ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะเบาๆ “ข้าทำอะไรล้วนทำตามใจของตนเองมาตลอด หากเ้า้าคำตอบจริงๆ ละก็ ข้าบอกเ้าได้เพียงสามคำ...ข้าพอใจ!”
พูดแล้วเขาก็สะบัดแขนเสื้อออกเดินผ่านร่างของนางแล้วเดินนำหน้าไป
เส้นผมสีเงินที่ยาวลงมาถึงเอวนั้นเคลื่อนไหวเบาๆ ตามจังหวะการก้าวเดินของเขา คล้ายทางช้างเผือกบนสรวง์ ทำให้คนได้แต่มอง
ช่างเป็ปีศาจโดยแท้!
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้าถอนใจ แล้วะโใส่เขา “นี่ เ้ารู้หรือว่าข้าจะไปที่ใด?”
เขาตอบทั้งไม่หันกลับมา “ในป่าแห่งนี้มีเส้นทางเดียว!”
เซวียนหยวนเช่อย้อนกลับไปยังประตูเมือง มีขุนนางเข้ามารายงานทันที “ทูลฝ่าา กระหม่อมมีเื่สำคัญกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
ไม่ได้รับคำตอบในทันทีขุนนางท่านนั้นจึงเงยหน้าลอบมอง เห็นเพียงสายตาว่างเปล่าของฝ่าา ราวกับกำลังเหม่อลอยไปไกล ถึงขั้นไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาอดที่จะพูดเสียงดังขึ้นอีกสองคีย์ไม่ได้ “ทูลฝ่าา กระหม่อมมีเื่สำคัญจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้งนี้เซวียนหยวนเช่อได้สติกลับมาในที่สุด เสียงทุ้มต่ำนั้นเอ่ยขึ้นว่า “เื่อันใด?”
ขุนนางตอบ “ทูลฝ่าา ชาวบ้านผู้อพยพจากแคว้นหนานเยียนทั้งหมดต่างพากันไปเบียดเสียดกันอยู่ที่ร้านค้าสกุลหลัน และกำลังรอรับแจกข้าวสารและเงิน กระหม่อมคิดว่าเื่นี้บังเอิญเกินไปจึงรีบนำมากราบทูลฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ”
คิ้วที่ขมวดมุ่นของเซวียนหยวนเช่อคลายตัวเล็กน้อย “ถึงกับมีเื่เช่นนี้?”
เมื่อเซวียนหยวนเช่อไปถึงร้านค้าสกุลหลัน ด้านหน้าของร้านค้าถูกชาวบ้านผู้อพยพเข้าแถวยาวเฟื้อยและกำลังรอรับข้าวสารและเงิน
“สกุลหลันเป็คนตระหนี่ถี่เหนียวมาโดยตลอด เริ่มรู้จักทำบุญทำทานั้แ่เมื่อใดกัน” ลั่วหยิ่งคิดว่าเหลือเชื่อ
ขุนนางนำตัวหลงจู๊มาเบื้องหน้าเซวียนหยวนเช่อ “ทูลฝ่าา เขาก็คือเฉินหลงจู๊ของร้านค้าสกุลหลันพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินหลงจู๊ได้ยิน “ฝ่าา” สองคำนี้ ถึงกับคุกเข่าลงด้วยความนอบน้อม “กระหม่อมเฉินชง ถวายบังคมฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นมาพูด” เซวียนหยวนเช่อชี้ไปที่ชาวบ้านผู้อพยพด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ “นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น?”
เฉินหลงจู๊ลุกขึ้นตอบ “ทูลฝ่าา หลานเฟยเหนียงเหนียงมิได้กราบทูลพระองค์หรือพ่ะย่ะค่ะ? นางได้ให้นางกำนัลคนหนึ่งนำทองคำมาหีบหนึ่ง เป็ทองคำจำนวนหนึ่งพันตำลึง สั่งให้กระหม่อมนำไปแลกเปลี่ยนเป็เงินเพื่อนำมาช่วยเหลือชาวบ้านผู้อพยพแคว้นหนานเยียน ซ้ำยังบอกว่าหากเงินไม่พอให้กระหม่อมเข้าวังไปเข้าเฝ้าเหนียงเหนียงเพื่อรับเงินเพิ่มได้ เหนียงเหนียงช่างเป็คนมีเมตตาโดยแท้พ่ะย่ะค่ะ”
“หลานเฟย?” เซวียนหยวนเช่อเลิกคิ้ว “นางมอบทองคำให้กับเ้าหนึ่งพันตำลึงหรือ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” เฉินหลงจู๊หยิบหีบใบหนึ่งมาจากมือของบ่าว แล้วมอบขึ้นมาด้วยมือทั้งคู่ “ฝ่าาทรงทอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะ! นี่ก็คือหีบที่หลานเฟยเหนียงเหนียงใส่ทองคำให้คนนำมาพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อเห็นหีบใบนั้นแล้วถึงกับตะลึงงัน หีบใบนี้มิใช่หีบที่เขาประทานรางวัลเป็ทองคำหนึ่งพันตำลึงให้กับฮองเฮาหรือ
เขาพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของเฉินหลงจู๊เอาไว้แล้วถามเสียงเย็น “นางกำนัลที่มอบหีบใบนี้ให้กับเ้าเล่า”
เฉินหลงจู๊ใจนสะดุ้งโหยง เขาพูดปากสั่น “นาง...นางสั่งความเสร็จก็จากไปพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อถามอีก “นางยังได้พูดอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
“ไม่ ไม่มีอย่างอื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เฉินหลงจู๊พูด
เซวียนหยวนเช่อปล่อยคอเสื้อของเขาแล้วยื่นมือไปหยิบหีบในมือของเฉินหลงจู๊มาพร้อมกับหัวเราะเสียงขื่น “บอกว่าเ้าไร้เยื่อใย เ้าจากไปโดยไม่กล่าวลาสักคำ จากไปโดยไร้ซุ่มเสียง บอกว่าเ้ามีเยื่อใย ก่อนจากไปเ้ายังสละเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวเพื่อช่วยเจิ้นแก้ไขปัญหายุ่งยากนี้อย่างไม่เสียดาย เฉียนเฉี่ยน เจิ้นควรทำอย่างไรกับเ้าดี?”
ลั่วหยิ่งเห็นสีหน้าท่าทางทุกข์ตรมของฝ่าาแล้วอดที่จะปวดใจไม่ได้
ตำหนักยีหลัน
องค์หญิงหลานซินกางเสื้อคลุมหงส์ที่สั่งตัดพอดีตัวนั้นพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย ดวงตาของนางทอประกายมีชีวิตชีวา
เห็นเพียงเสื้อคลุมหงส์นั้นแดงสด สีทองบาดสายตา หงส์ที่ปักด้วยไหมสีทองปักนั้นประดุจมีชีวิตชีวาจริงๆ ตัวกระโปรงยาวระไปตามพื้นดูสง่างามและสูงส่ง
“งดงามเหลือเกิน!” นางอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้
โจวหมัวมัวพูดทั้งรอยยิ้ม “องค์หญิง นี่เป็เสื้อคลุมหงส์ที่นางกำนัลเย็บปักฝีมือที่สุดของแคว้นหนานเยียนของพวกเราปักเพคะ บ่าวรู้อยู่แล้วว่าท่านต้องได้ใช้สักวันหนึ่ง ตอนนี้มีโอกาสสวมแล้วในที่สุด ท่านรีบมาลองสวมเถิดเพคะ”
องค์หญิงหลานซินแสร้งลังเลใจ “ไม่ดีกระมัง ในเมื่อเปิ่นกงยังมิใช่ฮองเฮา”
“เป็เื่ช้าเร็วเท่านั้นเพคะ!” โจวหมัวมัวหยิบเสื้อคลุมหงส์ขึ้นมาสวมลงบนร่างขององค์หญิงหลานซิน “ท่านลองสวมดูเถิดเพคะ”
องค์หญิงหลานซินยากจะปกปิดสีหน้ายินดีปรีดาของตนไว้ไม่ได้ นางไม่ลังเลใจอีก ยื่นแขนออกมาข้างหนึ่งเตรียมจะทดลองสวม พลันมีเสียงคนรายงานขึ้นด้านนอกประตูว่า “หลานเฟยเหนียงเหนียง นอกประตูตำหนักมีหลงจู๊จากร้านค้าสกุลเฉินขอเข้าเฝ้า”
องค์หญิงหลานซินขมวดคิ้วไม่พอใจก่อนจะดึงแขนกลับมา นางครุ่นคิด “ร้านค้าสกุลหลัน? สกุลหลันที่เป็หนึ่งในร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นเป่ยเยียนกระมัง เปิ่นกงจำไม่ได้ว่าเคยไปมาหาสู่กับพวกเขา...”
โจวหมัวมัวเองสงสัยเช่นกัน “พ่อค้าให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ ไม่มีทางมาขอเข้าเฝ้าอย่างไร้จุดประสงค์ ตามความเห็นของบ่าว อย่าไปสนใจจะเป็การดีเพคะ!”
องค์หญิงหลานซินกลับส่ายหน้า “สกุลหลันนับเป็คนมีหน้ามีตาในแคว้นเป่ยเยียน หากไม่มีเื่สำคัญอันใด ย่อมไม่มีทางมาขอพบเปิ่นกง ฟังดูก่อนว่าอีกฝ่ายมาด้วยอันเื่ใดแล้วค่อยว่ากัน...”
นางกำนัลนำเฉินหลงจู๊เข้ามาในตำหนักยีหลันจากนั้นไม่นานนัก
“ข้าน้อยเฉินชง ถวายบังคมหลานเฟยเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงหลานซินนั่งอยู่้าด้วยท่าทีสง่างามแล้วถามขึ้นว่า “เปิ่นกงไม่เคยไปมาหาสู่กับสกุลหลันของพวกเ้า เ้ามาพบเปิ่นกงด้วยเื่อันใด?”
เฉินหลงจู๊ตะลึงงัน “เหนียงเหนียง หรือพระองค์ลืมเื่ช่วยเหลือชาวบ้านผู้อพยพไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัย?” องค์หญิงหลานซินยังคงมืดแปดด้าน “เื่การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็เื่ของราชสำนัก เกี่ยวอะไรกับเปิ่นกงด้วย”
เฉินหลงจู๊ยิ่งงงงัน “เหนียงเหนียง พระองค์ไม่ได้ล้อเล่นกับกระหม่อมกระมัง ทั้งๆ ที่เมื่อเช้านี้พระองค์ได้ส่งนางกำนัลไปที่ร้านค้าสกุลหลัน และยังมอบทองคำหนึ่งหีบ บอกว่าให้นำไปช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยจากแคว้นหนานเยียน หรือพระองค์ลืมไปแล้ว”
องค์หญิงหลานซินงงงันเช่นกัน “เป็เ้าต่างหากเล่าที่กำลังล้อเล่นกับเปิ่นกง เปิ่นกงจะส่งคนไปร้านค้าสกุลหลันของเ้าได้อย่างไร ซ้ำยังมอบทองคำหนึ่งหีบให้ด้วย ช่างเป็เื่ตลกร้าย!”
เฉินหลงจู๊รู้สึกสับสนเช่นกัน “นางกำนัลคนนั้นมิใช่คนที่เหนียงเหนียงส่งไปหรือพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นเหตุใดนางจึงบอกว่าได้รับคำสั่งมาจากหลานเฟยเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ”
“นางกำนัล?” องค์หญิงหลานซินขมวดคิ้ว นางคิดจะพูดอะไรบางอย่างแต่มีคนรายงานเข้ามาจากด้านนอกประตูขึ้นก่อน
“เหนียงเหนียง ใต้เท้าลั่วหยิ่งมาพ่ะย่ะค่ะ และนำพระราชดำรัสจากฝ่าามาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงหลานซินได้ยินเช่นนั้นจึงรีบกล่าวว่า “เบิกตัว!”
นี่เป็ครั้งแรกนับั้แ่นางเข้าวังมาที่ฮ่องเต้ให้ความสนใจนาง มีพระราชดำรัสมาถึงนาง
หัวใจของนางะโโลดเต้นราวกับนกตัวน้อยๆ
ทันทีที่ฮองเฮาจากไป สถานการณ์ในวังหลวงแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง กระทั่งท่าทีของฮ่องเต้ที่มีต่อนางก็ยังเปลี่ยนไป
ในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกรอคอย
ไม่นานนัก ลั่วหยิ่งเดินเข้ามาประสานมือคารวะนาง
“เหนียงเหนียง ฝ่าาทรงมีพระราชดำรัส ครั้งนี้เหนียงเหนียงได้ร่วมมือกับร้านค้าสกุลหลันช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัย ออกเงินและออกแรง เพื่อแบ่งเบาภาระของฝ่าา ถือว่าได้สร้างความดีความชอบ ฝ่าาทรงปีติยิ่ง จึงฝากคำชื่นชมมาถึงเหนียงเหนียง และปรารถนาให้สนมชายาในตำหนักในถือท่านเป็แบบอย่าง ช่วยเหลือราษฎรและแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ!”
พูดจบ เห็นองค์หญิงหลานซินยังตกตะลึงอยู่ที่นั่น ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ เขาอดที่ร้องเตือนมิได้ “เหนียงเหนียง ท่านฟังชัดเจนหรือไม่ หรือ้าให้กระหม่อมพูดอีกครั้ง”
องค์หญิงหลานซินได้สติกลับมา “หา ไม่ ไม่ต้องแล้ว! ฝ่าาทรงตรัสเกินไปแล้ว หม่อมฉันเพียงแต่ทำในเื่ที่พอจะทำได้เท่านั้น”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้