ในเวลานี้เอง เล่อเทียนก็เห็นว่ามือขวาที่ถือถ้วยน้ำชาของหลงเซี่ยวอวี่ มือที่ขาวผ่องมีรอยประทับสีแดงสดเรียงกัน
นั่นคือ...รอยฟัน?
รอยฟันของคน?
รอยสีแดงสดแถวนั้นราวกับอยู่บนหลังมือของเขามาแต่กำเนิด กลายเป็ปานสีแดงที่ไม่มีทางจางหายไปตลอดกาล
ดวงตาของเล่อเทียนเบิกโตขึ้นมาโดยพลัน ขยี้ตาอย่างแรง นี่เขาเห็นอะไรกัน?
ฉีอ๋องถูกคนกัด? นี่เป็เื่ไม่คาดฝันระดับใดกัน เขาเหลือเชื่อยิ่งนัก!
เล่อเทียนยังไม่อยากเชื่อเป็อย่างยิ่ง เขาเอนกายเข้าไปใกล้ตามสัญชาตญาณ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปอย่างช้าๆ คิดจะดึงมือขวาที่ถือจอกชาเข้ามาดูอย่างละเอียดให้ชัดเจน
พูดตามสัตย์จริง นี่คือการกระทำโดยไม่ทันรู้ตัวของเขาจริงๆ
ทว่า...มือที่เขายื่นไปยังไม่ทันแตะแม้แต่ปลายเล็บของหลงเซี่ยวอวี่
ก็เห็นหลงเซี่ยวอวี่ขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่มีผู้ใดเห็นอย่างชัดเจนว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
ได้ยินเพียงเสียงกร๊อบ
“โอ๊ย!” ความเ็ปร้อนผ่าว แทบจะทำให้เล่อเทียนเต้นขึ้นมาโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์
โหดร้าย โหดร้ายนัก
เห็นได้ว่ามือที่ยื่นไปของเล่อเทียนนั้นตกลงตามธรรมชาติ ไร้ความรู้สึก และกระดูกเคลื่อน...โดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้
“เล่อเทียน เ้าเป็อะไร? ไม่เป็ไรใช่หรือไม่?” ดวงตาฉ่ำน้ำของเยวี่ยหลิงหลงกะพริบตาด้วยความงุนงงถามอย่างห่วงใย
ตำแหน่งที่นางนั่งอยู่ใกล้หลงเซี่ยวอวี่ทางด้านซ้ายมือ ดังนั้นจึงไม่เห็นรอยประทับบนมือขวาของเขา
นางรู้เพียงว่าเล่อเทียนที่เห็นสิ่งผิดปกติอะไรบางอย่างจู่ๆ ก็โน้มเข้าไปใกล้หลงเซี่ยวอวี่
และการลงมือเมื่อครู่ของหลงเซี่ยวอวี่รวดเร็วนัก นางยังไม่ทันมองให้ชัดเจนว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเ็ปของเล่อเทียน
“ไม่เป็ไร เมื่อครู่ข้าบริหารเอ็นกับกระดูก” ใบหน้าเ็ปของเล่อเทียนพยายามฉีกยิ้ม หัวเราะฮ่าๆ อย่างมีพิรุธ
เขาสามารถพูดได้หรือ? พูดว่า้าดึงมือของฉีอ๋องมาดู ปรากฏว่ายังไม่ทันโดนปลายเล็บของเขา ก็ถูกหักแขนอย่างไม่ปรานีหรือ?
เื่ขายหน้าเช่นนั้นย่อมมิอาจพูดได้อย่างแน่นอน
เล่อเทียนลอบกัดฟัน ข่มความเ็ป ลูบข้อมือที่เคล็ดของตนเองอย่างน่าสงสาร แล้วจึงดันมือข้างที่เคล็ดกลับเข้าที่
อยู่ไปดีๆ มือดีๆ ก็ถูกทำให้เคล็ด ไม่มีเื่สิถึงแปลก
บัดซบ! เขาลืมไปได้อย่างไรว่าหลงเซี่ยวอวี่มีนิสัยรักความสะอาดขั้นรุนแรง อย่าได้พูดถึงแตะต้องตัว แม้แต่จะเข้าใกล้ก็ยังมิอาจเข้าใกล้ได้ เขายังคิดจะไปดึงมือ นี่มิใช่การหาเื่ให้ตนเองหรือ?
ทว่า เห็นได้ชัดว่ารอยบนมือของฉีอ๋องเป็รอยฟัน ข่าวใหญ่เช่นนี้ถ้าวันนี้เขาไม่รู้ข้อเท็จจริง กลางคืนคงนอนไม่หลับ
ตอนนี้แค่ถาม ไม่ถูกตัวก็น่าจะได้กระมัง?
ดังนั้น
เล่อเทียนบิดแขนที่ถูกทำให้เคล็ดกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ย้ายสายตาใไปยังมือข้างที่มีรอยฟันของหลงเซี่ยวอวี่ ชี้ไปที่มือของเขา
เขาลูบคางด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ พยายามปรับเสียงให้นุ่มนวลเป็อย่างยิ่ง ถามด้วยความไม่ยอมแพ้ “เซี่ยวอวี่ รอยที่มือเ้านี่ เหตุใดดูไปแล้วจึงเหมือนรอยฟัน ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่?
เล่อเทียนในยามนี้เหมือนคนที่เจ็บไม่จำ เขากะพริบตา ั์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย
เขาไม่คาดหวังให้หลงเซี่ยวอวี่ตอบเขา แค่ส่งสายตารับรองมาให้ก็พอ
แต่คำตอบของหลงเซี่ยวอวี่ในครานี้ เหนือความคาดหมายของเขาไปมากโข แวบแรกนั้นเกือบทำให้เขารับไม่ได้ รู้สึกตั้งรับไม่ทัน
ยามนี้เอง เยวี่ยหลิงหลงก็มองตามทิศที่มือของเล่อเทียนชี้ไป สายตาตกอยู่ที่มือขวาของหลงเซี่ยวอวี่
เพียงแค่มอง สายตานางก็ถูกตรึงไว้ที่หลังมือขาวนวล...รอยสีแดงสดที่ทำให้นางรู้สึกขัดหูขัดตายิ่งนัก
และในขณะนี้เอง หลงเซี่ยวอวี่ก็วางถ้วยชาในมือลง นิ้วมือขาวเนียนก็ลูบไล้หลังมือขวาของตนเองอย่างเอื่อยเฉื่อย
เสมือนว่านึกถึงอะไรขึ้นมาได้ มุมปากเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเบาบาง รอยยิ้มที่จางจนมิอาจมองเห็นได้ราวกับว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
ยากนักที่เขาจะตอบเล่อเทียนอย่างอารมณ์ดี น้ำเสียงชื่นมื่น เอ่ยแ่เบาว่า “รอยนี้...ไม่ใช่แค่รอยฟัน”
ยากนักที่จะเห็นหลงเซี่ยวอวี่อารมณ์ดีเช่นนี้ เล่อเทียนย่อมไม่ปล่อยโอกาสไป
และความหมายของหลงเซี่ยวอวี่ก็ชัดเจนว่า้าให้เขาถามต่อไป เล่อเทียนคิดเอาเอง
“ไอ้หยา เป็ใครที่อาจหาญกัดหลงเซี่ยวอวี่?” เล่อเทียนถามอย่างสงสัย ั์ตาดอกท้อเปล่งประกาย ราวกับมีคำซุบซิบมากมาย
ยามนี้เขาสามารถแน่ใจได้แล้วว่าหลังมือของหลงเซี่ยวอวี่ถูกคนกัดจริงๆ
แต่ เป็ใครกันแน่ที่กล้าหาญกัดมือของหลงเซี่ยวอวี่? สิ่งสำคัญที่สุดก็ยังเป็หลงเซี่ยวอวี่จะปล่อยให้คนผู้นั้นกัดโดยไม่ไยดีได้อย่างไร
ดวงตาหงส์ของหลงเซี่ยวอวี่หรี่ลงเล็กน้อย รับคำอย่างเป็ธรรมชาติ “ก็แค่ถูกลูกแมวดื้อที่บ้านกัดเข้าเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม เขาเหมือนว่าพูดเื่ปกติทั่วไป น้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตายังคงมองไปที่รอยแดงสดบนมือ ั์ตาดำขลับราวน้ำหมึกปรากฏความอ่อนโยนที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่สังเกต
ที่บ้าน? คำพูดอบอุ่นที่เขาไม่เคยพูด ยามนี้กลับพูดออกมาได้อย่างคล่องปาก
แมวน้อยดุร้ายอะไรกัน?
นี่เห็นชัดๆ ว่าเป็
ดวงตาของเล่อเทียนปรากฏความสงสัย ทันใดนั้น สมองเขาก็สว่างวาบ หรือว่าแมวน้อยจะเป็...ฉีหวางเฟย?
ใช่แล้ว! เหตุใดเขาไม่นึกออกให้เร็วกว่านี้ เล่อเทียนตบต้นขาอย่างตื่นเต้น
นอกจากมู่จื่อหลิงแล้ว ยังจะมีผู้ใดที่กล้าหาญ กล้าดึงขนบนหัวเสือ
ความกล้าหาญของมู่จื่อหลิงอยู่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ
ยามที่อยู่สวนจิ้งซิน เดิมก็คิดว่าที่นางปฏิบัติต่อฉีอ๋องอย่างไร้มารยาทนั้นก็เป็ขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ไม่คิดว่าเพียงไม่กี่วันจะขยับ ‘ปาก’ ขึ้นมาอีก
ช่างเป็ูเาลูกนี้สูงกว่าูเาลูกนั้นจริงๆ!
เมื่อหวนนึกถึงฉีอ๋องผู้เ็าไร้ความรู้สึก ล่องลอยดั่งเมฆา ปฏิเสธผู้คนที่อยู่ในรัศมีพันลี้ของปีนั้น ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ถูกสตรีกัด และยังถูกกัดด้วยความยินยอมพร้อมใจ
โลกนี้เป็อันใดไป? ฉีอ๋องเป็อันใดไป?
หลงเซี่ยวอวี่ที่เ็ามาโดยตลอดถูกผู้อื่นกัดเข้า อารมณ์ก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
เื่ถูกสตรีผู้หนึ่งกัดก็ไม่ใช่เื่ทรงเกียรติอันใด แต่เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกเหมือนว่าฉีอ๋องกำลังโอ้อวดอยู่กัน?
เมื่อตกลงในบ่วงแห่งรักก็จะทำให้คนเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม หนังหน้าหนาเพิ่มขึ้น แม้แต่ฉีอ๋องก็หนีไม่พ้น
ยามนี้เอง เล่อเทียนถึงได้ตระหนักถึงตำแหน่งที่ไม่ธรรมดาของมู่จื่อหลิงในใจของหลงเซี่ยวอวี่อย่างแท้จริง
สถานที่แห่งนั้นที่ไม่มีคนเหยียบย่างหรือแทบจะไม่ได้เข้าใกล้ สถานที่ที่สตรีมากมายในใต้หล้าใฝ่ฝันถึง ถูกคนยึดครองไว้โดยไม่มีใครรู้ตัวเสียแล้ว
“แปลกนัก ลูกแมวดุร้ายของท่านช่างดุจริงๆ กัดแรงถึงเพียงนี้” เล่อเทียนส่ายศีรษะอย่างไม่อยากเชื่อ แท้จริงแล้วในใจของเขาเลื่อมใสแทบไม่ไหวแล้ว
หลงเซี่ยวอวี่เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
ใบหน้าของเยวี่ยหลิงหลงนิ่งสงบ มองรอยแดงที่เสียดแทงดวงตานางอย่างสงสัยเงียบๆ ั์ตางามคลุมเครือ แววตาราวกับมีหมอกกางกั้น ไม่ให้ผู้อื่นมองเห็นความหมายลึกๆ ที่ซุกซ่อนเอาไว้ในดวงตา
สองคนหนึ่งคนถามหนึ่งคนตอบ นางได้เพียงแต่ฟังอย่างเงียบๆ คล้ายว่าจะกลายเป็ผู้ฟัง
คำที่เล่อเทียนถาม นางได้ยินกับหู ทว่าคำตอบของหลงเซี่ยวอวี่กลับสลักเข้าไปในใจนางทีละคำ ทีละประโยค
ทุกคำทุกประโยคของเขาราวกับใบมีดที่คมกริบ เฉือนเข้าไปที่ใจของนางทีละเล่ม ความเ็ปประเภทนั้นยากจนเกินบรรยาย
ริมฝีปากสีอิงเถาอันอ่อนนุ่มของเยวี่ยหลิงหลงขยับน้อยๆ พูดอย่างห่วงใยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋อง แผลนี้ดูมีมาหลายวันแล้ว กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่หาย ให้เล่อเทียนใส่ยาเสียหน่อยดีหรือไม่ ถ้าช้าปล่อยแผลไว้อาจ...”
ทว่าเยวี่ยหลิงหลงยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลงเซี่ยวอวี่ตัดบทเสียก่อน
“ไม่จำเป็!” หลงเซี่ยวอวี่ปฏิเสธทันที น้ำเสียงเ็าเฉยเมย ดั่งเสียงไข่มุกที่ตกลงในจานหยก มิอาจต่อต้านได้โดยง่าย
ตรงนี้เป็รอยที่หญิงโง่งมประทับไว้ให้เขา
นางกัดไม่แรง แต่เวลาผ่านไปสองวันแล้วรอยก็ยังแจ่มแจ้ง
แน่นอนว่า รอยประทับนี้ จะไม่เลือนหายไปจากมือของเขา...ตลอดกาล
เยวี่ยหลิงหลงสำลักขึ้นมาโดยพลัน แต่ต่อให้เป็เช่นนี้ ดวงหน้างดงามพิสุทธิ์ก็ยังคงประดับรอยยิ้มจาง
ใครเลยจะรู้ว่า กำปั้นภายใต้แขนเสื้อของนางนั้นจะกำแน่น ปลายเล็บแหลมคมฝังเข้าไปในฝ่ามือ หยดสีแดงย้อมบนสีขาว ทว่า นางกลับไม่มีความรู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย
ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็แปลกประหลาด
ทว่ามีเพียงเล่อเทียนเท่านั้นที่คิดเช่นนี้
เวลานี้เอง เล่อเทียนถึงได้รู้สึกถึงการมีตัวตนของเยวี่ยหลิงหลงขึ้นมา มุมปากเขายกเป็รอยยิ้มยากคาดเดา ราวกับมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง
แม้เขาจะรู้จักหญิงผู้นี้ไม่เท่าไร แต่เขากลับรู้ว่านางต่างจากภายนอกที่อ่อนโยนไปไกล และความเข้มแข็งในจิตใจก็อยู่ห่างจากที่เขาคิดไปมากโข
ในยามนี้เอง กุ่ยหยิ่งก็เดินเข้ามาด้วยความเหน็ดเหนื่อย
กุ่ยหยิ่งค้อมตัวอย่างนอบน้อม สีหน้าเคร่งขรึม โน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูหลงเซี่ยวอวี่
กุ่ยหยิ่งรีบมาจากจวนฉีอ๋องโดยไม่หยุดพักฝีเท้าม้าเลยทั้งทาง ไม่กล้าชักช้าแม้แต่นาทีเดียว
สำหรับเื่ที่นายท่านมอบหมาย พวกเขาทำไม่สำเร็จ ก็เป็เื่ใหญ่มากแล้ว นับประสาอันใดกับเื่หวางเฟย
หัวคิ้วของหลงเซี่ยวอวี่ขมวดน้อยๆ เปลี่ยนเป็มืดครึ้มในชั่วขณะเดียว เห็นเพียงเขาหยัดกายขึ้นทันที บนใบหน้ารูปงามเป็หนึ่งไม่มีสองราวกับถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง เห็นได้ชัดยิ่งนักว่าเขาอารมณ์เสียอย่างมาก
เพียงแค่ฉีอ๋องอารมณ์ไม่ดี คนที่อยู่โดยรอบย่อมต้องประสบหายนะตามไปด้วย
กุ่ยหยิ่งพูดจบก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างรู้ตัว ชัดเจนว่า้าขอรับโทษ
“ท่านอ๋อง มีอันใดหรือ?” เยวี่ยหลิงหลงหยัดกายขึ้นอย่างช้าๆ ั์ตางามใสบริสุทธิ์ น้ำเสียงใสราวกับกระดิ่ง
“ไม่มีอันใด” หลงเซี่ยวอวี่ตอบอย่างเย็นเยียบ เขามองไปยังเล่อเทียนอย่างเฉยชา
เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ เล่อเทียนก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี เขาจึงอยากเผ่นหนีตามสัญชาตญาณ
ทว่า ยังไม่รอให้เขาก้าวเท้าสักก้าว
“วันหน้าก็อยู่คอยดูแลที่นี่ ไม่ต้องไปอุทยานจื่อจู๋แล้ว” หลงเซี่ยวอวี่ใบหน้าเฉยชาเช่นนี้ น้ำเสียงเรียบเย็น เพียงประโยคเดียวก็ ‘ตัดสินโทษ’ ให้เล่อเทียนเสียแล้ว
น้ำเสียงยังดังไม่จบ เงาของเขาก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว
กุ่ยหยิ่งเห็นผู้เป็นายมิได้ตัดสินโทษเขาก็รีบเร่งติดตามไปทันที
เล่อเทียนเห็นเงาสีขาวที่กำลังจะลับหายไป ก็นึกอยากจะแหงนหน้ากรีดร้องขึ้นมาโดยพลัน
การมาของกุ่ยหยิ่งช่างไม่ถูกเวลานัก เร็วกว่านี้ไม่มา ช้ากว่านี้ไม่มา ดันเลือกมาเอาเวลานี้
เขามีความผิดที่ใดกัน คนโเี้คนใดกันที่ยั่วโทสะฉีอ๋อง และเขาก็กลายเป็ผู้ที่ถูกลงดาบเช่นนี้
เดิมเขาคิดว่าวันนี้ฉีอ๋องยากนักที่จะอารมณ์ดี บางทีอาจจะปล่อยเขากลับอุทยานจื่อจู๋ไปก็ได้ ค่อยมาเฉพาะยามจำเป็
ลงเอยเช่นนี้ ไม่เพียงความฝันงดงามจะสลายกลายเป็ฟองสบู่ แม้แต่จะกลับก็กลับไม่ได้แล้ว
ที่แห่งนี้สภาพแวดล้อมก็ดี แต่มีสตรีเช่นนี้อยู่ เขาก็ไม่อยากอยู่ให้นานนี่!
สตรีผู้นี้เขาชอบไม่ลง เกลียดไม่ได้ ก็แค่ดูไม่รื่นหูรื่นตาเป็บางครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้