีการพลิกแพลง ตระกูลฉีก็จะมีโอกาสในการร้องทุกข์ที่ไม่ได้รับความเป็ธรรม!
เฉิงอี้เฟยลังเลอยู่ชั่วครู่ “แพทย์หญิงตัวน้อย เ้า…จะรอข่าวจากข้าหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนครุ่นคิดว่าในตอนนี้มือและเท้าของนางล้วนใช้งานได้ไม่สะดวกนัก เมื่อกลับไปที่จิ้งหวางฝู่ก็คงยากที่จะได้พบเฉิงอี้เฟยอีก นางจึงพยักหน้า “ข้าจะรอข่าวจากเ้าแล้วค่อยไป เ้ารีบไปรีบกลับ! ”
เฉิงอี้เฟยดีอกดีใจมาก เขาะโเรียกหญิงรับใช้มาจำนวนหนึ่งเพื่อคอยปรนนิบัติรับใช้กูเฟยเยี่ยนจากนั้นจึงวางใจออกไป
กูเฟยเยี่ยนจำเป็ต้องมีคนมาคอยดูแลจริงๆ ภายใต้การปรนนิบัติของหญิงรับใช้ นางได้ล้างหน้าล้างตาเพื่อขับไล่สิ่งปนเปื้อนที่อยู่บนร่างกายออกไป ร่างกายในตอนนี้จึงเย็นสบายและสดชื่นเป็อย่างยิ่ง
กูเฟยเยี่ยนขอห้องรับแขกกับหญิงรับใช้มาหนึ่งห้องพลางสั่งให้หญิงรับใช้ถอยออกไปให้หมด หญิงสาวนั่งอยู่บนเตียงด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจใช้ปากกัดไปที่ผ้าพันแผลบนฝ่ามือ จากนั้นจึงทนต่อความเ็ปและแกะผ้าพันแผลที่เท้าออก
ไม่มีทางเลือก หาก้าให้แผลหายโดยไวก็ทำได้เพียงทนทุกข์ทรมานอีกครั้ง
แม้ว่ายาที่ไท่อีหญิงผู้นั้นทาให้นางจะดีมาก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจเทียบกับยาที่นางปรุงออกมาเองได้ เมื่อทายาของนางไปแล้วไม่จำเป็ต้องเปลี่ยน สองวันก็สามารถหายได้เป็ปกติ
หลังจากที่แกะผ้าพันแผลออกมาหมดแล้ว กูเฟยเยี่ยนจึงถอนหายใจออกมา รวบรวมสมาธิใช้จิตความคิด สร้างใบสั่งยาออกมาหนึ่งชุดแล้วส่งต่อไปให้หวางเป่าติง เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวหวางเป่าติงก็จัดเตรียมสมุนไพร พลางใช้อัคคีเทพมาช่วยเหลือในการผลิตยาทันที เมื่อนางใช้ความคิดอีกครั้งขวดยาก็ปรากฏขึ้นมาบริเวณข้างฝ่ามือ
“เด็กดี! ”
กูเฟยเยี่ยนลืมเลือนไปว่าฝ่ามือของตนเองมีาแ นางใช้มือตบไปที่หวางเป่าติงเบาๆ ด้วยความเคยชิน จากนั้นจึงเกิดอาการเ็ปจนหอบหายใจด้วยความตื่นตระหนกที่ไม่อาจผ่อนคลายได้
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงของความไม่พอใจดังขึ้นมาจากด้านหลัง “โง่! ”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพรวดพราดหันกลับไปมอง นางเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของชายผู้หนึ่งที่ไม่ทราบว่ามายืนั้แ่เมื่อใด เขาสวมใส่หน้ากากสีเงิน ชุดจิ้นจวงสีดำ และยืนตรงด้วยความทะนงตนที่ให้ความรู้สึกอ้างว้างและน่านับถือดั่งเทพเ้า
กูเฟยเยี่ยนโพล่งออกมาด้วยความใ “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น! ”
จวินจิ่วเฉินขมวดคิ้วเป็ปม เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบคำเรียกขานเช่นนี้ เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ “ใครอนุญาตให้เ้าเรียกมั่วซั่ว? ”
กูเฟยเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าชายผู้นี้หลอกลวงนางแล้วยังจะมีหน้ามาพบนาง อีกทั้งยังดุนางอีก “คนหลอกลวง! เ้ายังกล้ามาอีก? ไหนบอกว่าจะรับข้าไว้ เ้ามันคนโกหก! ”
ไม่รู้ว่าจวินจิ่วเฉินไม่มีอะไรจะพูดออกมาหรือไม่้าพูดจาไร้สาระ เขาสังเกตไปที่ร่องรอยฟกช้ำดำเขียวทั่วทั้งมือและเท้าของนาง จากนั้นสายตาจึงมาหยุดอยู่ที่กองยาแล้วพลันเอ่ยอย่างเ็า “ผลิตยาออกมาจากอากาศ หวางเป่าติงของเ้าไม่ใช่สิ่งที่มีอย่างแพร่หลายจริงเสียด้วย”
“เ้ามานานแค่ไหนแล้ว? เ้าแอบมองข้า เ้า…”
กูเฟยเยี่ยนตื่นใจนลืมตัวลุกขึ้นมาทันที ในชั่วพริบตาเดียวนิ้วเท้าก็บังเกิดความเจ็บแปลบขึ้นมา สัญชาตญาณของนางคือการยกเท้าขึ้นมา ร่างกายจึงควบคุมตัวเองไม่อยู่เอนไปด้านหลัง “อ่า…”
ในวินาทีนั้นจวินจิ่วเฉินได้สาวเท้าพรวดพราดเข้าไปด้านหน้าพลางโน้มกายลง มือข้างหนึ่งโอบไปที่เอวบางเพื่ออุ้มขึ้น มืออีกข้างหนึ่งประกบลงไปบนริมฝีปากของนางโดยไม่มีการครุ่นคิดแม้แต่น้อย คนหนึ่งเงยศีรษะอีกคนก้มศีรษะ ดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองกันและกันราวกับว่าใกันมาก
จวินจิ่วเฉินเป็ผู้ที่ได้สติขึ้นมาก่อน น้ำเสียงยังคงความไม่พอใจเช่นเดิม “โง่! ”
กูเฟยเยี่ยนส่ายศีรษะและดีดดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากมือของเขา “นายอันธพาล ปล่อยข้านะ! ”
จวินจิ่วเฉินชำเลืองมองไปที่เตียงอุ่นๆ ด้านหลังของนาง จากนั้นจึงปล่อยมือออกด้วยความสง่างาม กูเฟยเยี่ยนจึงทรุดตัวล้มนอนบนเตียง…ไร้ซึ่งความเ็ป นางพบว่าหากตนเองล้มไปทางด้านหลังต่อให้ล้มอย่างไรก็คงจะไม่เจ็บ
เมื่อนึกได้ว่าเมื่อสักครู่นี้ตนเองร้องะโเสียงดังเพียงใด กูเฟยเยี่ยนจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย นางเรียนรู้ที่จะเป็เด็กดี ไม่กล้าหุนหันพลันแล่นแล้ว นิ้วทั้งสิบเกร็งทื่อพลันหันข้างด้วยความระมัดระวัง ใช้ข้อศอกพยุงตนเองบนแผ่นเตียง เมื่อดีขึ้นแล้วจึงลุกขึ้นนั่ง
จวินจิ่วเฉินนั่งลงโดยรอคำเชิญมาสักพักแล้ว เขานั่งอยู่ที่ด้านข้างของนาง
เขาคว้ายามาพินิจพิเคราะห์ด้วยความตั้งใจ ยาตัวนี้ทำมาจากใบไม้ใหญ่ที่ไม่ทราบชื่อ มีสีเขียวใสเป็ประกาย มีกลิ่นหอมที่ให้ความสดชื่นเล็กน้อย
ชายหนุ่มได้เอ่ยถาม “เ้าจะเปลี่ยนยา? ยานี้ดีอย่างไร? ”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนก็ปราศจากความประทับใจต่อเขาอยู่แล้ว ภายในใจมีระแวดระวังตลอด อีกทั้งเมื่อสักครู่นี้ได้รับรู้ว่าเล่ห์เหลี่ยมของเขาแพรวพราวยิ่งกว่าจิ้งจอกเฒ่าเสียอีก นางจึงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
นางตอบด้วยความไม่พอใจ “แตะต้องของของข้า ให้มันน้อยๆ หน่อย! เ้ามาทำอะไร? พูดมาตามตรง! ”
จวินจิ่วเฉินไม่ตอบนาง เขาก้มหน้าก้มตาใช้สองนิ้วตักตัวยาขึ้นมาดมกลิ่นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมา “มือ”
มือ?
กูเฟยเยี่ยนไม่เข้าใจ?
จวินจิ่วเฉินยื่นมืออีกข้างออกมา น้ำเสียงเ็ามาพร้อมกับคำสั่งการ “ทายา ยื่นมือออกมา”