เมื่อหลิงชางไห่ตามจ้าวจือชิงออกจากบ้านสกุลลั่ว ก็เดินออกนอกหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว หลิงชางไห่ที่ตามจ้าวจือชิงไปยิ่งเดินเขาก็ยิ่งงุนงง มองอย่างไรก็ผิดปกติ หรือเ้าทึ่มคนนี้หึงหวงและคิดจะพาเขามาทิ้งไว้ข้างนอก
“เ้าหนุ่ม เ้าทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง! ข้าช่วยเ้าเอาใจแม่นางน้อย เหตุใดเ้าต้องคิดร้ายกับข้า?”
หลิงชางไห่ไม่เดินต่อ จากนั้นนั่งลงบนตอไม้หน้าหมู่บ้านทั้งแบบนั้น เริ่มแรกเขาคิดว่าเ้าหนุ่มนี่คิดจะพาเขามาเดินย่อยอาหาร คิดไม่ถึงว่าเ้าหนุ่มนี่กลับมีความคิดไม่ดี
จ้าวจือชิงงุนงงไปไม่ถูกและมองเขาด้วยท่าทีใสซื่อ ก่อนเอ่ยถาม “คืนนี้ท่านจะนอนกับข้ามิใช่หรือ? ขืนยังไม่ไป วันรุ่งขึ้นคงลงมากินอาหารเช้าไม่ทัน”
“เ้าไม่ได้อยู่บ้านแม่นางน้อยนั่นหรือ?”
จ้าวจือชิงหันขวับเร่งเดินต่อเงียบๆ โดยไม่สนใจเขาอีก
เขาเองก็อยากอาศัยอยู่บ้านลั่วชีเหนียง อยากเจอลั่วชีเหนียงทุกวัน ก่อนหน้านี้นางยังรังเกียจตนเองด้วยซ้ำ หากมิใช่เพราะตนเองหลักแหลมโดยการคอยช่วยเหลือนาง เดาว่าจนถึงตอนนี้นางก็คงไม่อยากต้อนรับ
หลิงชางไห่ได้แต่มองเขาอย่างโมโหเพราะไม่ได้ดั่งใจ ระหว่างทางยังพร่ำบ่นว่าเขาไม่เอาไหน ไม่พยายาม ไม่รู้จักเอาอกเอาใจสตรี รอจนตามเขาขึ้นมาบนเขา หลิงชางไห่ถึงกับโมโหจนหนวดเคราตั้ง
มิน่าหญิงสาวจึงไม่ยอมสนใจไยดีเ้าหนุ่มนี่ แต่งกับเ้าหนุ่มผู้นี้ที่ไม่มีกระทั่งที่อยู่อาศัย ใครเล่าจะยินดีให้ลูกสาวมาลำบาก
“เ้าคนโง่ มิน่าคนเขาจึงไม่ยอมสนใจเ้า ด้วยเงื่อนไขของเ้าจะมีภรรยาได้เยี่ยงไร!”
“…” จ้าวจือชิงที่ถูกดุมาตลอดทางอัดอั้นจนหน้าแดง ถลึงตาและตะคอกเสียงต่ำใส่เขา “ข้าแต่งเข้าไม่ได้หรือไร!”
......
ณ บ้านสกุลลั่ว ชีเหนียงกำลังคำนวณกำไรของวันนี้ เงินที่ได้จากชานมส่วนหนึ่งต้องนำมาทำแก้วดินเผา ส่วนหนึ่งต้องนำไปซื้อนมแพะกับใบชา ส่วนที่เหลือยังต้องแบ่งส่วนสำหรับแบ่งปันผลให้พี่หลิว แล้วยังต้องเตรียมทุนสำรองไว้ใช้อีก
ชานมหนึ่งร้อยแก้ว เหลือยี่สิบแก้ว ขายได้แปดสิบแก้ว ในแปดสิบแก้วนี้ยังมียี่สิบแก้วที่เป็ส่วนของแถม นั่นก็เท่ากับว่าขายได้หกสิบแก้ว จากราคาแก้วละสี่สิบอีแปะ หกสิบแก้วก็เท่ากับสองพันสี่ร้อยอีแปะ เกือบสามตำลึงเชียว
สองพันสี่ร้อยอีแปะหักค่านมแพะหนึ่งร้อยอีแปะ แก้วดินเผาสามร้อยอีแปะ ส่วนที่เหลือคือกำไรสุทธิประมาณสองพันอีแปะ
พอคำนวณเช่นนี้ พริบตาเดียวนางก็รู้สึกว่าเงินที่จ่ายออกไปวันนี้ไม่ได้น่าเ็ปใจแม้แต่น้อย
“พวกเ้าอยู่บ้านก่อน ข้าจะไปหาป้าหลิวสักครู่” วันนี้เริ่มกิจการและผลลัพธ์ใช้ได้ นางต้องไปปลอบประโลมความรู้สึกของพี่หลิวก่อน จะได้นำเงินค่าแก้วดินเผากับปันผลส่งไปให้นางด้วย
ลั่วชีเหนียงที่กำลังตื่นเต้นดีใจกับการหาเงิน มิได้สังเกตเห็นความผิดปกติของลูกชายคนโตในบ้านแม้แต่น้อย
หลายครั้งที่ลั่วจิ่งเฉินอยากเอ่ยปากถาม แต่กลับไม่รู้จะเริ่มพูดเช่นไร หากนางไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น การพูดของตนเองก็เป็การเตือนนางมิใช่หรือ แต่หากปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป จากดวงตาคู่นั้นของจ้าวจือชิงที่แทบจะไม่ละสายตาจากนางวันนี้ ไม่แน่ว่านางอาจจะหวั่นไหวกับความจริงใจของเ้าทึ่มตัวโตนี่จริงๆ ก็เป็ได้
ลั่วจิ่งซีอุ้มลั่วจิ่งไหลซ่อนตัวอยู่ไกลๆ ั้แ่กินข้าว พวกเขาเองก็รับรู้ถึงพลังแห่งความมืดมนอันรุนแรงจากลั่วจิ่งเฉิน ตอนนี้พอลั่วชีเหนียงไม่อยู่บ้าน พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะไปยั่วโมโหลั่วจิ่งเฉิน
ลั่วจิ่งเฉินไม่รู้เลยว่าตนเองเผยอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้ เขารู้สึกเพียงว่ามันแน่นในอกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงอาซีที่ดันล่อหมาป่าเข้าบ้านและยังจะปล่อยให้จ้าวจือชิงตามไปตลาดนัดด้วย จึงอัดอั้นอยู่ภายในใจ
อย่างมากวันหลังเขาจะตามไปด้วย เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะเฝ้าจับตาดูเ้าทึ่มคนหนึ่งไม่ได้!
ลั่วจิ่งเฉินที่มีความคิดแน่วแน่ตัดสินใจว่านับจากคืนนี้เขาจะไปตลาดนัดพร้อมกับพวกลั่วชีเหนียง เพียงแต่การตัดสินใจของเขากลับนำมาซึ่งการปฏิเสธเป็เสียงเดียวกันจากทุกคน
“เพราะเหตุใด?” สองมือที่ซีดขาวของลั่วจิ่งเฉินวางไว้บนโต๊ะ “เหตุใดอาซีไปได้ข้าไปไม่ได้ จนตอนนี้กระทั่งจ้าวจือชิงยังไปได้ แต่ข้ายังไม่ได้อีก”
เขาหัวเราะเยาะตนเอง “พวกเ้ากลัวคนพิการอย่างข้าจะไปทำให้ขายขี้หน้าพวกเ้าสินะ ดังนั้นจึงพยายามยิ่งชีพที่จะซ่อนข้าไว้ในบ้าน”
“เหอะ ตอนนั้นพูดจาสวยงาม ให้ข้าอย่าใส่ใจสายตาคนรอบข้าง ตอนนี้กลับรู้สึกว่าข้าน่าขายหน้า เมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดตอนนั้นจึงต้องลากข้าขึ้นจากเหวลึก”
ดวงตาของเขาเยือกเย็น แววตาเปี่ยมด้วยความหม่นหมองเหมือนถูกทอดทิ้ง
ลั่วจิ่งซีเห็นสถานการณ์แย่ลงถึงกับทำอะไรไม่ถูก “พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น นับั้แ่ท่านาเ็ที่ขา พอถึงหน้าฝนทีไรท่านก็มักจะเ็ปทรมาน ตอนนี้อากาศหนาวเหน็บ ข้าเป็ห่วงท่าน ข้าไม่ได้รังเกียจท่าน จริงๆ นะ!”
“ช่างเถอะ เ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ว่าตนเองเป็คนพิการ ชั่วชีวิตนี้ถูกกำหนดให้ต้องซ่อนอยู่ในมุมมืดก็ไม่ปาน สมควรอยู่ในห้องที่ไร้แสงสว่าง สมควรเป็คนไร้ประโยชน์ที่กินนอนรอความตายเท่านั้น!”
ลั่วจิ่งเฉินที่ได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจทำให้ลั่วจิ่งซีร้อนใจจนแทบจะร้องไห้
ลั่วชีเหนียงแอบบ่นในใจเงียบๆ ‘โง่เขลา’
หากว่าลั่วจิ่งเฉินยอมรับเื่ความพิการของตนเองไม่ได้จริงๆ มีหรือจะนำเื่นี้มาพูดอยู่เรื่อย ตอนนี้เขานำเื่นี้มาเป็ประเด็น บ่งบอกชัดเจนว่าลั่วจิ่งเฉินมีจุดประสงค์บางอย่าง
ความคิดของนางกับลูกรองเหมือนกัน คนที่ได้รับาเ็เกี่ยวกับเส้นเอ็นและกระดูก การออกไปข้างนอกในหน้าหนาวเท่ากับทรมานตนเอง
“ลูกใหญ่ ตอนนี้ร่างกายของเ้าเป็เช่นไร เ้าเองก็น่าจะรู้ เราหวังดีกับเ้า เ้าจำเป็ต้องใช้คำพูดคำจามาทำร้ายจิตใจเราด้วยหรือ เราพยายามหาเงินมาเพื่ออะไร เ้าไม่รู้เลยหรือ แม่รู้ว่าเ้ายังโกรธเคืองพวกเราอยู่ในใจ แม่เองก็รู้ว่าตนเองมีความผิด”
“คนที่ดื้อรั้นจะให้เ้าออกจากห้องและพบเจอผู้คนคือแม่ คนที่ไม่ให้เ้าไปตลาดนัดก็คือแม่ เ้าไม่จำเป็ต้องโมโหลูกรอง ส่วนจ้าวจือชิง แม้เขาจะเป็คนทึ่ม แต่ก็มีพละกำลัง คนเขายินดีช่วยเหลือเรา น้ำใจนี้เราน้อมรับ แต่ความคิดของเ้าเมื่อครู่คือกำลังรังเกียจผู้อื่นอย่างชัดเจน ครอบครัวเราจะไม่ทำเื่ลืมบุญคุณเช่นนี้”
เมื่อได้ยินลั่วชีเหนียงปกป้องจ้าวจือชิง หัวใจของลั่วจิ่งเฉินดำดิ่งรุนแรงกว่าเดิม เขารู้ว่าตนเองงี่เง่าไร้เหตุผลอยู่บ้าง แต่ทำไมกัน เขาก็แค่กลัวว่าลั่วชีเหนียงจะแต่งงานใหม่จึง้าหยุดยั้ง ตอนนี้เขาเอ่ยเพียงประโยคเดียว นางถึงขั้นเริ่มปกป้องแล้ว
“หากท่านคิดกับข้าเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็คือคนลืมบุญคุณก็ได้” ลั่วจิ่งเฉินไม่ทานข้าวต่อและลากขาเดินคอตกกลับห้องตะวันออก
ลั่วชีเหนียงมองดูเงาด้านหลังที่หนักอึ้งของลั่วจิ่งเฉิน นางก็อารมณ์ขึ้นเช่นกัน
แสดงละครถึงบทบาทเข้าให้แล้ว นางทนนิสัยเช่นนี้ของเขาไม่ได้
“ช่างเถอะ ข้าดูแลลูกใหญ่ไม่ไหวแล้ว ต่อไปพวกเ้าคิดจะทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น” พูดจบนางก็ลูบดวงตาและกลับห้องเช่นกัน
ลั่วจิ่งไหลมองดูประตูสองบานที่ปิดแน่นสนิท พลันร้องไห้เสียงดัง
“พี่รอง…ท่านแม่กับพี่ใหญ่เป็อะไรไป? ข้ากลัว...”
ลั่วจิ่งซีอุ้มลั่วจิ่งไหลไว้ อย่าพูดเลย เขาเองก็กลัว ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่กับท่านแม่ไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน แม้ว่าตอนนั้นท่านแม่ไม่ได้ดูแลพี่ใหญ่เหมือนตอนนี้ แต่พี่ใหญ่ก็เพียงแค่ยอมรับทุกอย่างไว้ด้วยตัวลำพัง ท่านแม่ก็แสร้งทำเป็ไม่รู้เื่อะไร ตอนนี้เื่ราวปะทุ ทั้งสองต่างก็มีอารมณ์ เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
หากช่วยพี่ใหญ่ ก็รู้สึกผิดต่อการเปลี่ยนแปลงและความพยายามของท่านแม่ใน่นี้ หากช่วยท่านแม่ ก็รู้สึกว่าพี่ใหญ่ต่างหากคือคนที่น่าสงสาร
......
“เช้านี้กินอะไร?” หลิงชางไห่ผลักประตูอย่างทนรอไม่ไหว เมื่อคืนเขาเอาแต่คิดถึงอาหารในวันนี้ตลอด ความวาดหวังในใจทำให้เกือบนอนไม่หลับ ใครจะรู้ว่าพอเข้าบ้านมา กลับเห็นเด็กสองคนนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างหวาดหวั่น ยิ่งกว่านั้นคนเล็กถึงกับร้องไห้สะอื้น
เมื่อเห็นว่ามีผู้ใหญ่มา ไหลไหลน้อยก็วิ่งไปกอดขาของจ้าวจือชิง เพราะถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าจ้าวจือชิงคอยส่งของอร่อยมาให้ที่บ้านเขาเสมอ เขาคือคนดี ด้วยเหตุนี้ ในใจจึงค่อนข้างไว้ใจจ้าวจือชิง
----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้