เมื่อมองไปที่กู่ฉิน จู่ๆ อวิ๋นจื่อก็รู้สึกว่ากู่ฉินที่อยู่กับนางมานานดูราวกับมีชีวิตใหม่
ในใจของนางเต็มไปด้วยความสับสน
ดูเหมือนว่ามีความลับมากมายในตระกูลอวิ๋นที่นางไม่รู้
การต่อสู้ในวังเป็เพียงยอดูเาน้ำแข็งเท่านั้น
ความลับในอดีตจะถูกเปิดเผยใน่ชีวิตนี้ของนางหรือไม่?
อาจจะไม่
เพราะคนที่ล่วงรู้ความลับล้วนเสียชีวิตไปหมดแล้ว
การเปิดเผยความลับที่ถูกซุกซ่อนไว้มานานจะยังมีความหมายอยู่หรือไม่?
นางรู้สึกว่าไม่มีความหมายเลย แต่เหตุใดนางถึงอยากรู้นักเล่า?
เสด็จอาเป็บุคคลที่เก่งกาจและกลายเป็ตำนานไปแล้ว นางย่อมอยากรู้ว่าในอดีตเขาเคยพบเจอเื่ราวใดมาบ้าง
อวิ๋นจื่อตกอยู่ในความเงียบที่ดูเหมือนจะยาวนานและไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อไป๋จื่อเข้ามาในห้อง สีหน้าของนางดูเศร้าหมองเล็กน้อย นางขยับเข้าใกล้ใบหูของอวิ๋นจื่อและกระซิบว่า “คุณหนู มีเื่บางอย่างเกิดขึ้นที่เมืองฉินโจวเ้าค่ะ”
ทันใดนั้นอวิ๋นจื่อก็รู้สึกว่านางกำลังเผชิญกับเหวลึกอีกครั้ง
ครอบครัวฝั่งมารดาคือญาติฝ่ายเดียวที่เหลืออยู่ แต่ตอนนี้กลับมีบางอย่างเกิดขึ้นที่เมืองฉินโจว เช่นนั้นนางควรทำอย่างไร?
นางพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบสติอารมณ์และกล่าวว่า “เ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็คนทำ?”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “คนของเรายังคงสืบสวนอยู่แต่ไม่พบเงื่อนงำ ข้าเดาว่าน่าจะเป็คนของเย่เซียง”
อวิ๋นจื่อถามเสียงต่ำ “เหตุใดเ้าถึงคิดเช่นนั้น?”
ไป๋จื่อคุกเข่าลงพร้อมกับโขกศีรษะ “คุณหนู เราเพิ่งรู้ว่าคนของเย่เซียงได้ข่าวว่าองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลซูในเมืองฉินโจวจึงต้องเผชิญกับความตายเช่นนี้”
อวิ๋นจื่อนิ่งเงียบเป็เวลานาน
ทั้งหมดเป็เพราะนาง
ั้แ่นางออกจากวังมา นางก็ไม่สามารถใช้ตัวตนเดิมได้อีกต่อไป แต่นางไม่เคยลืมมันเลย นางไม่เคยและจะไม่มีวันปฏิเสธว่าเืของตระกูลอวิ๋นไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง นางไม่สามารถลืมสิ่งต่างๆ ได้โดยเฉพาะหนี้เื
หลังจากเติบโตในวังและอยู่ภายใต้การดูแลของเสด็จพ่อมากว่าสิบปี นางก็เติบโตขึ้นท่ามกลางความรักของผู้คน ทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาล้วนตราตรึงอยู่ในใจ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางลืมได้
เหตุการณ์เหล่านี้เปรียบได้กับสายใยแห่งชีวิตของนาง
ทันใดนั้นอวิ๋นจื่อก็ตระหนักว่าเย่เซียงอาจไม่ใช่เสนาบดีที่มีคุณธรรมอย่างที่เสด็จพ่อเคยตรัสไว้ เขาเป็เสนาบดีที่ชั่วร้าย และคนทรยศเช่นนี้ก็มักลอบวางแผนบางอย่างมาเป็เวลานาน ผู้ที่หยิบยื่นโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เขาก็คือโจวกุ้ยเฟย
อวิ๋นจื่อกำลังวิเคราะห์สถานการณ์ นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าข้าคงเดินทางไปสำนักชิงซานตอนนี้ไม่ได้เสียแล้ว เ้าไปบอกซูเจินว่าข้าจะอาศัยอยู่ในจวนตระกูลซูไปก่อน”
ไป๋จื่อพยักหน้าและกล่าวว่า “คุณหนูไม่ต้องกังวล เราจะหาทางจัดการกับเื่นี้อย่างแน่นอน คุณหนูต้องสงบสติอารมณ์ก่อนนะเ้าคะ อย่าได้ตื่นตระหนกเป็อันขาด”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า “ดูเหมือนจะมีผู้ยิ่งใหญ่มาเยือนจวนตระกูลซู อาจเป็คนจากเมืองอวิ๋นเมิ่งก็เป็ได้ ไปดูกันเถอะว่าเป็ใคร”
ไป๋จื่อลังเล “จะดีหรือเ้าคะคุณหนู?”
ไป๋จื่อแปลกใจว่าในเมื่ออวิ๋นจื่อ้าปกปิดตัวตน เหตุใดถึงต้องออกไปพบปะผู้คน? เช่นนี้ไม่ได้หมายความว่ากำลังเอาคอไปจ่อที่คมกระบี่หรือ?
อวิ๋นจื่อรู้ว่าไป๋จื่อกังวลเื่ใด นางจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เ้ากลัวอะไร? ตอนนี้ข้าคือคุณหนูใหญ่ตระกูลซูผู้มีนามว่าปี้หลัว ใบหน้าของข้าตอนนี้ไม่ใช่ใบหน้าเดิมอีกต่อไปแล้ว อย่ากลัวไปเลยไป๋จื่อ”
ไป๋จือพยักหน้าอย่างเป็กังวลและถามว่า “คุณหนู้าไปที่ใดหรือเ้าคะ?”
อวิ๋นจื่อยิ้ม “ข้าเป็สตรีในห้องหอ ดังนั้นข้าจึงไปได้เพียงสวนด้านหลังเท่านั้น ข้าเพียงไปเดินเล่นและนำกระดาษข้าวที่ข้าคัดอักษรไว้ไปขอความเห็นจากพี่ใหญ่เท่านั้น”
ไป๋จื่อกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไปขอให้คุณชายใหญ่ตรวจดูฝีมือการคัดอักษรของคุณหนูกันเถอะเ้าค่ะ”
ไป๋จื่อลุกขึ้นและเตรียมกระดาษข้าวให้อวิ๋นจื่อ เมื่อเห็นเช่นนั้นอวิ๋นจื่อก็ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ต้องรีบร้อน”
จากนั้นนางก็สั่งให้ไป๋จื่อเตรียมกระดาษข้าวและฝนหมึก
หลังจากเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว อวิ๋นจื่อก็ถือพู่กันด้วยมือซ้ายและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นนางก็เขียนว่า
“ลมตะวันออกพัดต้นไม้เอนไหว พัดดอกไม้สีเงินปลิวออกไปในเทศกาลโคมไฟ ดูงดงามราวกับดอกไม้นับพันผลิบาน
ลมพัดแรงขึ้น สายฝนโปรยปรายลงบนรถม้าแกะสลัก ส่งกลิ่นหอมไปทั่วถนน เสียงขลุ่ยฟังดูไพเราะ หยกเปล่งประกายระยิบระยับ ปลาและัเต้นรำตลอดทั้งคืน
หญิงสาวผู้งดงามสวมเครื่องประดับสีทอง นางหัวเราะขณะเดินผ่านฝูงชน กลิ่นหอมของเสื้อผ้าลอยอบอวลในความมืด
ข้ามองหานางหลายครั้งในฝูงชน เมื่อหันไปก็พบนางยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัว”
เมื่อหมึกแห้ง อวิ๋นจื่อก็สั่งให้ไป๋จื่อนำกระดาษข้าวที่นางคัดอักษรไปด้วย
ทั้งสองคนออกจากเรือนและตรงไปยังเรือนของซูเจิน
แต่ทันทีที่มาถึงหน้าประตูกลับถูกชายหนุ่มแปลกหน้าสองคนเรียกให้หยุด
ไป๋จื่อเปลี่ยนท่าทีและกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “พวกเ้ากล้าดีอย่างไรถึงทำให้คุณหนูของข้าขุ่นเคือง? พวกเ้าเป็ใคร? เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน?”
เสียงของไป๋จื่อทำให้สาวใช้ในเรือนตื่นตระหนก ทันใดนั้นพ่อบ้านก็เดินออกมา ปรากฏว่าชายแปลกหน้าสองคนนี้ไม่ใช่คนในจวน พ่อบ้านเชื้อเชิญให้อวิ๋นจื่อเข้ามาด้านในพลางกล่าวขอโทษอย่างนอบน้อม
อวิ๋นจื่อยิ้ม “ข้าไม่รู้ว่าพี่ชายมีแขก ข้าแค่อยากขอความเห็นเขาเกี่ยวกับการคัดอักษรเท่านั้น ข้าใช้เวลาคัดทั้งเช้าแต่กลับไม่ได้เื่เอาเสียเลย เช่นนั้นข้าขอรอที่ห้องโถงได้หรือไม่?”
โดยปกติแล้วโอกาสที่คุณหนูใหญ่จะปรากฏตัวนอกเรือนของตนเองนั้นหาได้ยากยิ่ง หากมองภายนอกนางดูเ็าและสูงส่งเหมือนูเาน้ำแข็ง แต่เมื่อได้พูดคุยกลับไม่คิดว่านางจะว่าง่ายเช่นนี้
พ่อบ้านยิ้ม “บ่าวไม่อาจเสียมารยาทปล่อยให้คุณหนูใหญ่รอที่นี่ได้ คุณชายใหญ่กลัวว่าบ่าวรับใช้ที่ไม่รู้จักคุณหนูจะทำให้คุณหนูขุ่นเคือง ดังนั้นจึงสั่งให้บ่าวมาพาคุณหนูเข้าไปพบด้านในขอรับ”
อวิ๋นจื่อยิ้มตอบ “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก”
หลัวจากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในเรือนของซูเจินด้วยกัน
นางเห็นเย่เช่อและซูเจินนั่งอยู่ในศาลาเล็กๆ กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ดูเหมือนพวกเขากำลังสนทนาในเื่บางอย่าง
หากมองไกลๆ ดูเหมือนว่าเย่เช่อเป็คนเดียวที่มีท่าทีผ่อนคลาย ส่วนซูเจินและชายหนุ่มอีกคนดูเหมือนจะกำลังใช้ความคิด
ในบรรดาสามคนนี้ มีเพียงเย่เช่อเท่านั้นที่เปล่งประกายที่สุด
เมื่อพูดถึงความสง่างาม บางทีเย่เช่อและเสด็จอาของนางอาจพอเทียบเคียงกันได้ พวกเขาล้วนมีบุคลิกที่สง่างาม ได้รับการยกย่องจากชาวอวิ๋นเมิ่งว่าเก่งกาจด้านการทำา และมีชื่อเสียงั้แ่ยังเยาว์วัย
ที่สำคัญคือพวกเขาต่างมีพี่น้องที่้าแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท
นี่เป็เื่บังเอิญหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย?
ประวัติศาสตร์จะคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจเชียวหรือ?
น้องชายของเย่เช่อผู้ได้รับความโปรดปรานจากเย่เซียงจะกลายเป็อุปสรรคของเย่เช่อหรือไม่?
ถ้าใช่ นางควรทำอย่างไร?
แล้วเขาจะทำอย่างไร?
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกตื่นตระหนก
เมื่อเห็นอวิ๋นจื่อ ทั้งสามคนก็หันหน้ามาพร้อมกัน ซูเจินกล่าวบางอย่างกับชายหนุ่มราวกับแนะนำนางให้เขารู้จัก
อวิ๋นจื่อเดินเข้าไปใกล้ จากนั้นก็ย่อเข่าทำความเคารพและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าพี่ชายมีแขก ข้ารีบตรงมายังจวนของท่านด้วยความกระตือรือร้นเพราะอยากให้พี่ชายเห็นตัวอักษรที่ข้าคัด”
ซูเจินยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “ลองส่งมาให้ข้าดูว่าตัวอักษรของเ้าเป็อย่างไร”
ไป๋จื่อยื่นกระดาษข้าวในมือให้ซูเจินทันที
ซูเจินเคยเห็นลายมือของอวิ๋นจื่อมาก่อน แต่เมื่อเขาเห็นลายมือของนางในวันนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างอย่างมาก เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และเข้าใจทันทีถึงความพยายามอันอุตสาหะของหญิงสาวคนนี้
บางทีนางอาจรู้ว่าบรรยากาศในจวนไม่ปกติ ดังนั้นจึงระมัดระวังเป็พิเศษ
นางเป็หญิงสาวที่ฉลาดจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้