บทที่ 7:เดิมพันในรังอสรพิษ
เส้นทางจากเรือนสลัมไปยังเรือนรับรองริมทะเลสาบนั้นไม่ไกล แต่กลับให้ความรู้สึกราวกับเดินทางข้ามผ่านสองโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เื้ัคือความมืดมิด สกปรก และกลิ่นอายแห่งความตาย เบื้องหน้าคือแสงสว่างจากโคมไฟระย้าที่ส่องประกายงดงาม เรือนไม้สักหลังงามตั้งตระหง่านริมน้ำ เสียงดนตรีบรรเลงแ่เบาเล็ดลอดออกมาพร้อมกับกลิ่นเครื่องหอมราคาแพงและกลิ่นสุราเลิศรส
จ้าวิ่หลานเดินอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงภายใต้การควบคุมของชายฉกรรจ์ นางไม่ได้ก้มหน้าหรือแสดงอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย สายตาของนางกวาดสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็วและเยือกเย็น ประเมินจำนวนยามที่ซ่อนตัวอยู่ตามเงาไม้ ประเมินทางหนีทีไล่...ประเมินทุกอย่างราวกับศัลยแพทย์ที่กำลังจะเข้าห้องผ่าตัดที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ความสงบนิ่งผิดปกติของนางทำให้หลี่มัวมัวที่เดินนำอยู่ข้างหน้าอดรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังไม่ได้ นางเคยเห็นคนใกล้ตายมามากนัก แต่ไม่เคยเห็นใครมีแววตาเช่นนี้...มันไม่ใช่แววตาของผู้ที่ยอมจำนนต่อชะตากรรม แต่เป็แววตาของนักล่าที่กำลังรอคอยจังหวะ
เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูเรือนรับรองเข้าไป กลิ่นอายแห่งอำนาจและความวิปริตก็ปะทะเข้าหน้านางทันที
กลางห้อง บนเบาะรองนั่งที่ทำจากขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว คือบุรุษร่างท้วมใหญ่ในชุดผ้าไหมสีม่วงเข้ม เขาก็คือเ้าเมืองสวี"ฮงต้าเสียน" ใบหน้าของเขาอูมด้วยไขมัน ดวงตาหรี่เล็กนั้นฉายแววตัณหาและความเหี้ยมโหดอย่างปิดไม่มิด นิ้วมือที่ประดับแหวนหยกวงโตนั้นบวมเป่งผิดรูป บ่งบอกถึงความเ็ปที่เ้าตัวพยายามซ่อนไว้
ข้างกายเขา คือฮูหยินรองหลิวซื่อ นางอยู่ในอาภรณ์งดงาม เมื่อเห็นิ่หลานเดินเข้ามา นางก็ส่งยิ้มหวานหยดมาให้ แต่เป็รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสมเพชและการเยาะเย้ย
"ท่านเ้าเมืองเ้าขา ดูสิว่าข้านำสิ่งใดมาฝาก" หลิวซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "นี่คือหลานสาวนอกคอกของตระกูลจ้าว แม้จะสติไม่สมประกอบไปบ้าง แต่ก็ถือว่ารูปพรรณยังพอใช้ได้ หวังว่าคงจะถูกใจท่านเ้าเมืองนะเ้าคะ"
ฮงต้าเสียนหัวเราะเสียงแหบพร่าในลำคอ สายตาตะกละตะกลามของมันไล่เลียไปทั่วเรือนร่างผอมบางของิ่หลาน "ฮ่าๆๆ ดียิ่งนัก! ข้าชอบนักสตรีที่ดูบอบบางน่าทนุถนอมเช่นนี้ เวลาบิดให้แหลกคามือคงจะส่งเสียงร้องได้ไพเราะน่าดู!"
ทว่าจ้าวิ่หลานกลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด นางเมินเฉยต่อคำพูดของทุกคน สายตาของนางจับจ้องไปที่จุดเดียว...ข้อนิ้วที่บวมเป่งของเ้าเมืองสวี
"ดูจากลักษณะข้อที่บวมแดงร้อนและเส้นเืที่ปูดโปน" จู่ๆ นางก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท "ท่านเ้าเมืองคงจะทุกข์ทรมานจาก 'ลมพิษข้อกระดูก' มานานหลายปีแล้วนะเ้าคะ"
ทั้งห้องพลันเงียบกริบราวกับป่าช้า
ิ่หลานไม่รอให้ใครได้ตั้งตัว นางกล่าวต่อด้วยความมั่นใจ "เวลาที่โรคกำเริบ ท่านจะปวดราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทง โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือวันที่อากาศเย็นชื้น หากปล่อยไว้นานวันเข้า ข้อต่อจะผิดรูป พิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจและอาจเป็อันตรายถึงชีวิตได้"
ทุกคำพูดของนาง...ถูกต้องทั้งหมด! ตรงเสียยิ่งกว่าหมอหลวงที่เก่งที่สุดเคยว่าไว้!
"เ้า...เ้ารู้ได้อย่างไร!?" เ้าเมืองสวีคำรามออกมา เสียงของเขาสั่นเครือด้วยความใระคนกับความหวัง
"นังเด็กสารเลว! เ้ากล้าดีอย่างไรมากล่าววาจาเหลวไหล!?" หลิวซื่อได้สติขึ้นเป็คนแรก นางตวาดลั่น
ิ่หลานหันไปมองหลิวซื่อด้วยหางตา "ข้าน้อยจะวิปลาสหรือไม่ ท่านเ้าเมืองย่อมตัดสินได้ด้วยต้วเอง" นางหันกลับมาทางเ้าเมืองสวีแล้วยอบกายลงเล็กน้อย ในมือของนางปรากฏแผ่นผ้าลินินสีขาวที่มียาสีดำพอกอยู่ "ข้าน้อยมี 'ยาพอกบรรเทาปวด' ตำรับลับโบราณ อาจพอช่วยบรรเทาความเ็ปของท่านได้บ้าง...ถือเป็ของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกเ้าค่ะ"
"อย่า!" หลิวซื่อร้องห้าม "มันอาจเป็ยาพิษ!"
ฮงต้าเสียนลังเล แต่ความเ็ปที่ทรมานเขาทุกค่ำคืนกำลังเอาชนะความหวาดระแวง
"เอามา!" เขาตัดสินใจ "มาติดให้ข้า! หากเ้าเล่นตุกติก ข้าจะให้คนฉีกร่างเ้าเป็ชิ้นๆ!"
ิ่หลานเดินเข้าไปหาอย่างไม่หวั่นเกรง นางบรรจงแปะแผ่นยาพอกลงบนข้อมือที่บวมเป่งของเ้าเมืองสวีอย่างนุ่มนวล
หนึ่งลมหายใจ...สองลมหายใจ...
"เอ๊ะ!" เ้าเมืองสวีอุทานออกมา "มัน...มันอุ่นขึ้น...ความปวด...ความปวดมันลดลงจริงๆ! ได้ผล! มันได้ผลจริงๆ!"
ฮูหยินรองหลิวซื่อหน้าซีดเผือด นางไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
"ยาพอกนี้ต้องใช้คู่กับ 'เม็ดยาเดินลมปราณ' เม็ดนี้เ้าค่ะ ถึงจะเห็นผลสูงสุด" ิ่หลานกล่าวพลางหยิบเม็ดกลอนสีดำเล็กๆ ที่นางเตรียมไว้ออกมา "ยาเม็ดนี้จะช่วยขับลมปราณให้ทะลวงจุดที่ติดขัดได้"
ด้วยความโลภและความหวังที่จะหายขาด เ้าเมืองสวีคว้ายาเม็ดนั้นจากมือนางแล้วโยนเข้าปาก กลืนลงไปโดยไม่ลังเล
เวลาประหนึ่งหยุดนิ่งไปชั่วขณะ...รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏบนใบหน้าของฮงต้าเสียน...และรอยยิ้มอันเยือกเย็นของพญามัจจุราช...ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวิ่หลาน
อึก!
รอยยิ้มของเ้าเมืองสวีแข็งค้าง ดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด เขายกมือขึ้นกุมหน้าอก พยายามจะสูดอากาศหายใจแต่ทำไม่ได้ ใบหน้าของเขาเริ่มกลายเป็สีม่วงคล้ำ
ตุ้บ!
ร่างของเ้าเมืองสวีร่วงหล่นลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นราวกับปลาเป็ๆ ที่ถูกทอด
"กรี๊ดดดด! ยาพิษ! นังแพศยามันวางยาพิษท่านเ้าเมือง!" ฮูหยินรองหลิวซื่อกรีดร้องอย่างเสียสติ
"จับมันไว้!" หลี่มัวมัวตวาดสั่งการ
เหล่าทหารองครักษ์ของเ้าเมืองชักดาบออกมาพร้อมกันแล้วพุ่งเข้ามาหมายจะสังหาริ่หลาน
ทว่า...ท่ามกลางความโกลาหลทั้งหมดนั้น จ้าวิ่หลานกลับยืนขึ้นอย่างสงบนิ่ง นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เ็าแต่ดังชัดเจนไปทั่วทั้งห้อง
"ช้าก่อน...ถ้าพวกเ้ายังอยากให้เ้านายของพวกเ้ารอดชีวิต"
ดาบทุกเล่มหยุดชะงักงันกลางอากาศ ห่างจากลำคอของนางเพียงไม่ถึงหนึ่งนิ้ว
"พิษนี้มีเพียงข้าผู้เดียวในใต้หล้าที่รักษาได้" นางกล่าว "ชีวิตของเขา...ตอนนี้อยู่ในกำมือของข้า"
ท่ามกลางคมดาบที่จ่ออยู่รอบทิศทาง จ้าวิ่หลานกลับไม่ได้แสดงความหวั่นไหวแม้แต่น้อย นางยืนนิ่งสงบราวกับพายุที่อยู่ใจกลางพายุลูกอื่น ความเยือกเย็นของนางแผ่ซ่านออกไปจนทำให้เหล่าทหารที่กำลังเดือดดาลเริ่มลังเล
"พวกเ้ามีเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ (15 นาที) " น้ำเสียงของนางราบเรียบแต่ก้องกังวาน "หลังจากนั้น พิษจะแทรกซึมเข้าสู่หัวใจโดยสมบูรณ์ แม้แต่เทวดาก็คงยื้อชีวิตเขาไว้ไม่ได้"
หัวหน้าองครักษ์ของเ้าเมืองสวีตวาดลั่น "เ้า้าอะไร!?"
"้าทางรอด...ไม่ใช่แค่ของข้า แต่เป็ของเ้านายพวกเ้าด้วย" ิ่หลานกล่าว พลางชี้ไปที่โต๊ะด้านข้าง "สุราฤทธิ์แรงหนึ่งกา น้ำชาที่ยังร้อนจัดหนึ่งถ้วย และ...ปิ่นปักผมเงินของฮูหยินรอง!"
ฮูหยินรองหลิวซื่อถึงกับชะงักเมื่อถูกเอ่ยถึง แต่ก่อนที่นางจะได้ปฏิเสธ หัวหน้าองครักษ์ก็คำรามลั่น "ไปเอามา!"
ทุกอย่างถูกนำมาวางตรงหน้าิ่หลานอย่างรวดเร็ว นางหักปิ่นเงินออกอย่างไม่ไยดี เหลือไว้เพียงเข็มเงินแหลมคม
"จับเขานอนหงาย คลายสาบเสื้อออก" นางสั่งการอย่างเด็ดขาด
ิ่หลานคุกเข่าลงข้างร่างที่กำลังชักกระตุกของฮงต้าเสียน นางหลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อยืนยันตำแหน่งของจุดชีพจรที่สำคัญที่สุด ก่อนจะใช้เข็มเงินแทงฉึกลงบนจุดกู้ชีพกลางหน้าอกของเขาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ!
เฮือก!
ร่างของเ้าเมืองสวีกระตุกอย่างรุนแรง ลมหายใจที่ติดขัดพลันถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับเสียงสำลัก แต่เขายังไม่ฟื้นคืนสติเต็มที่
"ยังไม่พอ!" ิ่หลานกล่าว นางเทสุราฤทธิ์แรงลงไปในถ้วยชาที่ยังร้อนจัด ก่อนจะง้างปากของเ้าเมืองสวีแล้วเทของเหลวร้อนๆ นั่นกรอกลงไป
"แค่กๆๆ! อ่อก!"
ฮงต้าเสียนสำลักอย่างรุนแรง แต่ใบหน้าที่เคยเป็สีม่วงคล้ำเริ่มกลับมามีสีเืฝาด ลมหายใจของเขาเริ่มสม่ำเสมอขึ้น เขาได้รอดพ้นจากปากประตูยมโลกมาแล้ว
ทั่วทั้งห้องเงียบกริบ ทุกคนมองภาพตรงหน้าราวกับได้เห็นปาฏิหาริย์
"ข้าได้ยื้อชีวิตเขาไว้แล้ว...แต่เป็เพียงการชั่วคราว" ิ่หลานกล่าวเสียงเย็น "พิษไหมผนึกใจได้ฝังรากลึกลงในร่างกายเขาแล้ว หากไม่ได้ยาแก้ของข้าประคองไว้ทุกสามวัน เขาจะมีอาการเช่นนี้อีก และครั้งหน้า...ข้าก็ไม่รับรองว่าจะช่วยได้ทัน"
หัวหน้าองครักษ์รีบเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้า "ท่านหมอเทวะ! โปรดช่วยชีวิตท่านเ้าเมืองด้วย!"
คำว่า 'หมอเทวะ' ทำให้สถานะของิ่หลานเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
"สิ่งแรกที่ข้า้า...คือความยุติธรรม" ิ่หลานกล่าวพลางตวัดสายตาอันเ็าไปยังฮูหยินรองหลิวซื่อที่บัดนี้หน้าซีดเป็กระดาษ "สตรีผู้นี้...วางแผนสังหารข้าโดยใช้ท่านเ้าเมืองเป็เครื่องมือ นางคือต้นเหตุของเื่ทั้งหมดนี้!"
เ้าเมืองสวีที่เพิ่งลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรงได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน ความหวาดกลัวความตายและความโกรธแค้นที่ถูกหลอกใช้ปะทุขึ้นในดวงตาของเขา "หลิว...ซื่อ! นังงูพิษ!"
"จับนางไว้!" เ้าเมืองสวีตวาดสั่งองครักษ์ของตนเอง "จับนังแพศยากับบ่าวคนสนิทของมันไว้!"
หลิวซื่อกับหลี่มัวมัวถูกทหารร่างกำยำเข้าล็อคตัวไว้ในทันที ชะตากรรมของพวกนางพลิกจากหน้ามือเป็หลังมือในชั่วพริบตา
ิ่หลานมองภาพนั้นด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะหันมากล่าวกับเ้าเมืองสวีต่อ "ต่อแต่นี้ไป ชีวิตของท่านผูกติดอยู่กับข้า ความปลอดภัยของข้า...ก็คือความปลอดภัยของท่าน"
"ใช่ๆ! ถูกต้อง! ท่านหมอเทวะ!" ฮงต้าเสียนพยักหน้าหงึก ๆ อย่างหมดสภาพ
"ข้า้าเรือนพักที่เงียบสงบและสะอาดที่สุด พร้อมเครื่องยาและอุปกรณ์ที่ข้า้าทั้งหมด และ...ข้า้าให้คนไปรับสาวใช้ส่วนตัวของข้าที่ชื่อ 'เสี่ยวชุ่ย' มาดูแลข้าที่นี่...เดี๋ยวนี้!"
"จัดให้! จัดให้ทันที!" เ้าเมืองสวีรับคำอย่างรวดเร็ว
บัดนี้...ในห้องรับรองที่เคยเป็รังอสรพิษของศัตรู จ้าวิ่หลานได้กลายเป็ผู้คุมเกมโดยสมบูรณ์ นางมองร่างของฮูหยินรองที่ทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นหวังด้วยแววตาว่างเปล่า.!