เมื่อวันนั้นใกล้เข้ามา สายตานับไม่ถ้วนในเมืองชุ่นเทียนต่างจับจ้องมาที่วันเกิดของเหนียนยวี่
หนึ่งวันก่อนวันเกิด บางคนส่งของกำนัลอวยพรมาแล้ว มีแขกหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทิวทัศน์ก็มีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในห้องโถงรับรองจวนเหนียน เหนียนเย่ายุ่งอยู่กับการจัดการตัวเองเกือบทั้งวัน เขารู้ภูมิใจมาก ผู้คนต่างรู้ว่าบุตรีของเขาเดิมทีที่ไม่อยู่ในสายตาผู้ใดนั้น ยามนี้กลับดูโดดเด่นรุ่งเรืองขึ้นมามาก หากการสมรสของนางกับท่านอ๋องมู่สำเร็จเรียบร้อย จวนเหนียนของเขาคงเทียบไม่ได้กับวันวาน
ครั้นมองดูกลุ่มคนที่ส่งของกำนัลมาให้ เหนียนเย่ายิ่งมิกล้าเพิกเฉยเหนียนยวี่เลย
อนุสี่ สวีหว่านเอ๋อร์เองก็จัดการงานอย่างละเอียด ทุ่มเทอย่างเต็มที่
“คุณหนูรอง พรุ่งนี้ข้าจะสวมชุดอะไรดี? ข้าลงมือดูแลด้วยตนเอง ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก...”
ภายในหอชิงยวี่ สวีหว่านเอ๋อร์ไฟแรง สีหน้ากระตือรือร้นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อนางเอ่ยถึงตรงนี้ นางพลันได้ยินเสียง ‘เพล้ง’ ดังขึ้นมา ในใจนางรู้สึกใ พลางหันมองไปยังทิศทางของเสียงโดยไม่รู้ตัว และเห็นเืสีแดงไหลหยดออกมาจากมือของเหนียนยวี่...
"เื..."
เืสีแดงสดไหลหยดออกมาจากมือของเหนียนยวี่ทีละหยดๆ สวีหว่านเอ๋อร์ที่เห็นดังนั้น พลันรู้สึกหวาดกลัว
“คุณหนู...”
ชิวตี๋กลับมาได้สติ นางก้าวเข้าไปหาเหนียนยวี่อย่างรวดเร็ว สวีหว่านเอ๋อร์เองก็ตระหนักได้ทันที นางทิ้งเสื้อผ้าในมืออย่างรีบร้อน พุ่งตัวไปหาเหนียนยวี่ “คุณหนูรอง นี่...ท่านเป็อะไร? เหตุใดถึงไม่ระวังถึงเพียงนี้? ถ้วยมันแตกแล้ว ทั้งยังคมมาก ท่านเป็สาวน้อยบอบบาง จะไปแตะต้องไม่ได้นะ ไอหยา นี่...เืออกเยอะขนาดนี้ เร็วเข้า รีบไปตามหมอมา...”
สวีหว่านเอ๋อร์เอ่ยจัดแจง กำลังเอ่ยสั่งคนใช้ในห้องให้ออกไป ทว่าเหนียนยวี่กลับเอ่ยออกมาว่า "ไม่จำเป็"
ครั้นเอ่ยจบ เหนียนยวี่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเืออกและหยิบขวดกระเบื้องเล็กขวดหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก โรยผงที่อยู่ในขวดลงบนาแ
ทว่าเมื่อเหนียนยวี่เหลือบมองถ้วยชาที่แตกกระจายบนพื้น วงคิ้วคู่งามมิอาจคลายออกได้เป็เวลานาน
วันนี้มิรู้เพราะเหตุใด จิตใจของนางรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา ตอนเช้าบางคราจิตใจเหม่อลอย ราวกับมีก้อนหินก้อนหนึ่งกำลังกดทับหัวใจของนาง นางว้าวุ่นใจมากจนเผลอทำถ้วยชาคว่ำตกบาดมือตนเอง และยามนี้ ความไม่สบายใจนั้นยิ่งแข็งกล้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าจะมีเื่อะไรไม่ดีเกิดขึ้น
อะไรจะเกิดขึ้น?
วันเกิดในวันพรุ่ง...ตัวนางถึงได้รู้สึกกังวลตื่นตระหนกถึงขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ?
ทว่าเื่บางอย่างที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ในใจนางมีแผนการรับมือแล้ว ทว่าเหตุใด นางถึงยังเป็แบบนี้?
มีเื่อะไรที่นางยังไม่ได้คิดคำนวณงั้นหรือ?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว วันเกิดพรุ่งนี้...จะเกิดอะไรขึ้น?
เหนียนยวี่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พยายามสลัดความคิดในใจออกไป ทว่านางไม่สามารถกำจัดความรู้สึกไม่สบายใจที่เพิ่มพูนขึ้นในใจนางได้
ตำหนักชีเฟิ่ง วังหลวง
ลมเย็นพัดโชยมานอกหน้าต่าง ภายในห้อง ถ่านหินลุกโชนส่องสว่าง ขับให้ไออุ่นแผ่ขจายไปทั่วทั้งห้อง
ทันทีที่ฮองเฮาอวี่เหวินยกถ้วยชาร้อนๆ ขึ้นมา นางพลันนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย "อี้เอ๋อร์ เขา...่นี้อากาศหนาวเย็น ไม่รู้ว่าระหว่างทางเขาจะหนาวหรือไม่"
“ท่านอ๋องมู่ อีกไม่กี่วันก็คงกลับมาถึงแล้วเพคะ” เจินกูกูด้านข้างเอ่ยออกมาอย่างยิ้มแย้ม ทว่าครั้นเอ่ยจบ คิ้วงามของฮองเฮาอวี่เหวินกลับยิ่งขมวดแน่น ในใจของเจินกูกูตระหนักได้ขึ้นมาทันที ฮองเฮาคงคิดเื่การสู่ขอของท่านอ๋องมู่ และพรุ่งนี้ก็จะเป็วันเกิดของคุณหนูยวี่แล้ว...
“เื่ที่เปิ่นกงสั่งไป เป็อย่างไรบ้าง?”
เสียงของฮองเฮาอวี่เหวินดังขึ้น อี้เอ๋อร์ในยามนี้คงจะพยายามเร่งเดินทางมาเมืองชุ่นเทียนเป็แน่!
เขา้าแต่งงานกับเหนียนยวี่ แม้เหนียนยวี่จะถูกองค์หญิงใหญ่ชิงเหอรับเป็ธิดาบุญธรรมแล้วก็ตาม ทว่าท้ายที่สุดอย่างไร นางก็เป็แค่บุตรีอนุภรรยาเท่านั้น ไม่คู่ควรกับฐานะของอี้เอ๋อร์!
“ทูลฮองเฮาเพคะ ก่อนหน้านี้พวกเขาพบท่านอ๋องมู่แล้วเพคะ ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาลอบหาทางยื้อเวลาเดินทางของท่านอ๋อง ตอนนี้ขอเพียงแค่ผ่านพรุ่งนี้ไปได้ก็จะสำเร็จแล้วเพคะ” เจินกูกูเอ่ยรายงาน
“ผ่านพรุ่งนี้แล้ว...” มิรู้เพราะเหตุใด ในใจของฮองเฮาอวี่เหวินจู่ๆ ถึงได้รู้สึกกังวลขึ้นมา “เ้าจงสั่งไปว่า แค่ยื้อเวลาการเดินทางออกไป ห้ามทำร้ายอี้เอ๋อร์เด็ดขาด!”
“ฮองเฮาโปรดวางพระทัยเถิดเพคะ หม่อมฉันกำชับพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาไม่กล้าต่อต้าน และไม่กล้าทำร้ายท่านอ๋องด้วยเพคะ เพียงแต่…” เจินกูกูขมวดคิ้ว เหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวิน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยถามออกมาว่า “หลังจากท่านอ๋องกลับมาแล้ว ฮองเฮาจะอธิบายกับท่านอ๋องอย่างไรเพคะ?”
“อธิบาย?” ฮองเฮาอวี่เหวินหัวเราะเบาๆ “ใช่ ควรต้องอธิบายสักหน่อย ทว่าคนที่จะอธิบายไม่ใช่เปิ่นกง แต่เป็เหนียนยวี่”
เหนียนยวี่?
ภาพเงาร่างของสตรีผู้นั้นผุดขึ้นในหัวของเจินกูกู นางเป็คนงดงามสดใสพร่างพราว ทว่าน่าเสียดาย ฐานะของนางต่ำต้อยเกินไป แม้องค์หญิงใหญ่ชิงเหอจะทรงรับนางเป็ธิดาบุญธรรม ทว่าแก่นแท้ของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“นางจะเลือกคุณชายตระกูลไหนกันนะ?” ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยปากขึ้นมาอย่างฉับพลัน ขัดจังหวะความคิดของเจินกูกู
เจินกูกูมึนงงเล็กน้อย นาง? คุณหนูยวี่หรือ?
“ทูลฮองเฮาเพคะ นางไม่เลือกใครเลยเพคะ”
“ไม่เลือกใครเลย?” ฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้ว มิอาจปิดบังความประหลาดใจในดวงตาได้ คาดไม่ถึงว่า นางจะไม่เลือกใครเลยงั้นหรือ?
หึ น่าสนใจนี่!
“นางดูแคลนคุณชายที่เปิ่นกงคัดสรรให้นางหรือ? ในเมื่อเป็เช่นนี้ พรุ่งนี้ไปจวนเหนียน อย่าลืมแจ้งเหล่าคุณชายพวกนั้นไปด้วยเล่า ถึงตอนนั้นหากนางคิดจะเปลี่ยนใจ อยากเลือกสักคนในนั้น เปิ่นกงจะให้โอกาสนางอีกครั้ง”
ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ เหนียนยวี่ผู้นี้ ถึงแม้เหนียนยวี่จะไม่เลือกผู้ใด ทว่านางก็ไม่มีทางปล่อยให้เื่ทั้งหมดอยู่เหนือจากการควบคุมของนางได้
“เพคะ” เจินกูกูน้อมรับคำสั่ง ในใจนางรู้ดีอยู่แล้วว่า การไปสู่ขอคุณหนูยวี่ในวันพรุ่งนี้จะต้องถูกยุติลงแน่ ทว่าคนผู้นั้นที่จะได้แต่งงานกับนาง...จะเป็ใครกันแน่?
เจินกูกูคาดเดาไม่ออก แต่สิ่งเดียวที่แน่นอนคือ คนผู้นั้นไม่มีทางเป็ท่านอ๋องมู่แน่นอน!
……
ค่ำคืนอันแสนโดดเดี่ยว ดูเหมือนคลื่นใต้น้ำทุกเกลียวคลื่นกำลังสาดซัดแอบซ่อนอยู่ในค่ำคืนอันเงียบสงัดนี้
ทว่าในราตรีเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะมีหลายคนที่นอนไม่หลับ
เรือนหรูอี้ จวนเหนียน
แสงสว่างนวลสดใสยามค่ำคืนในห้อง สะท้อนภาพเงาของสตรีในห้องข้างหน้าต่าง ความอ้างว้างเดียวดายนั้น ราวกับความเ็ปและโศกเศร้าในใจนางกำลังสะท้อนออกมา
ใต้ต้นไม้นอกชานเรือน ชายหนุ่มทอดมองดูเงานั้น คิ้วทั้งสองของเขาขมวดเข้าหากัน มิอาจคลายออก
เขาไม่รู้ว่า บุรุษที่ทำร้ายและพรากความบริสุทธิ์ของนางเป็ใคร ส่วนคุณหนูรองสกุลเหนียน...
แววตาของชายหนุ่มฉายประกายโเี้ไร้ปรานี หากคนทำเื่ทั้งหมดนั่นจริงๆ คือเหนียนยวี่ ขอเพียงแค่ท่านหญิงเอ่ยสั่งมาเพียงประโยคเดียวเท่านั้น เขาสามารถเอาหัวของนางมาถวายให้ท่านหญิงได้ ทว่าเหตุใดวันนั้น ท่านหญิงถึงให้เขาปล่อยเหนียนยวี่ไป เพียงเอ่ยสนทนากันไม่กี่คำก็ไม่จัดการแล้วหรือ?
ชายหนุ่มคาดเดาความคิดนางไม่ออก ยามที่เฝ้ามองเงาร่างนั้นหัวใจพลันเต้นรัว
ภายในห้อง จ้าวอิ้งเสวี่ยมองดูตัวเองในกระจกทองเหลือง รอยแผลเป็บนใบหน้าของนางกระจัดกระจาย ขยายใหญ่เชื่อมต่อกัน สีชมพูและสีน้ำตาลประปราย แม้นเป็นางที่มองดูตัวเอง ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว รังเกียจตัวเองในกระจกที่มีชีวิตเหมือนตัวประหลาด
ตัวประหลาด……
จ้าวอิ้งเสวี่ยคิดถึงเื่อะไรบางอย่าง ดวงตาของนางสั่นไหว นางทำอะไรไม่ถูก ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้
“อา...” ดูเหมือนว่ามีเื่คั่งค้างพอกพูนอยู่ในจิตใจนางมากเกินไป ในที่สุดนางก็อดทนไม่ไหว มือปัดกวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะเครื่องแป้งจนตกกระจัดกระจายไปทั่วพื้น