เย่เฟิงมองคนรับใช้หนุ่มอย่างเ็า เขาไม่พูดอะไร ทำแค่วางแจกันบนพื้นอย่างเฉยชา
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงดุดัน เขาก้มลงหยิบหยกขาวรูปปลาหยินหยางที่แตกเป็สองเสี่ยงบนพื้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปก่อนมองเย่เฟิง “ไอ้หนู รู้ตัวหรือเปล่าว่าก่อเื่ใหญ่แค่ไหน ไม่รู้หรือไงว่าสิ่งนี้เป็ของนายน้อยสามตระกูลหลิน”
“เดี๋ยว! ก็เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าหมอนี่เป็คนทำเเตกน่ะ” โอวบีเห็นอีกฝ่ายโยนความผิดให้เพื่อนก็พูดแย้งพลางชี้คนรับใช้หนุ่ม
ถ้าเย่เฟิงไม่เข้าไปช่วย ของที่แตกคงไม่ได้มีแค่หยกขาวรูปปลาหยินหยางแต่แจกันก็คงไม่เหลือด้วยเช่นกัน แต่เ้าคนรับใช้นั่นกลับกลัวจนขี้ขึ้นสมองุแล้วโยนความผิดให้คนอื่น
“อย่าเพิ่งให้ร้ายคนอื่น ตรวจสอบให้ดีก่อน” เย่เฟิงขมวดคิ้วกล่าว
“ใส่ร้ายงั้นเหรอ ถ้าเื่ยังไม่กระจ่าง แกก็อย่าคิดออกจากที่นี่เลย” คนรับใช้วัยกลางคนพับแขนเสื้อขึ้น สีหน้าแสดงถึงความโกรธ พร้อมจะมีเื่ตลอดเวลา
เมื่อเห็นท่าไม่ดี โอวเอก็รีบวิ่งเข้ามาไกล่เกลี่ย “เอาเป็ว่าผมจะชดใช้ให้นะครับ ถ้าคุณชายสามไม่ถือสา เข้าไปเลือกของอีกสองสามอย่างได้เลยครับ”
โอวเอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่อีกฝ่ายเป็ถึงคนของคุณชายสามตระกูลหลิน แล้วจะพูดคุยกันด้วยเหตุผลได้หรือ ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือรีบชดเชยให้พวกเขา มิฉะนั้นหากคุณชายสามโมโหขึ้นมา เย่เฟิงอาจจะแย่ก็ได้ เกิดเื่ขึ้นที่ร้านของเขา หากไม่คำนึงถึงเย่เฟิง เด็กหนุ่มอาจถูกคุณชายสามสั่งเก็บแน่
“หึ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก รอดูว่าคุณชายจะตัดสินใจยังไงก็แล้วกัน” ชายวัยกลางคนตะคอกอย่างเ็า จากนั้นหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณชายสาม
เย่เฟิงจะยอมให้ตัวเองโดนป้ายความผิดหรือ? เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามไร้เหตุผลเช่นนี้ เย่เฟิงจึงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพื่อทำอะไรบางอย่างกับคนรับใช้วัยกลางคน คำพูดไร้สาระพวกนี้แก้ปัญหาไม่ได้หรอก วิธีที่ดีที่สุดคงเป็การใช้กำลัง
โอวบีที่อยู่ข้างๆ รู้ว่าเพื่อนจะใช้กำลังเเก้ปัญหาก็รีบดึงเเขนอีกฝ่าย “เสี่ยวมี่เฟิง อย่าใจร้อน ให้พ่อฉันจัดการเอง นายอยู่เฉยๆ เถอะ”
โอวเอที่ยืนอยู่อีกข้างตบไหล่ให้เย่เฟิงใจเย็นลง เย่เฟิงเหลือบเห็นสายตาห่วงใยของคนข้างตัว จึงไม่ทำอะไรผลีผลาม
“อะไร ทำของคนอื่นเสียหายแล้วยังจะต่อยเขาอีกหรือ?” ชายวัยกลางคนเย้ยหยัน เมื่ออีกฝั่งรับสายก็รายงานเื่ที่เกิดขึ้นทันที ไม่นานก็มีคำสั่งมา
“ชดใช้คืนสามเท่า แล้วจะปล่อยเื่นี้ไป” ได้ยินเช่นนั้นโอวเอก็โล่งใจ ดีที่หลินซิวเหวินไม่ต่อความยาวสาวความยืด
“หึ พวกแกโชคดีที่วันนี้คุณชายอารมณ์ดี ไม่งั้นเื่คงไม่จบง่ายๆ แบบนี้หรอก” ชายวัยกลางคนวางสายพลางมองเย่เฟิงอย่างเ็า
เย่เฟิงดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างอย่างเฉยชา ตอนนี้เขาอยากต่อยคนคนนี้สักหมัด แต่เมื่อไตร่ตรองแล้วคิดว่าคงต้องยอมทน หากมีเื่กับคนของตระกูลหลินในร้านนี้ จะลำบากโอวบีเปล่าๆ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ความประทับใจที่เขามีต่อคนตระกูลหลินติดลบเสียแล้ว ถ้าวันหลังเจอกันที่อื่นคงไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ อย่างนี้หรอก ชายวัยกลางคนนั่นคิดว่าเย่เฟิงโชคดีที่มีคนช่วย แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองต่างหากที่โชคดี เพราะเย่เฟิงไว้ชีวิตด้วยเห็นแก่หน้าโอวเอ
“ชดใช้คืนสามเท่า ไม่มีปัญหา” โอวเอยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า เขารีบเข้าไปทำข้อตกลง ไม่นานก็จัดการเสร็จ รวมทั้งช่วยแบกวัตถุโบราณอื่นๆ ขึ้นรถตู้สีขาวที่จอดอยู่ข้างนอกด้วย จากนั้นรถดังกล่าวก็แล่นออกไป
“ถ้าไม่ใช่เพราะลุงโอว วันนี้พวกเขาต้องถูกต่อยและคลานออกจากที่นี่แน่” เย่เฟิงมองพวกที่จากไปอย่างเ็า
“คลานบ้านนายสิ ถ้านายใจร้อน ตัวเองนั่นแหละที่จะซวย” โอวบีบ่นต่อ “ยังมีใครในเมืองเยี่ยนจิงไม่รู้ชื่อเสียงแย่ๆ ของหลินซิวเหวินอีก ขัดแย้งกับเขาเท่ากับหาเื่ตายชัดๆ ถ้านายยั่วโมโหเขา เขาสามารถฆ่านายตายได้ทุกนาที”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ี้เีอธิบาย เขาหันไปคำนับโอวเอพร้อมกล่าว “วันนี้ทำให้ลุงโอวต้องลำบากแล้ว ‘ผู้เยาว์’ ขอตัวลาก่อนครับ”
“เอ๊ะ จะรีบไปไหน ไม่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนค่อยกลับล่ะ” โอวเอชวนอย่างกระตือรือร้นมาก แววตาเขาเปล่งประกายเมื่อได้ยินเย่เฟิงแทนตัวเองว่า ‘ผู้เยาว์’ มันไม่เหมือนคำพูดของคนสมัยใหม่
“ไม่เป็ไรครับ แล้วก็ลุงโอวครับ ค่าชดใช้ที่จ่ายไปเมื่อกี้ ทั้งหมดเท่าไรหรือครับ?” เย่เฟิงคิดครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจถาม
“ก็ไม่มากมายอะไร แค่สามล้านกว่าหยวนเท่านั้น” โอวเอโบกมือด้วยท่าทีผ่อนคลาย เหมือนสามล้านที่เขาจ่ายไปไม่มีค่าอะไรเลย
เย่เฟิงถึงกับเหงื่อตกเมื่อได้ยินราคา ลุงโอวคนนี้ช่างหน้าเืยิ่งนัก สามารถเปลี่ยนสินค้าราคาเพียงแสนห้าให้กลายเป็หนึ่งล้านได้ หลินซิวเหวินนั่นก็หน้าโง่มิใช่น้อย หรือมีเงินเยอะเเล้วไม่มีที่ให้ใช้? อย่างไรก็ตามลุงคนนี้ใจกล้ามากที่หลอกโก่งราคากับหลินซิวเหวิน
“เอาล่ะ ลุงโอว ผมติดหนี้ลุงสามล้านหยวน วันข้างหน้าจะกลับมาจ่ายคืนแน่นอน” เย่เฟิงพยักหน้าให้คำมั่น ชายหนุ่มมั่นใจว่าด้วยความสามารถของเขา เงินสามล้านคงไม่ใช่เื่ใหญ่ แน่นอนว่าพ่อลูกตระกูลโอวได้ยินเช่นนั้นก็ไม่คิดจริงจังกับคำพูดของเย่เฟิงนั
“เอาเป็ว่าไม่ต้องพูดถึงเื่นี้อีกแล้วกัน” โอวเอโบกมือด้วยความรู้สึกแบบช่างมันเถอะ“มีคนกล่าวว่า ช่วยชีวิตคนได้ถือเป็ชัยชนะ ได้กุศลยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น วันนี้ใช้เงินสามล้านช่วยชีวิตนายได้นับว่าคุ้มค่าแล้ว อ้อ ยังไม่ถามเลยว่าวันนี้นายซื้ออะไรไปหรือ”
“หินสีเขียวที่เหลือแค่ครึ่งก้อนน่ะพ่อ” โอวบีอธิบายรูปร่างของหินก้อนนั้น
“อะไรนะ! แล้วแกขายมันไปเท่าไร” โอวเอใรีบถามทันที
“สองร้อย…” โอวบีตอบแบบกล้าๆ กลัวๆ อย่างบอกไม่ถูก
“แกนี่มันน่าตีให้ตายนัก เ้าลูกเฮงซวย!” ทันใดนั้นโอวเอก็เหมือนะเิลง เขาไม่สนใจเย่เฟิงที่อยู่ข้างๆ แล้วจับตัวโอวบีเพื่อดุด่าต่อ “พ่อเพิ่งติดต่อเพื่อนเก่าเมื่อไม่กี่วันก่อนและขอให้เขาช่วยประเมินราคาของชิ้นนี้อยู่ แล้วแกขายมันไปแบบนั้นได้ยังไง”
“อ้าว ไหนพ่อบอกเองว่ามันเป็ของไร้ประโยชน์ไม่ใช่เหรอ” โอวบีน้อยใจ
“เฮ้อ…” โอวเอหยุดโต้เถียงกับลูกชาย เขาหันกลับมาหาเย่เฟิง “เย่เฟิง เอาเป็ว่าคืนหินก้อนนั้นให้ลุงมาดีไหม แล้วเข้าไปเลือกอย่างอื่นสักชิ้น”
เย่เฟิงเห็นท่าทีของโอวเอก็แปลกใจ หรือเขาจะรู้ประโยชน์ของหินก้อนนี้ แต่อย่างไรเขาก็ไม่คืนหินจิติญญาครึ่งก้อนนี้หรอก ในสายตาของเขามันมีค่ามากกว่าเงินสามล้านเสียอีก
“ลุงโอว ผู้เยาว์รับฟังเหตุผลของลุง แต่ของสิ่งนี้มีประโยชน์กับผมมาก ผมคงคืนให้ไม่ได้หรอก หวังว่าจะให้อภันะครับ” เย่เฟิงส่ายหน้าก่อนพูดต่อ “ซื้อเเล้วก็เอาคืนไม่ได้ ในฐานะที่ลุงโอวเป็นักธุรกิจรุ่นใหญ่ คงไม่ได้เสียดายใช่ไหม”
“อะแฮ่ม”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้