ไข่มุกเชื่อมัเป็สิ่งวิเศษของตระกูลัแห่งทะเลทั้งสี่
ภายในไข่มุกมีมิติที่เป็พื้นที่ที่ยอดเยี่ยมมาก สามารถให้คนเข้าไปฝึกฝนได้ และไข่มุกเชื่อมันี้ยังสามารถดูดซับพลังแก่นแท้ของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ได้ เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการบ่มเพาะพลัง
“เป็โอกาสที่ดีมาก ข้าจะคว้ามันไว้ และก้าวข้ามขีดจำกัดการฝึกในระดับสี่” หลัวเลี่ยกระตือรือร้นที่จะลอง
เสวี่ยปิงหนิงหยิบพู่กันทองยาวเกือบสองฉื่อ[1]ออกมา แล้วเขย่าสองครั้งต่อหน้าหลัวเลี่ย “เมื่อรวมกับเวทของข้า หากเ้ายังไม่สามารถข้ามผ่านได้ก็เป็เื่ที่ไม่สมเหตุสมผลแล้ว”
นักเวทเป็วิทยายุทธ์อีกศาสตร์หนึ่งของดินแดนเหยียนหวง
และบางคนก็เรียกนักเวทว่าผู้วิเศษ
นักเวทคือผู้ที่ร่ายเวทเรียกลมเรียกฝน เสกสิ่งของจากพู่กันได้
ซึ่งการจะเป็นักเวทได้นั้นต้องมีสิ่งหนึ่งก่อน นั่นก็คือต้องมีพลังจิตเหนือคนธรรมดา เสริมด้วยพลังพิเศษ และใช้พลังนั้นเชื่อมต่อผ่านสิ่งของ ซึ่งก็คือพู่กันเซียนในการร่ายคาถา
ด้วยกฎเกณฑ์ข้างต้นจึงทำให้มีนักเวทน้อยมาก
พลังที่แสดงผ่านคาถานั้นมีพลังมาก โดยที่แม้แต่ผู้เป็วรยุทธ์บางคนยังไม่สามารถเทียบได้ เช่นคาถาพลังรักษา ดังนั้นสถานะของนักเวทในดินแดนเหยียนหวงจึงสูงส่งมาก
ในบรรดาจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมีเพียงนักเวทหนู่วาเท่านั้นที่เป็นักเวทศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนั่นถือเป็จุดมุ่งหมายในชีวิตของเสวี่ยปิงหนิง
ความแข็งแกร่งทางจิตใจของหลัวเลี่ยไม่โดดเด่น ดังนั้นเขาจึงเป็นักเวทไม่ได้ และนี่เป็ครั้งแรกที่เขาเห็นวิธีการร่ายเวทของนักเวท เขาจึงสนใจเป็อย่างมาก และยืนอยู่ข้างๆ จ้องมองอย่างตั้งใจ
เขาเห็นริมฝีปากสีแดงของเสวี่ยปิงหนิงแยกออกเล็กน้อย นางท่องคาถา และในขณะเดียวกันรูปร่างที่สง่างามของนางก็เหมือนกับเซียนที่กำลังเต้นรำ แขนขาวเนียนราวกับหยกของนางยกขึ้นเบาๆ มือที่ถือพู่กันวาดไปในอากาศ ขีดเขียนในอากาศครั้งแล้วครั้งเล่า ปรากฏเป็ตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ เมื่อตัวอักษรรวมกันก็เกิดเป็พลังสนับสนุนไข่มุกเชื่อมั
ไข่มุกเชื่อมัเปล่งแสงเล็กน้อย และส่งเสียงขึ้นมาเบาๆ
เสวี่ยปิงหนิงหมุนข้อมือของนาง และพู่กันเวทก็หันตรงไปทางทิศใต้ของไข่มุกเชื่อมั เมื่อนางขยับมือพู่กันเวทก็ขีดเป็ตัวอักษร ‘ไฟ’
เมื่อคำว่าไฟปรากฏขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือไฟที่ไม่มีที่สิ้นสุดมาจากทุกทิศทุกทาง และดูเหมือนว่าสิ่งที่เป็ธาตุไฟทั้งหมดภายในรัศมีสามสิบจั้งก็ถูกดูดซับ รวมตัวกันรอบๆ คำ และทำให้คำว่า ‘ไฟ’ ลุกไหม้ในที่สุด
พู่กันเวทขยับอีกครั้งไปทางด้านหลังของไข่มุกเชื่อมั และเขียนคำว่า ‘น้ำ’ ซึ่งดึงดูดธาตุน้ำในระยะสามสิบจั้งให้กลายเป็สายน้ำ ทำให้อักษร ‘น้ำ’ ก่อตัวขึ้น
ด้วยวิธีนี้ เขาเห็นอักขระทั้งแปดของทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม สายฟ้า และแสง ในแปดทิศของไข่มุกเชื่อมั
หลังจากเขียนคำว่า ‘แสง’ เสร็จ เสวี่ยปิงหนิงก็ถอนหายใจยาว แล้วเช็ดหน้าผากของนาง ปีกจมูกของนางขยับเบาๆ จัดเครื่องแต่งกายเล็กน้อย เสื้อผ้าของนางเปียกซ่กไปด้วยเหงื่อ และด้วยความแข็งแกร่งในฐานะนักเวทของนาง ก็เป็เครื่องแสดงว่าการร่ายเวทแปดลักษณ์นี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
“ในที่สุดก็เสร็จแล้ว”
เสวี่ยปิงหนิงแตะไข่มุกเชื่อมัด้วยปลายพู่กันเวท แล้วลำแสงที่เหมือนัก็พุ่งออกมา ก่อนจะตกลงบนร่างของหลัวเลี่ย “ผ่อนคลายเถอะ ไม่ต้องเกร็ง ข้าจะส่งเ้าเข้าไปฝึก”
หลัวเลี่ยนั่งลงตามคำบอกของเสวี่ยปิงหนิงโดยไม่เกร็ง เขารู้สึกถึงแรงฉุด แล้วรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมาถึงสถานที่ที่แปลกประหลาด
ที่นี่มีเปลวเพลิง คลื่นน้ำ สายฟ้า และอื่นๆ รวมเป็แปดพลังที่บริสุทธิ์ที่สุด
พลังบริสุทธิ์แปดชนิดที่ได้รับจากไข่มุกเชื่อมั และัแปดตัวก่อตัวขึ้นในไข่มุกเชื่อมั ัแต่ละตัวสามารถกลืนกินโลกภายนอกได้ นั่นคือการดูดกลืนพลังของโลกภายนอก ทำให้สภาพแวดล้อมในไข่มุกเชื่อมันั้นเหมาะสมกับการบ่มเพาะพลังมาก
เกิดการสั่นไหวแล้วเสวี่ยปิงหนิงก็ปรากฏตัวในไข่มุกเชื่อมั
“นี่คือเวทอะไร? เมื่อข้ายืนอยู่ที่นี่ ข้ารู้สึกใกล้ชิดกับพลังมากขึ้น เหมือนความเร็วในการฝึกฝนจะเร็วกว่าโลกภายนอกหลายเท่า” หลัวเลี่ยมีความสุขมาก
“อาคมแปดลักษณ์” เสวี่ยปิงหนิงตอบตามจริง “นี่คือเวทที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าฝึกฝนมา เพื่อช่วยเหลือในการบ่มเพาะพลังของเ้า”
หลัวเลี่ยประหลาดใจ
สิ่งที่เคยเห็นในโทรทัศน์ ภาพยนตร์ นวนิยาย และอื่นๆ แต่ตอนนี้กลับเป็สิ่งที่สามารถััได้จริงๆ
เขาััได้ถึงความแข็งแกร่ง และอยากเป็นักเวทเพื่อมีพลังแบบนี้ แต่พลังทางจิติญญาของเขาไม่โดดเด่นมากนัก ดังนั้นจึงเป็ไปไม่ได้ที่จะเป็นักเวท
ดังนั้นจึงทำได้เพียงคิดในใจแล้วฝึกฝนต่อเท่านั้น
เมื่อมีวรยุทธ์ถึงระดับหนึ่งก็สามารถย้ายูเาและทะเลได้เหมือนกัน
ในฐานะที่เป็คนสมัยใหม่ การมีพลังเป็สิ่งที่เหนือจินตนาการอย่างแน่นอน
ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงเริ่มฝึกฝนในไข่มุกเชื่อมั
มีเสวี่ยปิงหนิงคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ
แม้ว่าในโลกภายนอกซูชิวเชิงหัวหน้าองครักษ์จะไม่รู้ว่าหลัวเลี่ยกำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาั์อยู่ แต่เขาก็รู้ว่าหลัวเลี่ยได้เริ่มฝึกฝนวิถีแห่งยุทธ์แล้ว และดูเหมือนจะไม่ธรรมดาด้วย สิ่งนี้ทำให้เขาซึ่งเคยสิ้นหวังกับอนาคตรู้สึกตื่นเต้น เขาใช้พลังมากกว่าร้อยเท่าเพื่อทำในสิ่งที่ควรทำ เขาระดมกำลังทหารทั้งหมดของจวนอ๋องหนานหลี่ และไม่เคยยอมให้ใครเข้ามารบกวน แม้แต่หัวหน้าเสนาบดีที่มีระดับเท่าเทียมกับอ๋องหนานหลี่ก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาก็ผ่านไปกว่าสิบวันแล้ว
ใน่สิบวันนี้ อาจกล่าวได้ว่าหลัวเลี่ยและเสวี่ยปิงหนิงไม่ได้แยกจากกันเลย นอกจากการกิน ดื่ม และเดินเล่น พวกเขาก็ฝึกซ้อมอยู่ในไข่มุกเชื่อมั
การฝึกร่างกายระดับที่สี่เป็คอขวด โดยเฉพาะยิ่งเป็เคล็ดวิชาั์ สามารถเรียกได้ว่าเป็ูเาใหญ่ที่ขวางทางข้างหน้า คอขวด คำนี้ยังไม่เพียงพอที่จะอธิบาย แต่หลัวเลี่ยใช้เวลาเพียงสิบวัน เขาก็ได้ัักับการใกล้เข้าสู่ระดับที่สี่แล้ว
การก้าวข้ามไปอยู่ไม่ไกลแล้ว
ความเร็วดังกล่าวทำให้เสวี่ยปิงหนิงตื่นเต้นมาก
ไม่ต้องพูดถึงที่นางบอกว่า เมื่อมีอาคมแปดลักษณ์กับไข่มุกเชื่อมัแล้ว หลัวเลี่ยจะต้องก้าวข้ามไปได้อย่างแน่นอน ปัญหาคือนางรู้ดีกว่าใครเกี่ยวกับเคล็ดวิชาั์นี้ กระทั่งเจียงจื่อหยาและเหวินจงเอง แม้จะได้รับการสนับสนุนก็ตาม แต่การก้าวข้ามภายในเวลาสิบวันก็เป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน ภูมิหลังของทั้งสองนั้นไม่ใช่สิ่งที่แคว้นเป่ยสุ่ยจะเทียบได้ การสนับสนุนที่พวกเขาได้รับนั้นน่าทึ่งยิ่งกว่า ดังนั้นด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้หลัวเลี่ยโดดเด่นยิ่งขึ้น
ในวันที่สิบเอ็ด เสวี่ยปิงหนิงใช้พลังมากขึ้นในการร่ายเวท เพื่อช่วยในการฝึกฝนของเขา
หลัวเลี่ยเองก็พร้อมที่จะบรรลุความก้าวหน้าในวันนี้
ภายในไข่มุกเชื่อมั ทั้งสองมองหน้ากัน เกิดความเข้าใจโดยที่พวกเขาไม่จำเป็ต้องพูดอะไรกัน เสวี่ยปิงหนิงโบกพู่กันเวทในมือเบาๆ
ัอาลักษณ์ทั้งแปดก็ออกมา มีทั้งัวายุ ัอัคคี ัอัสนี และอื่นๆ
ัเหล่านี้ก่อตัวขึ้นจากการรวบรวมพลังบริสุทธิ์ และทั้งหมดพุ่งเข้าหาร่างกายของหลัวเลี่ย
หลัวเลี่ยต่อยและโจมตีตามวิธีการของเคล็ดวิชาั์
ทุกหมัดคือการฝึกร่างกายชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับันี้ ซึ่งก็คือแก่นพลังที่ถูกแปลงและจะถูกดูดซับขัดเกลาไปพร้อมกับการฝึกฝน
การออกหมัดอย่างต่อเนื่องรวมกับการหายใจ ทำให้พลังของหลัวเลี่ยก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพลังงานนี้ไหลเวียนเติมเต็มเส้นลมปราณทั่วร่างกายและขยายจุดตันเถียนของเขา หลัวเลี่ยก็มีความสุขมาก นี่เป็่ที่ดีที่สุดสำหรับการก้าวข้าม เขานั่งขัดสมาธิเตรียมพร้อมสำหรับการก้าวข้าม หลังก้าวข้ามไม่สำเร็จเขาก็พบว่าพลังทั้งหมดในร่างกายพุ่งมาที่มือซ้ายอย่างควบคุมไม่ได้
[1] 1 ฉื่อ ประมาณ 33.3 เิเ