อีกด้านหนึ่งซ่งเหม่ยอวิ๋นกำลังเอ่ยถามมารดาของตน “แม่คะ เมื่อวานแม่พูดอะไรกับพี่เสวี่ยหรูบ้าง?” เธอสงสัยมาตลอดทั้งวันและก็ซักถามแม่มาั้แ่เมื่อคืนนี้แล้วแต่หวังซิ่วอิงก็ไม่ยอมบอกเธอ
เมื่อคืนก่อนซ่งเหม่อยอวิ๋นทำตามคำสั่งของหวังซิ่วอิง แล้วไปเรียกหลี่เสวี่ยหรูมาที่บ้าน
ตอนแรกหลี่เสวี่ยหรูไม่อยากมาแต่เมื่อเธอได้ยินว่าหวังซิ่วอิง ‘ผู้เป็ว่าที่แม่สามีในอนาคต’ ออกปากเรียกเธอมาเอง ดังนั้นเธอก็เลยรีบมาที่บ้านตระกูลซ่งทันที
หวังซิ่วอิงเรียกหลี่เสวี่ยหรูไปที่ห้องของซ่งหานเจียงแล้วปิดประตู ในห้องนั้นจึงเหลือเพียงพวกเธอสองคน
หลี่เสวี่ยหรูมองไปที่เครื่องเรือนในห้องแล้วก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย หวังซิ่วอิงสังเกตเห็นเข้าก็เลยกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “เดิมทีห้องนี้ก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้นขนาดนั้นหรอกแต่เป็เพราะซย่านียัยคนตาต่ำนั่นน่ะสิ หล่อนอยากไปก็ไปเถอะแต่นี่หล่อนยังจะมาหอบข้าวของในห้องไปด้วยอีก”
เธอกุมมือหลี่เสวี่ยหรูไว้เบาๆ จากนั้นก็ยิ้มอย่างใจดีและมีเมตตา “หนูวางใจได้เลย ถ้าหนูแต่งเข้าตระกูลเรามาแล้ว ฉันสัญญาว่าจะจัดเตรียมของในห้องนี้ให้หนูใหม่ทั้งหมด”
“ป้าหวัง...” หลี่เสวี่ยหรูมีท่าทางลังเลที่จะพูด
“ทำไม? หนูไม่ยินดีอย่างนั้นหรือ?” หวังซิ่วอิงถาม
หลี่เสวี่ยหรูส่ายหน้าและกล่าวว่า “ฉันชอบพี่หานเจียงแต่ว่าเขาแต่งงานแล้ว ฉัน...ฉัน...” เธอส่ายหน้าอีกรอบ ดูมีท่าทางกระดากอายเป็พิเศษ
เมื่อได้ยินหลี่เสวี่ยหรูยอมรับเื่ความรู้สึกที่ตนมีต่อซ่งหานเจียงแล้ว หวังซิ่วอิงก็ยิ้มหน้าบาน เธอตบหลังมือหลี่เสวี่ยหรูเบาๆ พลางกล่าวว่า “หานเจียงเขากำลังจะหย่ากับซย่านีแล้ว เธอก็รู้นี่ วันนี้...วันนี้เหม่ยอวิ๋นกลับมาถึงบ้านก็เอาเื่ที่คุยกับหนูมาเล่าให้ป้าฟังแล้วล่ะจ้ะ”
“คุณป้าคะ ฉันปฏิเสธเธอไปแล้ว” หลี่เสวี่ยหรูรีบบอกอีกฝ่ายทันที เธอจะต้องสร้างภาพลักษณ์หญิงสาวบริสุทธิ์ผู้ยอมพลีชีพให้กับตนเองเสียหน่อย
“ป้ารู้จ้ะๆ” หวังซิ่วอิงกล่าวต่อ “เหม่ยอวิ๋นจะไปเข้าใจอะไร ป้าฟังความคิดของเด็กคนนั้นแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ได้น่าเชื่อถือเอาเสียเลย หากเป็ป้าเองป้าก็คงไม่เห็นด้วยอยู่แล้วแต่ว่าเธอก็ไม่ได้พูดผิดเลยสักนิดนะ หากหนูกับซ่งหานเจียงทำข้าวสารให้กลายเป็ข้าวสุกแล้ว ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าหานเจียงเขาจะไม่รับผิดชอบหนูอีก”
“คุณป้าคะ!” หลี่เสวี่ยหรูเขินอายจนหน้าแดง เธอส่ายหัวปฏิเสธอย่างแรง “ไม่...ไม่ได้หรอกค่ะ แบบนี้มันไม่ดี”
“หรือว่าหนูไม่อยากแต่งกับหานเจียงงั้นหรือ?” หวังซิ่วอิงมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา หญิงสูงวัยกล่าวต่อว่า “หากพลาดน้ำบ่อนี้ไปแล้ว คงไม่มีน้ำบ่อหน้าให้หนูอีกแล้วนะ”
หลี่เสวี่ยหรูลังเลขึ้นมาแล้ว
สิ่งที่หวังซิ่วอิง้าก็คือได้เห็นหลี่เสวี่ยหรูมีท่าทางลังเลนี่แหละ เธอกล่าวเสริมทันทีว่า “ป้าไม่มีทางหลอกหนูแน่นอน ป้ารู้นิสัยลูกชายตนเองดี หาก้าทำให้เขารับผิดชอบหนูล่ะก็อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเธอสองคนจริงๆ”
ในสายตาของหวังซิ่วอิง หลี่เสวี่ยหรูเคยมีแฟนหนุ่มมาแล้วก็น่าจะเข้าใจเื่พวกนี้เป็อย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นไม่แน่ว่าหญิงสาวตรงหน้าอาจจะถูกผู้ชายคนอื่นเอาเปรียบมาก่อนแล้วก็ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่อายที่จะพูดเื่บนเตียงกับหลี่เสวี่ยหรูตรงๆ เธอกล่าวกับอีกฝ่ายต่อว่า “ที่ป้าพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าแค่จะให้หนูกับหานเจียงแก้ผ้าและนอนบนเตียงด้วยกันแล้วก็จบหรอกนะจ้ะ แต่หนูต้องทำให้เขานอนกับหนูให้ได้...หนูเข้าใจที่ป้าพูดไหม?”
แต่สำหรับหลี่เสวี่ยหรูแล้ว การที่ว่าที่แม่สามีในอนาคตมาพูดเื่นี้กับเธอ มันไม่ใช่เื่น่าอับอายธรรมดาๆ แล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนใบหน้าของเธอจะร้อนผ่าวจนแทบจะมีควันลอยออกมา อาการนี้บ่งบอกว่าเธอเข้าใจสิ่งที่หวังซิ่วอิงพูดเป็อย่างดี หากเธอจะแสร้งบอกไม่เข้าใจก็ผิดอีกเช่นกันเพราะแบบนี้เธอเลยพูดไม่ออกสักคำ
หวังซิ่วอิงมองปฏิกิริยาของหลี่เสวี่ยหรูแล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวเข้าใจที่ตนพูดแค่ตอนนี้เธอกำลังอายอยู่เท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามขอแค่หลี่เสวี่ยหรูเข้าใจก็พอแล้วถึงเธอจะไม่พูดอะไรออกมาก็ไม่เป็ไร
หวังซิ่วอิงกล่าวต่อ “แน่นอนว่าฉันจะไม่ปล่อยให้หนูเป็คนเริ่มเื่นี้เองหรอกนะ พวกเรามาลองคิดหาวิธีกันเถอะว่าจะทำให้ซ่งหานเจียงลากหนูขึ้นเตียงได้ยังไง ด้วยวิธีนี้หนูก็จะกลายเป็คนที่ถูกเขา ‘ทำร้าย’ โดยไม่ตั้งใจแล้วเขาจะต้องรับผิดชอบหนูอย่างแน่นอน”
“คุณป้า...” อันที่จริงหลี่เสวี่ยหรูก็คิดแผนนี้ไว้อยู่เหมือนกันแต่เธอไม่อาจพูดออกมาได้จึงได้แต่ปฏิเสธออกไป “หนูทำไม่ได้หรอกค่ะ หนูคิดว่าแบบนี้มันไม่ดีเลย”
“ทำไม หนูไม่ยินดีงั้นหรือ?” หวังซิ่วอิงเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาหน่อยๆ ที่หลี่เสวี่ยหรูเอาแต่ยืนกรานคำเดิม หญิงสูงวัยจึงกล่าวเสริมไปว่า “หนูไม่อยากแต่งงานกับหานเจียงหรือ? เสวี่ยหรู หนูเป็คนฉลาด หนูน่าจะรู้ว่าการหาสามีดีๆ สักคนน่ะ มันยากขนาดไหน พูดไปแล้วหานเจียงลูกฉันหน้าตาก็ดีแถมยังมีอนาคตอีก หนูควรจะต้องรีบคว้าโอกาสดีแบบนี้ไว้สิ”
หลี่เสวี่ยหรูหลุบตาลงเธอเงียบไปสักพัก ในที่สุดเธอก็ให้คำตอบที่หวังซิ่วอิงตั้งตารอจนได้ “ได้ค่ะ คุณป้าคะ หนูจะฟังคุณป้าก็แล้วกันค่ะ”
“แบบนี้สิถึงจะถูก” หวังซิ่วอิงลูบหลังมือของหลี่เสวี่ยหรู เธอยิ่งมองหลี่เสวี่ยหรูก็ยิ่งรู้สึกพอใจราวกับว่ามองเห็นภาพอนาคตที่ลูกๆ ของเธอมีชามข้าวเหล็ก[1] กันทุกคน
“แต่...แต่ว่าคุณป้าคะ หานเจียงเขาไม่ได้ชอบหนู เขา...เขาไม่มีทางเริ่ม...เริ่มทำเื่...เื่แบบนั้นกับหนูก่อนหรอกค่ะ”
หวังซิ่วอิงเลิกคิ้วพลางกล่าวว่า “หนูไม่ต้องกังวลไปหรอกจ้ะ ป้าขอรับประกันว่าถึงตอนนั้นขอแค่เขาเห็นหนู เขาก็จะเข้าไปตะครุบร่างของหนูเอาไว้เลยล่ะ!”
หวังซิ่วอิงแต่งงานมาหลายปีแล้ว มีของเล่นหายากอะไรบ้างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน? ถึงตอนนั้นเธอก็แค่วางยาซ่งหานเจียงเสียก็สิ้นเื่ ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถควบคุมร่างกายส่วนล่างของตัวเองได้หรอก เื่ที่ยากก็คือจะเอายาชนิดนี้มาได้อย่างไรต่างหาก มันไม่ใช่ของร้ายแรงอะไรหรอกแต่โรงพยาบาลจะไม่ยอมจ่ายยาให้นี่สิ...
หลังจากที่เธอครุ่นคิดเื่นี้แล้ว เธอก็หันไปมองหลี่เสวี่ยหรูที่กำลังก้มหน้าอยู่แล้วเอ่ยถามวว่า “เสวี่ยหรูจ้ะ ป้าได้ยินมาว่าน้องชายของหนูรู้จักคนจากสามลัทธิเก้ากลุ่มอิทธิพล[2] หลายคนเลยใช่ไหม?”
สามลัทธิเก้ากลุ่มอิทธิพลอะไรกัน? หลี่เสวี่ยหรูพลันงุนงงขึ้นมา หวังซิ่วอิงพูดอย่างกับน้องชายของเธอเป็นักเลงหัวไม้เสียอย่างนั้น แต่อีกฝ่ายคือแม่ของซ่งหานเจียงผู้เป็ว่าที่แม่สามีในอนาคตของเธอ เธอจะต้องอดทนเอาไว้แล้วหญิงสาวก็เอ่ยตอบว่า “คุณป้าคะ น้องชายของฉันเป็คนเอาจริงเอาจัง เขาไม่คบเพื่อนซี้ซั้วหรอกค่ะ”
หวังซิ่วอิงไม่สนว่าเขาจะเป็คนจริงจังหรือไม่จริงจัง เธอพูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้ ป้าได้ยินเหม่ยอวิ๋นเล่าว่าน้องชายของหนูไปได้แผ่นเสียงมาจากฝั่งฮ่องกงนู้นเลยใช่ไหม? น้องชายหนูช่างมีความสามารถดีนะ!”
คำพูดนี้ของหวังซิ่วอิงคือกำลังชมเชยน้องชายของเธออย่างนั้นหรือ? หลี่เสวี่ยหรูหัวเราะแห้งๆ สองทีแล้วพูดอย่างสุภาพ “เอ่อ เขาแค่...แค่รู้จักคนเยอะเท่านั้นค่ะ”
“งั้นหนูลองถามเขาดูนะ ว่าเขาพอจะหายาสำหรับผู้ชายมาได้ไหม” หวังซิ่วอิงทำท่าทางลึกลับ
หลี่เสวี่ยหรูเบิกตากว้างด้วยสีหน้าใกลัว
หวังซิ่วอิงกลอกตามองเธอแล้วย้อนถามเธอแทน “หนูจะใกลัวอะไรขนาดนั้น? ถ้าป้าไม่วางยาซ่งหานเจียงเขาจะตะครุบหนูหรือไง? แล้วแบบนั้นแผนของพวกเราจะยังสำเร็จได้ไหม?”
“แต่...แต่ว่าเราก็ไม่ควร...ทำผิดกฎหมายนะคะ”
“ทำไมจะทำไม่ได้เล่า? หนูคิดว่าแค่ทำแบบที่เหม่ยอวิ๋นบอกอย่างให้มอมเหล้าหานเจียงแล้วเื่นี้จะสำเร็จหรือไง?” หวังซิ่วอิงส่งเสียง ‘เหอะ’ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “หนูคิดว่าจะรอให้เขาเมาและหนูก็จะแต่งตัวเหมือนซย่านีล่ะสิ นั่นอาจจะทำให้เขาจำคนผิดและเผลอมีเพศสัมพันธ์กับหนูเพราะความเมาอะไรทำนองนั้นสินะ แต่เขาแค่เมาเหล้านะไม่ได้สูญเสียความทรงจำ หนูสวมชุดแบบไหนต่อให้ตอนนั้นเขาจะปฏิเสธหัวชนฝายังไงเขาก็ยังจำได้ รอจนเขาส่างเมาแล้วสมองกลับมาเป็ปกติก่อน เขาจะไม่รู้เลยหรือว่าหนูเป็คนหลอกเขา? ป้ารู้จักนิสัยลูกชายตนเองดี ถ้าเขารู้สึกว่าเขาถูกยัดเยียดความผิดอย่างไม่ยุติธรรมล่ะก็ ต่อให้เป็ป้ากับพ่อของเขารวมหัวกันบีบบังคับเขาจนสุดความสามารถ เขาก็ไม่มีทางยอมแต่งงานกับหนูอยู่ดี”
หลี่เสวี่ยหรูถูกหวังซิ่วอิงเกลี้ยกล่อมจนเริ่มคล้อยตามขึ้นมาแล้ว
“ดังนั้นพวกเราถึงต้องไปหายานั่นมาเพื่อใช้วางยาเขา ทางที่ดีที่สุดคือหาให้ได้ก่อนวันศุกร์ด้วย” หวังซิ่วอิงตัดสินใจเสร็จสรรพ
วันศุกร์นี้เป็วันเช็งเม้ง ในวันนั้นคนทั้งครอบครัวจะมารวมตัวกันกวาดสุสานที่บ้านเกิดเพราะเหตุนี้ซ่งหานเจียงจะต้องกลับบ้านมาอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงสะดวกต่อการดำเนินการตามแผนที่วางไว้
หลี่เสวี่ยหรูสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็แน่วแน่และมั่นคงขึ้นมา “ได้ค่ะ”
[1] ชามข้าวเหล็ก 铁饭碗 คือ คำเปรียบเปรยหมายถึงความมั่นคงหรืออาชีพที่มั่นคงในชีวิต
[2] สามลัทธิเก้ากลุ่มอิทธิพล 三教九流 หมายถึงหลายสาขาอาชีพ
