ในที่สุดโอวหยางจิ้งก็รู้สึกหวาดกลัว เดิมทีเขานึกว่ามีโลหิตแห่งเทพมารช่วยเหลือจะสามารถสยบเฉินเซียวได้ คิดไม่ถึงว่าจะถูกเฉินเซียวกำราบแทน ในสายตาของเขา ไม่ว่าเขาจะใช้มรรคาใดๆ ก็ตอบโต้ไม่ได้เลย ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้โอวหยางจิ้งตื่นตระหนก
เมื่อแขนถูกตัดไปข้างหนึ่ง เขาก็คิดที่จะหลบหนี
ดังนั้น เขาจึงต่อยหมัดออก ปราณมารพวยพุ่ง อานุภาพกล้าแข็ง แต่นี่เป็เพียงแผนการที่เขาจะใช้หลบหนีเท่านั้น ออกกระบวนท่าหลอกล่อ แล้วร่างของเขาก็ล่าถอย
ส่วนดวงตาของเซียวเฉินมีรอยยิ้ม
คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ...
หากเอ่ยถึงความเร็ว ในบรรดาสัตว์ปิศาจ นกเผิงั์ปีกทองนั้นเรียกได้ว่าเป็ราชันแห่งน่านฟ้า ความเร็วไร้เทียมทาน เทียบได้กับสัตว์เทพคุนเผิง [1] ชั่วพริบตา นกเผิงั์ปีกทองก็พุ่งเข้าหาโอวหยางจิ้งด้วยความเร็วดุจฟ้าแลบ
“ตาย!”
เซียวเฉินเอ่ยชืดๆ กรงเล็บของนกเผิงั์กรีดลงไปดุจอาวุธเทพอันคมกริบ ทันใดนั้น มีสายลมคลั่งก่อตัวอยู่ด้านล่างเวิ้งนภา ในนั้นมีเจตจำนงกระบี่อันแข็งแกร่งและยังมีกฎแห่งมิติกักขังโอวหยางจิ้งไว้ภายในแล้วบีบอัดให้ตายอีกด้วย
แปะ แปะ!
โลหิตสดสาดกระจาย เืเนื้อปลิวว่อน
เสียงร้องโหยหวนของโอวหยางจิ้งดังสะท้อนอย่างต่อเนื่อง
สายลมคลั่งไม่ได้หยุดลง โอวหยางจิ้งถูกบีบอัดจนเป็เนื้อบด ตายลงอย่างสมบูรณ์ แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีแสงสีดำอันแข็งแกร่งกะพริบวาบ เซียวเฉินตัวสั่น เพราะพลังขุมนั้นทรงอานุภาพเกินไป
วิ้ง วิ้ง!
นั่นเป็โลหิตสีดำหนึ่งหยด แค่หยดเดียวก็แผ่อานุภาพอันน่าสะพรึงสุดขีด
“นี่คือโลหิตแห่งเทพมารหรือ...” เซียวเฉินมองโลหิตสีดำหยดนั้นแล้วพึมพำ แค่โลหิตหยดเดียวก็น่าสยองขนาดนี้ แล้วเทพมารจะน่ากลัวเพียงใด
แม้โลหิตแห่งเทพมารจะแข็งแกร่ง แต่เซียวเฉินกลับไม่สนใจ โอวหยางจิ้งตกลงสู่หนทางมารกลายเป็ผู้ฝึกวิชาชั่วร้ายเพราะโลหิตแห่งเทพมาร มีเปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสาปรากฏขึ้นในมือของเซียวเฉิน เปลวเพลิงไหวระริกและลอยไปยังโลหิตแห่งเทพมารหยดนั้น
ชี่ ชี่!
เปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสาโอบล้อมโลหิตแห่งเทพมารไว้ภายใน สุดท้ายก็หลอมละลายมัน
เซียวเฉินกลับมาที่เดิม มองหมู่บ้านที่อยู่ไกลๆ และพวกชาวบ้านที่ตายอย่างอนาถก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ทุกท่านตายเพราะข้า วันนี้เฉินเซียวสังหารคนที่ฆ่าพวกท่านกับมือ ถือเป็การแก้แค้นให้พวกท่าน พวกท่าน...พักผ่อนอย่างสงบเถอะ...”
“พี่ใหญ่เฉิน ท่าน...” ฉู่เยียนหรานเห็นสีหน้าของเซียวเฉินเปลี่ยนแปลงก็เดินไปหาและจับแขนของเขาไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไร
“ข้าไม่เป็ไร”
เซียวเฉินยิ้มบางๆ จากนั้นกล่าว “พวกเรามีเวลาไม่มาก ควรออกไปได้แล้ว”
ใช่ พวกเขาเข้าแคว้นกู่มาเกือบสี่เดือนแล้ว อีกไม่ถึงสิบวันก็จะถึงกำหนดเวลาออกไป พวกเขาจำเป็ต้องรีบกลับไปยังทางออก ไม่เช่นนั้น พวกเขาอาจจะถูกขังอยู่ที่นี่
“ได้ ไปเถอะ”
ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานผงกศีรษะพร้อมกัน
คนทั้งสามจากไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันนี้ บุตร์ซึ่งฝึกวิชาอยู่ในแต่ละพื้นที่ของแคว้นกู่ต่างเตรียมเดินทางกลับ ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครอยากรั้งอยู่ในแคว้นกู่
วิ้ง วิ้ง!
ระหว่างทาง พวกเซียวเฉินได้พบบุตร์จำนวนมากรุดกลับไป เมื่อพวกเขากลับมาถึงทางออก ที่นี่ก็มีคนหลายสิบคนมารวมตัวกันแล้ว ใน่เวลาเกือบครึ่งปี ทุกคนมีฝีมือก้าวหน้าขึ้นมาก แต่ละคนล้วนมีการเปลี่ยนแปลง คาดว่าต่างคนต่างได้พบโชควาสนาในแคว้นกู่
ในเวลานี้ มีเงาร่างสองสายเหาะมา เป็บุรุษหนึ่งคนสตรีหนึ่งคน เมื่อเซียวเฉินเห็นพวกเขา ดวงตาก็เปล่งประกายและมีรอยยิ้ม
นั่นคือเหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรว
บัดนี้ เหลยอวิ๋นถิงย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าระดับสูงสุด เหลยชิงโหรวก็เช่นกัน ความเร็วในการฝึกวิชาของเหลยอวิ๋นถิงที่ตามเหลยชิงโหรวทันใน่เวลาสั้นๆ นี้ เห็นได้ชัดว่าเ้าหมอนี่ต้องขยันสุดขีดเป็แน่
จากกันหลายเดือน เหลยอวิ๋นถิงหล่อเหลาขึ้น ทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยปราณอันแข็งแกร่ง มีมาดของหัวหน้าหมู่บ้านเหลยถิงอยู่รางๆ เหลยอวิ๋นถิงในวันนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มอ่อนแอเหมือนในตอนนั้นอีกต่อไป
ส่วนเหลยชิงโหรวที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เปลี่ยนเป็คนใหม่ นางสดใสมากกว่าในอดีต ดวงตามีเสน่ห์คู่นั้นดุจดวงดาวบนท้องนภา ใสกระจ่างดั่งลำน้ำสารท คิ้วโก่งเหมือนใบหลิว ปากเล็กๆ ดุจอิงเถา [2] ผิวขาวดั่งหิมะที่แค่เป่าก็ปริแตก บวกกับเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบ ใช้คำว่างามล่มเมืองมาบรรยายเหลยชิงโหรวในปัจจุบันก็ไม่เกินจริง
เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของคนทั้งสอง เซียวเฉินก็รู้สึกยินดีกับพวกเขาจากใจจริง
เซียวเฉินก้าวออกมา บอกฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานว่า “ข้าจะไปพบสหาย” ว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ เดินไปตรงหน้าคนทั้งสอง
เหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ เมื่อพวกเขาหันหน้ามาก็ตะลึงงัน จากนั้นดวงตาของเหลยชิงโหรวก็มีละอองน้ำ แม้แต่เหลยอวิ๋นถิงก็ตื่นเต้น
“พี่ใหญ่เซียว ท่าน...”
เซียวเฉินเดินไปหานางด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไม่ได้เจอกันเสียนาน ชิงโหรวของเราเป็สาวงามแล้ว หนุ่มๆ ที่ตามเกี้ยวพาเ้าน่าจะมากขึ้นทุกที” เซียวเฉินขยี้ศีรษะเล็กๆ ของเหลยชิงโหรว
เหลยชิงโหรวสูดจมูก ขอบตาแดงก่ำ “ข้าไม่้าหรอก...” บุรุษที่ข้าชอบเขาไม่ชอบข้า ข้ายอมอยู่คนเดียวชั่วชีวิต...
“สหาย ไม่ได้เจอกันเสียนาน” เซียวเฉินและเหลยอวิ๋นถิงยิ้มให้กัน ดวงตาฉายแววอบอุ่นหลังจากที่พวกเขาไม่ได้เจอกันมานาน
“หลังการเดินทางครั้งนี้ พวกเราจะกลับไปทันที มาเมืองหลวงแคว้นเยี่ยคราวนี้ หมู่บ้านเหลยถิงมีเพียงท่านอาซุนคอยเฝ้าอยู่ ข้าไม่วางใจ เมื่อไรเ้าจะกลับไปเยี่ยมหมู่บ้านเหลยถิงอีก?” เหลยอวิ๋นถิงมองเซียวเฉินแล้วถาม เหลยชิงโหรวทางด้านข้างก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างคาดหวัง
เซียวเฉินกลับเอ่ยว่า “เกรงว่ายังไม่ได้ชั่วคราว สักวันตอนกลับแคว้นชางหวง ข้าจะไปเยี่ยมหมู่บ้านเหลยถิง วันนั้นอยู่อีกไม่ไกล”
เหลยอวิ๋นถิงพยักหน้า เขารู้ว่าเซียวเฉินแบกภาระไว้บนบ่ามากมาย จึงไม่ฝืนใจ
คนทั้งสามแย้มยิ้มสนทนา จู่ๆ ก็มีแสงอันกล้าแข็งยิงมาจากในห้วงอากาศที่บิดเบี้ยว ห้วงอากาศแยกออก ทุกคนยิ้ม นี่คือผู้เข้มแข็งของแคว้นเยี่ยมารับพวกเขาออกไป
“พวกเราก็ตามไปเถอะ”
พวกเขาสามคนเดินออกจากเขตแคว้นกู่พร้อมกัน
ณ แคว้นเยี่ย เวลานี้ฮ่องเต้แห่งแคว้นเยี่ย คนของแต่ละตระกูลใหญ่ และคนของสำนักก้งเฟิ่งต่างเฝ้ารอ มองทุกคนกลับมาด้วยรอยยิ้ม
ฮ่องเต้แห่งแคว้นเยี่ยยิ่งยิ้มแย้ม เพราะเขารู้สึกถึงความพลุ่งพล่านในแคว้นกู่ ความลับของแคว้นกู่ถูกคนคลี่คลายแล้ว เื่นี้ทำให้เขาตื่นเต้น
เยี่ยเทียนหนานมองทุกคนด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า “ทุกท่านล้วนเป็เสาหลักของแคว้น การเดินทางไปแคว้นกู่ครั้งนี้ ลำบากพวกเ้าแล้ว”
ทุกคนเพียงรับฟังเงียบๆ โดยไม่เอ่ยวาจา แม้พวกเขาเป็คนของแคว้นเยี่ย แต่มิได้อยู่ใต้อาณัติแห่งแคว้น เพราะพวกเขามาจากกลุ่มอิทธิพลและสำนักต่างๆ มีเพียงคนตระกูลใหญ่ซึ่งเป็ส่วนน้อยเท่านั้นที่ผูกติดกับแคว้น
เยี่ยเทียนหนานกล่าวบนหอเหนือประตูเมือง “พวกเ้าล้วนเป็บุตร์ของแคว้นเยี่ยและเป็ความภาคภูมิใจของแต่ละสำนัก คืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงในวังหลวง เลี้ยงต้อนรับการกลับมาของทุกคน”
“ขอบพระทัยฮ่องเต้”
ใบหน้าของทุกคนมีรอยยิ้ม
เหลยอวิ๋นถิงพาเหลยชิงโหรวและจางอวิ๋นเทียนจากไปทันทีเพราะเป็ห่วงหมู่บ้านเหลยถิง เขาดูออกว่าเหลยชิงโหรวตัดใจไม่ได้ เซียวเฉินเพียงยิ้มให้โดยไม่ได้พูดอะไร เขาไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ชิงโหรวมีต่อเขา แต่แรงกดดันของเขาในตอนนี้หนักหนาจนไม่อนุญาตให้เขาคิดถึงเื่ความรัก ยิ่งกว่านั้น เขาเห็นเหลยชิงโหรวเป็น้องสาว ไม่ได้คิดเป็อื่น
เซียวเฉินคิดถึงตรงนี้ก็ยิ้มขื่น แต่ในใจกลับหวั่นไหวเมื่อเงาร่างงามพิลาสดุจนางเซียนอันเย่อหยิ่งเ็าใต้แสงจันทราวาบผ่าน ทำให้เซียวเฉินเหม่อลอย
นี่เขาเป็อะไรไป? เหตุใดจึงคิดถึงนางบ่อยๆ...
หรือว่าเขาชอบนาง? เซียวเฉินครุ่นคิด จากนั้นยิ้มแล้วส่ายศีรษะ เดินออกไป
ตระกูลฉู่เป็ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเยี่ย ย่อมได้รับเทียบเชิญจากฮ่องเต้
เซียวเฉินก็ไปร่วมงานเลี้ยงเช่นกัน
---
[1] คุนเผิง เป็สัตว์เทพในตำนานจีนโบราณ เป็ทั้งปลาและนก ตอนเป็ปลาชื่อคุน ตอนเป็นกชื่อเผิง ตัวมีขนาดใหญ่หลายพันหลี่
[2] อิงเถา คือ เชอร์รี