และบนท้องของคนผู้นั้นคล้ายถูกอะไรบางอย่างเจาะเป็รู ดูเหมือนจะมีลำไส้ปนเืสีแดงฉาน กองอยู่ด้านข้าง ในห้องกลิ่นคาวเืผสมกับกลิ่นอะไรบางอย่างที่ไม่อธิบายไม่ถูกคละคลุ้งไปทั่ว โชยแตะปลายจมูกของทุกคน ในใจของแต่ละคนต่างรู้สึกขยะแขยงอยู่ในใจ
“อุแหวะ...”
ในกลุ่มผู้คนมากมาย ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหว พริบตาต่อมา พลันได้ยินเสียงร้องะโ ดึงดูดความสนใจของทุกคนจนต้องหันไปมองตามเสียงนั้น
“ท่านหญิง...ท่านหญิง ท่านเป็อะไรไปเ้าคะ?”
ผิงเอ๋อร์รีบเข้าไปประคองท่านหญิงของตนเองอย่างตื่นใ
ทุกคนต่างหันไปมอง พวกเขาเห็นเพียงสตรีในชุดสีขาวล้มลงบนพื้นตรงประตู
นั่น...มิใช่ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยหรอกหรือ?
แม้จะมีผ้าคลุมสีขาวบางปกปิดใบหน้า ทว่าความอ้างว้างที่เผยออกมาจากชุดสีขาวนั้นกลายเป็สัญลักษณ์ที่บ่งถึงสตรีที่เคยเป็หญิงงามมาก่อน
“อิ้งเสวี่ย...” ท่ามกลางกลุ่มผู้คน จิ้นหวังเฟยที่กลับมารู้สึกแล้ว รีบก้าวเข้าไปหานางอย่างตื่นตระหนกทันใด อิ้งเสวี่ย นางเป็อะไรไป?
ทันใดนั้น ครั้นนึกอะไรได้ จิ้นหวังเฟยจึงเอ่ยสั่งสาวใช้อย่างเร่งรีบทันที “เร็วเข้า รีบไปตามหมอมา”
หมอ...
สองคำนี้ทำให้หนานกงเยวี่ยกระวนกระวายใจ เลิกสนใจตัวบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงทันที
นางหันไปมองจ้าวอิ้งเสวี่ยที่กำลังหมดสติ ครุ่นคิดถึงแผนการในวันนี้...
เดิมที นางวางแผนจะทำอะไรบางอย่างกับจ้าวอิ้งเสวี่ย ทว่านึกไม่ถึงเลยว่า นางยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว จ้าวอิ้งเสวี่ยกลับหมดสติไปแล้ว
นี่ไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ?
หึ เทพเซียนบน์คงจะช่วยนางอยู่สินะ!
“เหนียนเฉิง เ้ายังมัวใอะไรอยู่? ร่างกายของท่านหญิงมีค่ามาก ยังไม่รีบเข้าไปดูแลท่านหญิงอีก?” หนานกงเยวี่ยไม่มีเวลามาสนใจคนที่นอนตายอยู่บนเตียง นางเพียงคิดว่า อย่างไรก็ต้องลงมือตามแผนการในวันนี้
เหนียนเฉิงใ ครั้นตระหนักได้ จึงรีบก้าวเข้าไปทันที ทว่ายังไม่ทันได้แตะต้องตัวจ้าวอิ้งเสวี่ย จิ้นหวังเฟยถลึงตามองใส่ ปัดมือเขาออกและเอ่ยออกมาเสียงดังลั่น “เ้าสัตว์เดรัจฉาน อย่าคิดจะมาแตะต้องบุตรสาวข้า!”
ต่อหน้าผู้คนมากมาย จิ้นหวังเฟยไม่คิดจะไว้หน้าเหนียนเฉิงแม้แต่น้อย
สีหน้าของเหนียนเฉิงแข็งค้างไปเล็กน้อย สีหน้าของหนานกงเยวี่ยก็ดูจะข่มกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่เช่นกัน ทว่านึกถึงแผนการในวันนี้ ท่านหมอจะมาเป็จุดสำคัญของแผนการ นางจึงรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้เหนียนเฉิงทันที “ยังมัวใอะไรอีก รีบไปตามหมอมาเร็ว!”
เหนียนเฉิงสบตากับหนานกงเยวี่ย สายตาที่สบประสานกันในขณะนั้น เขาเข้าใจความหมายของหนานกงเยวี่ยทันที จึงไม่กล้ารอช้าอีกต่อไป รีบหันหลังกลับ ลากขากะเผลกของตัวเองออกไป เขาผลักกลุ่มผู้คนและเร่งฝีเท้าเดินออกไปข้างนอกลานเซียนหลาน
เหนียนเฉิงออกไปแล้ว หนานกงเยวี่ยจึงจัดการให้จ้าวอิ้งเสวี่ยที่เป็ลมหมดสติย้ายไปพักอยู่ในห้องด้านข้างด้วยตัวเอง
เหนียนยวี่จ้องมองท่าทีที่ดูยุ่งวุ่นวายของหนานกงเยวี่ย มิรู้เพราะเหตุใด นางจึงรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
มีคนเสียชีวิตอยู่บนเตียงของเหนียนอีหลาน ทว่านางกลับห่วงความปลอดภัยของจ้าวอิ้งเสวี่ย ไม่ต้องพูดถึง่เวลาที่ตึงเครียดเช่นนี้ แม้แต่ในเวลาปกติ หนานกงเยวี่ยก็แทบอยากจะให้จ้าวอิ้งเสวี่ยตายไปเสียทีมิใช่หรือ?
นางดูกระตือรือร้นและกังวลถึงเพียงนี้ แท้จริงนาง้าทำให้แเื่เห็นถึงความรักใคร่เอ็นดูของแม่สามีอย่างนางหรือ?
เหนียนยวี่ปัดไล่การคาดเดานั้นทิ้งแทบทันที นางจ้องมองหนานกงเยวี่ยที่เดินกลับมา เหนียนยวี่หรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับกำลังสังเกตอะไรบางอย่าง
ภายในห้อง จ้าวอิ้งเสวี่ยที่หมดสติไปอย่างกะทันหัน ผู้คนแค่เห็นคนเสียชีวิตอยู่บนเตียงก็ใขวัญผวาแล้ว หลังจากหายใ ทุกคนก็กลับมาสนใจผู้ชายที่นอนตายอยู่ในห้องอีกครั้ง
คนผู้นี้เป็ใคร?
เหตุใดถึงมาตายอยู่บนเตียงของคุณหนูใหญ่เหนียนได้?
หลังจากตกตะกอนความคิด คำถามนี้พลันผุดขึ้นในใจของทุกคนในเหตุการณ์อย่างไม่ได้นัดหมาย
ทว่ายามที่หนานกงเยวี่ย เหนียนอีหลาน แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเห็นใบหน้าของชายผู้นี้ ในใจของแต่ละคนพลันสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้ ใบหน้านั้น แม้สภาพจะดูอัปลักษณ์บิดเบี้ยวจนน่าใ ทว่าพวกนางยังคงจดจำเขาได้!
ร่างของฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนสั่นเทา นางซวนเซจนแทบจะล้มลงกับพื้น ทว่าโชคดีที่นางมีมามา[1]คอยประคองอยู่ด้านหลังตลอด สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน ยามนี้ดูซีดเผือดไปแล้ว
ใน่เวลานั้น องค์หญิงใหญ่ชิงเหอััได้ถึงท่าทีผิดปกติของฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน นางขมวดคิ้วมุ่น “ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนรู้หรือว่าคนผู้นี้เป็ใคร?”
“ไม่ หม่อมฉันไม่รู้จักเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเอ่ยปฏิเสธแทบจะในทันที แม้แต่ศีรษะยังส่ายไม่หยุด
ทว่าทันทีที่ถ้อยคำนั้นหลุดออกจากปากนาง นางกลับรู้สึกเสียใจ
เป็อย่างที่คิด องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย ไม่นานก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างแจ่มชัด...
“เสด็จพี่เพคะ วันนี้เป็วันเกิดของยวี่เอ๋อร์ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นได้ ช่างโชคร้ายเสียจริง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไต่สวนเื่นี้นะเพคะ ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็ใคร เช่นนั้นสั่งให้คนไปตรวจสอบถึงตัวตนของคนผู้นี้เถิดเพคะ”
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเป็คนฉลาด เมื่อครู่นี้นางเฝ้ามองเื่ทั้งหมดอย่างเงียบๆ จนในใจมั่นใจเื่ราวที่เห็นทั้งหมด
นางไม่มีทางลืมว่า หนานกงเยวี่ยและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนยามที่อยู่ในลานด้านหน้าเมื่อครู่นี้ พวกนางปฏิบัติกับยวี่เอ๋อร์อย่างไร!
พระธิดาของนาง นางจะปล่อยให้คนเหล่านี้มารังแกได้อย่างไร?!
และเมื่อครู่นี้...ปฏิกิริยาของฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน...นางไม่รู้ตัวตนของคนผู้นี้จริงหรือ?
หึ ในใจขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอรู้สึกขำขันเล็กน้อย ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็ใคร อย่างไรก็เสียชีวิตอยู่ในห้องของเหนียนอีหลาน ในเื่นี้ยังมีอะไรเื้ัอีกมากที่ยังมองไม่เห็น
ยามที่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ยจบ สายตานางกวาดมองไปที่เหนียนอีหลาน ดวงตาที่สั่นไหวของเหนียนอีหลาน ยิ่งทำให้นางรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “เปิ่นกงลืมไปเลยว่า คนตายผู้นี้นอนอยู่บนเตียงของคุณหนูใหญ่สกุลเหนียน อย่างไรเสีย ต้องเป็คุณหนูใหญ่เหนียนที่ควรรู้ว่าคนผู้นี้เป็ใครถึงจะถูก”
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนพลันจับจ้องไปที่เหนียนอีหลาน
เดิมที ในใจนางก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้ว พลันยิ่งหวั่นกลัวมากขึ้นเมื่อองค์หญิงใหญ่ชิงเหอกล่าวเช่นนี้
แววตาสั่นไหวคู่นั้นอยู่ในสายตาของเหนียนยวี่ นางอดไม่ได้ที่จะลอบปรบมือให้องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ พระมารดาบุญธรรมของนางเป็สตรีที่มองทะลุทุกอย่างมาั้แ่ไหนแต่ไร เกรงว่าเื่ทั้งหมดในครานี้ คงจะไม่สามารถซ่อนพ้นสายตาของนางได้
ส่วนเหนียนอีหลาน...
“เหนียนอีหลาน เ้าบอกข้ามาเสียว่า คนผู้นี้เป็ใครและเขาเสียชีวิตได้อย่างไร!”
ฮ่องเต้หยวนเต๋อเอ่ยถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาเฉียบแหลมของเขาจ้องมองเหนียนอีหลาน ความกดดันรุนแรง ทำให้จิตใจของเหนียนอีหลานสั่นสะท้าน โดยที่แทบไม่รู้ตัว ‘ปัง’ เสียงเข่าของเหนียนอีหลานที่กระแทกลงไปพื้น “ฝ่าาเพคะ หม่อมฉัน...หม่อมฉันไม่ทราบเพคะว่าเขาเป็ใคร และไม่ทราบด้วยเพคะว่า เขาเสียชีวิตอย่างไร”
จิตใจของเหนียนอีหลานเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางเคยเห็นชายผู้นี้ ทว่าในยามนี้ นางไหนเลยจะกล้ายอมรับว่ารู้จักเขา!
คนขายเนื้อแซ่จู...วันนี้คนขายเนื้อแซ่จูถูกเชิญมาจวนเหนียนไม่ผิดแน่ ตามแผนเดิมทีตอนอยู่ที่ศาลาริมน้ำกลางสวน เขากับเหนียนยวี่ต้อง...
แม้แผนการที่ศาลาริมน้ำเมื่อครู่นี้จะล้มเหลว ทว่าเหตุใดเขาถึงได้มาตายอยู่ในห้องนางได้?
ในหัวของเหนียนอีหลานยุ่งเหยิงสับสน แท้จริงมันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่!
ทันใดนั้นราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างได้ นางเงยหน้าและหันไปมองเหนียนยวี่ทันที ทว่าเห็นเพียงนางขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทีนั้นนางมองไม่ออกถึงร่องรอยผิดปกติอะไร
นี่...เกี่ยวอะไรกับเหนียนยวี่หรือไม่?
ในใจของเหนียนอีหลานผุดคำตอบแทบจะในทันที
มันเกี่ยวข้องกับนาง มันต้องเกี่ยวข้องกับเหนียนยวี่แน่!
ดังนั้นที่ศาลากลางสวนเมื่อครู่นี้ เื่ที่ควรจะเกิดขึ้นจึงไม่เกิดขึ้น!
ทว่า...หลักฐานเล่า?
“ฝ่าา ฮองเฮา หม่อมฉัน...หม่อมฉันน่าจะจำคนผู้นี้ได้เพคะ”
ท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาด ฉับพลันนั้นมีเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นมา ชั่วขณะหนึ่ง แทบทุกคนที่นั่นต่างหันไปมองผู้ที่เอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
[1] มามา คือ ตำแหน่งบ่าวรับใช้ในบ้านที่มีาุโ