ซือคงเซิ่งเจี๋ยไม่ได้ใส่ใจปฏิกิริยาตอบสนองของคนอื่นๆ เขาพูดต่อ “ดังนั้น ข้าคิดว่าความล้มเหลวของภาพวาดนี้ก็คือการที่ขาดฮองเฮา และนางเป็บุคคลที่ทำให้ภาพนี้มีจิติญญาขึ้น!”
องค์หญิงหลานซินหางตากระตุกติดๆ กันหลายครั้ง นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ความล้มเหลวของภาพวาดของนางกลับเป็คู่แค้นที่นางเคียดแค้นจนต้องขบฟัน—เฟิ่งเฉี่ยน!
นางโอดครวญในใจ ไม่เพียงแต่โอดครวญความคิดเลวร้ายในใจของตนเอง ที่น่าโอดครวญที่สุดควรจะเป็พี่สามที่ชี้ความล้มเหลวของนางต่อหน้าธารกำนัล ทำให้นางไร้ซึ่งทางลง!
เมื่อเป็เช่นนี้ ภาพวาดของนางและฮองเฮาล้วนกล่าวได้ว่าอยู่ในระดับครึ่งๆ กลางๆ ไม่ดีและไม่เลว แต่ไม่เข้าตากรรมการ ส่วนเื่แพ้หรือชนะ ยังเป็เื่ที่ยากจะตัดสินจริงๆ!
ซือคงเซิ่งเจี๋ยเลิกคิ้วโดยไม่แยแสว่าสีหน้าของน้องสาวย่ำแย่ถึงขีดสุด เขาพูดอีกว่า “สำหรับภาพวาดของฮองเฮาเหนียงเหนียงและหลานเฟยเหนียงเหนียง ข้าคิดว่าล้วนมีส่วนที่บกพร่อง ล้วนไม่อาจเรียกได้ว่าภาพวาดที่ดี! หาก้าให้แยกแยะว่าอยู่ในขั้นใด ขออภัยอย่างยิ่ง ที่ข้าไร้ความสามารถ!”
สิ้นเสียงของเขา ทุกคนได้แต่มองหน้ากัน
ให้เ้าพูดความจริง เ้าไม่เกรงใจจริงๆ ด้วย ช่างเป็ความจริงที่ไม่เก็บไม่กั๊กอันใดทั้งสิ้น
ช่างเป็ปากคอที่อาบยาพิษก็ว่าได้!
วิจารณ์เสียจนภาพวาดของฮองเฮาและหลานเฟยเหนียงเหนียงตกขอบไปเลยทีเดียว!
ทว่าคำพูดของเขาล้วนมีเหตุผลรองรับและสนับสนุน ทำให้คนมิอาจโต้แย้งใดๆ!
ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนรู้สึกว่าภาพวาดของเหนียงเหนียงทั้งสองยังมีสีสันงดงาม ไร้ตำหนิ แต่เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ภาพวาดทั้งสองจึงไม่โดดเด่นอีกต่อไป สูญเสียความหมายของมันไป รู้สึกว่าเป็เพียงภาพวาดธรรมดาเท่านั้นเอง
บรรยากาศโดยรอบเข้าสู่ความเงียบงัน เ้ามองข้า ข้ามองเ้า ไม่รู้ว่าการแข่งขันรอบนี้จะสรุปอย่างไร
จางโหม่วไอแค่กๆ ขึ้นมาในตอนนี้ด้วยคิดจะทำลายบรรยากาศอันกระอักกระอ่วน เขามองไปทางเซวียนหยวนเช่อที่ประทับอยู่้า “ทูลฝ่าา พระองค์คิดว่าการแข่งขันครั้งนี้ ควรตัดสินให้ผู้ใดเป็ฝ่ายชนะพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเจตนาโยนเผือกร้อนในมือไปให้เซวียนหยวนเช่ออย่างมีชั้นเชิง แต่เขากระจ่างแจ้งแก่ใจดีว่านาทีนี้ต่อให้เซวียนหยวนเช่อเอนเอียงไปทางฮองเฮา ก็ไม่อาจตัดสินให้ฮองเฮาเป็ผู้ชนะ เพราะการทำเช่นนี้ไม่อาจทำให้ทุกคนยอมรับได้!
เซวียนหยวนเช่อเป็คนฉลาดเฉลียวปานใด มีหรือจะมองไม่ออกถึงความคิดเ้าเล่ห์ในใจของเขา
คิ้วคมนั้นเลิกขึ้นน้อยๆ เมื่อเขาตวัดสายตาไปมองหานปิงจี พร้อมกับโยนเผือกร้อนใส่มือนางอีกทอดหนึ่ง!
นางเป็ทูตที่ราชินีอวิ๋นซูส่งมา มีเพียงการทำให้นางยอมรับโดยดุษฎี การแข่งขันรอบนี้จึงจะบังเกิดผล
“ใต้เท้าหาน ท่านคิดว่าอย่างไร?”
สายตาทุกคู่หันไปหาหานปิงจีในชั่วพริบตา หานปิงจีมีสีหน้าท่าทางสุขุมนิ่งลึกไม่ไหวติง นางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ง่ายดายมาก การแข่งขันรอบนี้ให้ถือว่าเสมอกัน!”
ภายในท้องพระโรงเกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที!
คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าบทสรุปที่นางกล่าวจะเป็การเสมอกัน!
เซวียนหยวนเช่อเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ประหลาดใจ คล้ายกับว่าทุกอย่างอยู่ในการคาดเดา ทว่าวินาทีถัดมาคิ้วคมของเขาขมวดมุ่นลงให้เห็นถึงความกังวล
หากการแข่งขันในรอบนี้ผลคือเสมอกัน นั่นหมายความว่าการแข่งขันในรอบที่สามที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งก็คือการแข่งขันวรยุทธ์ ด้วยความสามารถของเทพยุทธ์ขั้นเจ็ดขององค์หญิงหลานซิน ฮองเฮาจะเอาชนะนางได้หรือ
ความกังวลของเขาเพิ่มขึ้นเป็ทวีคูณ
ถึงกับเสมอกัน? องค์หญิงหลานซินคับข้องใจ
ทั้งๆ ที่ทักษะการวาดภาพของนางอยู่เหนือกว่าฮองเฮา ทั้งๆ ที่ฮองเฮาวาดได้แค่แผนที่ กลับตัดสินให้การแข่งขันรอบนี้เสมอกัน นี่มันอยุติธรรมเกินไป!
แต่เมื่อคิดได้ว่า การแข่งขันรอบนี้ผลเสมอกัน หมายความว่านางยังมีโอกาสที่จะพลิกจากแพ้มาชนะได้
วรยุทธ์เป็ด้านที่นางเชี่ยวชาญ นางเชื่อว่านางจะต้องชนะในการแข่งขันรอบที่สามแน่นอน
รอเมื่อนางคว้าชัยชนะในรอบที่สามได้แล้ว พวกนางทั้งสองย่อมมีคะแนนเสมอกัน ถึงเวลานั้นย่อมต้องมีการแข่งขันอีกรอบหนึ่ง ความเป็ไปได้ที่นางจะชนะย่อมมีมากขึ้น!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จิตใจของนางจึงผ่อนคลายลง
เฟิ่งเฉี่ยนนั้นมองอะไรได้ปลงกว่านางมาก เดิมทีเฟิ่งเฉี่ยนเตรียมใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้แต่แรก ผลสรุปเสมอกันนั้นเหนือความคาดหมายของนางอยู่แล้ว ดังนั้นนางไม่มีอะไรต้องเสียดาย
ตอนนี้หานปิงจีเอ่ยปากอีกครั้งว่า “หากเหนียงเหนียงทั้งสองไม่มีความเห็นเป็อื่น ลำดับต่อไปก็คือการแข่งขันรอบที่สาม เป็การแข่งขันวรยุทธ์ หากฮองเฮาเหนียงเหนียงชนะอีกครั้ง เช่นนั้นฮองเฮาเหนียงเหนียงย่อมได้รับสิทธิ์ในการเปิดกล่องสมบัติล้ำค่าก่อน หากหลานเฟยเหนียงเหนียงชนะ เช่นนั้นย่อมต้องมีการแข่งขันอีกรอบเพื่อเป็รอบตัดสินจึงจะได้ผู้ชนะในท้ายที่สุด!”
องค์หญิงหลานซินเอ่ยวาจากับเฟิ่งเฉี่ยนด้วยความมั่นใจ “พี่หญิงฮองเฮา ดาบกระบี่ไร้ตา ท่านต้องระมัดระวังแล้วนะ! ประเดี๋ยวหากแข่งขันวรยุทธ์ น้องสาวไม่ทันระวังทำให้พี่สาวาเ็ พี่สาวอย่าได้กล่าวโทษเล่า!”
พูดแล้วรังสีสังหารพลันพาดผ่านดวงตาของนาง
ในเมื่อเป็การแข่งขันวรยุทธ์ ย่อมต้องมีการตกลงทำหนังสือก่อนการประลอง
เมื่อตกลงทำหนังสือก่อนการประลองแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเื่ไม่คาดฝันอันใดขึ้นระหว่างการแข่งขัน ล้วนไม่เรียกร้องความรับผิดชอบจากอีกฝ่าย นี่เป็โอกาสอันดีงามที่จะสังหารฮองเฮา นางไม่มีวันพลาดเด็ดขาด!
เฟิ่งเฉี่ยนััได้ถึงรังสีสังหารของนางจึงแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ
คิดจะสังหารนางหรือ?
ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้นหรอกนะ!
อย่าลืมว่า การฆ่าคนคืออาชีพเก่าของนาง! คิดจะขโมยหม้อข้าวของนาง องค์หญิงหลานซินยังอ่อนหัดนัก!
ความสามารถของนางอาจจะสู้อีกฝ่ายได้ แต่นางไม่มีทางถอยหลังแม้เพียงครึ่งก้าว!
เผชิญหน้ากับการสู้รบ นางเป็ผู้กล้าที่อยู่แถวหน้าเสมอ ไม่มีความหวาดกลัวใดๆ!
ภายในท้องพระโรงอันกว้างขวาง บรรยากาศพลันเปลี่ยนไป
เฟิ่งเฉี่ยนและองค์หญิงหลานซินประสานสายตากัน การแข่งขันยังไม่ได้เริ่มต้น ความเป็อริก็เริ่มแสดงตัว อุณหภูมิภายในท้องพระโรงร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว!
หานปิงจีมองคนทั้งสองที่อยู่ด้านซ้ายและขวา “เชิญทั้งสองท่าน พวกท่านใช้อาวุธอะไร?”
องค์หญิงหลานซินพูดก่อน “ข้าใช้กระบี่มาโดยตลอด ดังนั้นข้าเลือกประลองกระบี่! พี่หญิงฮองเฮา ท่านเล่า?”
เฟิ่งเฉี่ยนยักไหล่ “อ้อ แต่ไรมาข้าไม่เคยต่ำช้า (เจี้ยน[1]) ยิ่งไปกว่านั้นไม่แข่งต่ำช้ากับใคร!”
องค์หญิงหลานซินตกตะลึง ไฉนคำพูดนี้ฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยถูกต้องตรงไหนนะ
ขุนนางใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงกลางท้องพระโรง มีบางคนฟังออกถึงความนัยที่แฝงอยู่ในนั้น จึงหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง!
คนข้างๆ ไม่กระจ่างแจ้ง จึงกระซิบถามเสียงเบา หลังจากเขาอธิบายแล้ว คนผู้นั้นจึงหัวเราะตาม ดังนั้นคนอื่นๆ จึงกระแซะเข้ามาถาม เวลาเพียงชั่วครู่ หนึ่งบอกต่อไปสิบคน สิบบอกต่อไปร้อยคน คนทั้งท้องพระโรงล้วนกระจ่างแจ้ง แต่ละคนมีสีหน้ากลั้นหัวเราะ กลั้นด้วยความทุกข์ทรมาน!
องค์หญิงหลานซินยังไม่เข้าใจ ดูท่าทางกระซิบกระซาบของทุกคนแล้วลอบหัวเราะ นางรู้สึกไม่สบอารมณ์จึงพูดอีกว่า “ท่านไม่ประลองกระบี่ แล้วท่านจะประลองอะไร?”
เฟิ่งเฉี่ยนโบกไม้โบกมือ “ขอเพียงไม่แข่งกันต่ำช้า แข่งอะไรก็ได้ทั้งสิ้น!”
คำพูดของนางเพิ่งสิ้นเสียง ขุนนางทั้งหลายก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเพราะทนไม่ไหว เป็เสียงหัวเราะที่ไม่ได้หัวเราะเต็มเสียง นี่ทำให้องค์หญิงหลานซินยิ่งอึดอัดใจ ในใจคิดว่าพวกท่านหัวเราะอะไรกันแน่ มีอะไรน่าหัวเราะหรือ
ซือคงเซิ่งเจี๋ยะเิเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นในตอนนี้เอง เขาหัวเราะถึงขั้นที่เรียกได้ว่าบ้าคลั่ง
ฮองเฮาผู้นี้ ช่างน่าสนใจ ไม่ทิ้งโอกาสที่จะดูิ่คู่ต่อสู้จริงๆ!
องค์หญิงหลานซินมีโทสะแล้ว คนอื่นๆ กลั้นหัวเราะนั้นช่างเถิด กระทั่งพี่สามของนางก็ยังหัวเราะเยาะนาง นางไปทำอะไรให้น่าหัวเราะ
เริ่มแรกซือคงจวินเย่ยังไม่เข้าใจ เขาเติบโตเป็ผู้ใหญ่มาถึงบัดนี้สิ่งที่ร่ำเรียนมาล้วนเป็สิ่งที่เชื้อพระวงศ์พึงปฏิบัติ แต่ไรมาไม่เคยพบเห็นคนพาลพาโลโฉเกเช่นนี้ กระทั่งเขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ ของขุนนางที่อยู่ด้านหลัง จึงกระจ่างแจ้ง เจี้ยนที่กล่าวถึง มิได้หมายถึง การแข่งขันกระบี่ นางจงใจใช้คำพูดที่มีความหมายสองง่ามสามแง่กับน้องหญิง ฉวยโอกาสดูิ่นาง!
สายตาของเขาคมปลาบก่อนจะพูดเสียงเย็น “ฮองเฮา ท่านในฐานะของมารดาของแผ่นดิน ระมัดระวังคำพูดและการกระทำของท่านด้วย!”
[1] เจี้ยน 剑หมายถึงกระบี่ แต่คำพ้องเสียงอีกคำหนึ่ง อ่านว่า เจี้ยน 贱 เช่นกัน แต่หมายถึง ต่ำช้า เลวทราม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้