หลิ่วเยี่ยเห็นเฉินซื่อปลื้มใจที่ได้เจอกับบุตรสาว นางเป็คนรู้กาลเทศะ จึงพูดคุยไม่กี่คำก็ขอตัวกลับบ้าน
หลิวซานกุ้ยกลัวว่าจะเป็จุดสนใจของชาวบ้านมากกว่านี้ จึงเตือนทั้งสองคนว่าให้เข้าไปพูดคุยในบ้าน
เฉินซื่อกวักมือเรียกครอบครัวของหลิวซานกุ้ยเข้าไปข้างในอย่างมีความสุข
โชคดีที่มีม้านั่งยาวอยู่ในบ้านสองตัวพอดี ซึ่งเพียงพอสําหรับคนทั้งหลาย
ทันทีที่หลิวเต้าเซียงเข้าไปในบ้านก็จะลงเดินเอง แล้วชี้นิ้วไปทางตะกร้าบนหลังของจางกุ้ยฮัวแล้วเอ่ย “น้องสาม!”
หลังจากที่นางพูดเช่นนี้ หลิวซานกุ้ยก็ช่วยจางกุ้ยฮัวอุ้มหลิวชุนเซียงออกมาจากตะกร้า
เฉินซื่อแทบรอไม่ไหวที่จะลุกขึ้นยืนและเดินไป นางเอ่ยว่า “รีบให้ข้าอุ้มเร็ว คนนี้คือที่เพิ่งคลอดหรือ?”
“ใช่แล้ว ท่านแม่ เพิ่งคลอดเดือนมีนาคมปีนี้ เลี้ยงได้ง่ายนัก อีกทั้งเวลากินอิ่มท้อง นางก็ไม่โวยวาย” จางกุ้ยฮัวตอบพร้อมกับตรวจผ้าอ้อมของหลิวชุนเซียง
ตามคาด ตอนนี้เด็กน้อยที่อยู่ในตะกร้าก็ฉี่ออกมาโดยไม่ส่งเสียง
หลิวซานกุ้ยเปลี่ยนผ้าอ้อมอย่างคล่องแคล่ว เขาขอยืมอ่างเล็กๆ จากเฉินซื่อ แล้วไปตักน้ำอุ่นในห้องครัวมาให้จางกุ้ยฮัว รอจนนางล้างก้นน้อยๆ ให้หลิวชุนเซียงเสร็จ เขาก็เอาน้ำไปเททิ้ง
เมื่อเห็นเขาออกจากประตูไป เฉินซื่อก็ยิ้มจนหุบไม่ลง ก่อนจะเอ่ยกับจางกุ้ยฮัวด้วยเสียงค่อย “ซานกุ้ยนับวันก็รักใคร่ภรรยามากยิ่งขึ้น ตอนนั้นพ่อของเขามาสู่ขอด้วยตัวเอง ข้ายังกังวลว่าบ้านเรานั้นยากจนเกินไป เ้าไปที่นั่นจะถูกข่มเหงเอาได้”
นางคิดดูแล้วจึงเอ่ยอีก “ข้าว่าครอบครัวเ้าดูไม่เลวทีเดียว เห็นทีเ้าอยู่ทางนั้นก็มีชีวิตอยู่ดีใช่หรือไม่ เช่นนี้แม่ก็วางใจแล้ว”
จางกุ้ยฮัวยิ้มและยื่นเด็กน้อยตัวอ้วนในมือให้เฉินซื่อ “ท่านแม่ พูดอะไรกัน แม้ว่าท่านผู้นั้นยังคงนิสัยเหมือนเดิม แต่ซานกุ้ยของเราก็ต่างไปจากเดิมแล้ว หากจะให้พูด ต้องบอกว่าเป็ฝีมือของลูกรองต่างหาก”
เฉินซื่อมองลงมาที่หลิวชุนเซียงที่ทั้งขาวและอวบ เห็นว่าบุตรสาวของตนมีชีวิตที่ดี มิเช่นนั้นการเลี้ยงทารกในครอบครัวชนบท ไหนเลยจะเลี้ยงได้ดีเช่นนี้ ลำพังไม่อดตายก็บุญแล้ว
“อ้อ เต้าเซียง? คำนวณแล้วปีนี้นางอายุเจ็ดขวบแล้วนี่นา”
ตัวเลขนี้ไม่เพียงแต่บ่งบอกถึงอายุของเต้าเซียง ยังบ่งบอกถึงเวลาเจ็ดปีที่นางไม่ได้เจอหลาน
ในใจของนางนั้นเศร้าสร้อย ตนเองไม่เคยคิดอยากเป็หญิงหม้ายที่ไม่ได้รับการยอมรับ หากว่าบิดาของบุตรสาวยังคงอยู่ เกรงว่าสถานะของนางคงไม่เป็เช่นนี้
ตอนนี้จางกุ้ยฮัวกำลังพูดถึงบุตรสาวของตนเอง ใบหน้ายิ้มแย้มจนหุบไม่ลง บุตรชายของบ้านอื่นยังไม่เก่งกาจเท่าบุตรสาวของนางแต่อย่างใด
“เจ็ดขวบแล้ว เด็กนี่เ้าเล่ห์นัก ชิวเซียงตอนนี้ก็เป็ลูกมือช่วยงานข้าทุกอย่าง เด็กคนนี้พอเห็นว่ามีพี่สาวช่วยเหลือ งานบ้านจึงไม่ตกถึงนาง วันๆ ไปเสเพลข้างนอก เสเพลไปมา นิสัยกลับไม่เหมือนพวกข้า มันน่าแปลกนัก นางมีความคิดหาทางทำให้หาเงินได้ แล้วก็หลอกล่อท่านพ่อให้สอนทั้งสองพี่น้องศึกษาตำรา กระทั่งข้าเองก็ได้เล่าเรียนไปสองเล่ม เริ่มอ่านออกบ้าง”
เฉินซื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งมีความสุข แม่หญิงที่รู้จักอักษรนั้นจัดว่าสูงส่ง นับว่าเป็ผู้ที่ใครๆ ก็้า
“โอ้ เด็กดีของยาย รีบมาให้ยายอุ้มเร็วเข้า”
หลิวเต้าเซียงมองไปที่น้องสาวตัวน้อยที่กําลังถ่มน้ำลายฟองสบู่ในอ้อมแขนของท่านยาย นางคิดว่าไม่ไปแย่งรังนกกางเขนจะดีกว่า
“ท่านยาย ใช่แล้ว ท่านพ่อของข้ายังนำปลาสดใหม่มาให้ท่านยายด้วย”
เฉินซื่อได้ยินดังนั้นก็นึกได้ว่าตอนนี้เป็เวลาเที่ยงวันแล้ว เกรงว่าบุตรสาว บุตรเขยและหลานสาวน่าจะยังไม่ได้ทานข้าว ต้องโทษนางที่ดีใจจนลืมกระทั่งว่าลูกหลานน่าจะยังไม่ได้ทานอะไร
เมื่อเห็นหลิวซานกุ้ยล้างอ่างอย่างคล่องแคล่วแล้วตากผ้าบนบันไดด้านนอกเพื่อให้ลมไล่ความเปียกชื้น นางยิ่งเกิดความพอใจในตัวเขามากยิ่งขึ้น
เมื่อกังวลว่าคนทั้งครอบครัวยังไม่ได้ทานข้าว จึงเอ่ย “ซานกุ้ย รีบช่วยแม่จับไก่ใต้ต้นพุทราเร็วเข้า วันนี้พวกเ้ามาทั้งที จะต้องเชือดไก่กินสักหน่อย”
หลิวชิวเซียงได้ยินดังนั้น ดวงตาถึงกับเป็ประกายทันใด วันนี้พวกนางจะได้กินไก่เป็อาหารกลางวันจริงหรือ?
ก่อนหน้านั้นเวลาที่บ้านเชือดไก่ สองพี่น้องได้แค่ดมกลิ่น ไม่มีส่วนของพวกนาง
รสชาติของไก่นางพอรู้ ในอดีตเวลาช่วยในห้องครัว จางกุ้ยฮัวไม่กินเอง แต่อาศัยจังหวะที่หลิวฉีซื่อกับหลิวเสี่ยวหลันไม่ทันสังเกต มักจะรีบแอบเอาใส่ปากของพวกนางสองพี่น้อง จากนั้นก็ไล่พวกนางไปแอบเคี้ยวกินด้านหลังบ้าน
ด้านหลังบ้านเป็เล้าหมู ซึ่งเป็สถานที่ที่ทั้งครอบครัวตระกูลหลิวทั้งรักทั้งรังเกียจ รักที่หมูสามารถแลกเป็เงินได้ แต่ก็รังเกียจที่มันทั้งสกปรกและเหม็น
หลิวเต้าเซียงเห็นท่าทางอยากกินของนางก็อดหัวเราะอย่างออกมาไม่ได้
เพียงแต่อีกฟาก หลิวซานกุ้ยนั้นหรือจะทำใจเชือดไก่ได้ ครอบครัวชนบททุกบ้านเลี้ยงไก่ไว้เพื่อวางไข่แล้วแลกเงินซื้อน้ำมันหมู หรือไม่ก็พวกเครื่องปรุงต่างๆ
“ท่านแม่ อย่าเชือดเลย ข้านำปลาหลี่อวี๋มาด้วย ยังมีปลาเตียวจื่อกับปลาจี้อวี๋ [1] ปลาเหล่านี้หากลอกเกล็ดออกแล้วใช้เกลือหมักไว้ ท่านแม่เก็บไว้ค่อยๆ ทานนะขอรับ”
เฉินซื่อไหนเลยจะยินยอม บุตรสาวเจ็ดปีถึงจะมีโอกาสกลับมาสักหน ในบ้านแม้นจะยากจนเพียงใด ไก่นี่ก็จำเป็ต้องเชือด
“ท่านพ่อ เราเชือดไก่กินกันเถิด ข้าเองก็ไม่ได้กินนานแล้ว” หลิวเต้าเซียงเองก็อดอยาก ไก่บ้านนั้น แค่คิดก็อยากกินแล้ว เนื้อไก่แน่นๆ ไม่พอ ยังมีกลิ่นที่หอมเย้ายวนอีก
เมื่อเฉินซื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งทนไม่ไหว ยกหลิวชุนเซียงตัวอ้วนพีไว้ในอ้อมอกของจางกุ้ยฮัว จากนั้นก้าวออกจากบ้านอย่างเร่งรีบ ถกแขนเสื้อขึ้นและเอ่ยว่า “เ้าไม่เชือด เดี๋ยวข้าเชือดเอง เ้าไม่กินแล้วยังไม่พอใจที่หลานสาวข้ากินหรืออย่างไร?”
ย่อมได้ หลิวซานกุ้ยได้ยินคำพูดนั้นก็ไม่กล้าคัดค้าน แม่ภรรยาพูดออกมาแล้วว่า้าให้หลานสาวกิน
หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของผู้เป็พ่อ จึงเอ่ย “เราเอาไข่มาให้ท่านยายห้าสิบใบไม่ใช่หรือ? รอหนหน้าเราได้ลูกไก่มาหลายตัวหน่อย เราค่อยนำมาให้ท่านยายกัน”
จางกุ้ยฮัวฟังและตบก้นเล็กๆ ของนาง ใช้เสียงดุอย่างยิ้มแย้ม “เ้าแผนการนักนะ เ้าคิดไว้ดิบดีว่าให้ท่านยายเลี้ยงไว้ พอครั้งหน้าเ้ามาที่บ้านยาย เ้าก็จะได้กินไก่ใช่หรือไม่”
“โอ๊ย ท่านยาย ท่านแม่ตีข้า”
ใบหน้าของหลิวเต้าเซียงนั้นหนายิ่งนัก นางจับก้นตนเองแล้วไถลไปทางเฉินซื่อ
สิ่งที่เฉินซื่อชอบที่สุดคือน้ำเสียงออดอ้อนเรียกท่านยายของนาง
ความสนิทสนมนั้นมีมากเพียงพอ ทำเอาเฉินซื่อแทบอยากจะขนของอร่อยที่มีในบ้านมาเติมเต็มนางให้หมด
“หลานสาวของยาย มานี่เร็ว ยายจะเชือดแม่ไก่ให้พวกเ้ากิน ไก่ตัวนี้น่ะ ข้าเลี้ยงมาสามปีกว่าแล้ว”
เสียงของเฉินซื่อแฝงไปด้วยความสุข ความตื่นเต้นและความเหงา
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่ลูกชายของนางแอบออกไปจากบ้าน สิ่งเดียวที่หญิงชราคนนี้คาดหวังคือการที่ลูกสาวของนางจะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ
ครอบครัวของนางไม่เคยขาดแคลนไก่ อีกทั้งยังเป็แม่ไก่ทุกตัว ก็เพื่อรอวันที่บุตรสาวกลับมาจะสามารถเชือดแม่ไก่ไว้บำรุงร่างกายให้นาง
ปีแล้วปีเล่า วันแล้ววันเล่า
ั้แ่ผมยังดำขลับจนวันนี้ผมเริ่มหงอก
นางตั้งหน้าตั้งตารอคอย จนในที่สุดก็ได้เจอบุตรสาว
หลิวเต้าเซียงจุกในใจ แอบเหลียวมองผู้เป็พ่อเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจว่า ตอนนี้ยังรับหญิงชราไปอยู่ด้วยกันไม่ได้ เช่นนั้นแล้วตนเองก็ต้องคิดหาหนทางให้บิดามารดาของตนมาเยี่ยมท่านยายบ่อยๆ
เฉินซื่อไม่รู้ว่าความรักใคร่ที่มีต่อบุตรสาวนั้นกำลังได้รับการตอบแทน
ตอนนี้นางกําลังใช้ให้หลิวซานกุ้ยไล่จับแม่ไก่ที่อยู่ในสุ่ม
หลิวชิวเซียงปรบมืออย่างมีความสุข นับจากวันนี้ นางก็ยิ่งชื่นชอบการมาที่บ้านท่านยาย นางตั้งใจว่าต่อไปจะต้องร่วมมือกับน้องสาวหาทางมาบ้านท่านยายอีก
นางกัดพุทราแผ่นที่รสชาติเปรี้ยวแล้วมองดูเฉินซื่อที่ยิ้มร่าเริง อืม นางกำมือแน่น ต้องมาเยี่ยมท่านยายบ่อยๆ จะได้กินแม่ไก่ น้องรองของนางเองก็ต้องชอบเป็แน่
หลิวเต้าเซียงมองดูหลิวซานกุ้ยจับไก่อย่างงุ่มง่ามอยู่ด้านนอกสุ่มไก่ โมโหจนนางะโโหยงเหยง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ส่งเสียงะโสั่งอยู่ข้างๆ
เฉินซื่อมองไปที่หลานสาวอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็น่ายินดีนัก
หลังจากทะเลาะกับไก่สักพัก ในที่สุดหลิวซานกุ้ยก็จับแม่ไก่ดำได้หนึ่งตัว เฉินซื่อรีบเดินมาใกล้ แล้วะโไปทางห้องครัว “กุ้ยฮัว น้ำเดือดหรือยัง?”
คําตอบที่ร่าเริงของจางกุ้ยฮัวดังมาจากห้องครัว “ท่านแม่ ใกล้แล้ว”
เฉินซื่อเห็นว่าควรเชือดไก่ให้เสร็จ น้ำทางนั้นก็น่าจะเดือดพอดี จะได้เอาน้ำที่เดือดได้ที่มาราดบนตัวไก่
แน่นอนว่า งานประเภทนี้มีหลิวซานกุ้ยอยู่ จึงไม่ต้องให้เฉินซื่อลงมืออีก
เฉินซื่อมีเวลาว่างดูสามพี่น้องนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นเอล์ม จึงหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วเดินเข้าบ้านไป ไม่นานนักก็ถือกะละมังและตะแกรงเล็กๆ ออกมาหนึ่งอัน
“เต้าเซียง เต้าเซียง รีบมากินเร็ว นี่คือพุทราจีนที่ท่านยายตากแห้งปีนี้ หวานยิ่งนัก” นางรู้สึกเสียใจ หากรู้แต่เนิ่นว่าหลานสาวจะมา นางคงไม่นำพุทราจีนแห้งขายให้คนในหมู่บ้าน
โชคดีที่นางยังคงเก็บบางส่วนไว้ เพราะหวังว่าพวงนางจะมา
“ยายจงใจเหลือไว้ให้พวกเ้าเลยล่ะ”
หลิวชิวเซียงรีบวิ่งไปก่อน ส่วนหลิวเต้าเซียงจนปัญญาเพราะอีกฝ่ายขายาวกว่า นางจึงวิ่งเหยาะๆ ด้วยขาอันสั้นตามหลังไป
ในตะกร้านอกจากพุทราจีนแล้วยังมีองุ่นป่าที่ล้างสะอาดเรียบร้อย สิ่งนี้น่าจะเป็ของที่หลิวซานกุ้ยเด็ดมาก่อนหน้านี้
นางซึ่งอยากกินองุ่นป่าอยู่แล้วจึงเด็ดหนึ่งเม็ดเข้าปากและออกแรงกัด เปลือกองุ่นแตกออก น้ำองุ่นพุ่งออกมาเต็มปาก ช่างหวานยิ่งนัก
“ท่านแม่ อีกประเดี๋ยวจะกินข้าวแล้ว ตอนนี้หากให้พวกนางกินก่อน เดี๋ยวจะกินข้าวไม่ลงนะ”
จางกุ้ยฮัวรู้สึกว่าเด็กๆ ควรกินข้าวให้มากจะได้ตัวสูง
เฉินซื่อก็รู้เช่นกัน แต่นางมีความสุขนี่นา มีความสุขเสียจนอยากขนของกินในบ้านทั้งหมดออกมาให้หลานสาวสองคน
จางกุ้ยฮัวเห็นว่าแม่ของนางตามใจเด็กทั้งสอง จึงวางที่คีบไฟแล้วเดินลงมาและยกไปทั้งอย่างนั้น
เหลือไว้เพียงสองพี่น้องตระกูลหลิวที่ยืนงง
เฉินซื่อเกรงว่าหลานสาวทั้งสองไม่จะพอใจ จึงเอ่ย “เอาไปก็เอาไป รอกินข้าวเที่ยงเสร็จ เราค่อยไปเอามา ไปกัน ท่านยายจะปอกสาลี่เปลือกน้ำตาลให้พวกเ้ากิน”
เปลือกลูกแพร์หยาบและแข็ง เนื้อััไม่ดีนัก ส่วนเนื้อด้านในค่อนข้างหวาน
นึกถึงสาลี่หอมในอดีตที่เพียงแค่กัดก็มีน้ำไหลเยิ้มออกมา
หลิวเต้าเซียงกินสาลี่เปลือกน้ำตาลไปพร้อมกับนึกถึงเมื่อตอนนั้น
ทั้งสองกินลูกสาลี่ ก่อนที่เฉินซื่อจะพาพวกนางไปดูแปลงผักเล็กๆ ของตนเอง เดิมที้าพาพวกนางไปเที่ยวตระเวนรอบหมู่บ้าน เพียงแต่แดดแรงเกินไป ทุกคนจึงต้องพักไว้ก่อน
ไม่นานนัก จางกุ้ยฮัวก็เรียกพวกนางให้ไปกินข้าว
คล้อยกันกับที่ได้กลิ่นหอมหวนของเนื้อไก่ ทั้งสามก็คลำตามทางไปยังห้องครัว
“เหตุใดจึงทำเพียงแค่ไก่ตุ๋นเล่า? ปลาหลี่อวี๋ล่ะ? เหตุใดจึงไม่ทอดกิน?” เฉินซื่อยังไม่ทันนั่ง เมื่อเห็นอาหารเพียงแค่นี้ก็โกรธ
-----
เชิงอรรถ
[1] ปลาเตี้ยวจื่อ 刁子鱼 diao zi yu คือปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งซึ่งเป็อาหารขึ้นชื่อในแถบแม่น้ำจิง 荆江 jing jiang ในมณฑลหูเป่ย มีขนาดเล็ก ว่ากันว่าเป็เนื้อปลารสชาติเยี่ยม
ปลาจี้อวี๋ 鲫鱼 ji yu หรือ ปลาคาร์พ (ปลาตระกูลปลาตะเพียน, ปลาไน) มีขนาดกลาง (Crucian carp) เป็ปลาน้ำจืดเหมือนกัน และเป็หนึ่งในอาหารมงคลของคนจีน เพราะคำว่า จี้ พ้องกับคำว่า 吉 จี๋ แปลว่ามงคล
