หวังเจี้ยนหัวคาดเดาไปต่างๆ นานา แต่ผู้ชายอย่างเขาจะนินทาสหายหญิงเสียๆ หายๆ ลับหลังได้อย่างไร
“แม่อย่าถามอีกเลยครับ อย่างไรก็เป็เื่ของคนอื่นเขา ต่อไปอย่าพูดเื่พวกนี้ต่อหน้าจื่ออวี้อีก!”
ผ่านไปนานกว่าหวังเจี้ยนหัวจะเค้นคำพูดออกมาได้ หร่านซูอวี้มีหรือที่จะรู้สึกพอใจ
ลูกชายของเธอปกป้องเซี่ยจื่ออวี้ราวกับกินยาผิดขนาน หร่านซูอวี้ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ทำไมเซี่ยจื่ออวี้ถึงไม่อยากฟังคำพูดพวกนี้ ทั้งที่เป็เื่จริงทั้งนั้น
ความอยากรู้อยากเห็นของหร่านซูอวี้ยังไม่หมดไป คำพูดของเซี่ยจื่ออวี้เป็การชี้โพรงแก่เธอ อย่างไรก็ตามหร่านซูอวี้นั้นอิจฉาริษยาตระกูลโจวเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว ในเมื่อตระกูลโจวไม่อยากนับญาติกับเธอ เซี่ยจื่ออวี้ก็มีปัญหากับเซี่ยเสี่ยวหลาน ถ้ามีโอกาสหัวเราะเยาะตระกูลโจว มีหรือที่หร่านซูอวี้จะปฏิเสธ
หร่านซูอวี้มองผ้าปูเตียงผืนเก่าแล้วอธิบายว่า
“บ้านเราฐานะเป็อย่างไรเธอเองก็รู้ พ่อของเจี้ยนหัวเอาเงินเดือนที่ได้ย้อนหลังไปใช้หนี้จนหมดแล้ว ไม่กี่ปีมานี้เราไม่มีเงินเก็บเลย สองปีข้างหน้าถ้าเจี้ยนหัวแต่งงานก็ต้องใช้เงิน สิ่งที่ลูกชายคนอื่นมี เจี้ยนหัวก็ต้องมี ปกติฉันกับพ่อเจี้ยนหัวอะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด ของที่บ้านเก่าไปบ้าง ทนใช้ไปก่อนก็แล้วกัน”
สีหน้าของเซี่ยจื่ออวี้ดีขึ้นเล็กน้อย
ใช่ว่าเธอจะทนลำบากไม่ได้ เธอแค่รู้สึกว่าตระกูลหวังไม่เห็นความสำคัญในตัวเธอ พอหร่านซูอวี้อธิบาย ทั้งยังพูดต่อหน้าหวังเจี้ยนหัวนั่นก็เท่ากับยอมถอยคนละก้าวแล้ว
“คุณน้า ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ เป็ฉันเองที่ขอค้างคืนอย่างกะทันหัน คุณน้าก็คงเตรียมการไม่ทันสินะคะ”
หร่านซูอวี้เป็พวกไม่สนใจเื่อาหารการกินหรือการแต่งงาน งานเลี้ยงคืนนั้นทำให้เซี่ยจื่ออวี้เห็นถึงความแตกต่าง หร่านซูอวี้คือคนที่แต่งตัวแย่ที่สุด
เสื้อขนสัตว์ราคาหลักร้อยเป็สิ่งที่หร่านซูอวี้ไม่มีทางทำใจซื้อได้ลง กระทรวงศึกษาธิการนับว่าเป็กระทรวงที่เรียบง่ายที่สุด สวัสดิการต่างๆ เทียบกับกระทรวงอื่นไม่ติดเลยสักนิด ดังนั้นเงินของตระกูลหวังจึงไม่ได้มีมากมายนัก
เซี่ยจื่ออวี้คบกับหวังเจี้ยนหัว เดิมทีก็ไม่ได้หวังอยากได้เงินทองแต่อย่างใด
เงินนั้นเธอสามารถหาเองได้ แต่อำนาจเธอไม่สามารถหาได้ง่ายๆ เซี่ยจื่ออวี้คิดว่าอำนาจสำคัญกว่าเงินทอง มีเงินไม่แน่ว่าจะมีอำนาจ ทั้งยังเสี่ยงถูกคนอื่นรังแกอีกด้วย แต่หากมีอำนาจทุกคนย่อมให้ความเกรงใจ หากอยากได้เงิน เพียงมีอำนาจก็ไม่ใช่เื่ง่ายหรอกหรือ?
พอคิดเช่นนี้แล้ว เซี่ยจื่ออวี้ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมา
หร่านซูอวี้เห็นสีหน้าเซี่ยจื่ออวี้ดูไม่มีความเสแสร้งจึงรู้สึกประหลาดใจ
เธอไม่คิดว่าเซี่ยจื่ออวี้เป็คนเข้าอกเข้าใจผู้อื่น แค่รู้สึกว่าหวังเจี้ยนหัวแน่จริงๆ ถึงได้เจอกับผู้หญิงที่ไล่อย่างไรก็ไม่ไปเช่นนี้
เซี่ยจื่ออวี้ปฏิบัติตัวเช่นนี้ถูกต้องแล้ว บ้านจนเสียขนาดนั้น ถ้าเจี้ยนหัวไม่ยืนกราน หร่านซูอวี้คงแนะนำผู้หญิงที่ดีกว่านี้ให้เขา ตระกูลโจวอยากได้ลูกสะใภ้ที่สวยและฉลาดโดยไม่จำเป็ต้องคำนึงถึงพื้นเพครอบครัว ทว่าตระกูลหวังเป็เหมือนพวกเขาได้เสียที่ไหน ตระกูลโจวไม่ได้รับผลกระทบจากการปฏิวัติวัฒนธรรม ต่างจากตระกูลหวังที่ถูกยึดทรัพย์สินไปจนหมด ตอนนี้เท่ากับพวกเขาต้องเริ่มต้นใหม่
แต่ลูกชายเธอกลับคบกับเซี่ยจื่ออวี้ที่ไม่สามารถช่วยอะไรครอบครัวได้เลย จึงยากที่หร่านซูอวี้จะพึงพอใจ
เมื่อเธอรู้สึกไม่พอใจก็อยากทำให้คนอื่นรู้สึกทุกข์ใจไปด้วย แต่ดูท่าทางแล้วคงต้องเอาใจเซี่ยจื่ออวี้สักหน่อย เซี่ยจื้ออวี้ถึงจะยอมเล่าเื่เมื่อครู่อย่างละเอียด
กวนฮุ่ยเอ๋อเ็ากับเธอ ก็เพราะดูถูกตำแหน่งของเหล่าหวังที่ต่ำกว่ามิใช่หรือ?
ถ้าว่าที่ลูกสะใภ้ของตระกูลโจวมีมลทิน เื่นี้คงสนุกพิลึก
“จื่ออวี้ รีบเข้านอนล่ะ ถ้า้าอะไรก็บอกฉันได้”
หายากที่หร่านซูอวี้จะยิ้มให้จื้ออวี้เช่นนี้ หวังเจี้ยนหัวรู้สึกแปลกใจ พอหร่านซูอวี้ออกจากห้องไป ใบหน้าของเซี่ยจื่ออวี้ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เจี้ยนหัว เธอว่าเสี่ยวหลานคิดจะทำอะไรกันแน่ ต่อให้ฉันอยากเมินเธอสักเท่าไร แต่เธอกลับโผล่เข้ามาในชีวิตของพวกเราตลอดเวลาแบบนี้ แล้วต่อไปพวกเราจะใช้ชีวิตกันอย่างไรเล่า”
ใบหน้าของเซี่ยจื่ออวี้ผอมซูบลงไปมาก
เดิมทีเธอมีใบหน้ารูปไข่ ตอนนี้กลับผอมจนคางเรียวเล็ก แม้หน้าตาจะสวยสู่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ แต่ก็ทำให้เธอดูน่าทะนุถนอม
หวังเจี้ยนหัวรู้ว่าเซี่ยจื้ออวี้คงรู้สึกกดดันมาก
ขอเพียงเซี่ยเสี่ยวหลานยังคบกับโจวเฉิง เหตุการณ์แบบวันนี้คงเกิดขึ้นอีกบ่อยครั้ง
ไม่ใช่แค่เซี่ยจื่ออวี้ที่รู้สึกกดดัน หวังเจี้ยนหัวเองก็เช่นกัน เนื่องจากเขามักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับโจวเฉิงโดยไม่รู้ตัว อยากแข่งขันกับโจวเฉิง อยากพิสูจน์ว่าตนเก่งกว่าโจวเฉิง แต่ตอนนี้เขากลับสู้โจวเฉิงไม่ได้ นี่ก็คือบ่อกำเนิดความกดดันของหวังเจี้ยนหัวนั่นเอง
หวังเจี้ยนหัวโอบไหล่เซี่ยจื่ออวี้อย่างอ่อนโยน
“เธออยากพูดอะไรกันแน่ จื่ออวี้ ฉันรู้ว่าการอยู่กับฉันมันทำให้เธอต้องทนทุกข์ไม่ใช่น้อย อีกทั้ง่นี้ยังเกิดเื่หลายอย่าง พ่อแม่ฉันจึงเข้าใจเธอผิด เวลาจะเป็เครื่องพิสูจน์เอง ช้าเร็วพวกเขาจะต้องรู้ว่าเธอมีดีแค่ไหน”
ต่อให้ยากลำบากเพียงใด เขาก็ไม่มีวันทอดทิ้งเซี่ยจื่ออวี้
่เวลาที่ยากลำบากที่สุด เซี่ยจื่ออวี้ยังคงเลือกเขา นั่นคือเครื่องยืนยันว่าเขามีความสามารถแอบแฝงอยู่มิใช่หรือ?
หวังเจี้ยนหัว้าการยอมรับ อีกอย่างเขากับเซี่ยจื่ออวี้ก็มีความสัมพันธ์เชิงสามีภรรยากันแล้ว หากทิ้งเซี่ยจื่ออวี้ไปตอนนี้ แล้วอีกหน่อยเธอจะแต่งงานกับใครได้อีก?!
หวังเจี้ยนหัวทำแบบนั้นไม่ลง
เซี่ยจื่ออวี้ซบอกเขา น้ำตาไหลของเธอซึมเข้าไปในเสื้อไหมพรมของหวังเจี้ยนหัว
“...ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยู่ปักกิ่งก็คงจะดี หรือไม่ก็เลิกคบกับลูกชายตระกูลโจวเสีย อยู่ให้ห่างจากสังคมที่พวกเราอยู่ไม่ได้หรืออย่างไร”
ไม่อยู่ปักกิ่ง?
เื่นี้คงเป็ไปได้ยาก นอกเสียจากรอให้เซี่ยเสี่ยวหลานเรียนจบมหาวิทยาลัย พอถึงตอนจัดสรรงานค่อยหาลู่ทางทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานถูกส่งไปทำงานที่ต่างถิ่น
ส่วนเื่เลิกคบกับโจวเฉิง เื่นี้ทำให้หวังเจี้ยนหัวหยุดคิดไปสักพัก ดูเหมือนจะพอจะเป็ไปได้!
“ขอฉันคิดดูก่อนนะ”
หวังเจี้ยนหัวโอบไหล่เซี่ยจื่ออวี้แน่น “เื่นี้ต้องมีวิธีแก้ไข”
—------------------------------------------
คืนนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานนอนไม่หลับ
เตียงบ้านโจวนุ่มกว่าที่เตียงที่หอพักเหลือเกิน เครื่องทำความร้อนก็ทำงานดี อากาศในห้องอุ่นสบายยิ่งนัก เซี่ยเสี่ยวหลานตื่นั้แ่เช้า สาเหตุที่เธอไม่ได้นอนตื่นสาย นั่นเป็เพราะนาฬิกาชีวิตของเธอชินแล้วกับการตื่นเช้า แม้จะเป็สุดสัปดาห์ก็ไม่ใช่ข้ออ้างในการนอนเอ้อระเหย โดยเฉพาะตอนอยู่บ้านคนอื่นเช่นนี้
ระหว่างทานอาหารเช้า โจวกั๋วปินถามเธอว่าวันนี้เธอมีแผนการอะไร เซี่ยเสี่ยวหลานกลืนอาหารลงคอก่อนเอ่ย
“คุณอาโจว เื่โจวเฉิงพวกเราช่วยไม่ได้เลยหรือคะ”
โจวกั๋วปินส่ายหน้า “การสอบสวนของหน่วยงานมีขั้นตอนเป็ของตัวเอง ฝ่ายปกครองไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้”
“ถ้าไปหาพานเป่าหัวล่ะคะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้อยากจับตัวพานเป่าหัวไปแลกกับความปลอดภัยของโจวเฉิง ทว่าหากอยากรู้ว่าเื่ราวเป็อย่างไร ถ้าไม่ไปหาโจวเฉิง ก็ควรไปหาอีกคนที่เกี่ยวข้องไม่ใช่หรือ
โจวกั๋วปินครุ่นคิด
เขาเคยคิดจะติดต่อกับพานเป่าหัว แต่เวลาแบบนี้มันเสี่ยงเกินไป
“เสี่ยวหลาน ตอนนี้พวกเราควรนิ่งเอาไว้ก่อน หากทำอะไรมากเกินไปก็มีโอกาสพลาดมากเช่นกัน ไม่ว่าเราจะส่งใครไปหาพานเป่าหัว ก็จะกลายเป็หลักฐานว่าโจวเฉิงติดต่อกับอีกฝ่ายจริง ในเมื่อเธอเชื่อมั่นในตัวโจวเฉิง ฉันก็จะทำตามเธอกับน้ากวนของเธอ เชื่อว่าผลการตรวจสอบจะเป็ประโยชน์ต่อโจวเฉิง!”
โจวเฉิงกับพานเป่าหัวติดต่อกันแล้วอย่างไร
หากไม่มีคนตรวจสอบ ต่อให้พานเป่าหัวลักลอบค้าของเถื่อนจริงก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา
แต่ถ้ามีคนจับจุดนี้ไม่ปล่อยต่างหากถึงจะเป็เื่ยุ่งยาก
หากโจวเฉิงได้ข้อมูลมาจากพวกค้าของเถื่อนจริง ก็จะมีส่วนช่วยในการปราบปรามการค้าของเถื่อนอย่างมาก
ทว่าที่เบื้องบน้าสอบสวนโจวเฉิง เพราะสงสัยว่าข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากการแลกเปลี่ยนของทั้งสองฝั่ง สงสัยว่าโจวเฉิงเองก็ส่งข่าวของภายในให้พานเป่าหัวด้วยเช่นกัน ทำให้พานเป่าหัวรอดพ้นจากการจับกุม คำถามคือพานเป่าหัวค้าของเถื่อนจริงหรือไม่?
นี่คือประเด็นสำคัญของปัญหา
โจวกั๋วปินเชื่อว่าทุกเื่ย่อมมีทางแก้ไข ขอเพียงจับประเด็นสำคัญได้ก็จะสามารถวิเคราะห์และแยกแยะเื่ราวจนกระทั่งได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของปัญหา!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้