เนี่ยตงไห่ทำได้อย่างที่กล่าวเอาไว้
่เวลาต่อมา ทุกสองสามวัน เขาจะนำหินเมฆอัคคีส่วนหนึ่งมาให้เนี่ยเทียน ให้เนี่ยเทียนใช้กระดูกสัตว์ดึงดูดเอาพลังเปลวเพลิงออกไป
เนี่ยเฉี่ยนเองก็ทำเช่นเดียวกัน
ทว่ากระดูกสัตว์ชิ้นนั้นราวกับหลุมลึกที่เติมเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็มอย่างไรอย่างนั้น หลังจากดูดซับเอาพลังเปลวเพลิงจากหินเมฆอัคคีไปจำนวนมาก เืหยดนั้นก็ยังคงไม่สามารถก่อตัวขึ้นมาเป็รูปเป็ร่างได้สำเร็จ
ภายหลังเนี่ยเทียนเริ่มค้นพบว่า หินเมฆอัคคีที่ท่านตาและป้าใหญ่ของเขาเอามาให้ เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
บางครั้งที่เนี่ยเฉี่ยนมาหา จะรีบทิ้งหินเมฆอัคคีสองสามก้อนไว้ให้อย่างเร่งร้อน แล้วก็รีบจากไปด้วยท่าทางไม่เป็สุข คล้ายกลัวว่าเนี่ยเทียนจะค้นพบอะไรบางอย่าง
เนี่ยเทียนไม่ใช่คนโง่ อันที่จริงเขาสังเกตเห็นนานแล้วว่าเครื่องประดับที่เนี่ยเฉี่ยนสวมใส่อยู่บนร่างกายนั้น ค่อยๆ หายไปทีละชิ้น
ภายหลังเนี่ยตงไห่ก็ไม่ปรากฏตัวอีก มีเพียงเนี่ยเฉี่ยนที่มาหาเป็ครั้งคราว เอาหินเมฆอัคคีไว้ให้สองสามก้อน ใช้สายตาคาดหวังมองกระดูกสัตว์ชิ้นนั้นแล้วจึงจากไปเงียบๆ
“ได้ยินมาว่าเมื่อวานท่านป้าใหญ่ทะเลาะกับท่านอาเนี่ยผิงที่เป็ผู้ดูแลห้องเก็บสมบัติเสียยกใหญ่ ท่านป้าใหญ่บอกว่าท่านอาเนี่ยผิงจงใจกดราคานาง ทั้งๆ ที่เครื่องประดับพวกนั้นของนางสามารถแลกเอาหินเมฆอัคคีมาได้ถึงสามก้อน ทว่าท่านอาเนี่ยผิงกลับแลกให้นางเพียงก้อนเดียว”
“ตอนนี้ประมุขตระกูลคือท่านปู่รอง ท่านอาเนี่ยผิงเพิ่งจะได้มาเป็ผู้ดูแลห้องสมบัติหลังจากที่ท่านปู่รองขึ้นรับตำแหน่ง ท่านอาเนี่ยผิงฟังแค่คำของท่านปู่รองเท่านั้น ถึงได้ไม่สนใจท่านป้าใหญ่อย่างไรเล่า”
“ก็ไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น ท่านปู่ใหญ่และท่านป้าใหญ่ถึงได้เอาของมีค่าติดตัวไปแลกหินเมฆอัคคีที่ห้องเก็บสมบัติมาจนหมด”
“นั่นสิ แม้แต่ยาที่ใช้รักษาอาการาเ็ก่อนหน้านี้ ท่านปู่ใหญ่ก็ยังเอามาแลกเป็หินเมฆอัคคีด้วย ไม่รู้ว่าเกิดเป็บ้าอะไรขึ้นมา”
“ท่านป้าใหญ่ก็เป็เหมือนกัน จนตอนนี้บนร่างกายของนางไม่เหลือเครื่องประดับแม้แต่ชิ้นเดียวแล้ว”
“...”
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ขณะที่หญิงสาวตระกูลเนี่ยสองคนเดินผ่านห้องของเนี่ยเทียนถึงได้ยกเื่นี้ขึ้นมาพูดคุย
เนี่ยเทียนที่อยู่ในห้องได้ยินคำพูดของพวกนางอย่างชัดเจน เขาที่เดิมทีตั้งใจฝึกบำเพ็ญตบะ ยามนี้จิตใจกระวนกระวายไปหมด บนใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความระทมทุกข์อย่างที่เด็กในวัยนี้ไม่ควรจะมี
“เพื่อเอาหินเมฆอัคคีมาให้ข้า ท่านตาและท่านป้าใหญ่ถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวเชียวหรือ?”
เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็อดหยิบเอากระดูกสัตว์ชิ้นนั้นออกมาจากถุงพกตรงเอวไม่ได้ ตอนที่มองกระดูกชิ้นนั้นอีกครั้ง เขาพลันรู้สึกเกลียดมันอย่างถึงที่สุด
“เสี่ยวเทียน” และตอนนี้เอง เสียงของเนี่ยเฉี่ยนก็ดังลอยมาจากด้านนอก
นางผลักประตูเข้ามา ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนล้า ราวกับหลายวันมานี้จิตใจของนางเหนื่อยมามากแล้ว
“รับไปสิ” เมื่อมาหยุดอยู่ข้างกายเนี่ยเทียน นางก็แสร้งโยนหินเมฆอัคคีก้อนหนึ่งไปให้เนี่ยเทียนด้วยท่าทางสบายๆ ทั้งยังใช้สายตาคาดหวังมองไปยังกระดูกสัตว์ชิ้นนั้น แล้วกล่าวว่า “รีบให้กระดูกสัตว์ดูดเอาพลังเปลวเพลิงของมันไปสิ”
“ไม่ต้องแล้ว” เนี่ยเทียนส่ายหัว “ข้าว่ากระดูกสัตว์ชิ้นนี้คือถ้ำที่ไร้ก้นแห่งหนึ่ง ต่อให้ใช้หินเมฆอัคคีมากเพียงใดก็ไม่มีวันถมมันได้เต็ม”
เนี่ยเฉี่ยนสีหน้ามืดคล้ำ พูดโกรธๆ “เ้าจะยอมแพ้ทั้งอย่างนี้หรือ? เ้ารู้หรือไม่ เพื่อหาหินเมฆอัคคีมาให้เ้า ท่านตาของเ้าต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง?”
“ข้ารู้” ดวงตาเนี่ยเทียนเต็มไปด้วยความเ็ป “ข้ายังรู้ด้วยว่า เพื่อนำหินเมฆอัคคีมาให้ข้า ท่านต้องเอาเครื่องประดับมีค่าพวกนั้นไปขายจนหมด”
เนี่ยเฉี่ยนอึ้งงันไปชั่วขณะ ตระหนักได้ทันทีว่าหลานชายของนางคนนี้ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว เกรงว่าเขาคงเข้าใจเื่ทั้งหมดมานานแล้ว
นางเงียบไปครู่ก็กล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เงินทองเป็ของนอกกาย ขอแค่ตอนอายุสิบห้า เ้าสามารถเหยียบย่างเข้าสู่หลอมรวมลมปราณขั้นเก้า กลายเป็ลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋น สิ่งที่พวกเราสูญเสียไปย่อมได้รับการตอบแทนกลับคืนมา”
พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของนางก็พลันมืดมน พูดต่ออีกว่า “อาการาเ็ของท่านตาเ้ายากที่จะรักษาให้หายได้ เส้นทางการบำเพ็ญตบะของชีวิตเขาได้เดินมาสุดทางแล้ว”
“ส่วนข้า พร์ในการบำเพ็ญตบะก็ย่ำแย่มาั้แ่เด็ก จนถึงทุกวันนี้ยังอยู่เพียงขอบเขตท้าย์ขั้นต้น ห่างชั้นกับแม่ของเ้านัก ปีนั้นหากข้าสามารถบำเพ็ญตบะหลอมลมปราณขั้นเก้าได้ภายในอายุสิบห้า กลายเป็ลูกศิษย์ของสำนักหลิงอวิ๋น ต่อให้ตระกูลเนี่ยของพวกเราจะอ่อนแอ ตระกูลอวิ๋นก็คงไม่กล้าปฏิบัติกับข้าถึงเพียงนี้!”
“ข้าไม่้าให้เ้ากลายมาเป็เหมือนข้า! ตอนนี้เ้าอายุสิบเอ็ดแล้ว เหลือเวลาอีกเพียงสี่ปี เ้าจำเป็ต้องเหยียบย่างเข้าสู่รวมลมปราณขั้นเก้าภายในสี่ปีนี้ให้ได้!”
“ตอนนี้ขอบเขตของเ้ายังห่างไกลนัก บางทีกระดูกสัตว์ลึกลับชิ้นนั้นอาจเป็กุญแจสำคัญเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่!”
“ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เ้าต้องยืนหยัดต่อไป ดูสิว่ากระดูกสัตว์ชิ้นนั้นจะนำความมหัศจรรย์มาให้แก่เ้าได้หรือไม่! เ้าคือความหวังสุดท้ายของข้าและท่านตาของเ้า เ้าอย่าเอานิสัยเด็กๆ มาใช้ อย่าทำให้ความพยายามของข้าและท่านตาของเ้าต้องเสียเปล่า!”
เนี่ยเฉี่ยนกล่าวสั่งสอนด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
เนี่ยเทียนไม่พูดอะไรสักคำ ฟังด้วยความตั้งใจ รอจนเนี่ยเฉี่ยนพูดจบถึงได้พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่มีทางทำให้พวกท่านต้องผิดหวังเป็อันขาด”
เมื่อพูดจบเขาก็วางหินเมฆอัคคีก้อนนั้นลงไปบนกระดูกสัตว์อีกครั้ง
เวลาแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจ หินเมฆอัคคีก้อนนั้นก็ถูกดูดพลังเปลวเพลิงไปจนหมด กลายมาเป็เพียงเศษหินธรรมดา
บางทีอาจเป็เพราะพลังเปลวเพลิงจากหินเมฆอัคคีก้อนหนึ่งมีพลังบางเบาเกินไป จุดแสงไฟในกระดูกสัตว์ก้อนนั้นจึงไม่มีแม้แต่สัญญาณว่าจะรวมตัวกัน
เนี่ยเทียนและเนี่ยเฉี่ยนที่จ้องมองกระดูกสัตว์ชิ้นนั้นอยู่ตลอดเวลา เห็นว่ามันมืดดับแสงลงไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าจึงเผยความผิดหวัง
“อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ข้าจะลองคิดหาวิธีอื่นดู” เนี่ยเฉี่ยนข่มกลั้นความสิ้นหวังไร้ที่สุดสิ้นในใจลงไป แล้วพูดอีกว่า “พรุ่งนี้ข้าจะไปเหมืองแร่ ที่นั่นมีหินเมฆอัคคีมากมายที่ยังไม่ได้ขุด อาจใช้เวลามากหน่อย แต่ต้องนำหินเมฆอัคคีกลับมาให้เ้ามากกว่าเดิมให้ได้!”
“ข้าจะไปกับท่านด้วย!” เนี่ยเทียนลุกพรวดขึ้นยืน
“ไม่ได้!” เนี่ยเฉี่ยนร้อนรน “ที่เหมืองแร่นั้น คนในตระกูลขุดหาหินเมฆอัคคีกันอย่างเต็มที่ บางครั้งมันอาจจะถล่มลงมา มันอันตรายเกินไป เ้าห้ามไปเด็ดขาด!”
“ข้าว่าต่อให้เอาหินเมฆอัคคีมาอีกกี่สิบก้อนก็คงไม่พอที่จะเติมกระดูกสัตว์ก้อนนี้ให้เต็มได้ มีเพียงข้าไปที่นั่น เอากระดูกสัตว์นี้ไปดูดซับแร่ดิบของหินเมฆอัคคีที่ยังไม่ถูกขุดออกมาโดยตรง อาจจะทำให้มันพอใจจนสามารถก่อตัวกลายมาเป็เืหนึ่งหยดได้จริง” เนี่ยเทียนกล่าวด้วยความมั่นใจ
“ใช้กระดูกสัตว์ดูดซับพลังเปลวเพลิงจากแร่ดิบโดยตรงอย่างนั้นหรือ?” เนี่ยเฉี่ยนพลันฉุกคิดขึ้นมาได้
นางเองก็รู้สึกว่าข้อเสนอนี้ของเนี่ยเทียนมีเหตุมีผลยิ่งนัก คิดจะขุดเอาแร่ดิบของหินเมฆอัคคีมากมายในเหมืองออกมา ไม่ใช่เื่ง่ายนัก
ต่อให้นางไปด้วยตัวเองก็ยังไม่สามารถขุดเอาหินเมฆอัคคีปริมาณมากมาในเวลาอันสั้นได้ อีกทั้งหินเมฆอัคคีที่ถูกขุดออกมา ตอนที่กลับออกจากเหมืองจะต้องมีการจดบันทึกเข้าบัญชีเอาไว้ ส่วนหนึ่งส่งให้กับสำนักหลิงอวิ๋น อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้ในห้องสมบัติตระกูลเนี่ย ที่จะได้มาอยู่ในมือนางแท้จริงเกรงว่าคงเหลือแค่สองส่วนเท่านั้น
นางคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าการที่ตัวเองจะเอาหินเมฆอัคคีหลายสิบก้อนมาได้ อาจจำเป็ต้องใช้เวลาอยู่ในเหมืองเป็ครึ่งๆ ปี
อีกทั้งเนี่ยเทียนก็อายุสิบเอ็ดปีแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดมากที่สุดก็คือเวลา
“ให้ข้าไปเถอะ ข้าไม่สามารถนั่งงอมืองอเท้ารออยู่บ้านเฉยๆ ได้” เนี่ยเทียนวอนขออย่างน่าสงสาร “ข้าเองก็ต้องพยายามด้วยตัวเองเหมือนกัน ไปที่เหมืองแร่ก็ถือว่าเป็การหาประสบการณ์ครั้งหนึ่งของข้า”
เนี่ยเฉี่ยนใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าเบาๆ “จำเอาไว้ ออกไปจากเมืองเฮยอวิ๋นเมื่อใด ต้องเชื่อฟังข้าทุกอย่าง ห้ามก่อเื่เด็ดขาด!”
“แน่นอน! แน่นอน!” เนี่ยเทียนรีบพูดตอบรับ
่นี้เขาถูกกักตัวอยู่ในจวนตระกูลเนี่ย ไม่ได้เดินออกจากประตูใหญ่แม้แต่ก้าวเดียว รู้สึกอุดอู้จนจะทนไม่ไหวอยู่นานแล้ว อีกทั้งพวกคนแปลกหน้าที่มาด้อมๆ มองๆ ใกล้กับจวนตระกูลเนี่ยก็หายตัวไปนานแล้ว เขาจึงคิดฉวยโอกาสนี้ออกไปทำกิจกรรมด้านนอกเสียเลย
“พรุ่งนี้เช้าตรู่ข้าจะพาเ้าออกจากเมืองไปด้วยกัน!” เนี่ยเฉี่ยนกล่าว
“ขอบคุณท่านป้าใหญ่!” เนี่ยเทียนพูดด้วยความดีใจ
วันต่อมา ฟ้ายังไม่สว่าง เนี่ยเทียนก็มารออยู่หน้าประตูแล้ว ส่วนเนี่ยเฉี่ยนเองก็มาตามนัด
ขณะที่ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น ทั้งสองก็ออกจากเมืองเฮยอวิ๋นไป และเดินทางไปยังเขาหลิงอวิ๋นอย่างเงียบๆ
ณ ตระกูลอวิ๋น
หยวนชิวอิ๋งรับอาหารเช้าพร้อมกับอวิ๋นซงเสร็จ ขณะที่กำลังบ้วนปาก คนผู้หนึ่งก็มาหยุดยืนข้างกายนางอย่างเงียบๆ กล่าวเสียงเบาๆ ว่า “นายหญิงขอรับ เนี่ยเฉี่ยนและเ้าเด็กที่ชื่อเนี่ยเทียนคนนั้น วันนี้ได้ออกจากเมืองเฮยอวิ๋นั้แ่เช้าตรู่ เดินทางไปที่เขาหลิงอวิ๋น”
“ในที่สุดเต่าก็ยอมโผล่หัวออกจากกระดองเสียที!” หยวนชิวอิ๋งสีหน้าฮึกเหิม กัดฟันกรอดๆ กล่าวด้วยท่าทางเหี้ยมโหดว่า “นางสารเลวผู้นั้น แล้วก็เ้าเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่นั่น ข้าจะรู้นักว่าคราวนี้พวกมันจะหนีพ้นฝ่ามือของข้าไปได้อย่างไร!”
นางไม่เคยล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้นเนี่ยเฉี่ยนและเนี่ยเทียนแม้แต่น้อย
หลายวันมานี้ แม้ว่านางจะให้พวกขุนนางต่างรัฐเ่าั้ถอนกำลังออกจากบ้านตระกูลเนี่ย ทว่าก็ยังคงแอบให้คนจับตามองประตูเมืองเฮยอวิ๋นอยู่ตลอดเวลา
นางรู้ว่าสักวันเนี่ยเฉี่ยนและเนี่ยเทียนต้องออกมาข้างนอกเพราะทนไม่ไหว
“หึ ยังกล้าออกไปจากเมืองเฮยอวิ๋นเสียด้วย? ์ช่างช่วยข้าเสียจริง ลงมือในเมือง ข้ายังกังวลอยู่บ้าง ออกจากเมืองไปอย่างนี้ พวกมันก็อย่าหวังเลยว่าจะมีชีวิตรอดกลับมา!” หยวนชิวอิ๋งกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด
“นางสารเลวนั่นต้องไปที่เหมืองแร่ตระกูลเนี่ยบนเขาหลิงอวิ๋นอย่างแน่นอน! พวกเ้าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น อย่าเพิ่งลงมือระหว่างทางที่พวกมันไปเหมือง ตอนไปนางหญิงชั่วช้าเนี่ยเฉี่ยนนั่นต้องระมัดระวังตัวมากแน่นอน พวกเ้าไปรออยู่รอบๆ เหมืองบนเขาหลิงอวิ๋น รอพวกมันสองคนออกมาเมื่อไหร่ค่อยลงมือตอนที่พวกมันกลับเข้าเมือง!”
“ทราบแล้วขอรับนายหญิง ข้ารับประกันว่าพวกมันจะไม่มีทางมีชีวิตรอดกลับมาถึงเมืองเฮยอวิ๋นแน่นอน!”
“อืม เก็บกวาดให้สะอาดด้วย เสร็จเื่ก็ให้คนพวกนั้นไสหัวออกไปจากเมืองเฮยอวิ๋น ห้ามกลับเข้ามาอีก สำนักหลิงอวิ๋นจะได้ไม่หาจุดอ่อนมาเอาเื่พวกเราได้”
“รับทราบขอรับ”
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้