บ้านตระกูลจ้าวไม่ได้ปฏิเสธเช่นบ้านตระกูลหวาง ป้าสองจ้าวรับเนื้อเสือด้วยรอยยิ้ม รับปากเป็มั่นเป็เหมาะว่าจะช่วยดูแลหลินหวั่นชิวตอนเจียงหงหย่วนไม่อยู่
นางไม่ได้เขลาจนมองไม่ออก นางมองออกตั้งนานแล้วว่านายพรานเจียงให้ความสำคัญกับหลินหวั่นชิวเพียงใด
ครอบครัวพวกนางจน ทั้งปีได้กินเนื้อเพียงไม่กี่ชิ้น ั้แ่ที่เจียงหงหย่วนใช้หมูป่าแลกภรรยานางนี้กลับมา ก่อนหน้านี้ที่สุ่ยเซิงช่วยออกหน้าปกป้องภรรยาตัวน้อยก็ได้กระต่ายป่าตัวอ้วนพลีมาหนึ่งตัว
วันนี้ได้เนื้อเสืออีกสองสามชั่ง ป้าสองจ้าวเป็คนฉลาด ย่อมรู้ว่าเจียงหงหย่วนมีเจตนาใด
ตอนกลับหมู่บ้านเมื่อไม่นานมานี้ได้ยินเื่ราวเช่นกัน เหอะๆ…หากสามีของนางปกป้องนางเหมือนเจียงหงหย่วนปกป้องภรรยา ไม่สิ แม้เพียงเศษเสี้ยวเดียวของเจียงหงหย่วน ไม่ว่าตอนกลางคืนอยากได้เช่นไรนางยินดีให้ความร่วมมือทั้งนั้น
กว่าทั้งคู่จะออกจากบ้านตระกูลจ้าว แสงจันทร์ก็กระจ่างไปทั่วฟ้าเสียแล้ว
ภายในหมู่บ้านเงียบสงัด มีไม่กี่บ้านที่จุดตะเกียง เพราะน้ำมันตะเกียงต้องใช้เงิน กว่าเกษตรกรจะได้เงินไม่ใช่ง่ายๆ ไม่มีครอบครัวใดอยากสิ้นเปลือง
ระหว่างทางเดินกลับ เจียงหงหย่วนเดินช้าลง เขายังคงจับมือหลินหวั่นชิว นิ้วหัวแม่มือหยาบกร้านลูบไปมาในฝ่ามือนาง
หลินหวั่นชิวพยายามชักมือออกหลายครั้ง แต่น่าเสียดาย บุรุษหนุ่มกุมมือนางแน่นเกินไป
ใบหน้ารูปไข่ของภรรยาตัวน้อยดูนุ่มนวลยิ่งกว่าเดิมเมื่ออยู่ใต้แสงจันทร์ ดวงตาดอกท้อเปล่งประกาย
สีหน้าที่นางขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดดูราวกับลูกแมวโมโห เห็นแล้วอยากแกล้งยิ่งนัก
ทำเอาเจียงหงหย่วนหายใจลำบาก
“เดินช้าจริงๆ เช่นนี้เมื่อไรจะถึงบ้าน?” เจียงหงหย่วนพูดจบก็ปล่อยมือ หลินหวั่นชิวยังไม่ทันตอบสนองตัวนางก็ลอยเสียแล้ว
เจียงหงหย่วนอุ้มตัวนางขึ้น คางที่เต็มไปด้วยตอหนวดเสียดสีโดนศีรษะนางเหมือนตั้งใจแต่ก็ไม่ตั้งใจ
นางถูกเจียงหงหย่วนเขย่า ต้องยกมือโอบรอบคอเขาตามสัญชาตญาณ
มุมปากเจียงหงหย่วนยกโค้ง ออกแรงเขย่านางแรงขึ้นอีก
เป็ไปตามคาด หลินหวั่นชิวกอดเขาแน่นกว่าเดิม หน้าอกนุ่มนิ่มของนางแนบกับหน้าอกของเขา…สบายสุดๆ!
“ผอมเกินไปแล้ว ต่อไปนี้เ้าต้องกินให้เยอะหน่อย ไม่ต้องประหยัดแทนข้า! เนื้อเยอะแล้วถึงจะกอดสบาย!”
หลินหวั่นชิวรู้สึกแน่นที่บั้นท้ายเมื่อเขาพูดจบ มันถูกเจียงหงหย่วนจับเข้าเต็มแรง
ทน!
นางจะยอมทน!
เห็นแก่ที่เขาปกป้องตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า!
เห็นแก่ที่เขาให้หลินซย่าจื้อกินมูลวัว!
เจียงหงหย่วนก้มลงมองใบหน้าแดงก่ำของหลินหวั่นชิว เขายังพอรู้ขอบเขตอยู่บ้าง รู้ว่าห้ามแกล้งหลินหวั่นชิวเกินไป มิเช่นนั้นหากนางหนีไปคงไม่รู้จะไปหาภรรยาที่ดีเช่นนี้จากที่ใดได้อีก
ไม่ใช่เื่เกินจริงหากบอกว่าภรรยาตัวน้อยเปลี่ยนเป็คนละคนภายในเวลาที่ไม่เจอกันแค่ครึ่งเดือน
ผมแห้งกร้านกลับดำขลับเป็เงาวาวมากขึ้น ใบหน้าที่เมื่อก่อนไม่มีสีเืเริ่มอมชมพู
โดยเฉพาะผิวพรรณที่ขาวเนียนลื่น เมื่อได้ลูบแล้วราวกับลูบหยก
“ท่านวางข้าลงเถิด ข้าเดินเองได้” หลินหวั่นชิวพูดอย่างอดทนต่อความโกรธ ยางอายของเ้าหมอนี่ลืมไว้ในท้องแม่หมดเป็แน่ นางถูกเขาจูงมือเดิน จะเดินช้าหรือเร็วล้วนอยู่ที่เขาหมด!
อีกอย่าง ตอนนี้เขาอุ้มนางเดินก็ไม่เห็นว่าจะเดินเร็วขึ้นตรงไหน!
จะลวนลามยังต้องหาข้ออ้างว่าเป็ความผิดนาง…
“อย่าดิ้น ถ้าแรงเยอะนัก ไว้กลับไปค่อยทำเื่ที่ต้องใช้แรง!”
หลินหวั่นชิวเงียบปากและหยุดดิ้นทันที
เจียงหงหย่วนวางหลินหวั่นชิวลงเมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน
“พี่สะใภ้ ต้าเกอ พวกท่านกลับมาแล้วหรือ! พี่สะใภ้ ในครัวมีน้ำร้อน ข้าจะไปยกมาให้” เจียงหงหนิงมาเปิดประตู เขารีบวิ่งเข้าห้องครัวเมื่อเห็นหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวรักความสะอาด ต้องอาบน้ำร้อนแทบทุกคืน เขาล้างถ้วยชามเสร็จแล้วจึงต้มน้ำรอ หลินหวั่นชิวกลับมาแล้วจะได้มีน้ำร้อนใช้
ทว่าเื่นี้กลับทำให้เจียงหงหย่วนไม่สบอารมณ์นัก น้ำที่พี่สะใภ้อาบจะให้น้องสามีเป็คนเตรียมได้อย่างไร
แล้วก็ เหตุใดเ้าเด็กนี่จึงมีน้ำใจกับภรรยาตัวน้อยนัก?
“ไม่ต้อง!” เจียงหงหย่วนเดินฮึดฮัดไปที่ห้องครัว แย่งถังไม้จากมือเจียงหงหนิง
เจียงหงหนิงตาแดงพร่าเพราะใกลัว
บุรุษป่าเถื่อนนี่เป็บ้ากระไรไปอีก?
หลินหวั่นชิวรีบปลอบเจียงหงหนิง “หงหนิงไม่ต้องเสียใจ ต้าเกอเ้าแค่กลัวเ้าเหนื่อย เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว เ้ารีบไปพักผ่อนเถิด”
“จริงหรือ?” เจียงหงหนิงมองหลินหวั่นชิวอย่างไม่เชื่อนัก “ต้าเกอไม่ได้โกรธจริงหรือ?”
หลินหวั่นชิวตอบด้วยรอยยิ้ม “เ้าอยู่กับต้าเกอเ้ามาตั้งนาน ไม่ว่าเวลาใดเขาก็ดุทั้งนั้น หากเอาแต่เก็บไปคิดมาก เช่นนั้นจะใช้ชีวิตอย่างไร?”
เจียงหงหย่วนที่ยกถังน้ำเข้าห้องตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยิน ภรรยาตัวน้อยคิดกับเขาเช่นนี้?
เขาอดลูบหน้าตัวเองไม่ได้ รอยแผลเป็ที่ทอดยาวบนหน้าค่อนข้างน่าอึดอัด
ด้านหน้าตาเขาไม่มีสิ่งใดใช้มัดใจได้ ดูท่าคงทำได้เพียงเปลี่ยนความคิดภรรยาตัวน้อยจากด้านอื่น ให้นางติดตามตัวเองอย่างสุดจิตสุดใจ
เขาก้มหน้ามองต้นทุนตัวเอง พึงพอใจกับจุดนี้มาก เชื่อว่าภรรยาตัวน้อยได้ลิ้มลองแล้วจะติดใจและไม่ไปที่ใดอีก
แต่ว่า…
เขาควรหาโอกาสฝึกกระบวนท่าอื่นใน่ที่ยังไม่ได้เข้าหอกับภรรยาตัวน้อยหรือไม่?
เข้าหอแล้วจะได้ปล่อยกระบวนท่าเต็มที่ ให้ภรรยาตัวน้อยได้รู้ซึ้งถึงฝีมือ และต้องร่ำร้องให้เขา…
หึๆๆ…
หากหลินหวั่นชิวรู้ว่าคำพูดปลอบใจเจียงหงหนิงประโยคเดียวของตัวเองทำให้เจียงหงหย่วนคิดไปไกลถึงเพียงนั้น…นางคงได้ตบบ้องหูตัวเองสักสองฉาด!
เจียงหงหย่วนแค่จินตนาการก็รู้สึกร้อนรุ่ม ได้แต่ออกไปอาบน้ำเย็นในลำธารไม่ไกล หลินหวั่นชิวปิดประตูอาบน้ำด้วยความรู้สึกปลอดภัย
เมื่อเจียงหงหย่วนกลับมา นางก็เก็บข้าวของเรียบร้อยและอ่านนิยายใต้ตะเกียงแล้ว
เขาดึงผ้าแห้งที่แขวนบนผนังมาเช็ดหัว ถามด้วยความแปลกใจว่า “เ้ารู้หนังสือหรือ?”
หลินหวั่นชิวเงยหน้ามอง ต้องผงะเมื่อเห็นเขาเช็ดหัว
นั่นมัน…
ผ้าที่นางใช้เช็ดเท้า!
แต่สุดท้ายคำเตือนก็วนเวียนในลำคอสองรอบ ไม่ได้พูดออกมา
กลัวบุรุษผู้นี้จะโมโหเพราะอับอาย ร่างกายนางทนถูกทุบตีไม่ได้เสียด้วยสิ
“อื้ม ข้ารู้หนังสือ” หลินหวั่นชิวตอบอย่างสงบ นางจงใจอ่านหนังสือให้เจียงหงหย่วนเห็น อย่างไรเสีย เื่ที่นางคัดหนังสือก็ปิดบังไม่ได้ สู้เปิดเผยกับเขาไปเลยดีกว่า
“จากที่ข้ารู้มา ลูกสาวบ้านตระกูลหลินไม่รู้หนังสือ!” เจียงหงหย่วนเดินมาอยู่หน้าหลินหวั่นชิว ตัวเขาสูงใหญ่ราวกับเนินเขา บดบังแสงสว่างไปครึ่งห้อง
หลินหวั่นชิวไม่กลัวสายตาเขา นางไม่หลบเลี่ยงแต่อย่างใด ตอบเสียงเรียบว่า “แม่ชีฮุ่ยอินสอนให้ ตอนเด็กแม่ชีสงสารที่ข้ากินไม่อิ่ม คอยแอบนำอาหารมาให้ข้าอยู่บ่อยๆ นางสอนหนังสือให้ข้า สอนข้าเขียนอักษร ต่อมาข้ายังเคยช่วยนางคัดพระคัมภีร์หลายครั้ง”
เมื่อก่อนบนูเามีวัดเก่า ในนั้นมีแม่ชีเฒ่าอยู่หนึ่งรูป
ปีก่อนที่วัดไฟไหม้ ทุกอย่างโดนเผา แม่ชีเองถูกเผาตายในวัดเช่นกัน
เ้าของร่างนี้เคยใช้ผักป่าแลกหมั่นโถวกับแม่ชีกิน ไปมาหาสู่กับแม่ชี ทำให้รู้ว่านางรู้หนังสือ หลินหวั่นชิวจึงใช้แม่ชีเป็ข้ออ้าง
“ที่แท้ก็เช่นนี้ วิธีหาเงินที่เ้าบอกกับพวกหงหนิงก็คือคัดพระคัมภีร์หรือ?” ครอบครัวร่ำรวยมีสตรีที่เชื่อในพระพุทธศาสนาให้เห็นอยู่บ่อยๆ พวกนางมักซื้อคัมภีร์ที่คัดด้วยมือไปแจกที่วัด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้