เชือกธรรมดาไม่อาจมัดตัวกู่ซาได้มันมีกำลังมหาศาลและมีร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วยเหล่ายอดฝีมือที่พุ่งตัวออกไปแทบจะไม่มีโอกาสโจมตีมันเลย มิหนำซ้ำจวงเฟยเฟยยังสั่งห้ามไม่ให้ทำร้ายกู่ซาอีกดังนั้นโรงจวี้ฉ่างจึงสูญเสียคนเป็จำนวนมาก
อันเจิงมองจวงเฟยเฟยด้วยสายตาเ็าหญิงสาวรูปงามแต่กลับมีจิตใจราวกับปีศาจร้ายเดิมทีเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้แค่ถูกฝึกมาเพื่อรับหน้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ เท่านั้นไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีจิตใจที่โหดร้ายเช่นนี้เพื่อนำกู่ซากลับไปฝึกเป็โอสถิญญา ไม่ว่าใครจะตายก็ไม่สำคัญสำหรับนาง ทันใดนั้นอันเจิงก็นึกขึ้นได้...นำกู่ซาไปฝึกเป็โอสถิญญาโดยเฉพาะกู่ซาที่มีอายุพันปีแบบนี้ เป็ไปได้อย่างเดียวนั่นก็คือ...
เขาหันไปมองจวงเฟยเฟยทันที “เ้าจะฝืนชะตาต่อชีวิตให้คนอื่นรึ?”
จวงเฟยเฟยกัดริมฝีปากแล้วพูด “เ้าถามมากเกินไปแล้ว”
เพราะองครักษ์ของนางไม่กล้าฆ่ากู่ซาจึงถูกมันปล่อยพิษร้ายแรงเข้าใส่ฉะนั้นตามร่างกายของทุกคนจึงเต็มไปด้วยรอยแผล กู่ซาฆ่าคนไปไม่น้อย ยิ่งตัวมันโดนเืมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งบ้าคลั่งมากเท่านั้น
ยอดฝีมือในโลกมายาเริ่มมามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีใครคิดจะออกตัวจัดการกับมันเลยสักคน
อันเจิงหมุนปิ่นแมลงปอทับทิมในมือ “ไม่ว่าเ้าคิดจะต่อชีวิตให้ใครก็ตามแต่เ้าตัวนี้มันฆ่าคนมากเกินไปแล้ว”
เขาก้มตัวลง จากนั้นก็พุ่งไปทางกู่ซา
ทันใดนั้นอันเจิงได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเขา เขาหยุดลงอย่างรวดเร็วแล้วหันกลับไปมองจึงพบว่าชวีหลิวซีประคองตัวผู้เฒ่าฮั่วเดินมาทางอันเจิงอย่างรีบเร่ง
“หลบไป!”
ผู้เฒ่าฮั่วยกมือขึ้นโยนผ้าสีฟ้าในมือออกไปผ้าผืนนั้นโบกสะบัดไปมากลางอากาศ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่แต่เมื่ออันเจิงเห็นผ้านั้นชัด ๆ เขาก็ชะงักไปชั่วขณะ มันคือผ้าสีฟ้าที่เสี่ยวช่านอยากได้นั่นเองคิดไม่ถึงว่าผ้าผืนนี้จะยาวขึ้นเมื่ออยู่กลางอากาศ มันมีขนาดประมาณสามถึงสี่เมตร และดูเหมือนว่าจะมีจิติญญาเสียด้วยเพราะมันสามารถพุ่งออกไปโจมตีกู่ซาได้ด้วยตัวเอง
กู่ซากรีดร้องเสียงโหยหวนแล้วหนีโดยที่หัวห้อยต่องแต่งเป็เพราะเมื่อครู่หัวมันถูกอันเจิงโจมตี ฉะนั้นจึงเอียงออกไปด้านข้างผ้าสีฟ้าลายดอกไม้ลอยออกไปและตามจนถึงตัวของกู่ซาอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ห่อตัวมันไว้แ่า กู่ซาที่มีแรงมหาศาลกลับดิ้นไม่หลุดเลยทีเดียว!
ผ้าสีฟ้าพันธนาการมันไว้อย่างรวดเร็ว กู่ซาที่อยู่ด้านในดูเหมือนหนอนตัวหนึ่งที่ดิ้นไปมา
ผู้เฒ่าฮั่วะโ “ตัดเอ็นของมันซะ”
อันเจิงรีบออกไปเปิดผ้าสีฟ้าแล้วทำลายเอ็นที่ข้อเท้าทั้งสองของกู่ซาทันทีปิ่นแมลงปอทับทิมเป็สมบัติวิเศษระดับสีม่วงถึงแม้จะยังไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถใช้ความคมของมันให้เป็ประโยชน์ได้แม้ว่าร่างกายของกู่ซาจะแข็งแรงมาก ทว่าก็ไม่สามารถต้านพลังของปิ่นแมลงปอทับทิมได้อยู่ดีอันเจิงทำลายเอ็นที่ข้อเท้าทั้งสองของมันแล้ว กู่ซาจะไม่สามารถะโได้อีก
“ห้ามขโมยของข้า!”
เมื่อจวงเฟยเฟยเห็นอันเจิงจับตัวกู่ซาไว้นางตกตะลึงเป็อย่างมาก รีบเดินเข้ามาคิดจะจับหลังคอของอันเจิง
นางไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเพียงแค่อยากหยุดเขาไว้เท่านั้นเอง
อันเจิงหมุนตัวจากนั้นก็สะบัดข้อมือที่ถือปิ่นแมลงปอทับทิมออกไปปิ่นนั้นจ่อไปที่คอของจวงเฟยเฟยพอดี นางเปลี่ยนกระบวนท่าใช้ฝ่ามือฟาดออกไปแทนอันเจิงเห็นดังนั้นก็ยื่นปิ่นแมลงปอทับทิมออกไปรับฝ่ามือของนาง จวงเฟยเฟยขมวดคิ้ว นางเก็บฝ่ามือแล้วซัดออกไปอีกครั้งแต่ไม่ว่าจะซัดไปทางใด ปิ่นแมลงปอทับทิมของอันเจิงก็จะรอรับฝ่ามืออยู่ทางนั้น นางมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าอันเจิงมากแต่กลับไม่อยากทำร้ายเขาด้วยพลังที่มีดังนั้นการต่อสู้ทั้งสามกระบวนท่านี้จึงไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย
“เ้าคิดจะช่วยใคร?”
อันเจิงนำปิ่นแมลงปอทับทิมจ่อไปที่กลางหัวใจของกู่ซา“ข้าจะยกกู่ซาให้เ้า แต่เ้าต้องบอกข้ามาก่อนว่าจะเอาไปช่วยใคร”
“ช่วย...”
จวงเฟยเฟยเงียบไปครู่หนึ่ง นางกัดปากแล้วพูดขึ้น“ช่วยสามีข้า”
อันเจิงตะลึงไปทันที เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้
วินาทีนั้นอันเจิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีเขาเพิ่งเห็นจวงเฟยเฟยจัดการเื่นี้อย่างโหดร้าย
“คนตายตั้งมากมายก็เพื่อช่วยชีวิตคนคนเดียวที่กำลังจะตายงั้นรึ”
อันเจิงถอนหายใจ
จวงเฟยเฟยคุกเข่าลงในทันทีขาที่อ่อนนุ่มของนางกระแทกลงบนพื้น “ขอร้องล่ะ...ข้าสามารถแลกมันกับทุกอย่างเกล็ดมัจฉาของเผ่ากู่เลี่ยข้าก็ไม่เอาแล้ว ของทุกชิ้นในโรงจวี้ฉ่างข้าก็สามารถยกให้เ้าได้ข้าไม่เสียดายทั้งนั้น ขอเพียงยกเ้านี่ให้ข้าเอากลับไปช่วยสามีที่ข้าให้เ้าไปตรวจสอบของล้ำค่า ก็เพราะอยากรู้ว่ามันใช่กู่ซาอายุพันปีหรือไม่...”
“เช่นนั้น...เดิมทีเ้าก็อยากจะเปิดโลงแก้วั้แ่แรกแล้วและเืที่หยดลงบนโลงแก้วก็เกิดจากความตั้งใจของเ้า?”
จวงเฟยเฟยอ้าปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“ใจจืดใจดำจริง ๆ”
อันเจิงพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “เพื่อช่วยสามีตัวเองเ้าใช้พวกข้ามาสังเวยให้กับกู่ซา”
“ข้าไม่มีทางเลือกอื่น”
จวงเฟยเฟยเงยหน้าขึ้น “ฆ่าข้าสิ เช่นนั้นเ้าก็ฆ่าข้าเลยแล้วให้คนของข้านำกู่ซากลับไป! ผู้นำนิกายอัน หากมอบกู่ซาให้ข้าก็ถือว่าโรงจวี้ฉ่างติดหนี้บุญคุณท่าน ไม่ว่าท่าน้าอะไรหรือเมื่อไหร่ก็ตาม โรงจวี้ฉ่างไม่มีวันปฏิเสธอย่างแน่นอน”
นี่เป็ครั้งแรกที่อันเจิงเห็นน้ำตาของจวงเฟยเฟย
นางเป็ผู้หญิงที่อันเจิงไม่มีวันเข้าใจหรืออันเจิงอาจไม่มีวันรู้เื่ราวในเื้ัของหญิงสาวผู้นี้เลย นางจัดการทุกเื่อย่างโเี้อำมหิตและไม่มีขอบเขตแต่กลับเป็คนที่ทุ่มเทกับความรักมากถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยอมตายเพื่อสามีอันเจิงขนลุกซู่ทันที เขารู้สึกว่าใน่ที่ตัวเองเติบโตและแข็งแกร่งนี้มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยเข้าใจ...นั่นก็คือความรัก ความรักที่ดูน่าขนลุกในบางเวลา
“เ้าได้เตรียมสมบัติวิเศษมาเก็บมันหรือไม่?” อันเจิงถาม
จวงเฟยเฟยพยักหน้าเบา ๆจากนั้นก็นำของบางอย่างที่ดูคล้ายกับลิ้นชักเหล็กออกมา
“เ้าจะเอาพิษในร่างกู่ซาหรือร่างนั้นข้าให้เ้าไม่ได้”
อันเจิงเปิดผ้าสีฟ้าออกบางส่วนและเห็น่หน้าอกของกู่ซา ผ้าผืนนี้ดูเก่ามากและยังมีรูอยู่หลายตำแหน่ง เวลานี้อันเจิงเพิ่งได้เข้าใจว่ารูพวกนี้มีไว้เพื่ออะไรเพราะมันสามารถเปิดส่วนใดส่วนหนึ่งออกได้และทุกรูก็อยู่พอดีกับตำแหน่งสำคัญทั้งนั้น
“พิษในร่างมาจากหัวใจเ้าเอาหัวใจมันไปเถอะ”
อันเจิงไม่อยากเห็นหน้าของจวงเฟยเฟยอีกจึงขยับตัวไปด้านข้างนางหยิบถุงมือออกมาจากที่ว่างกลางอากาศ เห็นได้ชัดว่าเตรียมการเอาไว้ั้แ่แรกแล้วจากนั้นก็หยิบมีดที่คล้ายปีกจักจั่นออกมากรีดควักหัวใจกู่ซามีดจักจั่นนี้ดูไม่เลวเลยแต่ก็ไม่อาจเทียบกับปิ่นแมลงปอทับทิมได้ เวลานี้กู่ซาดิ้นรนอยู่ในผ้าสีฟ้าอย่างไร้หนทางหนีรอด
หลังจากจวงเฟยเฟยควักหัวใจมันออกมาแล้วก็นำไปใส่ในลิ้นชักเหล็กด้วยความระมัดระวัง หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ นางก็ถอนหายใจยาวๆ แล้วก้มหัวคารวะอันเจิงอีกครั้ง “ขอบคุณจริง ๆ”
อันเจิงส่ายหัว “นำเตาหลอมสมุนไพรที่ระลึกส่งไปที่นิกายเบิก์ด้วย”
จวงเฟยเฟยตอบตกลงอย่างรวดเร็ว “ข้าจะส่งคนนำไปให้ตอนนี้เลย”
อันเจิงหันหลังกลับ มีความรู้สึกว่าไม่อยากเจอนางอีกแล้วเขาใช้เชือกมัดกู่ซาแล้วลากกลับนิกายเบิก์ เงาจากด้านหลังของเขาดูอ่อนล้าเหลือเกินมีผู้คนมากมายล้อมดูเหตุการณ์นี้บนถนน จากนั้นก็มีเสียงปรบมือพร้ะโกนขึ้น
“ผู้นำนิกายอันช่างเกรียงไกร!”
ท่ามกลางเสียงะโเ่าั้เงาของอันเจิงกลับดูผิดหวังเหลือเกิน
เมื่อกลับถึงนิกายเบิก์อันเจิงก็เผาร่างกู่ซาในทันที แล้วส่งผงกระดูกของมันเข้าไปฝังในป่าลึกบนร่างของกู่ซาเหมือนมีเื่ราวความโศกเศร้าบางประการอยู่ แต่ไม่มีใครกล้าขุดมันขึ้นมาตรวจสอบอีกรอบเคยมีคนบอกว่ากู่ซามีพลังปีศาจบางอย่างที่ไม่สามารถทำลายได้ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีพลังความแค้นที่มากขนาดนี้อันเจิงไม่รู้ว่าอนาคตจะมีกู่ซาหรือร่างผีตายซากแบบนี้อีกกี่ตัวแต่เขารู้ว่าบางคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ต่างไปจากกู่ซาเลย
ความรู้สึกประหลาดใจของกู่เชียนเยว่ที่มีต่ออันเจิงเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าอันเจิงเดินไปไหนนางก็จะตามเขาเป็เงา แต่กลับไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ แววตาของนางเต็มไปด้วยแสงประกายที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่เลว ๆ ถึงแม้อายุยังน้อย อีกทั้งยังผอมแห้งแต่กินเนื้อเยอะ ๆ ก็คงดูกำยำขึ้นเองรูปลักษณ์ดูไม่เหมือนอัศวินแต่ก็สะดุดตาข้าเหมือนกัน ถือว่าข้าพอใจเป็อย่างมาก”
หลังจากเดินตามอันเจิงสี่ชั่วโมง สุดท้ายนางก็พูดออกมาแต่สิ่งที่นางพูดกลับทำให้อันเจิงสะดุดเท้าตัวเองในทันที
“เ้าหมายความว่าอย่างไร?” อันเจิงถาม
ชวีหลิวซีวิ่งมายืนอยู่หน้าอันเจิง “นางบอกว่า...นางจะจับเ้ากลับไปเป็สามี!”
อันเจิงหลุดหัวเราะออกมา “พูดเล่นอะไรกันท่านหัวหน้าเผ่า ท่านตาบอดแล้วหรือ?”
กู่เชียนเยว่มองอันเจิงด้วยแววตาชื่นชม “ข้าชอบเ้ามากหลังจากข้ากลับไปแล้วจะส่งสินสอดมาให้”
อันเจิงกำลังอึ้งอยู่ ส่วนชวีหลิวซีหน้าแดงขึ้นทันที
กู่เชียนเยว่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เอามือไขว้หลังเดินไปทางสนามซ้อมกู่หมานและพรรคพวกกำลังจัดวางเนื้อย่างและอาหารอื่น ๆ ที่มีกลิ่นหอมตลบอบอวล
“นี่...อันเจิงตอนนี้ดวงความรักเ้ากำลังมาแรงนะเนี่ย”
ตู้โซ่วโซ่วกำลังนั่งยอง ๆ มองตามกู่เชียนเยว่“เด็กสาวคนนี้ก็ดูไม่เลวนะ หน้าตาสะสวย”
“ไปได้แล้ว” อันเจิงออกปากไล่
ตู้โซ่วโซ่วเบ้ปาก “คนเขาไม่ชอบกินเนื้ออ้วนแต่ชอบกินเนื้อผอมต่างหาก”
ชวีหลิวซีกระทืบเท้าแล้ววิ่งกลับไป
เวลานี้โรงจวี้ฉ่างส่งคนนำเตาหลอมสมุนไพรมาให้อันเจิงรับเตาหลอมสมุนไพรแล้วถามขึ้นด้วยความลังเล “นายหญิงของพวกเ้าเล่า?”
คนผู้นั้นดูสับสนเล็กน้อย “ไปแล้ว นางออกจากโลกมายาไปแล้ว”
‘อืม’ อันเจิงเปล่งเสียงออกมาและคิดในใจว่าคงไม่ได้เจอจวงเฟยเฟยอีกแล้วไม่รู้เพราะอะไรเขากลับรู้สึกผ่อนคลายลง เพราะความรู้สึกที่มีต่อจวงเฟยเฟยในตอนนี้ถึงขั้นรังเกียจเลยก็ว่าได้ ไม่เจอกันอีกคงดีที่สุดแล้ว
พระอาทิตย์ตกดินและส่องแสงลงมาทำให้ทุกคนมีเงาที่ยาวเหยียด
อันเจิงนั่งยอง ๆ คุยกับผู้เฒ่าฮั่วอยู่บนแท่นเขานำเตาหลอมสมุนไพรให้ผู้เฒ่าฮั่ว วานให้เขานำไปให้ชวีหลิวซี
“ทำไมเ้าไม่เอาไปให้เองเล่า?” ผู้เฒ่าฮั่วถาม
อันเจิงยิ้มเจื่อน “ข้าเป็ถึงผู้นำนิกายเื่เล็กแค่นี้ต้องไปเองเลยหรือ”
“เ้ามีพิรุธ”
“อย่าถามมากความเลย...ท่านเป็ผู้าุโทำตัวให้ดูจริงจังหน่อยสิ”
“ชวีหลิวซีดูแปลก ๆ ไปนะ” ผู้เฒ่าฮั่วออกความคิดเห็น
อันเจิงพยักหน้า “ใช่ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเวลานางเจอข้าถึงต้องเขม่นข้าด้วย”
‘เฮ้อ’ ผู้เฒ่าฮั่วถอนหายใจ “ข้าว่าเป็เพราะกู่เชียนเยว่ต่างหาก”
อันเจิงชะงักไปแล้วหน้าแดงขึ้น “ไม่มีอะไรแปลกหรอกที่นางตามข้าไม่ใช่เพราะอยากจับไปเป็สามีอะไรนั่น แต่เพราะเกล็ดมัจฉาอยู่กับข้าต่างหากถ้านางยอมไปง่าย ๆ สิแปลก”
ผู้เฒ่าฮั่วนำกระดิ่งแก้วมาดูจากนั้นก็ส่ายหัว “ไม่เห็นมันแล้ว”
อันเจิงชะงัก “เข้าไปเองแท้ ๆ”
ผู้เฒ่าฮั่วมองอย่างละเอียด “ไม่เห็นมันแล้วจริงๆ”
ขณะที่อันเจิงก้มหัวลง เขาสังเกตเห็นว่าสร้อยลูกประคำโลหิตบนข้อมือมีบางอย่างแปลกไปเมื่อดูอย่างละเอียดจึงเห็นว่า ลูกประคำที่ยังไม่ได้เปิดใช้เม็ดหนึ่งราวกับมีตัวอักษรอยู่เป็อักษรที่มีขนาดเล็กมากจึงมองไม่ชัด
อันเจิงยกขึ้นดูอย่างละเอียดจึงเห็นตัวอักษรที่เลือนรางแต่ก็ไม่อาจเข้าใจความหมายของมันได้ เมื่อผู้เฒ่าฮั่วดูก็ขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อย ๆเขายื่นมือออกมาจับและดูอย่างละเอียด แต่เพราะอายุมากสายตาจึงพร่ามัวเขาจ้องอยู่นานมากสุดท้ายจึงอ่านออก มันเป็ตัวอักษรโบราณที่มีลายเส้นซับซ้อนทั้งยังตัวเล็กอีกด้วย
อักษรนั่นก็คือ...เป่ยหมินมีปลาวิเศษ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้