“เฉินเฟิง...”
ไป๋ซีหย่าเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจเมื่อเห็นร่างของเยี่ยเฉินเฟิงชุ่มโชกไปด้วยเื หยดน้ำตาไหลกลิ้งลงมาจากดวงตาอย่างมิอาจควบคุมได้ นางกรีดร้องอย่างเ็ปใจ
“ฮ่าฮ่า เยี่ยเฉินเฟิงเ้านี่ช่างไร้เดียงสาเสียจนน่าขันจริงๆ เ้าคิดหรือว่าทำลายเส้นลมปราณของตัวเองแล้วข้าจะยอมปล่อยเ้าไป?” เจียงซานสุ่ยเผยรอยยิ้มโอหัง บังคับลากตัวไป๋ซีหย่าที่น้ำตานองหน้าให้เดินเข้าไปหาเยี่ยเฉินเฟิง
“เจียงซานสุ่ย ถ้าหากเ้ายอมปล่อยเฉินเฟิงไป ข้าจะยอมทำตามที่เ้า้าทุกอย่างเลย” ไป๋ซีหย่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ
“คนสวย เ้าไม่มีสิทธิ์จะมาต่อรองกับข้าหรอกนะ” เจียงซานสุ่ยเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มขบขัน “รอให้ข้าทรมานมันจนสิ้นใจก่อนค่อยมาเล่นสนุกกับเ้า ข้าอยากจะกดเ้าเอาไว้ใต้ร่างจนแทบทนไม่ไหวแล้ว”
กล่าวจบ เจียงซานสุ่ยที่กำลังหลงระเริงก็หยิบกริชคมกริบออกมาจากอกเสื้อ สายตาเหลือบมองเยี่ยเฉินเฟิงที่เปื้อนเืไปทั้งตัวพลางเอ่ยอย่างยียวน “ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าเ้าทำลายเส้นลมปราณทิ้งอย่างสมบูรณ์หรือไม่ หากไม่ ข้าจะเป็คนช่วยทำให้มันสมบูรณ์เอง”
“อย่านะ...”
ไป๋ซีหย่ากรีดร้องอย่างกระวนกระวายเมื่อเห็นว่าเยี่ยเฉินเฟิงกำลังจะโดนอีกฝ่ายทำร้ายอย่างแสนสาหัส
จนใจก็แต่ใยแมงมุมซึ่งมัดร่างของนางอยู่มีพลังิญญาแฝงแข็งแกร่งมาก ดังนั้นไม่ว่านางจะพยายามดิ้นรนสักเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์
“ไม่ถูกสิ เ้าไม่ได้ทำลายเส้นลมปราณของตัวเอง เ้ากล้าหลอกข้าเรอะ”
หลังจากเจียงซานสุ่ยตรวจดูสภาพร่างกายของเยี่ยเฉินเฟิงก็พบว่าเขาไม่ได้ทำลายเส้นลมปราณทิ้งเลยสักนิด ที่เห็นอยู่เป็เพียงการะเิกล้ามเนื้อและเส้นเืเท่านั้น เขาจึงโกรธจัด
ทว่าในยามนี้เอง รังสีฆ่าฟันอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งพล่านออกมาจากร่างของเยี่ยเฉินเฟิง เขาเหมือนกับหมาป่าดุร้ายที่เร้นกายอยู่แสนนาน แยกเขี้ยวยิงฟันด้วยจิตสังหารอันคุกรุ่น!
ครู่ต่อมาก็ปรากฏแสงสีทองสว่างวาบขึ้นตรงหน้าเจียงซานสุ่ย แสงดังกล่าวแทงเข้าใส่แขนข้างที่จับตัวไป๋ซีหย่าเอาไว้จนกล้ามเนื้อแขนแหลกกระจายในทันที
หลังจากใช้ยันต์เข็มทองที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวโจมตีใส่เจียงซานสุ่ยจนเจ็บหนักได้สำเร็จ เยี่ยเฉินเฟิงก็ดีดตัวขึ้นมาจากพื้นแล้วชกกำปั้นอันทรงพลังใส่หน้าอกของเจียงซานสุ่ยในระยะเผาขนต่อทันที
“กร๊อบ” หน้าอกของเจียงซานสุ่ยยุบลงไปเป็แอ่ง กระดูกซี่โครงจำนวนมากแตกหักยับเยิน ร่างของเขากระเด็นลอยออกไปราวสิบกว่าเมตรก่อนจะตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
“ปลอดภัยแล้วนะ เป็เด็กดีรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อนล่ะ ข้าขอไปล้างแค้นให้เ้าก่อน” เยี่ยเฉินเฟิงที่เืท่วมตัวเดินมาลูบหัวไป๋ซีหย่าที่ยังขวัญผวาไม่หาย กล่าวปลอบอย่างอ่อนโยน
“เยี่ยเฉินเฟิง เ้าสังหารข้าไม่ได้เด็ดขาด หากเ้าสังหารข้าตระกูลเจียงจะต้องไม่เก็บเ้าไว้แน่” เจียงซานสุ่ยเอ่ยอ้อนวอนหลังจากเห็นแววตาดุร้ายของเยี่ยเฉินเฟิง ความหวาดกลัวที่เขาพยายามกดทับเอาไว้ปะทุออกราวกับูเาไฟะเิ ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนบนใบหน้า
“เจียงซานสุ่ยเ้านี่ช่างไร้เดียงสาเสียจนน่าขันจริงๆ เื่มาถึงขั้นนี้แล้วยังคิดว่าข้าจะยอมให้เ้ามีชีวิตรอดออกไปอีกหรือ?” เยี่ยเฉินเฟิงเผยรอยยิ้มยียวน จงใจพูดเลียนแบบคำพูดของอีกฝ่าย
“เยี่ยเฉินเฟิง เ้าห้ามทำร้ายนายน้อยเจียงโดยเด็ดขาด”
จอมยุทธ์อู๋ที่ประมือกับยอดฝีมือตระกูลไป๋จนาเ็หนักเห็นเจียงซานสุ่ยตกอยู่ในอันตราย จึงแผดเสียงดังก้อง ฝืนลุกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกระบี่เรียวยาวดุจกิ่งไผ่ในมือ
“กระบี่แยกเงา!”
พลังิญญาทั้งหมดของจอมยุทธ์อู๋ไหลไปรวมตัวอยู่ในกระบี่เรียวยาว ปราณกระบี่หลายสายพลันเผยรูปลักษณ์ออกมา พุ่งเข้าฟาดฟันร่างกายของเยี่ยเฉินเฟิง
แต่น่าเสียดายที่จอมยุทธ์อู๋ดันาเ็สาหัส ดังนั้นเคล็ดิญญาที่เขาใช้ไม่ว่าจะด้านอานุภาพทำลายล้างหรือความว่องไวล้วนถูกลดทอนมากกว่าครึ่ง เยี่ยเฉินเฟิงที่เตรียมตั้งรับมาอย่างดีจึงเอี้ยวตัวหลบได้อย่างง่ายดาย
หลังจากหลบการโจมตีของกระบี่แยกเงาได้แล้ว เยี่ยเฉินเฟิงก็ก้าวประชิดตัวจอมยุทธ์อู๋จากด้านข้าง กระหน่ำชกอีกฝ่ายราวกับคลื่นที่ถาโถม
“แมงมุมดำ จู่โจม!”
เจียงซานสุ่ยรู้ดีแก่ใจว่าหากจอมยุทธ์อู๋ประมือแพ้อีกฝ่าย เขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่นั่งรอความตาย จึงเรียกจิตอสูรแมงมุมดำออกมาและเข้าต่อสู้สนับสนุนจอมยุทธ์อู๋อย่างทันท่วงที
“ไข่โลหิต หลอมรวม”
เมื่อถูกแมงมุมดำโจมตี เยี่ยเฉินเฟิงก็ผสานร่างกับจิตอสูรไข่โลหิตอีกครั้งเพื่อเพิ่มพลานุภาพในการโจมตีของตนเอง พลังิญญาสีแดงสดรวมตัวกันตรงฝ่ามือของเขา
เยี่ยเฉินเฟิงชกสองหมัดที่เอ่อล้นไปด้วยพลังปราณอันดุดันออกไป กำปั้นเสียดสีกับมวลอากาศรอบข้างจนเกิดเสียงะเิหนักทึบ หนึ่งหมัดชกลงที่จิตอสูรแมงมุมดำที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุดจนแตกกระจาย
จากนั้นเยี่ยเฉินเฟิงก็หมุนตัวกลับด้วยความเร็วสูง เข้าต่อสู้โรมรันกับจอมยุทธ์อู๋ที่อาการสาหัสอย่างดุเดือด
เดิมทีจอมยุทธ์อู๋ก็ใกล้จะหมดสภาพเต็มทนแล้ว ต่างกับเยี่ยเฉินเฟิงที่ผสานรวมกับประกายแสงแห่งการฟื้นฟูที่ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งห้าวหาญ เพียงไม่นานจอมยุทธ์อู๋ที่าเ็หนักขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มรับมือกับการโจมตีอันดุร้ายของเยี่ยเฉินเฟิงไม่ไหว จนถูกหมัดของอีกฝ่ายซัดกระเด็นและร่วงลงกระแทกพื้นหมดสติไปท่ามกลางกองเืเจิ่งนอง
เจียงซานสุ่ยที่เืออกเจ็ดทวารเห็นจอมยุทธ์อู๋สลบเหมือดคากองเืก็เสียขวัญจนทำอะไรไม่ถูก ร่างกายชักกระตุกอย่างบ้าคลั่ง สั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
“เยี่ย...เยี่ยเฉินเฟิง ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ เ้าได้โปรดละเว้นชีวิตของข้าด้วย ข้าไม่กล้าทำตัวเป็ปรปักษ์กับเ้าอีกแล้ว”
เพื่อเอาตัวรอด เจียงซานสุ่ยยอมวางฐานะอันสูงส่งลง ก้มหัวขอร้องเยี่ยเฉินเฟิงที่ย่างสามขุมมาหาตนเองทีละก้าว ภาวนาให้เขายอมปล่อยตัวเองไป
“เพียะ!”
เยี่ยเฉินเฟิงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการขอร้องอ้อนวอนของเจียงซานสุ่ย มือขวาของเขายกขึ้นสูงอย่างฉับพลัน ตามมาด้วยเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่น เรี่ยวแรงมหาศาลไม่เพียงส่งผลให้กระดูกขากรรไกรของเจียงซานสุ่ยแตกละเอียด แต่ยังส่งร่างของเขาปลิวกระเด็นออกไปด้วย
“เยี่ยเฉินเฟิง ท่านปู่ของข้ารู้ว่าข้าเดินทางมาที่เมืองไป๋ตี้แห่งนี้ ถ้าเกิดเื่อะไรขึ้นกับข้าที่เมืองนี้ เขาจะต้องสืบสาวราวเื่จนถึงที่สุด ถึงตอนนั้นเ้าคงหนีความตายไม่พ้นแน่” เจียงซานสุ่ยะโเสียงดังลั่น
“งั้นรึ?” มุมปากของเยี่ยเฉินเฟิงยกโค้งเผยรอยยิ้มเ็าที่ไม่มีใครสังเกตเห็น “เช่นนั้นพวกเราลองมาเจรจากันอย่างสันติดีกว่า ถ้าเ้าพูดจาโน้มน้าวให้ข้าคล้อยตามได้ บางทีข้าอาจจะยอมเปลี่ยนใจ”
“ได้สิ ได้ ขอแค่เ้ายอมปล่อยข้าไป ข้าจะยอมทำตามความ้าของเ้าทุกอย่างเลย”
เมื่อเห็นว่ายังมีทางรอดเหลืออยู่ เจียงซานสุ่ยในสภาพาเ็สาหัสก็ตื้นตันจนแทบร้องไห้ออกมา
“เฉินเฟิง เ้าห้ามเชื่อใจเขานะ เขามันก็แค่พวกต่ำช้าไร้ศีลธรรม” ไป๋ซีหย่ากล่าวเตือนด้วยความร้อนรน
“วางใจเถอะ ข้ารู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร” เยี่ยเฉินเฟิงระบายรอยยิ้มอ่อนโยน เขาปลดพันธนาการที่รัดตัวนางออกพลางกล่าว “รอข้าตรงนี้นะ
สิ้นเสียง เยี่ยเฉินเฟิงก็นำตัวเจียงซานสุ่ยและจอมยุทธ์อู๋ที่ยังไม่ได้สติเข้าไปภายในห้อง
“เยี่ยเฉินเฟิง ต้องทำอย่างไรเ้าถึงจะยอมปล่อยตัวข้าไป ข้าสามารถเป็สุนัขรับใช้ให้เ้าได้เลยนะ เ้าสั่งให้ข้ากัดใครข้าก็จะกัดคนนั้น” เจียงซานสุ่ยที่อยู่ในสภาพกึ่งอัมพาตเนื่องจากจิติญญาถูกทำลายเสียหายหนัก กล่าวอ้อนวอนเยี่ยเฉินเฟิงอย่างไร้ศักดิ์ศรี
“เจียงซานสุ่ย เ้าเชื่อจริงๆ หรือว่าข้าจะยอมปล่อยเ้าน่ะ”
สาเหตุที่เยี่ยเฉินเฟิงไม่ใช้เข็มทองปลิดลมหายใจของเขาในชั่วพริบตาทั้งยังพาเขามาเจรจากันอย่างลับๆ เช่นนี้ เป็เพราะว่า้ากลืนกินจิตอสูรของเขาและจอมยุทธ์อู๋อย่างไรล่ะ หากคนเราเสียชีวิตลงเมื่อไหร่จิตอสูรของเขาก็จะสูญสลายกลายเป็ผุยผงตามไปด้วย
เมื่อััได้ถึงจิตสังหารจากั์ตาของเยี่ยเฉินเฟิง เจียงซานสุ่ยก็รู้สึกราวกับถูกสายตาของยมทูตจับจ้อง ในขณะที่เขากำลังกลัวจนขวัญหนีดีฟ่อ เยี่ยเฉินเฟิงก็ยื่นมือกดทับศีรษะของเขาอย่างรุนแรง
จากนั้นพลังกลืนกินอันแข็งแกร่งขุมหนึ่งก็ไหลทะลักเข้าไปในห้วงสมองของเขา ราวกับปากขนาดใหญ่ที่อ้าเขมือบจิตอสูรของเขาจนหมดสิ้น
ทว่าเจียงซานสุ่ยและเยี่ยเฉินเฟิงอยู่ในเขตแดนระดับเดียวกัน หลังจากกลืนกินจิตอสูรแมงมุมดำของเขาแล้ว เยี่ยเฉินเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังิญญามากนัก
หลังจากจัดการจิตอสูรของเจียงซานสุ่ยเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเฉินเฟิงก็เดินมาหาจอมยุทธ์อู๋ที่ยังสลบเหมือดอยู่บนพื้น โคจรทักษะกลืนิญญาจัดการเขมือบจิตอสูรของเขาด้วยเช่นกัน
จอมยุทธ์อู๋เป็ถึงปรมาจารย์อสูรมายาระดับสอง จิตอสูรของเขาจึงแข็งแกร่งเป็อย่างมาก หลังจากดูดกลืนจิตอสูรของเขาแล้ว ภายในร่างกายของเยี่ยเฉินเฟิงก็ก่อกำเนิดพลังิญญาอันบริสุทธิ์จำนวนมาก กลุ่มก้อนพลังิญญาเหล่านี้ได้รินไหลเข้าไปภายในไข่โลหิต
หลังจากกลืนจิตอสูรของทั้งสองคนเสร็จแล้ว เยี่ยเฉินเฟิงก็จัดการดับลมหายใจของทั้งสองอย่างคล่องแคล่ว และเดินตัวปลิวออกไปจากห้องที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเื
