เมื่อเห็นว่าถึงเวลารับประทานอาหารแล้ว เซี่ยโม่จึงชักชวนคุณปู่จ้าว “อาจารย์ พวกเรากลับไปกินข้าวที่บ้านกันเถอะค่ะ ส่วนของ มีเวลาค่อยมาจัด”
คุณปู่จ้าวพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ เฉินเฟิงอยู่บ้านคนเดียว ป่านนี้คงจะร้อนใจแย่แล้ว”
เธอหยิบกระสอบข้าวกับผ้าห่มมาถือเอาไว้ จากนั้นจึงเดินออกจากบ้าน คุณปู่จ้าวถือถุงใส่ฝ้ายเดินตามไปด้านหลัง
ลูกศิษย์กับอาจารย์เดินพูดคุยหัวเราะกันไปตลอดทาง ทว่าพอไปถึงหน้าบ้าน ทั้งคู่กลับต้องชะงัก
ประตูถูกทุบจนพัง ข้าวของภายในบริเวณบ้านถูกทำลายเสียหาย
เซี่ยโม่รีบวิ่งเข้าไปด้วยความใ ที่เธอห่วงไม่ใช่ข้าวของแต่คือน้องชาย เธอะโเรียกด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “เฉินเฟิง…”
มีเพียงความเงียบตอบกลับมา หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความกลัวสุดขีด ขนแขนขนขาตั้งชัน
เฉินเฟิงอยู่ที่ไหน?
คุณตาคุณยายไม่น่ากลับมา่ที่เธอไม่อยู่ ที่บ้านเลยมีแค่เฉินเฟิงอยู่คนเดียว
หรือว่า…
เธอวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน ก่อนจะเห็นน้องชายนอนสลบอยู่บนพื้น ที่มุมปากมีเืเปรอะอยู่
ชาตินี้ในที่สุดเธอก็สามารถตามหาน้องชายจนเจอและพากลับมาได้ นึกไม่ถึงเลยว่าตอนหลังน้องชายจะถูกคนทำร้ายจนเป็แบบนี้ เป็ฝีมือใครกัน?
เธอยื่นมืออันสั่นเทาไปอังที่จมูก ยังมีลมหายใจ แต่แ่เบาเหลือเกิน
โชคดีที่น้องชายของเธอยังมีชีวิตอยู่!
แม้เธอจะมีความรู้ด้านการแพทย์จำกัด หากก็ดูออกว่าน้องชายถูกฟาดจนกระอักเืสลบไป
ในโกดังสินค้ามียาตะวันตกอยู่ไม่น้อย น่าจะนำมาใช้ได้
เธอแค้นตัวเองเหลือเกินว่าทำไมถึงไม่เรียนวิชาแพทย์ให้ไวกว่านี้ เวลานี้ทำได้แค่มองน้องชายโดยไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
ขณะที่เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นด้านหลัง ราวกับ์มาโปรดก็ไม่ปาน
“โม่โม่ ขอฉันดูหน่อย”
เธอถึงได้สติกลับคืนมา หลีกทางให้คุณปู่จ้าว
“อาจารย์ ช่วยน้องฉันด้วย” เธอขอร้องด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกระคนหวาดกลัว
เหล่าจ้าวเองก็ใไม่น้อย เขาพยายามตั้งสติ ระงับความใขณะเข้าไปจับชีพจรให้เฉินเฟิง เสร็จแล้วก็อุ้มเด็กชายไปนอนบนเตียงอุ่น
เด็กสาวที่ปกติมักจะมีสีหน้าสงบนิ่ง ยามนี้สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าชีวิตนี้จบสิ้นแล้ว เห็นแล้วเขาอดรู้สึกสงสารไม่ได้
“เฉินเฟิงถูกทำร้าย ถึงแม้หัวใจและปอดจะเสียหาย แต่โชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ทางที่ดีคือต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล…”
คุณปู่จ้าวพูดยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนที่หน้าบ้าน ตามด้วยเสียงอันคุ้นเคย
“เกิดอะไรขึ้น”
เซี่ยโม่เดินออกไปดู เมื่อเห็นผู้มาใหม่ เธอน้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่
“คุณยาย หนูเองก็เพิ่งกลับมา เฉินเฟิงถูกทำร้าย คุณปู่จ้าวบอกให้รีบพาไปส่งโรงพยาบาลค่ะ”
คุณยายชะงักค้าง ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ “ยายจะไปหยิบเงิน ช่วยชีวิตเฉินเฟิงสำคัญที่สุด”
ทว่าเมื่อเข้าไปในห้องนอน ตู้ที่อยู่ในห้องถูกทุบจนพัง คุณยายรีบเดินเข้าไปดู ปรากฏว่าเงินและผ้าที่หลานสาวให้เธอเก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
มือเท้าเธอชาหนึบ “โม่โม่ ผ้ากับเงินถูกคนขโมยไปแล้ว ทำยังไงดี”
เซี่ยโม่แทบจะลมจับ ตอนนี้ในมือเธอมีเงินแค่สิบหยวน หากพาเฉินเฟิงไปส่งโรงพยาบาล เงินแค่นี้ไม่พอกับค่ารักษาแน่นอน
แม้จะมีโกดังสินค้า แต่เวลานี้เธอไม่มีเงิน ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
คุณปู่จ้าวถอนหายใจ มองยายหลานที่มีสีหน้าอับจนหนทางก่อนจะเอ่ยว่า “โม่โม่ ไปเอาสมุนไพรที่เราเก็บมา ฉันจะดูสิว่ามีสมุนไพรอะไรที่พอช่วยรักษาเฉินเฟิงได้บ้าง หากไม่พอเราค่อยไปซื้อที่ร้านยา”
“ค่ะ!” เซี่ยโม่รีบวิ่งไปเอาสมุนไพรที่เก็บได้ใน่หลายวันนี้มา รวมถึงกระเป๋าใส่ของของอาจารย์ด้วย
แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าในโกดังสินค้ามีแผ่นโสมคนฝานอยู่ จึงหยิบมันออกมาสองสามแผ่น
ครั้นคุณปู่จ้าวเห็นแผ่นโสมคนฝาน แววตาพลันเป็ประกาย
เขาป้อนแผ่นโสมนั้นใส่ปากเฉินเฟิง ต่อมาสายตาหันไปเห็นเถียนชี[1]ที่เซี่ยโม่หยิบติดมือมาด้วย
เขารีบบอกตัวยาให้เซี่ยโม่ไปจัดเตรียม “โม่โม่ เราเอาสมุนไพรพวกนี้ไปต้ม ใช้น้ำสามถ้วย ต้มเสร็จเอามาให้น้องชายเธอดื่ม”
“ค่ะ” เด็กสาวรีบไปต้มยาตามที่สั่งทันที
เธอนึกอะไรขึ้นมาได้ขณะมองไปที่กองฟืน
เซี่ยโม่หยิบพวกยาบำรุงหัวใจและปอดออกมาจากโกดังสินค้า ก่อนจะเดินไปหาคุณปู่จ้าว “อาจารย์ ยายของฉันหัวใจไม่ค่อยดี ฉันเลยซื้อยาตะวันตกที่มีสรรพคุณบำรุงหัวใจติดบ้านเอาไว้ อาจารย์ลองดูว่าใช้รักษาน้องชายฉันได้ไหม”
เหล่าจ้าวเป็หมอแพทย์แผนโบราณ ไม่สันทัดยาตะวันตก ที่ยาจะมีกระดาษเขียนคำอธิบายตัวเล็กๆ เอาไว้ เห็นแล้วน่าปวดหัวเหลือเกิน
“โม่โม่ อ่านให้ฉันฟังสิ ฉันอ่านไม่เห็น”
เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนแรกแอบกลัวว่าอาจารย์จะเห็นวันเดือนปีที่ผลิตของยา แต่เพื่อน้องชายเธอจะมัวคิดมากไม่ได้
แต่พออาจารย์บอกว่าอ่านไม่เห็น จึงรู้สึกโล่งอกอย่างประหลาด เธออ่านคำอธิบายที่เขียนอยู่บนกระดาษให้อาจารย์ฟัง
คุณปู่จ้าวพยักหน้ารับรู้ขณะฟัง ก่อนจะชี้มือไปยังหนึ่งในตัวยาที่เธอเอาออกมา “ลองกินอันนี้ก่อน ตัวอื่นไม่ค่อยเหมาะกับอาการของเฉินเฟิง แต่ทางที่ดีที่สุดคือต้องพาไปส่งโรงพยาบาล…”
“ค่ะ ฉันจะให้น้องกินเดี๋ยวนี้”
เธอรีบเก็บกระดาษที่เขียนคำอธิบายและยาตัวอื่น จากนั้นบดยาอย่างระมัดระวังแล้วค่อยป้อนใส่ปากให้น้องชาย
ส่วนคุณยาย วิ่งไปดูในห้องครัว พบว่าพวกข้าวสาร ธัญพืช ถั่วเหลือง รวมถึงเนื้อหมู ไข่ของไก่ป่าล้วนถูกขโมยไปจนหมด
เธอโมโหยิ่งนัก บ้านของเธอเพิ่งจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้แค่ไม่กี่วัน ขโมยก็ดันมาขึ้นบ้าน ทำไม์ถึงอยุติธรรมกับพวกเธอนัก!
เธอพยายามตั้งสติ เดินออกไปถามเพื่อนบ้าน ทว่าเพื่อนบ้านกลับพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ใครเข้าไปในบ้านงั้นเหรอ ไม่เห็นเห็นเลย”
รู้ดีว่าอีกฝ่ายยังโกรธที่หลานสาวเธอไม่ยอมให้ขึ้นเขาไปด้วยและสอนเื่สมุนไพรให้ลูกตัวเอง
เธอไม่สนใจอีกฝ่าย เดินไปถามบ้านอื่นต่อ
มีคนเล่าให้เธอฟังว่า “ฉันเห็นคนสี่ห้าคนออกจากหมู่บ้านไปด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน ทั้งยังถือของในมือมากมาย เหมือนจะเป็หวางหมาจื่อที่จะมาลักพาตัวเซี่ยโม่เมื่อวันนั้น”
สมองเธอเหมือนมีเสียงะเิลงดังบึ้ม พวกนั้นน่าจะเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมา เพิ่งถูกปล่อยออกมาก็มาก่อเื่ขโมยของภายในบ้านเธอแล้วหรือ?
ขณะที่เธอกำลังจะไปแจ้งเื่นี้กับผู้ใหญ่บ้าน สามีก็กลับมาเสียก่อน
เธอเล่าพร้อมกับน้ำตาไหลพราก “ตาแก่ พวกหวางหมาจื่อถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว แล้วมันก็มาพังบ้าน ขโมยอาหารและธัญพืชภายในบ้านไปหมด ไม่เพียงแค่นั้นมันยังทำร้ายเฉินเฟิงจนาเ็สาหัสอีกด้วย”
“ยายแก่ งั้นแกรีบกลับบ้าน ฉันจะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านเอง”
“ได้”
ที่บ้าน เซี่ยโม่ต้มยาเสร็จแล้ว คงเป็เพราะฤทธิ์ของโสมคน เฉินเฟิงถึงค่อยๆ ลืมตาฟื้นขึ้นมา ทันทีที่เห็นเธอก็รีบเล่าให้ฟังว่า “พี่ หวางหมาจื่อพาพวกมา…ขโมย…”
เซี่ยโม่เข้าใจในทันที พอเห็นว่าการพูดคุยกินแรงน้องชายไม่น้อย เธอจึงรีบเอ่ยว่า “เฉินเฟิง เราไม่ต้องพูดแล้ว นอนพักเถอะ พี่ไม่ปล่อยพวกมันไปแน่”
เฉินเฟิงพยักหน้ารับรู้
เธอเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เฉินเฟิง กินยาหน่อยนะ พี่รู้ว่ามันขม แต่น้องชายของพี่เป็เด็กกล้าหาญ จะต้องทนได้แน่นอน ถ้ากินหมดเดี๋ยวพี่ให้ลูกอมเป็รางวัล”
เซี่ยเฉินเฟิงกินยาอย่างว่าง่าย เธอเลยหยิบลูกอมจากในกระเป๋าเป็รางวัลให้สองเม็ด ก่อนจะแกะห่อแล้วป้อนใส่ปากน้องชาย
พอได้กินลูกอม ใบหน้าของน้องชายก็กลับมามีรอยยิ้มดังเดิม
“เฉินเฟิงเด็กดี พี่จะออกไปข้างนอกสักพัก พี่จะไปทวงคืนความยุติธรรมให้เรา”
อู๋กวงเต๋อพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาล แววตาเต็มไปด้วยโทสะว่า “โม่โม่ ตาจะไปกับหลานด้วย ตาไม่เชื่อหรอกว่าบนโลกนี้จะไม่มีความยุติธรรม”
“ค่ะ!”
สองตาหลานไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟัง
ผู้ใหญ่บ้านตาลุกวาวด้วยความโกรธจัด “กล้ามาขโมยของกลางวันแสกๆ ทั้งยังทำร้ายเด็ก คราวที่แล้วก็คิดจะลักพาตัว พวกมันยังเป็คนอยู่อีกหรือเปล่า ฉันจะรีบขี่จักรยานไปแจ้งความที่โรงพักในตำบลเดี๋ยวนี้”
-----------------------------------------
[1] เถียนชี เป็พืชสมุนไพรในตระกูลโสมคน ช่วยบรรเทาอาการบวม ฟกช้ำ และช่วยห้ามเื
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้