แม้แต่เยว่ถิงเองก็คิดไม่ถึงเลยว่า หลินเมิ้งหยาจะสามารถพูดเอาชนะแม่ของตนเองได้
แม้คำพูดเ่าั้จะใช้การข่มขู่มากกว่าเหตุผลก็ตาม
ถึงแม้ท่านแม่จะแพ้แล้ว แต่ก็มิได้หมายความว่าพวกนางจะชนะเช่นเดียวกัน
เกรงว่าท่านแม่จะกำลังคิดหาวิธีการอื่น
หลินเมิ้งหยาอ่านใจของเยว่ถิงออก ตบหลังมือนางเบาๆ
“วางใจเถิด ยังมีข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
เยว่ถิงพยักหน้าลง ขอบตาแดงก่ำ
นางสามารถอดทนต่อความทุกข์ทรมานได้ขอเพียงได้ใช้ชีวิตกับหลินหนานเซิง นางยินดีที่จะทำทุกอย่าง
โชคดีที่หลินเมิ้งหยาออกหน้าช่วยเหลือแทนพวกนางตอนนี้นางไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว
“ท่านลุงเยว่ ข้าคิดว่าท่านป้าเยว่จะไม่ยอมแพ้เื่นี้ง่ายๆเกรงว่าท่านลุงเยว่จะต้องเป็คนไกล่เกลี่ยแล้ว”
ทุกครอบครัวล้วนมีปัญหา พวกนางสกุลหลินมีซ่างกวนฉิงสกุลเยว่มีฮูหยินเยว่
เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีทางมีชีวิตสงบสุขอีกต่อไป
ดูเหมือนว่าวันนี้นางจะทำให้ฮูหยินเยว่ขุ่นเคืองเสียแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลเองก็คงได้รับผลกระทบเพราะเื่นี้
“พระชายาโปรดวางใจ กระหม่อมรู้แล้วว่าผิดพลาดอะไรไปต่อจากนี้ไปจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ฮูหยินเยว่กระทำการใดๆ ตามอำเภอใจอีก”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้า เมื่อเยว่ซื่อหลินให้คำสัญญาแล้วนางจึงรู้สึกสบายใจขึ้น
แต่ในความคิดของหลินเมิ้งหยาหากเยว่ถิงยังคงอาศัยอยู่ที่จวนแห่งนี้ จะมิต่างอะไรกับะเิที่รอวันถอดสลัก
ดูท่านางจะต้องรีบคิดหาวิธีทำให้พี่เยว่ถิงรีบแต่งงานออกเรือนมาให้เร็วที่สุด
ท่านพี่ อา ท่านพี่ท่านจะรู้หรือไม่ว่าน้องสาวคนนี้กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อชีวิตแต่งงานอันแสนสุขของท่าน?
เยว่ซื่อหลินให้คำมั่นอีกสองสามประโยค จากนั้นจึงพาคนของตนเองจากไป
หลินเมิ้งหยา เยว่ถิงและเยว่ฉีนั่งอยู่ในเรือนเล็กเพื่อพูดคุยกันนอกจากคนสนิทของตนเองแล้ว คนอื่นๆ ล้วนมองดูอยู่ไกลๆ
“เฮ้อ ข้ายังคงกังวลว่าท่านแม่จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หยาเอ๋อร์พวกเราจะทำสำเร็จจริงหรือ?”
เยว่ถิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่นหันมองทางหลินเมิ้งหยา
“ถ้าข้ายังอยู่ จะไม่มีทางมีปัญหาใดๆ จริงสิ พี่เยว่ถิง่นี้ท่านยังได้รับข่าวคราวจากพี่ชายอยู่หรือไม่?”
นางครุ่นคิดทางเดียวคือต้องทำให้พี่เยว่ถิงแต่งงานออกเรือนมาให้ได้
อีกอย่างป๋ายจื่อเคยบอกว่าอีกไม่นานท่านพี่จะกลับมายังเมืองหลวงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นความฝันอันแสนยาวนานจะสิ้นสุดลง
“พี่หนานเซิงบอกว่าอีกครึ่งเดือนก็จะกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว”
เมื่อพูดถึงหลินหนานเซิง ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ของเยว่ถิงพลันแดงระเรื่อ
จดหมายของนางและหลินหนานเซิงล้วนถูกแนบไปกับจดหมายของหลินมู่จือและเยว่ซื่อหลิน
ดังนั้น พวกเขาจึงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเพียงเล็กน้อยหาได้กล้าเอื้อนเอ่ยแสดงความคิดถึงไม่
“อ้อ ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็เบาใจเมื่อถึงเวลานั้นข้าจะไหว้วานท่านลุงเยว่ให้ส่งข่าวบอกท่านพ่อเพื่อเร่งงานแต่งงานของพวกท่านให้เร็วขึ้น”
ทันทีที่หลินเมิ้งหยาพูดจบ เยว่ถิงก้มหน้าลงเพราะความเขินอายท่าทางขวยเขินของนางดึงดูดสายตาของผู้คนเสียยิ่งกว่าดอกโบตั๋นสีสดงดงามทางด้านนอก
หากพี่ชายได้แต่งงานกับหญิงสาวผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีเช่นนี้ก็นับว่าเป็วาสนาของเขาแล้ว
หลินเมิ้งหยาเอ่ยปลอบโยนเยว่ถิงอีกสองสามประโยคก่อนจะพาคนของตัวเองกลับจวน
“นายหญิงเ้าคะ ฮูหยินเยว่มีภูมิหลังเช่นไรเหตุใดนางจึงเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้?”
บนรถม้า ป๋ายจีขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่สาวใช้อีกสามคนก็นึกสงสัยเช่นกัน
“ฮูหยินเยว่เป็สตรีจากตระกูลหนึ่ง ได้พบรักกับท่านลุงเยว่ก่อนจะแต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยา แต่นางเป็เพื่อนเล่นกับฮองเฮาั้แ่ยังเด็กผู้ที่อยู่ใกล้ชาด ก็จะมีสีแดงดั่งชาด ผู้ที่อยู่ใกล้หมึก ก็จะมีสีดำดั่งหมึกพวกเ้าลองตรองดูว่านางจะมีอุปนิสัยเช่นไร?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาแก้ไขข้อสงสัยของสาวใช้ทั้งสี่อย่างกระจ่างแจ่มแจ้ง
แม้แต่ป๋ายซูที่เพิ่งเข้ามาอยู่ด้วยกันยังพยักหน้าลงราวกับว่ารู้สึกคาดไม่ถึงกับอุปนิสัยใจคอของฮูหยินเยว่
“พวกเ้าอย่าได้คิดว่าท่านลุงเยว่จะเป็คนอ่อนแอเหลาะแหละเชียวอันที่จริงเขาเพียงแค่รักและให้เกียรติฮูหยินเยว่เท่านั้น แต่หลายปีมานี้ฮูหยินเยว่เริ่มเห็นแก่ตัวมากขึ้นนางเริ่มกลืนกินอำนาจของท่านลุงเยว่ช้าๆ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสามปีก่อนท่านลุงเยว่แต่งงานรับเอาภรรยาอนุเข้ามาอยู่ด้วยเกรงว่าเื่นี้จะอีกสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ร้าวฉาน”
ผู้หญิงสามารถกุมความรักความเอ็นดูจากฝ่ายชายอีกทั้งยังสามารถทำให้ฝ่ายชายหมุนรอบตัวเอง
แต่สิ่งเดียวที่ไม่ควรทำคือขาดความเคารพต่อฝ่ายชาย
มิใช่เพียงอุปนิสัยของชายสมัยโบราณเท่านั้น แม้แต่ชายหญิงสมัยปัจจุบันฝ่ายชายก็รักษาหน้าของตนเองเป็อย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นชายคนดังกล่าวคือท่านเยว่ผู้ยิ่งใหญ่ทันทีที่รับภรรยาอนุคนนั้นเข้ามาอยู่ในจวน นางก็คลอดบุตรชายให้กับท่านเยว่
เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าตำแหน่งของฮูหยินเยว่จะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
ทันทีที่กลับถึงจวน พ่อบ้านเติ้งยืนรออยู่หน้าประตูนานแล้ว
เมื่อเห็นหลินเมิ้งหยาลงจากรถม้าพ่อบ้านเติ้งรีบวิ่งเข้าไปยืนต่อหน้าพระชายาทันที
“พระชายา กลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้จวนของเราเกิดเื่ใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
นางเลิกคิ้วขึ้นสูง ออกจากจวนไปไม่ถึงครึ่งวันแต่กลับเกิดเื่ราวใหญ่โตขึ้นอย่างนั้นหรือ?
“คุณหนูเจียงกับคุณหนูรองทะเลาะกับหงอวี้พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องพาพระสนมเต๋อเฟยไปต้อนรับองค์ชายเหิงที่มาเยี่ยมเยียนเมืองหลวงดังนั้นคุณหนูทั้งสามจึงทะเลาะกันจนจวนจะแตกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
นางคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น พอเสือออกจากถ้ำ พวกลิงจึงก่อความวุ่นวาย
ดูท่า พวกนางจะไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้วสินะ!
“นำทางข้าไป”
เมื่อพระชายาออกคำสั่งพ่อบ้านเติ้งรีบพาหลินเมิ้งหยาไปยังจุดเกิดเหตุทันที
หงอวี้ถูกส่งไปอยู่ในเรือนเล็กห่างไกลผู้คนแต่บังเอิญที่เรือนเล็กหลังนั้นอยู่ติดกับเรือนเล็กของซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่เพียงกำแพงกั้น
พ่อบ้านเติ้งเอ่ยว่าหงอวี้มักจะเต้นระบำของซีฟานทุกเช้า
เมื่อก่อนหลินเมิ้งหยาเคยดูระบำประเภทนี้อยู่บ้างดังนั้นจึงพอนึกออก ท่วงทำนองเพลงครึกครื้น อีกทั้งหงอวี้ยังหน้าตาสวยงามดังนั้นจึงเกิดเื่ขึ้น
เจียงหรูฉินผ่านไปเห็นเข้า แสดงสีหน้าท่าทางและส่งเสียงดูถูกก่อนจะร่วมมือกับหลินเมิ้งหวู่แล้วว่ากล่าวหงอวี้
หงอวี้หาใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆอีกทั้งนางยังไม่อาจยอมปล่อยให้ผู้อื่นดูถูก
ดังนั้นนางจึงตอบโต้หลินเมิ้งหวู่และเจียงหรูฉินก่อนจะเริ่มลงไม้ลงมือกันและเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น
เมื่อเดินมาถึงเรือนเล็กเสียงกรีดร้องโวยวายของทั้งสามดังเข้ามาในหู
หลินเมิ้งหยาได้เห็นพวกนางอยู่รวมกันเป็กระจุกเดียวผมเผ้ายุ่งเหยิง ไร้ซึ่งความสง่างาม
“ทั้งหมดหยุดเดี๋ยวนี้! บังอาจก่อความวุ่นวายในจวนไม่อยากมีชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ!”
เสียงเ็าพลันดังขึ้น จากนั้นเหล่าผอจื่อจึงปรี่ตัวเข้าไปจับร่างพวกนางไว้
กว่าจะจับตัวพวกนางแยกออกจากกันนั้นไม่ง่ายเลยสายตาเ็าพลันจับจ้องไปทางใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ของทั้งสาม
นางรู้อยู่แล้วว่าการมาของหงอวี้จะสร้างปัญหา
“ตกลงพวกเ้าเคยได้รับการอบรมสั่งสอนมาหรือไม่? ที่นี่คือจวนอวี้ หาใช่สถานที่ที่พวกเ้าจะสามารถตบตีก่อความวุ่นวายตามใจอยากได้ไม่!ต่อจากนี้ไป หากใครกล้าก่อความวุ่นวายเช่นนี้อีก จงไสหัวออกไปจากจวนอวี้ให้หมด”
หลินเมิ้งหยาเป็ผู้กุมอำนาจในจวน เหล่าข้าทาสบริวารล้วนฟังคำสั่งจากนางเพียงผู้เดียว
ดังนั้น แม้ทั้งสามจะไม่อยากยอมรับแต่ก็มิอาจส่งเสียงทัดทานขึ้นมากได้
“คุณหนูเจียง ข้าเคารพเ้าในฐานะแขก ดังนั้นจึงพยายามอดทนเสมอมาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะทำตัวประหนึ่งคนไม่ได้รับการสั่งสอนเช่นนี้ข้าจะรายงานเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดให้แก่บิดาของท่านรับรู้ตามความจริง”
น้ำเสียงเ็าทำให้เจียงหรูฉินมิอาจต่อกร
ทำได้เพียงหงุดหงิดในใจ ไร้ซึ่งคนคอยช่วยเหลือ
หากท่านพ่อรู้เื่นี้เข้าท่านจะต้องไม่มีวันยอมปล่อยให้นางอยู่ที่จวนแห่งนี้ต่อ ยิ่งไปกว่านั้นท่านป้าเองก็มิได้เอ็นดูนางเหมือนอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว
“เมิ้งหวู่ แม้เ้าจะเป็น้องสาวของข้าแต่เ้ากลับทำลายหน้าตาของสกุลหลินจนหมดสิ้น ตอนเข้าวัง เ้าตบตีมีเื่กับชายารองขององค์ชายแปดจนถูกหัวเราะเยาะไม่พอแต่เ้าทำให้ตระกูลของเราต้องอับอาย ข้าที่เป็พี่สาวไม่อาจทนได้อีกต่อไปเื่นี้ข้าจะรายงานต่อผู้าุโของตระกูลด้วยตนเอง”
ผู้าุโที่หลินเมิ้งหยากำลังพูดถึงหาใช่ซ่างกวนฉิง
สกุลหลินของพวกนาง แม้ท่านพ่อจะเป็ผู้นำตระกูลแต่ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้เฒ่าเก่าแก่ที่คอยดูแลจัดการเื่ราวของภายในตระกูลอยู่
ทันทีที่ได้ยินว่าเื่นี้จะถูกส่งต่อไปยังผู้าุโของตระกูลสีหน้าของหลินเมิ้งหวู่พลันขาวซีด
สุดท้าย หลินเมิ้งหยาหยุดยืนด้านหน้าหงอวี้
ใบหน้างดงามเ็าลงเล็กน้อย ขณะที่ทุกคนคาดไม่ถึงมือเรียวเล็กพลันตบเข้าที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น
“เ้ากล้าตบข้า!”
ดวงตาของหงอวี้เหลือกโตขึ้น สายตาอำมหิตจ้องมองหลินเมิ้งหยาแต่สิ่งที่นางได้รับคือการถูกตบหน้าซ้ำอีกครั้ง
“ตบเ้าก็ถูกแล้ว เหตุใดจึงไม่มองสถานะของตนเองให้ดีเ้าบังอาจพูดกับพระชายาเช่นนี้อย่างนั้นหรือ เข้ามาจับตัวนางไว้แล้วตบนางยี่สิบครั้ง”
ป๋ายซ่าวผู้ร้อนแรงรู้ใจหลินเมิ้งหยาเป็อย่างดี
ขยับเท้าขึ้นมาข้างหน้า ผอจื่อสองสามคนจับตัวหงอวี้ที่กำลังโกรธเกรี้ยวเอาไว้
“พวกเ้า! พวกเ้ากล้าหรือ!ข้าคือคนที่ฮ่องเต้ิมอบให้กับท่านอ๋อง หากพวกเ้าตบข้าก็มิต่างอะไรจากตบหน้าซีฟาน”
เสียงแผดร้องของหงอวี้ดังขึ้นดวงตาทั้งสองข้างเผยให้เห็นความหวาดกลัว
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับหยักยิ้ม ั์ตาเจือความเ็า จ้องมองใบหน้าของนางเขม็ง
“ตบหน้าซีฟาน? เ้าเป็องค์หญิงหรือเชื้อพระวงศ์อย่างนั้นหรือ?ข้ามิเคยรู้เลยว่าใบหน้าของซีฟานจะอยู่บนหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง จงจำเอาไว้เ้าเป็เพียงของเล่นชิ้นหนึ่งที่ซีฟานส่งมอบให้ต้าจิ้นที่ต้าจิ้นแห่งนี้หาได้มีใครเห็นค่าเ้าไม่”
หลินเมิ้งหยามิไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย
ทว่าสีหน้าของหงอวี้พลันขาวซีด ริมฝีปากขบแน่น นางมิกล้าส่งเสียงใดๆออกมาอีก
นางเข้าใจแล้วว่าหลินเมิ้งหยากำลังเชือดไก่ให้ลิงดูเหตุเพราะนางมิอาจทำเช่นนั้นกับหญิงสาวทั้งสองคนนั้นได้
มีเพียงตนเองเท่านั้นที่นางจะระบายอารมณ์ออกมาได้
นางทำได้เพียงต้องยอมรับชะตากรรมเท่านั้น
“ตบ!”
ป๋ายสาวออกคำสั่ง ผอจื่อนำกระดานไม้ไผ่เข้ามาตบใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ของหงอวี้
เสียงตบที่เ็ปจนถึงกระดูกดังขึ้นใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ของหงอวี้บวมแดงขึ้นมา
ส่วนคู่กรณีของนางอย่างเจียงหรูฉินและหลินเมิ้งหวู่ยืนมองด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก
หากพวกนางก่อความวุ่นวายอีกครั้งเกรงว่าคนที่โดนตบจะต้องเป็ตนเองอย่างแน่นอน
