ทั้งสามคนหันศีรษะกลับไปมองอย่างพร้อมเพรียง ถึงขนาดที่เซี่ยเจิง(ญ)อดไม่ได้ที่จะกำสายกระเป๋าเอาไว้แน่น
ตรงนี้ยังมีอีกสองคนนี่
ชวีเสี่ยวปอเกือบจะยกมือขึ้นมาตีหน้าผากของตัวเอง เมื่อครู่นี้ต่อยกับพวกนั้นจนบ้าคลั่งและดุเดือดเกินไปหน่อย เลยเผลอทิ้งหญิงสาวสองคนนั้นเอาไว้ด้านหลัง
“งั้นก็ได้” พวกเธอล้วนเป็เด็กนักเรียนของโรงเรียนนี้เหมือนกัน อีกอย่างเซี่ยเจิง(ญ)ก็เป็เด็กดีมีคุณธรรม ทั้งการเรียนก็ยังโดดเด่นมากอีกด้วย โหยวเจียจึงค่อนข้างที่จะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่พอสมควร ขณะนั้นเธอปรับเสียงให้อ่อนนุ่มลง พลางส่งสัญญาณให้เซี่ยเจิง(ญ)มายืนข้างตัวเอง ก่อนที่จะหันไปถลึงตาใส่พวกเขาทั้งสามคน : “พวกเธอสามคนยืนๆ ตรงเลยนะ สำนึกผิดซะ! อีกเดี๋ยวครูจะคิดบัญชีกับพวกเธอ! ”
ทั้งสามคนเชื่อฟังเป็อย่างมาก พวกเขาไปยืนอยู่ด้านข้างพลางก้มศีรษะลงเล็กน้อย ขณะนั้นชวีเสี่ยวปอนึกย้อนกลับไปอยู่ครู่หนึ่ง จำนวนครั้งที่เขามีเื่ชกต่อยแล้วถูกจับได้คาหนังคาเขามีน้อยมาก แต่ทุกครั้งกลับมีเซี่ยเจิงอยู่ด้วยตลอด
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ชวีเสี่ยวปอจึงชำเลืองมองเซี่ยเจิงไปครั้งหนึ่ง ผลปรากฏว่าเขากลับเหลือบไปเห็นรอยเท้าบนเสื้อตรงบริเวณท้องของเซี่ยเจิงเข้าพอดี
ชวีเสี่ยวปออดไม่ได้ที่จะดึงเซี่ยเจิงเข้ามา อยากจะยื่นมือออกไปปัดให้เขาสักหน่อย
เซี่ยเจิงจึงพูดขึ้นเสียงเบาว่า : “พอแล้ว ไม่เป็ไร”
“ทำอะไรฮะ? ยืนดีๆ เลย! ” โหยวเจียจับจ้องการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ นี้ของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา เมื่อชวีเสี่ยวปอยกมือขึ้นจึงทำให้โดนดุในทันที “เพิ่งจะสงบไปได้กี่วันเอง? ก่อเื่ขึ้นมาอีกแล้ว”
แต่คราวนี้เห็นได้ชัดว่าโหยวเจียไม่ได้ดูเคร่งขรึมเหมือนเมื่อครู่แล้ว ดูเหมือนว่าคำอธิบายของเซี่ยเจิง(ญ)จะได้ผล ท้ายที่สุดโหยวเจียจึงตบไหล่ของเซี่ยเจิง(ญ)ไปอย่างเบามือ เพื่อบอกให้เธอไปรออยู่ด้านข้าง จากนั้นจึงเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งสามคน
โหยวเจียเดินวนไปรอบๆ พวกเขาก่อนครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของชวีเสี่ยวปอ ถอนหายใจก่อนที่จะพูดขึ้นว่า :
“พวกเธอช่วยเพื่อนเป็เื่ที่ถูกต้อง”
“บอกแล้ว !” ทันทีที่ชวีเสี่ยวปอได้ยิน เขาก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างภูมิใจ
“เธอบอกอะไรไม่ทราบฮะ? ” โหยวเจียพูดแทรกเขาขึ้นมา “การช่วยเพื่อนไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ก็ต้องเลือกวิธีการด้วย ในสถานการณ์แบบนี้พวกเธอสองคนเฝ้าดูอยู่ตรงนี้ ส่วนอีกคนวิ่งไปตามครูไม่ได้หรือยังไง? จะต้องใช้กำลังในการแก้ปัญหาอย่างเดียวเลย? นี่ไม่ได้เรียกการแก้ไขปัญหา แต่เป็การสร้างปัญหา! ”
…………………………
ชวีเสี่ยวปอไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก
“อย่ามั่นใจเกินไป” ราวกับว่าโหยวเจียจะรู้ได้ั้แ่แวบแรกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากพูดจบก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นด้วยความหวังดี “ก่อนจะทำอะไรก็ชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสียดูสักหน่อย คิดถึงผลที่จะตามมาบ้าง โตเป็ผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ครูเองก็เบื่อเหมือนกันนะที่ต้องมาพร่ำบ่นกับพวกเธอบ่อยๆ เนี่ย”
สิ่งที่คุณครูโหยวเจียคนนี้ทำ เป็ความจริงใจที่ทำออกมาจากใจจริง ข้อดีของเธอคือไม่เคยเสแสร้งต่อหน้านักเรียนคนไหนเลย อีกทั้งคำพูดเหล่านี้ชวีเสี่ยวปอยังฟังเข้าหัวแล้วด้วย หลังจากโหยวเจียพูดจบ ชวีเสี่ยวปอจึงยืนตรงขึ้นมาทันที พร้อมทั้งพูดออกมาเสียงดังฟังชัด : “รับทราบครับ คุณครูดีที่สุดเลยครับ”
“ปากหวานไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ” โหยวเจียพูดขึ้นมาอย่างชอบธรรม “พรุ่งนี้เขียนเรียงความทบทวนความผิดของตัวเองหนึ่งพันคำ แล้วเอามาส่งครูก่อนเลิกเรียน” พูดจบก็ชี้ไปยังเซี่ยเจิงและซือจวิ้น : “เธอสองคนก็ด้วย”
นอกจากเซี่ยเจิงแล้ว สองคนที่เหลือก็ร้องโอดควรญขึ้นมายกใหญ่
“ร้องจนพอใจแล้วหรือยัง? ” ในที่สุดโหยวเจียก็ยิ้มขึ้นมาแล้ว “ครูจะมอบหมายหน้าที่ให้พวกเธออีกอย่าง พานักเรียนหญิงไปส่งที่บ้าน”
“ไม่ ไม่เป็ไรค่ะ !” เซี่ยเจิง(ญ)ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินเข้าจึงรีบโบกมือทันที
“ทำไมล่ะ? ” โหยวเจียไม่รู้ถึงสาเหตุหนึ่งในนั้นว่าคืออะไร นึกว่าเซี่ยเจิง(ญ)เกรงใจกลัวจะไปรบกวนพวกเขา “พวกเขาเป็ผู้ชายไปส่งเธอที่บ้านจะได้ปลอดภัยหน่อย หรือว่าเธอจะไปกับครูไหม? ”
“ไม่เป็ไรค่ะคุณครู” เมื่อเทียบกับการที่ให้คุณครูไปส่งที่บ้าน เซี่ยเจิง(ญ)เลือกที่จะให้พวกผู้ชายไปส่งดีกว่า หลังจากที่โหยวเจียพูดกำชับไปเสร็จเรียบร้อย พวกเขาถึงค่อยเดินจับกลุ่มกันออกไป หลังจากที่เงียบอยู่หลายวินาที เซี่ยเจิง(ญ)ก็กระซิบพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ว่าไงนะ? ” ชวีเสี่ยวปอและซือจวิ้นพูดขึ้นมาพร้อมกัน เขาสองคนได้ยินไม่ชัดเลยสักนิด
…………………………
“ไม่ต้องเกรงใจ”
เซี่ยเจิง(ช)ตอบกลับไป
ชวีเสี่ยวปอและซือจวิ้นต่างหันหน้าไปมองเขาเป็ตาเดียว บรรยากาศอันน่าอึดอัดที่ลอยห้อมล้อมพวกเขาอยู่เมื่อครู่นี้จางหายไปในทันทีเมื่อเขาทั้งสองคนเริ่มพูดคุยกันขึ้นมา
“เอาล่ะ” ซือจวิ้นปรบมือ ขณะนั้นเขาเองก็รู้สึกผ่อนคลายลงไปไม่น้อยเลย พลางถามขึ้นว่า “เมื่อกี้ไม่ได้ทำพวกเธอใใช่ไหม”
“ไม่เลย” เซี่ยเจิง(ญ)รีบส่ายหน้าไปมา คว้าแขนของหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเอาไว้ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นเสียงเบาอย่างรู้สึกผิด : “ตอนแรกพวกเราสองคนก็อยากจะเข้าไปห้ามอยู่เหมือนกัน แต่แทรกตัวเข้าไปไม่ได้ เลย...”
“อย่าเข้ามาเด็ดขาดเลยนะ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงจากพวกเราเอา !” ซือจวิ้นหัวเราะแหยๆ ขึ้นมาสองครั้ง พร้อมทั้งถูมือไปมา
“แล้วพวกเธอรู้จักพวกนั้นไหม? เป็เด็กโรงเรียนไหน? ดูไม่เหมือนโรงเรียนอาชีวะเลย ไม่เคยเห็นเลยนะ” เซี่ยเจิงถาม
ชวีเสี่ยวปอเหลือบมองเขาไปครั้งหนึ่ง แล้วจึงก้มหน้าลงอย่างรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ พลางใช้เท้าเขี่ยก้อนกรวดให้กลิ้งกลับไปกลับมา ถึงแม้ว่าคำถามที่เซี่ยเจิงถามจะไม่ได้ดูผิดแปลกอะไร แต่เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าเหตุผลที่เขาถามออกไป “เกิดจากความเป็ห่วง” ก้อนกรวดก้อนนี้ก็ราวกับกำลังหลบซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งในหัวใจของชวีเสี่ยวปอ และแม้ว่าจะไม่ได้เด่นชัด ทั้งยังไม่อาจหาเจอได้ แต่มันกลับเสียดสีเนื้อโดยรอบจนรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
“โรงเรียนมัธยมที่สิบสาม” เซี่ยเจิง(ญ)ตอบ
“มัธยมที่สิบสาม? ” ชวีเสี่ยวปอประหลาดใจ โรงเรียนมัธยมที่สิบสามอยู่ห่างจากโรงเรียนของพวกเขามาก อีกทั้งนักเรียนของสองโรงเรียนนี้ก็แทบจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันสักเท่าไหร่ “เธอไปยุ่งกับพวกเขาได้ยังไงเนี่ย? ”
“......” เซี่ยเจิง(ญ)ก้มหน้าลง พร้อมทั้งส่ายหัวไปมาเงียบๆ ดูท่าแล้วคงจะไม่อยากพูด
“งั้นก็ได้” ชวีเสี่ยวปอเองก็ได้ถามอะไรต่อ สิ่งสำคัญก็คือต้องปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากโหยวเจียให้เรียบร้อย เดิมทีตอนเลิกเรียนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอได้ชกต่อยไปเมื่อครู่นี้ ไม่รู้ว่าตัวเองใช้กำลังเยอะเกินไปหรือเปล่า ในตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าท้องว่างสุดๆ อีกทั้งในหัวยังมีแต่ภาพปิ้งย่างเสียบไม้ร้อนๆ อันแสนจะชุ่มฉ่ำผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
ชวีเสี่ยวปอจึงถามขึ้นมาว่า : “ฉันจำได้ว่าบ้านเธออยู่หมู่บ้าน XX ใช่ไหม? ”
………………………….
“ใช่ๆ ” เซี่ยเจิง(ญ)พยักหน้า
“งั้นรีบไปกันเถอะ อย่ามัวเดินเอ้อระเหยอยู่เลย” ในขณะที่พูดชวีเสี่ยวปอก็อยากที่จะดึงแขนเซี่ยเจิง(ช)เอาไว้ด้วย เพื่อบอกให้เซี่ยเจิงเดินตามตัวเองมา แต่ชวีเสี่ยวปอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เซี่ยเจิงหลบเลี่ยงเขานี้จงใจหรือบังเอิญกันแน่
ถึงแม้ว่าจะคล้องแขนเซี่ยเจิงไม่สำเร็จ แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ได้คิดเยอะของชวีเสี่ยวปอ เขาจึงไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป เพราะถึงยังไงการเดินกับเซี่ยเจิง(ญ) พวกเขาก็ล้วนรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูกอยู่แล้ว
ระหว่างทางที่ไปส่งเซี่ยเจิง(ญ) พวกเขาก็พาหญิงสาวที่อยู่กับเซี่ยเจิงไปส่งที่บ้านด้วย บ้านของหญิงสาวคนนั้นใกล้กว่าบ้านของเซี่ยเจิงมาก ดังนั้นในตอนสุดท้ายจึงเหลือพวกเขาอยู่เพียงแค่สี่คน ขณะนั้นเองบทสนทนาก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ได้ยินว่าหลังจากแบ่งห้องคะแนนของนายไม่เลวเลยนะ” เซี่ยเจิง(ญ)พูดกับชวีเสี่ยวปอ
“โห ปอเอ๋อร์ ความสำเร็จจากการต่อสู้อย่างกล้าหาญของนายนี่เลื่องลือไปถึงห้องอื่นแล้วเหรอเนี่ย? ” ซือจวิ้นรีบคว้าโอกาสนี้พูดแซวชวีเสี่ยวปอไป