เยี่ยนฟางหวาเพิ่งคิดอิจฉาเยี่ยนเจาเจาที่พบฮองเฮาได้ทุกเมื่อ คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ ผลประโยชน์จะมากะทันหันขนาดนี้
นางไม่สนใจสีหน้าของเยี่ยนหลิวซื่อและท่านแม่ รีบลุกขึ้นยืนถามขันทีน้อยคนนั้นทันที “อะไรนะ? เ้าบอกว่าเป็ความ้าของน้องหญิงห้าหรือ?”
“คุณหนูห้ากล่าวว่าคุณหนูใหญ่อุดอู้อยู่ในเรือนไม่อาจออกไปข้างนอก พาคุณหนูไปชมสระนทีเล่นดีกว่าขอรับ”
ขันทีน้อยคนนั้นกล่าวด้วยเสียงแหลมสูงและไม่มองใครสักคน เป็การเลียนแบบท่าทีแสร้งสงบเสงี่ยมของเยี่ยนเจาเจาได้อย่างไม่มีที่ติจนเยี่ยนฟางหวาโกรธแทบตาย แต่ภายในใจก็อดดีใจไม่ได้
เยี่ยนหลิวซื่อไฉนจะไม่ทราบว่าเยี่ยนเจาเจากำลังตบหน้านางอยู่ นางกักบริเวณเยี่ยนฟางหวา แต่เจาเจากลับดึงดันจะพาเยี่ยนฟางหวาออกไปเพื่อล้างแค้นที่ก่อกวนสวนมวลบุปผาหอม
วันนั้นนางโดนปั่นเสียหัวหมุน ยังคิดว่าเยี่ยนเจาเจาเป็คนว่าง่ายเชื่อฟัง มาเห็นวันนี้ก็รู้แล้วว่าเป็คนอกตัญญูที่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ!
เยี่ยนฟางหวามีสีหน้ากลับไปกลับมา แต่สุดท้ายก็ระงับความสุขในใจไว้ไม่อยู่
ต้องรู้ก่อนว่าสตรีสูงศักดิ์ในเมืองเซียงเฉิงที่ได้พบฝ่าามีน้อยมาก นางได้เข้าวังวันนี้ก็เหมือนชุบตัว ต่อไปเวลามองคนอื่นก็จะอยู่เหนือกว่าระดับหนึ่ง
แต่นางฉุกคิดเสมอว่าเยี่ยนเจาเจาเป็คนชุบตัวรอบนี้ให้ ในใจรู้สึกมีปมจึงไม่พอใจเท่าไหร่นัก
หวังซื่อเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเยี่ยนเจาเจาจะเรียกบุตรีของตนเองเข้าวังด้วย ทว่าสีหน้านางกลับไม่เปลี่ยนเลยสักนิด นางเรียกเยี่ยนฟางหวากลับไปแต่งตัวอย่างไม่ยินดียินร้ายราวกับพระโพธิสัตว์เข้าฌาน
เดิมทีเยี่ยนฟางหวาก็กระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อเห็นหวังซื่อเป็เช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าความสุขของตนถูกระงับไปเฉยๆ ใจนิ่งสงบอีกครั้ง
ท่านแม่ไม่้าให้นางแสดงออกมาแต่ไหนแต่ไร แต่้าให้นางเป็สตรีที่ดีที่สุดในเมืองเซียงเฉิง วันนี้นางเข้าวังได้ ไม่ว่าจะเพราะใครผลักดัน ก็นับว่าเป็ความสามารถของนางไม่ใช่หรือ แล้วท่านแม่เป็เช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?
น้อยครั้งที่เยี่ยนฟางหวาจะรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้ ความสุขที่มีในตอนแรกเลือนหายไป น้ำตาเอ่อคลอในดวงตา ทั้งร่างเหี่ยวเฉาราวกับบุปผาร่วงหล่นทั้งที่ยังไม่บาน
ซวงฝูไม่เข้าใจว่าทำไมเยี่ยนเจาเจาจึงเรียกคุณหนูใหญ่นั่นไปด้วย เมื่อถามถึงเหตุผล นางก็เพียงยิ้มแต่ไม่ยอมเอ่ยสิ่งใดราวกับเป็ลูกสุนัขจิ้งจอก
ซวงฝูไม่เคยเดาใจคุณหนูน้อยออก เดิมนางก็ฉลาดซุกซนอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่เจอกันหลายวัน นางยิ่งมีความคิดแยบยลนอกกรอบเพิ่มขึ้นจนเขาอ่านไม่ออกยิ่งกว่าเดิม
แต่เมื่อซวงฝูมองดวงตาเมล็ดซิ่งที่ยิ้มแย้มสดใสคู่นั้น พลันรู้สึกว่าท่าทีเช่นนี้ของนางไม่เหมือนองค์หญิงฉงหยางที่เป็มารดา กลับไปเหมือนฮองเฮาเมื่อตอนเด็กเสียมากกว่า
มิน่าฝ่าาถึงชอบนาง หากเป็เขา เขาก็ชอบ
ซวงฝูจัดเตรียมขบวนเสด็จพระราชทานแบบครึ่งขบวนของเยี่ยนเจาเจาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนางก็กำลังนั่งอยู่บนตั่งนุ่มอย่างเกียจคร้าน พลางเป่ากระดิ่งทองส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งบนเกี้ยวเพื่อรอเยี่ยนฟางหวาผู้ชักช้า
เยี่ยนเจาเจาเข้าวังเป็ปกติธรรมดาจนชินจึงี้เีแต่งตัวใหม่อีกรอบ รู้สึกเพียงว่าสภาพตนเองตอนนี้ก็ดีมากแล้ว
เมื่อหนานิเหอคัดกวีเสร็จ เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนอาภรณ์เช่นกัน เพียงแค่เดินตามเยี่ยนเจาเจาออกจากสวนมวลบุปผาหอมไปรอที่ประตูข้าง
ทราบว่าสุขภาพของเขาไม่แข็งแรงจึงมิอาจนั่งบนม้าสูงได้ ฝ่าาก็สั่งคนเตรียมเสลี่ยงให้เขาไว้ข้างกายเยี่ยนเจาเจาด้วย
เยี่ยนเจาเจาเลิกม่านของเกี้ยวตนเองอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะสังเกตหนานิเหอ
นางเหมือนจะไม่ค่อยเห็นหนานิเหอในชุดสีอื่นนัก มีแต่สีขาวเรียบๆ มากสุดก็ปักเพียงดิ้นเงิน เครื่องประดับส่วนใหญ่ก็เป็หยกขาวและเงิน ไม่ใช้เครื่องทองเช่นกัน
เขานั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น แม้จะดูองอาจห้าวหาญไม่เท่าบุรุษที่ขี่อาชาไนยเดินขบวน อีกทั้งใบหน้าก็ยังดูป่วย แต่กลับดูดีน่าหลงใหลเหมือนเดิม
เมื่อเยี่ยนเจาเจาระลึกได้ว่าพี่ชายรองที่ดีงามเช่นนี้ต้องมาป่วยตายในชาติที่แล้ว ใจพลันรู้สึกเศร้าอย่างยิ่ง
หากเื่ราวในจวนสงบลง นางจะเสาะหาท่านหมอหรือท่านหมอหลวงมาตรวจเขา จะต้องรักษาอาการป่วยของเขาให้หาย
หนานิเหอเห็นนางมองตนตาไม่กะพริบ เขาก็หยักยิ้มอ่อนโยนพลางส่งสายตาแน่วแน่กลับไป
เยี่ยนเจาเจาเข้าใจสายตาของเขา นางรู้ว่าหนานิเหอกำลังถามตนว่ามีอะไรหรือเปล่า
นางยื่นศีรษะออกมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเปล่งเสียงแ่เบาผ่านผ้าหลัวหร่วนเยียน “พี่ชายรองดูดีจริงๆ เ้าค่ะ”
“พี่ชายรอง ท่านเกิดมาหน้าตาดีปานนี้ได้อย่างไร? สอนเจาเจาได้หรือไม่ เจาเจาอยากให้คนลืมไม่ลงและเฝ้าคะนึงหาเพียงพบพานเหมือนพี่ชายรองบ้างเ้าค่ะ”
แม้นางจะกดเสียงต่ำลงแล้วแต่ก็ยังคงน่ารักนุ่มนวล ทำให้นิ้วมือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อของหนานิเหอบิดเกร็งเบาๆ ความคิดที่อธิบายไม่ถูกล่องลอยอยู่ในใจ
ต่อให้นางล้อเล่น แต่เสียงของนางก็ยังปลุกภาพฝันไร้สาระที่ผลุบๆ โผล่ๆ ในฝันร้ายให้ปรากฏขึ้นตรงหน้า จนเขาต้องฝืนกดมันลงไป
หนานิเหอรู้ว่าเมื่อครู่เยี่ยนเจาเจาไม่ได้พูดความจริง เพราะั์ตาของนางซ่อนความกังวลเอาไว้ จึงเป็ไปไม่ได้ที่นางจะคิดถึงเื่หน้าตาอย่างที่พูดแน่นอน
อย่างไรแม่หนูน้อยก็ต้องเติบโตขึ้น เมื่อนึกถึงตรงนี้แววตาของหนานิเหอจึงเศร้าสร้อยเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่ แต่สุดท้ายก็ทำเพียงกำสายลูกปัดหยกที่เยี่ยนเจาเจามอบให้ไว้ในมือ แล้วท่องหฤทัยสูตร[1] อยู่ในใจเงียบๆ
พระอวโลกิเตศวรทรงตั้งปฏิญาณดุจดังทะเลอันล้ำลึก เป็เวลานานสุดประมาณ
ทว่าหฤทัยสูตรก็ยังไม่สามารถระงับความคิดในใจของหนานิเหอได้ ชาตินี้เยี่ยนเจาเจาอาจไม่รู้ว่า เพียงนางปรายตามองหนเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เขาลืมไม่ลง และหวนคะนึงหาเช่นกัน
เยี่ยนเจาเจาเห็นพี่ชายรองคร้านจะสนใจนาง ประหนึ่งว่าเขาเคยชินกับการพูดเพ้อเจ้อตามอำเภอใจของนางมานานแล้ว
ทว่าเมื่อนางเห็นใบหูที่แดงเรื่อของหนานิเหออย่างชัดเจน ก็พลันทรุดตัวลงบนเบาะนุ่มของตน แล้วหัวเราะลั่นอย่างมีความสุขทันที
หลังหัวเราะเสร็จ ใจเยี่ยนเจาเจาก็รู้สึกตลกนัก
ชาติก่อนเดิมนางมีนิสัยเหมือนปีศาจอวตาร บันดาลทุกสิ่งตามที่้า ผู้คนต่างตามใจและรักใคร่นางเพราะสาเหตุหลากประการ
แต่ภายหลังนางยอมทำร้ายตนเองเพื่อติดตามเหลียงอิน ทั้งยังโดนเยี่ยนฟางหวาปั่นหัว คำว่าความรักช่างล่อลวงใจคนจริงๆ เป็นางที่โง่งมเอง
นางมองคนไม่ขาด แต่ชาตินี้จะไม่มีวันเป็เช่นนั้นอีก
เยี่ยนเจาเจายิ้มจางๆ พลางเขี่ยพู่นุ่มบนเบาะรองเล่น
์ให้โอกาสนางกลับมาแก้ไข ย่อมหมายความให้นางเริ่มต้นใหม่เพื่อชดเชยความผิดในชาติก่อนของตน ตอนนี้นางมีวิธีจัดการเื่ท่านแม่แล้ว ขอเพียงท่านแม่ไม่สิ้น ท่านพ่อก็จะไม่ตาย แล้วชีวิตนี้ของนางก็ยังมีความหวัง
เวลาผ่านไป นางรอแล้วรอเล่า เยี่ยนฟางหวายังไม่มาเสียที
เยี่ยนเจาเจาพอจะรู้ว่าเยี่ยนฟางหวาดีใจมากที่ได้เข้าวัง
เยี่ยนฟางหวาเป็คนชอบแต่งตัวเสมอ คราวนี้คงคิดว่าจะแต่งตัวข่มตนเองอย่างไรดี ทำตัวอืดอาดยืดยาดเหมือนหญิงชรามัดเท้าในราชวงศ์ก่อนไม่มีผิด ชักช้าสุดๆ
แต่เยี่ยนเจาเจาไม่ชอบรอใคร นางเป็คนที่ทั้งเมืองเซียงเฉิงไม่มีใครกล้าล่วงเกิน ชาติก่อนนอกจากเหลียงอินแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าปล่อยให้นางรอนานขนาดนี้
นางขมวดคิ้วเรียวงามของตนเอง ใบหน้าขาวราวหยกที่เล็กเท่าหนึ่งกอบมือแฝงแววเยาะหยันเล็กน้อย “ส่งคนไปบอกนางหน่อย หากอีกเค่อหนึ่งยังไม่มา ข้าจะไปก่อน ใครยินดีรอนางกัน”
ระยะทางจากบ้านใหญ่มายังประตูข้างของสวนมวลบุปผาหอม ต้องใช้เวลาวิ่งถึงหนึ่งเค่อ เยี่ยนเจาเจาอยากเห็นนักว่าเยี่ยนฟางหวาจะมีจุดจบอย่างไร
คาดว่าต่อให้คลาน นางก็ต้องคลานมา
เชิงอรรถ
[1] หฤทัยสูตร หมายถึง ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร คือพระสูตรที่สำคัญและเป็ที่นิยมอย่างยิ่งในพุทธศาสนานิกายมหายาน มีความหมายตามตัวอักษรว่า "พระสูตรอันเป็หัวใจแห่งปฏิปทาอันยวดยิ่งแห่งความรู้แจ้ง"