ท่าทางหยิ่งยโสของนักพรต หลี่ไหวฺอวี้เห็นแล้วก็หัวเราะเยาะอย่างอดไม่ได้
“เ้าหัวเราะอะไร” นักพรตตวาด
“ก็หัวเราะคนโง่อย่างเ้าน่ะสิ”
หลี่ไหวฺอวี้หุบยิ้ม สีหน้าจริงจังขึ้นมา ถ้อยวจีก็เฉียบคมขึ้น
“ท่านปั๋วหยางเจินเหรินเหยียบเมฆาทไปทั่วสี่สมุทร ปลายปีอู้เซินลงจากเขา ปลายเดือนสองของปีต่อมายังเคยปรากฏตัวที่หนานเจียง [1] ช่วยเหลือผู้คน มีผู้ประจักษ์แก่สายตามากมายนัก แล้วเขาจะเดินทางพันลี้ภายในหนึ่งวันกลับไปรับศิษย์ที่ไม่จำเป็ต้องมีเช่นเ้าได้อย่างไร”
“ใครว่าข้านักพรตกราบเป็ศิษย์ที่เขาหัวซานกันเล่า ตอนนั้นบังเอิญว่าข้าอยู่ที่หนานเจียงพอดี และได้พบกับเจินเหรินโดยบังเอิญ เขาคิดว่าข้าเป็ผู้มีพร์อย่างหาตัวจับได้ยากจึงรับเป็ศิษย์”
ครานี้นักพรตถูกหลี่ไหวฺอวี้โจมตีจนรักษาความสงบนิ่งไม่อยู่ คิดแผนการรับมือทันที จึงตอบได้ทันท่วงที ฟังดูแล้วก็มีเหตุผล
“เป็ดตายก็ยังปากแข็ง [2] ได้ ข้าจะถามเ้า รู้หรือไม่ว่า ‘สี่ไม่กิน’ ตามหลักคำสอนของเต๋าหมายถึงอะไร เหตุผลของแต่ละข้อคือสิ่งใด บทที่เจ็ดของ ‘วิถีแห่งเต๋าสามสิบหกประการ’ กล่าวว่าอย่างไรบ้าง ก่อนกว่างเฉิงเจินเหรินจะล่วงลับได้กล่าวอะไรไว้บ้าง และเพราะเหตุใดสำนักกุยหยวนถึงได้รับการยกย่องว่าเป็หุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิเต๋า เื่เหล่านี้เ้ารู้ทั้งหมดหรือไม่”
คำถามต่างๆ เรียงรายกันเข้ามา ถามจนเขาพูดไม่ออก
“จะ... จะ... เ้า” นักพรตลิ้นพันกัน ตอบไม่ได้สักคำถาม เื่เหล่านี้มีหลายอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ
หลี่ไหวฺอวี้ถามหนึ่งข้อก็ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าว ไล่เบี้ยจนนักพรตต้องถอยหลังไป จนกระทั่งถึงริมแท่นบูชาเทพเ้า
เท้าเหยียบอากาศ ล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า อาภรณ์หลวมกว้างเปรอะเปื้อนดินโคลนเต็มไปหมด สภาพทุลักทุเล หมดสภาพของผู้บำเพ็ญพรตโดยสิ้นเชิง
“ว่าอย่างไร ตอบไม่ได้สักข้อเลยรึ”
หลี่ไหวฺอวี้ค่อยๆ ย่างเท้าลงจากแท่นบูชา เหยียบเสื้อคลุมนักพรตของเขาไม่ให้ลุกขึ้น “แม้แต่เด็กกวาดพื้นที่เขาหัวซานยังท่องได้ขึ้นใจ เ้าเป็คนที่ปั๋วหยางเจินเหรินรับเป็ศิษย์กลับไม่รู้ เช่นนี้มันฟังขึ้นหรือ”
รอบด้านเงียบสนิท นกกานกกระจอกยังไร้สุ้มเสียง เหล่าชาวบ้านต่างมองดูสถานการณ์พลิกผันอย่างปุบปับตรงหน้าด้วยความสับสนงุนงง
“ใครก็ได้ จับเ้านักพรตปลอมหลอกลวงต้มตุ๋น ทำร้ายคนประสงค์ทรัพย์ผู้นี้ไปส่งที่ว่าการอำเภอ มอบให้เ้าหน้าที่สอบสวน”
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยการวางอำนาจข่มขู่ผู้อื่นของหลี่ไหวฺอวี้ก็ส่ายหน้า ต้องเป็เขาที่ออกหน้าถึงจะถูกต้อง
“ที่แท้ก็เป็นักพรตปลอมจริงๆ เที่ยวแอบหลอกลวงผู้อื่น จับตัวไว้”
“ยังมาหลอกพวกเราอีกว่าจะถูก์ลงทัณฑ์ ละเว้นไม่ได้เป็อันขาด”
ภายใต้น้ำเสียงที่น่ายำเกรงของหัวหน้าหมู่บ้าน ในที่สุดผู้คนรอบด้านก็เริ่มมีปฏิกิริยา พากันก่นด่าสาปแช่งนักพรตเสียงขรม
“อย่า อย่า อย่า ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ข้ายอมรับว่าตนเองเป็นักพรตปลอม แต่ก็เพื่อหาเลี้ยงปากท้องของตนเองเท่านั้น พ่อแม่พี่น้องทุกท่านได้โปรดให้อภัยข้า ไว้ชีวิตข้า ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ”
นักพรตปลอมเห็นแผนการล้มเหลว ก็รีบคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา ร้องห่มร้องไห้ยอมรับผิด ด้วยเกรงว่าจะถูกส่งไปที่ว่าการอำเภอ
ปลอมตัวเป็นักพรตหลอกเงินนับว่าเป็โทษสถานเบา แต่เขาดันหลอกว่าเป็นักพรตจากเขาหัวซาน นี่ไม่ใช่เื่เล่นๆ
“จะ... เ้าเป็ตัวปลอมจริงหรือ เช่นนั้นน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่...” สะใภ้สกุลหยวนอุ้มบุตรชายวิ่งมาขวางหน้านักพรตปลอมพลางคว้าคอเสื้อเขาไม่ปล่อย
“น้ำศักดิ์สิทธิ์นี่เป็เพียงแค่น้ำขี้เถ้า...” นักพรตปลอมหัวหด เอ่ยเสียงเบาหวิว
“เ้ามันต้องไม่ตายดี!” สะใภ้สกุลหยวนทุบตีนักพรตปลอมผู้นั้นไม่ยั้ง พลางแช่งชักหักกระดูก ดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นเช่นนั้นก็ให้หยวนต้าจ้วงดึงภรรยาของตนเองออกมา แล้วสั่งให้คนพาตัวนักพรตส่งทางการ
“ช้าก่อน” ิเป่าจูก้าวเท้าออกมา “มอบเงินสองร้อยเหวินที่เ้าหลอกสามีภรรยาคู่นี้ออกมาด้วย”
“ใช่ นั่นเป็เงินทั้งหมดของบ้านเราแล้ว” หยวนต้าจ้วงนึกขึ้นได้เช่นกัน
นักพรตปลอมสีหน้ากระอักกระอ่วน คลำหาถุงเหอเปา [3] อยู่เป็นานสองนาน ในนั้นมีเงินทั้งหมดแปดสิบเหวิน
หลังจากให้คำอธิบายอย่างสัตย์ซื่อ ทุกคนถึงรู้ว่าที่แท้อีกห้าสิบเหวินจากในจำนวนนี้ได้มอบให้แก่หลี่ฟู่กุ้ยหมอประจำหมู่บ้าน ส่วนอีกเจ็ดสิบเหวินเขาเอาไปซื้อเนื้อกับสุรากินหมดแล้ว
หยวนต้าจ้วงโกรธจัด ทั้งเตะและต่อยเขาไปยกใหญ่ ด้วยเกรงว่าคนจะตายไปเสียก่อน จึงมีชายร่างใหญ่กำยำเข้ามาแยกพวกเขาสองคนออกจากกัน
“อย่าลืมว่านักพรตผู้นี้หาได้มาโดยมิได้รับเชิญ” หลังจากคนถูกคุมตัวไปแล้ว หลี่ไหวฺอวี้ก็ยืนพิงโต๊ะอย่างเอ้อระเหยพลางเอ่ยขึ้นมา
ชาวบ้านได้รับคำเตือน ก็หันไปมองท่านหมอหลี่พร้อมกัน
“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้ารู้ผิดแล้ว ข้าเองก็กังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของบุตรชายหยวนต้าจ้วง ถึงได้ทำเช่นนี้ มิได้มีเจตนาร้ายอย่างเด็ดขาด หากไม่ได้จริงๆ ข้าชดเชยเงินส่วนที่หายไปให้พวกเขาก็ได้”
ท่านหมอหลี่ไม่อาจทนต่อสายตาหลายสิบคู่ที่จดจ้องตนเองได้ จึงเดินออกมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับยิ้มกระอักกระอ่วน ดึงเหรียญทองแดงจากเอวออกมาหนึ่งพวง
หลังจากนับแล้วนับอีกอย่างถี่ถ้วน ถึงจะส่งเหรียญทองแดงทั้งพวงออกไป มีเพียงหกสิบเหวิน อีกหกสิบเหวินที่ยังขาดอยู่บอกว่าหลังจากกลับบ้านแล้วจะส่งมาให้สองสามีภรรยาภายหลัง ทุกคนถึงยอมเลิกรา
“โฮ่ง!” เด็กร้องเป็เสียงประหลาดออกมาอีกหน หัวใจของทุกคนต่างลอยคว้างขึ้นมาถึงคอหอย
เวลานี้ถึงมีคนกล่าวว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อครู่นางหนูเป่าจูบอกว่านางสามารถรักษาโรคนี้ได้ มิสู้ให้นางลองดูเถิด”
ิเป่าจูหันไปมอง เป็สตรีที่ทัดดอกไม้แดงบนศีรษะที่มีปากเสียงกับตนเองก่อนหน้านี้ ก็รู้ว่าคำกล่าวนี้อาจไม่ใช่เพราะเชื่อถือนาง แต่กำลังเฝ้ารอดูเื่ขายหน้าของตนเองอยู่
คนอื่นๆ ต่างก็นึกได้เช่นกัน ขณะที่ทุกคนต่างเชื่อกันหมด มีเพียงิเป่าจูคนเดียวที่ออกมายืนชี้บอกว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ผล ยังบอกว่าตนเองสามารถรักษาได้ แต่ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร
“ใช่แล้ว หัวหน้าหมู่บ้าน ให้เป่าจูลองดูเถอะ” ท่านป้าจงยืนอยู่ข้างิเป่าจู จับมือนางพลางเอ่ยกับหัวหน้าหมู่บ้าน
ิเป่าจูรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นี่ต่างหากคือความเชื่อมั่นอย่างแท้จริง
หัวหน้าหมู่บ้านมองท่านป้าจง จากนั้นก็มองิเป่าจู ทั้งที่อายุน้อย พบเจอปัญหาหลายครั้งหลายหนกลับไม่ตื่นตระหนก ความสุขุมมั่นคงเช่นนี้เขาเองยังชื่นชมอย่างยิ่ง บางทีสิ่งที่น้องหญิงจงพูดก็อาจเป็เื่จริง
เหตุผลที่เขารับปากมาช่วยเหลือ ก็เพราะิเป่าอวี้พาน้องหญิงสกุลจงไปพบเขาและเล่าเื่ราวทั้งหมดให้ฟัง
นางเล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองถูกงูพิษกัดบนูเา ขยับตัวไม่ได้ และแม่หนูคนนี้ช่วยนางให้รอดพ้นจากความตายมาได้
หลังจากสอบถามรายละเอียดถึงรู้ว่า ที่แท้อาจารย์ของนางก็คือผู้สูงส่งที่ช่วยชีวิตบุตรชายของตนเองเมื่อปีนั้น มิน่านางถึงมีทักษะแพทย์ และกล้าบอกว่าตนเองสามารถรักษาโรคช่วยชีวิตคน
“เ้ารักษาโรคนี้ได้จริงหรือ” หัวหน้าหมู่บ้านถามอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ข้าทำได้” ิเป่าจูพยักหน้า น้ำเสียงสงบนิ่ง
“ประเสริฐ! หยวนต้าจ้วง เ้าให้แม่หนูคนนี้ตรวจดูเถอะ” หัวหน้าหมู่บ้านตัดสินใจให้ิเป่าจูลองดู เพราะถึงอย่างไรยามนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
“ท่านพี่ นี่...” สะใภ้สกุลหยวนยังคงลังเล ก้มมองสีหน้าม่วงคล้ำของบุตรชาย ขอบตาก็แดงขึ้นมาอีก
“แม่หนู ชีวิตของบุตรชายข้า ขอฝากไว้ในมือเ้าแล้ว”
หยวนต้าจ้วงกัดฟันตัดสินใจ เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านให้นางรักษา เช่นนั้นให้นางรักษาดูก็ได้ หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวไม่ผิดอยู่แล้ว
“ท่านวางใจ ข้ารักษาเขาให้หายได้อย่างแน่นอน” พูดจบิเป่าจูก็หันไปมอบหมายิเป่าอวี้สองสามประโยค ิเป่าอวี้ดวงตาสว่างสดใสหมุนตัววิ่งไปทันที
ิเป่าอวี้วิ่งกลับบ้าน เขาไม่คิดว่าพี่สาวรักษาคนป่วย ตนเองก็สามารถช่วยงานได้เหมือนกัน
แท้จริงแล้ว ิเป่าจูให้เขากลับมาขุดต้นจิ่นหลัวที่ปลูกไว้ในสวน
นางเองก็ไม่คาดคิดว่าสมุนไพรที่ตนเองเพิ่งเก็บจากบนเขาไม่นาน จะได้ใช้ประโยชน์วันนี้
เชิงอรรถ
[1] หนานเจียง หมายถึงพื้นที่ทางตอนใต้ของเทือกเขาเทียนซานในซินเจียง
[2] เป็ดตายก็ยังปากแข็ง ใช้เปรียบเปรยกับคนดื้อรั้น ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง
[3] ถุงเหอเปา คือถุงผ้าติดตัวใบเล็กสำหรับใส่เศษเงินหรือของจุกจิก มักปักเป็รูปสัตว์หรือตัวอักษรมงคล
