เสียงเกือกม้าดังมาจากไกลๆ
ดูเหมือนว่าแขกคนสำคัญจะมาถึงแล้ว
นี่ก็ดึกมากแล้ว เหล่าคนเฝ้าประตูจึงอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น
เมื่อฮั่วฉีอวี่มาถึงหน้าจวนผู้ว่าการหยงโจวและเห็นความไม่มีระเบียบวินัยของเหล่าคนเฝ้าประตู เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขาส่งเสียงกระแอมเบาๆ คนเฝ้าประตูเ่าั้สะดุ้งตื่นก่อนจะรีบรุดเข้าไปรายงานคนด้านใน
จากนั้นจวนผู้ว่าการก็สว่างไสวและมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ในห้องโถงใหญ่
ซูเจินกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนแขนของหญิงสาวหน้าตางดงามคนหนึ่ง แต่เมื่อได้ยินเสียงอึกทึกด้านนอกเขาก็ตื่นขึ้นทันที และในขณะที่สั่งให้สาวใช้ที่อยู่รอบๆ รินชา เขาก็บ่นว่า “ฮั่วฉีอวี่ เ้าไม่รู้หรือว่าการรบกวนความฝันของคนอื่นถือเป็บาปอันใหญ่หลวง?”
ฮั่วฉีอวี่วางถ้วยชาลงอย่างใจเย็น “ข้ารู้ แต่ครั้งหน้าข้าจะทำอีก”
ซูเจินชำเลืองมองไปยังหญิงสาวข้างๆ พร้อมกับขยิบตา จากนั้นหญิงสาวและสาวใช้ก็แสดงความเคารพและออกไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มรูปงามผู้มีใบหน้าดอกท้อ[1]เอ่ยถามว่า “บอกข้าทีว่าลมอะไรหอบเ้าให้มาหาข้าดึกดื่นแบบนี้?”
ฮั่วฉีอวี่ตอบเบาๆ “ไม่มีอะไร ข้าแค่อารมณ์ไม่ดี”
ซูเจินเลิกคิ้ว จากนั้นก็กล่าวว่า “เ้าทะเลาะกับเย่เช่ออีกแล้วหรือ?”
ฮั่วฉีอวี่จิบชาก่อนจะตอบว่า “เปล่า”
มุมปากของซูเจินปรากฏรอยยิ้มที่ดูลึกลับ “หรือสาเหตุที่พวกเ้าอารมณ์ไม่ดีจะมาจากสตรีเหมือนกัน?”
ฮั่วฉีอวี่สังเกตว่าซูเจินใช้คำว่า “เหมือนกัน” เขาจึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ดูเหมือนข้าจะพลาดอะไรไป?”
ซูเจินยิ้ม “เย่เช่อไม่เชื่อฟังบิดาของเขาเพราะเื่สตรีไม่ใช่หรือ? เ้าไม่รู้เื่นี้ได้อย่างไร?”
ฮั่วฉีอวี่ตอบอย่างใจเย็น “ใครจะไปสนใจเื่นั้น เย่เช่อมักขัดแย้งกับบิดาของเขาเสมอ นี่ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีไม่สนใจ ซูเจินจึงกล่าวว่า “น่าเสียดายที่เ้ามาช้าไป ไม่เช่นนั้นข้าคงแนะนำเ้าให้รู้จักกับบุคคลที่ยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง”
ฮั่วฉีอวี่รู้นิสัยใจคอของซูเจินดี คนผู้นี้มักใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบุปผา แต่ไม่มีบุปผาใดสามารถมัดใจเขาได้ เขาเป็เหมือนผีเสื้อที่ไม่เคยขาดบุปผางามข้างกาย เขาใช้ชีวิตราวกับอยู่ในแม่น้ำทะเลสาบอันกว้างใหญ่[2] ถึงขั้นมีข่าวลือลับๆ ว่าเขาพึงใจสตรีจากสถานที่แห่งนั้น แต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าจวนผู้ว่าการเป็อย่างไร สตรีเ่าั้ย่อมไม่มีทางก้าวเข้าสู่ตระกูลซูได้ ไม่ต้องกล่าวถึงสถานะทางสังคมและภูมิหลังของครอบครัวที่ต่ำต้อยเลย แม้กระทั่งสตรีจากตระกูลขุนนางระดับสูงก็ยากที่จะมีโอกาส
แต่คนผู้นี้คือคุณชายซู เขาจะทำในสิ่งที่ใจ้าเท่านั้น
จู่ๆ ฮั่วฉีอวี่ก็จำสิ่งที่เย่เช่อบอกได้ เขาจึงกล่าวเตือนว่า “อาเจิน เ้าควรรู้จักยับยั้งชั่งใจบ้าง ข้าได้ยินมาว่ามารดาของเย่เช่อไม่ชอบทัศนคติของเ้าที่มีต่อสตรีนัก”
ซูเจินตบพัดในมืออย่างไม่เห็นด้วย ดวงตาอันงดงามของเขาส่องประกายแวววาว “ชื่อเสียงของข้าได้แพร่กระจายไปยังเมืองหลวงแล้ว ช่างเหลือเชื่อเสียจริง!”
ฮั่วฉีอวี่ยิ้ม “เ้ารู้จักคำว่า ‘ชื่อเสียงที่ดี’ หรือไม่?”
ซูเจินยิ้มตอบ “แล้วเ้าเคยได้ยินคำพูดอย่าง ‘เื่ราวดีๆ ไม่เล่าต่อ เื่ราวไม่ดีแพร่กระจายพันลี้[3]’ หรือไม่?”
ฮั่วฉีอวี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกล่าวว่า “เอาเถอะ ข้าเถียงสู้เ้าไม่ได้อยู่แล้ว เอาสุราออกมาสักที”
หญิงสาวที่มีหน้าตางดงามและสาวใช้ถูกเรียกกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง สุราและอาหารเลิศรสถูกนำขึ้นโต๊ะภายในเวลาอันสั้น หญิงสาวเริ่มเล่นกู่ฉิน ไม่นานก็มีเสียงจอกกระทบกัน ซูเจินหรี่ตาที่งดงามเหมือนดอกท้อพร้อมกับดื่มสุราอึกใหญ่ก่อนจะกล่าวว่า “ิเจี๋ย เหตุใดเ้าต้องยึดติดกับความคิดของผู้อื่น? เ้าต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยทุกอย่างให้เป็ไปตามอารมณ์ของตนเองบ้าง ดูข้าสิ ั้แ่เด็กข้าก็ไม่เคยใส่ใจสายตาของผู้ใดเลย คนเ่าั้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า เหตุใดข้าต้องนำคำพูดของพวกเขามาใส่ใจด้วย?”
หลังจากที่ซูเจินพูดจบ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายสดใส สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ รินสุราให้เขาพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
เมื่อเห็นซูเจินมีความคิดเช่นนี้ฮั่วฉีอวี่ก็รู้สึกโล่งใจ เื่ทั้งหมดกลายเป็เพียงหมอกควัน
ในขณะเดียวกันเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองจริงจังกับชีวิตมากเกินไป
รอยยิ้มอันงดงามของหญิงสาวเคล้าเสียงกู่ฉินช่างเป็ภาพที่ชวนมอง แต่เขากลับมองเห็นเพียงรอยยิ้มของซูเจิน
ฮั่วฉีอวี่ยิ้ม มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “อาเจิน ถ้าเ้าเป็สตรี ข้าอาจตกหลุมรักเ้าไปแล้ว”
ซูเจินหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็ถามทีเล่นทีจริงว่า “แล้วถ้าข้าเป็สตรีจริงๆ เ้าจะแต่งงานกับข้าหรือไม่?”
ท้ายที่สุด ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถแต่งเข้าจวนแม่ทัพเจิ้นหนานได้
การแต่งงานไม่ใช่เื่ที่ชายหนุ่มผู้เป็ทายาทของตระกูลชั้นสูงจะตัดสินใจด้วยตนเองได้ นี่คือเื่ที่ทุกคนต่างรู้กันดี ยิ่งไปกว่านั้น ฮั่วฉีอวี่ไม่ใช่แค่ทายาทของตระกูลชั้นสูงทั่วไป
ฮั่วฉีอวี่ไม่ได้สังเกตเห็นความคาดหวังลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของซูเจิน เขายิ้มอย่างหดหู่และไร้อารมณ์จากนั้นจึงกล่าวว่า “แน่นอน”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มในอึกเดียว
สาวใช้ด้านข้างรีบรินสุราให้ใหม่ทันที
ซูเจินไม่ได้สนทนาต่อในหัวข้อนี้ เขาเพียงดื่มเงียบๆ
มีสุราชั้นดีและหญิงงามในอ้อมแขน นี่คือสิ่งที่ดีงามที่สุดในโลก
ไม่ทันรู้ตัวฮั่วฉีอวี่ก็เริ่มเมาแล้ว
“ซูเจิน อันที่จริงครั้งหนึ่งท่านปู่้าให้ข้าแต่งงานกับองค์หญิงเหวินฮวา” ฮั่วฉีอวี่กล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน
ประโยคที่ฟังดูธรรมดาๆ นี้กลับมีความหมายบางอย่างที่สำคัญมากแฝงอยู่
ในราชวงศ์ก่อน บุตรขุนนางระดับสูงล้วนเกียจคร้านและไม่สามารถดำรงตำแหน่งสำคัญได้ ถ้าฮั่วฉีอวี่เป็ราชบุตรเขยจริงๆ อำนาจทางทหารของจวนแม่ทัพเจิ้นหนานย่อมตกอยู่ในมือของผู้อื่นอย่างแน่นอน
แม่ทัพเจิ้นหนานมีลูกชายสามคน บางคนตายในสนามรบ ส่วนบางคนตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ กล่าวง่ายๆ ก็คือผู้สืบทอดของเขาตายไปหมดแล้ว ส่วนหลานชายที่เหลืออยู่ไม่กี่คนส่วนใหญ่ก็เป็พวกไม่เอาการเอางาน
การให้หลานชายคนโตแต่งงานกับองค์หญิงเหวินฮวาย่อมหมายถึงแม่ทัพเจิ้นหนานตั้งใจที่จะถ่ายโอนอำนาจของตนเอง
ดูเหมือนว่าแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่จะได้กลิ่นแปลกๆ และ้าที่จะเกษียณตัวเองออกจากกองทัพหรือไม่? ซูเจินรับฟังเงียบๆ จิตใจของเขารู้สึกเ็ปเล็กน้อย
ได้ยินมาว่าแม่ทัพเจิ้นหนานรักเย่เช่อมาก เขาสั่งสอนเด็กคนนั้นด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมอบโอกาสให้เย่เช่อได้สร้างชื่อเสียง บางทีเย่เช่อที่มาจากครอบครัวขุนนางฝ่ายบุ๋นอาจเข้ามาสานต่อตำแหน่งแม่ทัพเจิ้นหนานในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตระกูลเย่กลับมีความทะเยอทะยานและยึดครองบัลลังก์ของตระกูลอวิ๋น อีกทั้งเย่เช่อยังได้สืบทอดตำแหน่งอ๋องอวิ๋นเมิ่งด้วย
ดูเหมือนว่าแม่ทัพเจิ้นหนานจะชอบเย่เช่อจริงๆ
อาจเป็ไปได้ว่าแม่ทัพเจิ้นหนานคิดที่จะสละตำแหน่งของตนเองเพื่อแลกกับความปลอดภัยของตระกูลฮั่วและอนาคตที่สดใสของเย่เช่อ
“ในปีที่สิบสองของรัชศกเฉิงกวง ข้ากลับมาจากชายแดนก็เพราะเื่นี้” ฮั่วฉีอวี่กล่าวอีกครั้ง
ซูเจินก้มมองสุราในถ้วย ดวงตาดอกท้อของเขาเปล่งประกาย เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็กันเองว่า “แล้วเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเ้าถึงไม่แต่งงาน? ข้าไม่เคยได้ยินเ้ากล่าวถึงเื่นี้เลย”
------------------------
[1] ใบหน้าดอกท้อ หมายถึง ดวงตาโตแบบพอดิบพอดีและมีขนตางอนยาว เวลายิ้มหรือหัวเราะดวงตาจะหยีแบบคันศรหรือจันทร์เสี้ยว ั์ตาหวานฉ่ำเยิ้มแลดูกรุ้มกริ่มและขี้เล่น มีโหนกแก้มหน่อยๆ ทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบน่ามอง จมูกแหลมและอยู่กึ่งกลางใบหน้า หากมองจากด้านล่างจะดูมีมิติ มุมปากแหลมเล็กน้อยรูปปากอวบอิ่ม หากเป็ชายจะมีรูปปากที่เล็กและบางเฉียบ มีสีชมพูหรือแดงระเรื่อแวววาวน่าจุมพิต ส่วนท้ายของคางจะมีลักษณะกลมมนหน่อยๆ ดูอ่อนช้อย
[2] อยู่ในแม่น้ำทะเลสาบอันกว้างใหญ่ หมายถึง ชีวิตที่สงบสุข เหมือนแม่น้ำและทะเลสาบที่ไม่มีคลื่น
[3] เื่ราวดีๆ ไม่เล่าต่อ เื่ราวไม่ดีแพร่กระจายพันลี้ หมายถึง เื่ดีๆ มักไม่มีใครสนใจ ส่วนเื่ไม่ดีกลับเล่าปากต่อปาก และแพร่กระจายออกไปไกล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้