“ไอ้น้อง นี่เป็ฝ่ายหอพัก พวกเราเข้าไปกัน เดี๋ยวฉันขอห้องที่แสงถึงให้” หลี่เวยลากกัวไฮว่เดินเข้าไปในฝ่ายหอพัก
“หลี่หลง รีบออกมาเร็ว เป็การเป็งานหน่อย” เมื่อหลี่เวยะโเสียงดังชายรูปร่างอ้วนท้วมท่าทางกึ่งหลับกึ่งตื่นคนหนึ่งก็เดินออกมา
“พี่เวย เช้าขนาดนี้เสียงดังอะไรกัน” ชายตัวอ้วนหรี่ตาถามขึ้น “ฝ่ายรปภ.รับสมัครคนมาเพิ่มเหรอ แรงงานเด็กเหรอเนี่ย”
“ไม่ใช่ นี่นักเรียน รีบจัดการหอพักเลย เอาห้องที่แสงถึงนะต้องเป็ห้องสองคนด้วยนะ แกอย่ามุบมิบนะ รีบทำเดี๋ยวนี้เลย” หลี่เวยพูดเสียงดัง
“ทั้งสองคนรอก่อนนะ ฉันไปเปลี่ยนชุดแปบ” พูดจบหลี่หลงก็เดินตรงเข้าไป
“ไอ้น้อง ฉันจะอู้งานตลอดไม่ได้ นายรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวนะถ้าเขาจัดการให้นายไม่ดีก็มาหาฉัน เดี๋ยวฉันจัดการเขาเองรอให้มีเวลาเดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวนายเอง” พูดจบหลี่เวยก็เดินออกนอกประตูไป
“โอ้โฮ ใครกันเนี่ย มีตาไว้ประดับหน้าหรือไง” ในขณะที่หลี่เวยหมุนตัวก็ชนเข้ากับเงาดำ
“คะ...คุณปู่รอง ไม่เป็ไรนะครับ” หลี่หลงเดินก้าวขึ้นมาข้างหน้าจากนั้นก็ดึงเงาดำให้ลุกขึ้น
“ปู่รองแกตาบอดหรือไง” หลี่เวยะโเสียงดังก่อนจะเห็นว่าคนที่ตัวเองชนคือใคร “คะ คะ คะ คุณปู่รองทำไมถึงมานี่ได้ล่ะครับ ผมมีงานต้องทำ ผม ผมไปก่อนนะครับ” พูดจบ หลี่เวยก็หมุนตัวคิดจะรีบหนี
“ไอ้หนู กลับมาก่อน” หลี่สวินอวี้จับหลี่เวยเอาไว้ “กัวไฮว่ ฉันคือหลี่สวินอวี้ ผอ.โรงเรียนฟู่จงเื่ของเธอกับหลี่เวยวันนี้ ฉัน้าจะพูดให้ชัดเจน”
“คุณคือผอ.เหรอ ดูแล้วไม่เห็นจะผิดมนุษย์มนาแบบคุณหญิงใหญ่บ้านผมเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ผมกับหลี่เวยมีเื่อะไรต้องพูดให้ชัดเจนเหรอเชิญผอ.ชี้แจงครับ”
“ในเมื่อพูดมาถึงนี่แล้ว ฉันก็จะพูดแล้วนะ กัวไฮว่เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้หลี่เวยทำไม่ถูก ในฐานะที่ฉันเป็ปู่รองของเสี่ยวเวยฉันขอโทษเธอ เธอช่วยปล่อยเขาไปเถอะนะ วันหลังถ้าเกิดมีปัญหาอะไรในโรงเรียนเธอก็มาหาฉันได้เลย” หลี่สวินอวี้พูดเสียงค่อย
“ผมกับหลี่เวย? ผมเข้าใจแล้วเื่ผมกับหลี่เวยเราคุยกับเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรแล้วครับ ถ้าไม่เชื่อก็ถามหลี่เวยดูสิครับ” กัวไฮว่พูดพร้อมยิ้มรอยยิ้มนี้ดูไม่เป็ไรแต่หลี่สวินอวี้กลับกลัวมากขึ้น
“ใช่ครับ คุณปู่รอง พวกเราไม่ได้มีเื่อะไรกัน ถ้าปู่ไม่มีอะไรแล้วผมจะไปประตูใหญ่แล้วนะครับ ทางนู้นยังมีงานอีก” พูดจบหลี่เวยไม่ทันรอให้หลี่สวินอวี้พูดอะไร เขาก็หมุนตัวออกไปทันที
“เสี่ยวหลง รีบจัดการเื่หอพักให้เสี่ยวไฮว่เถอะ” หลี่สวินอวี้ถลึงตาพูดเสียงดังกับหลี่หลง “เอาแต่นอนี้เีถ้ายังเป็แบบนี้อีก แกก็อย่าทำงานที่นี่เลย เสี่ยวไฮว่ ฉันจะไปรอเธอที่ห้องทำงานเดี๋ยวเธอตามมาหาฉันด้วย”
“ไอ้น้อง ห้องแสงถึงเหลือแค่ห้องชั้นสิบแปดห้องเดียว เป็ห้องสองคนอยู่แล้วคนหนึ่ง เป็เด็กมอห้า เป็คนซื่อสัตย์ นายว่าใช้ได้หรือเปล่า” หลี่หลงพูดเสียงเบา
“ได้ครับ ห้องนี้ก็ได้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“งั้นนายไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันเอาผ้าห่มขึ้นไปให้ ขาดเหลืออะไรบอกฉันได้เลยนะ” หลี่หลงพูดยิ้มๆ
“ขอบคุณครับพี่ วันหลังเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันนะ” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็ถือกุญแจเดินไปทางประตูลิฟต์
“มารดามันเถอะ เวลาขึ้นเครื่องเล่นนี่ใจเต้นโครมครามตลอด หากไม่ฝึกยุทธอื่นก็ต้องสร้างกระบี่ดีๆ สักเล่ม ขี่กระบี่ยังยังสนุกกว่าขึ้นเครื่องเล่นนี่เยอะเลย” เมื่อลิฟต์เปิด กัวไฮว่ก็รีบะโออกมาทันที
“1818 ห้องนี้แหละ” ประตูห้องพักถูกเปิดออกข้างในเป็สองห้องนอน สองห้องนั่งเล่น สองห้องน้ำ โซฟาหนังแท้เครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่หมด รูมเมตที่ต้องเจอหน้ากับกัวไฮว่ไม่เลวเลยในห้องสะอาดสะอ้านดี
“แดนมนุษย์นี่ดีจริงๆ” กัวไฮว่ะโเสียงดังทำเอาหลี่หลงที่เพิ่งเข้าห้องมาใจนเหงื่อท่วม
“ไอ้น้อง พูดอะไรน่ะ” หลี่หลงพูดพลางแบกกล่องใบใหญ่เข้ามา “ผ้าห่มผ้านวมแปดชุดใหม่หมด ถ้ารู้สึกว่าไม่พอเดี๋ยวฉันไปเอาให้นายอีกชุดนึง ของอย่างอื่นนายอยากเปลี่ยนอะไร นายบอกฉันมาก็พอถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันลงไปแล้วนะ จริงสิคุณปู่รองบอกว่าแกจัดการเสร็จแล้วให้ไปหาเขาด้วย ฉันแนะนำนะว่าให้นายรีบไปหน่อยเขาไม่ชอบรอคนน่ะ”
“ขอบคุณครับพี่หลง เดี๋ยวผมไปหาผอ.ก่อน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“กัวไฮว่ นั่งสิ วิ่งวุ่นมาทั้งวัน เหนื่อยล่ะสิ” หลี่สวินอวี้พูดด้วยร้อยยิ้มเต็มใบหน้า “เมื่อกี้ฉันคุยกับหัวหน้าเซวียเื่เลือกห้องเรียนของเธอแล้วมอสี่มีสิบสามห้อง มีครูหกชุด เอาจริงๆ นะโรงเรียนฟู่จงของเราไม่ได้แบ่งห้องคิงห้องบ๊วยแต่รู้สึกว่าให้เธอไปห้องหนึ่งดีกว่าครูประจำชั้นเป็นักศึกษาปริญญาโทที่เพิ่งจบมาจากมหาลัยอู่เฉิงอายุไม่ห่างจากพวกเธอมาก จะได้คุยกันรู้เื่ เธอว่าไง”
“ให้ข้าดูหน่อยแล้วกันว่าเ้าหมาป่านี่คิดอะไรอยู่” กัวไฮว่มองหลี่สวินอวี้ แล้วค่อยๆ ใช้วิชาอ่านจิตกับหลี่สวินอวี้
“ครูหลินซวง ขอแค่คุณเสียสละสักหน่อย นักเรียนแบบนี้ต้องไว้ในห้องคุณเท่านั้นข้อแรกคือคุณเป็ครูผู้หญิงถึงเด็กนี่จะป่วนยังไงแต่อย่างน้อยเขาก็คิดว่าคุณเป็ผู้หญิง ข้อสองถ้ามีเื่อะไรจริงๆ ตระกูลหลินก็พอๆ ตระกูลกัว” ความคิดในหัวของหลี่สวินอวี้ถูกส่งเข้าสู่สมองกัวไฮว่
“ในเมื่อผอ.กับหัวหน้าเซวียคุยกันเรียบร้อยแล้ว งั้นเอางี้แล้วกันรบกวนหัวหน้าเซวียบอกห้องเรียนผมหน่อย ผมควรจะไปทักทายครูประจำชั้นก่อนไม่ใช่เหรอพรุ่งนี้ผมก็จะเป็สมาชิกโรงเรียนฟู่จงแล้วนี่ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
เซวียหรูเหอกับหลี่สวินอวี้สบตากัน เด็กนี่คงไม่ได้จะหาเื่อีกนะจากนั้นเซวียหรูเหอก็พากัวไฮว่ไปทำความคุ้นเคยที่ห้องเรียน ไม่นานกัวไฮว่ก็เห็นครูที่กำลังสอนอยู่ผู้หนึ่ง หน้าตาสะสวย ถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้าทว่ารูปร่างผอมเพรียว เทียบกับโหยวโยวโยวได้สบายๆ เลย
“ในที่สุดก็เสร็จสักที กฎร้อยแปดสิบแปดข้อ เข้มงวดกว่ากฎ์ซะอีก” หลังจากวิ่งวุ่นมาทั้งเช้ากัวไฮว่ก็อ่านหนังสือกฎโรงเรียนในห้องนอนจนเสร็จ จู่ๆท้องก็ร้องขึ้นมาถึงแม้อาหารในแดนมนุษย์จะไม่อร่อย แต่ก็ต้องหาอะไรมารองท้องสักหน่อย คิดแล้วกัวไฮว่ก็เดินไปยังโรงอาหารของโรงเรียน
“รู้แบบนี้เอาเงินสดมาก็ดี ไม่รู้ว่าที่โรงอาหารใช้บัตรรูดได้หรือเปล่า” ตอนที่มาถึงโรงอาหารกัวไฮว่ก็พลันคิดขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีเงินติดตัวเลยสักนิดมีเพียงบัตรธนาคารมูลค่าเก้าล้านกว่า
“โยวโยว หลังจากวันนั้นถูป้าไม่ได้มาหาเื่เธอแล้วใช่ไหมทำเอาพวกเราใจริงๆ เธอควรจะย้ายโรงเรียนมาที่นี่นานแล้ว ตอนนี้ดีแล้วล่ะที่พวกเราได้มาอยู่ด้วยกันอีก” นักเรียนผู้หญิงพูดกระซิบกระซาบบางอย่างกันอยู่
“ใช่ ต่อให้ถูป้าจะใจกล้าขนาดไหนก็ไม่กล้ามาหาเื่ที่ฟู่จงหรอก จริงสิเ้าสี่ สี่ตัวอันตรายนั่นแกก็สลัดออกได้แล้ว วันนี้เราไปห้องอาหารชั้นสี่กันเถอะเธอเลี้ยงเรานะ ฮ่าๆ” เด็กหญิงหน้าตาไม่เลวคนหนึ่งพูดพลางหัวเราะ
“อันที่จริงที่ร้านใต้หล้าอู่เฉิงนั่น กัวไฮว่ช่วยฉันไว้ถ้าวันนั้นเขาไม่โผล่ออกมาทันเวลาพอดี ฉันไม่อยากจะคิดถึงเื่ที่จะเกิดเลย” หากสาวสวยที่พูดไม่ใช่โยวโยวจะเป็ใครได้อีกล่ะ “ในเมื่อติดค้างน้ำใจเขา ก็ต้องคิดหาวิธีคืนแล้วล่ะ จะได้เจ๊ากัน”
“งั้นก็ดีเลย วันนี้เลี้ยงข้าวฉัน พวกเราจะได้เจ๊ากันสักที ว่าไงโยวโยวคนสวยของผม” กัวไฮว่ที่เดิมอยู่ด้านหลังนักเรียนหญิงเมื่อได้ยินคำพูดของโหยวโยวโยว ก็พลันก้าวไปข้างหน้า พร้อมทั้งพูดยิ้มๆ
“กะ...กัวไฮว่ นายมาอยู่ที่ฟู่จงได้ยังไง นายเข้ามาได้ยังไงนายตามฉันมาใช่ไหม” โหยวโยวโยวเบิกตาโพล่งเธอไม่คาดคิดว่ากัวไฮว่ก็เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเหมือนกัน
“เลี้ยงข้าวหน่อยเถอะ กินไปคุยไป” เมื่อกัวไฮว่เดินมานักเรียนหญิงรอบๆ ตัวโหยวโยวโยวก็ถอยห่างออกมาโดยสัญชาตญาณกัวไฮว่เป็ใครกันน่ะเหรอ เ้าสี่หนึ่งในสี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงถึงแม้นักเรียนหญิงพวกนี้จะรู้จักเมืองอู่เฉิงไม่มาก แต่สี่ตัวอันตรายเป็ใครพวกเธอต่างรู้ดี
“โยวโยว ต้องโทรหาคุณลุงโหยวก่อนไหม” นักเรียนหญิงเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างโหยวโยวโยวถามขึ้นเสียงเบา
“ไม่ต้อง แค่กินข้าวกับเขามื้อนึง เสี่ยวเหม่ย เธอไปกินข้าวกับพวกเขาเถอะฉันจะคุยกับกัวไฮว่” โหยวโยวโยวพูดเบาๆเสี่ยวเหม่ยมองพิจารณากัวไฮว่แวบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆไปรวมกลุ่มกับนักเรียนหญิงคนอื่น
“บอกมาเถอะ นายน้อยกัว นายจะเอายังไงกันแน่ ที่นี่คือโรงเรียนนะนายเคารพกฎโรงเรียนหน่อยจะดีกว่า” โหยวโยวโยวเห็นกัวไฮว่ที่มองตนเองตาไม่กระพริบโดยเฉพาะบริเวณสะโพกกับหน้าอก ในใจพลันสั่นสะท้านรีบพูดขึ้น
“ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ เลี้ยงข้าวฉัน เราต้องเคลียร์เื่ของเรานะยากหรือไง” กัวไฮว่พูดพลางยิ้มร้ายมองโหยวโยวโยว
“ง่ายแค่นี้เลยเหรอ หรือว่านายไม่ได้คิดอย่างอื่นกับฉัน” โหยวโยวโยวไม่เชื่อคนอย่างกัวไฮว่แต่แรกอยู่แล้ว
“ขอร้องล่ะ โรงเรียนห้ามนักเรียนคบกัน ไม่งั้นจะหักสิบสองคะแนนพี่เพิ่งจะมา อย่ามาอ่อยพี่ได้ไหมครับ” กัวไฮว่เสียงดังคนในห้องอาหารไม่เยอะ ประมาณร้อยกว่าคนทุกคนล้วนเบิกตามองกัวไฮว่กับโหยวโยวโยวสองคน