“มีคนออกตามล่ามากมายขนาดนี้ แล้วเสือตัวนั้นจะยังมีชีวิตอยู่หรือ?”
ป๋ายจื่อหันมองทางทหารที่อยู่ด้านนอกแสงแวววาวจากอาวุธทำให้คนมองอดเป็กังวลไม่ได้
“ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่เกรงว่าลูกในท้องของมันจะต้องตายตามไปด้วย”
แม้สีของท้องฟ้าจะมืดลงแล้วทว่าเสือขาวตัวนั้นกลับโดดเด่นจนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
ครุ่นคิด เกรงว่าพวกเขาน่าจะจับเป็มากกว่า ดังนั้นเสือขาวตัวนั้นจะต้องไม่ได้รับาเ็แน่นอน
“พวกเ้าตามข้ามานี่ เสี่ยวอวี้ เ้าช่วยไปตามท่านอ๋องมาให้ข้าที”
ต้องเร่งแผนการช่วยเหลือเสือขาวหลินเมิ้งหยาและสาวใช้อีกสี่คนกลับเข้าไปในกระโจม
“ป๋ายจื่อ ป๋ายซ่าว ป๋ายจี พวกเ้ากับอาเสวี่ยจงซ่อนตัวอยู่ในกระโจมหากไม่เกิดเหตุฉุกเฉิน อย่าได้ออกจากกระโจมเด็ดขาดป้องกันมิให้พวกเ้าได้รับาเ็ ป๋ายซู เ้าจงอารักขาพวกนางอย่างลับ ๆข้ากลัวว่าจะมีคนคิดไม่ดีกับพวกเรา”
หลินเมิ้งหยาออกคำสั่ง นางต้องปกป้องคนที่้าปกป้องให้ดีอีกทั้งจะไม่มีวันเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาก่อความวุ่นวาย
ผ้าม่านของกระโจมถูกแหวกออก ต่อมา ร่างสูงของหลงเทียนอวี้ปรากฏขึ้นภายในกระโจม
“ท่านอ๋อง เหตุการณ์ด้านนอกเป็เช่นไรเพคะ?”
เมื่อได้เห็นชุดล่าสัตว์สีดำที่หลงเทียนอวี้กำลังสวมใส่หลินเมิ้งหยาเดาได้เลยว่าพวกองค์ชายเ่าั้จะต้องแสดงความกล้าบ้าบิ่นออกมากันอย่างแน่นอน
เพียงแค่การแข่งขันออกล่าเสือขาวเริ่มขึ้นเร็วกว่ากำหนดการเท่านั้น
“ไท่จื่อและฮ่องเต้ิเข้าร่วมการออกล่าในครั้งนี้ด้วยเกรงว่าแผนการที่พวกเราคุยกันในวันนั้นจะใช้ไม่ได้แล้วครอบครัวของนักล่าล้วนไปรวมกันอยู่ที่กระโจมใหญ่แล้ว เ้าจะไปด้วยหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้าปฏิเสธไปดูการแข่งขัน
ยิ่งไปกว่านั้น กระโจมของนางอยู่ใกล้กับกระโจมใหญ่ ทหารองครักษ์คุ้มกันอย่างแ่าดังนั้นจึงไม่มีทางเกิดอันตรายใดๆ
“เช่นนั้นท่านอ๋องดูแลตัวเองด้วยนะเพคะหม่อมฉันเกรงว่าจะมีคนฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายขึ้น”
เสือที่อยู่ในกรงดีๆ จะหนีออกไปได้อย่างไร
หลินเมิ้งหยายังคงรู้สึกแปลกใจ หลงเทียนอวี้มองนางซึ่งกำลังก้มหน้าครุ่นคิดหัวใจก็พลันสั่นไหว
นางมักจะเป็เช่นนี้เสมอ ทุกครั้งที่เกิดเื่ขึ้นนางมักจะเป็ห่วงเขาก่อนเสมอ
มือหนายกขึ้นลูบไล้เส้นผมของนาง ก่อนจะส่งเสียงเอ่ย
“วางใจเถิด ข้าไม่มีทางเป็อะไรหรอก”
ราวกับไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตนเองอ่อนโยนมากขนาดไหน
“เพคะ ท่านอ๋องต้องระวังให้มากนะเพคะ ส่วนชีวิตของเสือตัวนั้นคงต้องแล้วแต่ฟ้าดินจะตัดสินใจ”
ใช่ว่านางไม่อยากช่วย แต่เพราะตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษนางจึงจำเป็ต้องดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วย
หลงเทียนอวี้พยักหน้าลง ก้าวเท้ายาวๆ ออกจากกระโจมไป
ได้ยินเสียงหลงเทียนอวี้ออกคำสั่งกับทหารอารักขาหน้ากระโจมว่าให้ปกป้องคุ้มกันตัวนางให้ดี
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ หลินเมิ้งหยาเดินออกมานอกกระโจมยืนมองด้านหน้าประตู
“พี่สาว วางใจเถิด ท่านอ๋องเป็คนมากความสามารถ เขาจะไม่เป็อะไรอย่างแน่นอน”
หลินจงอวี้เข้ามายืนเป็เพื่อนหลินเมิ้งหยามือเล็กกระตุกแขนเสื้อพี่สาว ดวงตากลมโตทั้งสองข้างเปี่ยมไปด้วยความกังวล
เกรงว่าเขาจะมิใช่คนที่สามารถคลายกังวลของพี่สาวได้มิรู้ว่าเพราะเหตุใด อยู่ๆ เขารู้สึกอิจฉาขึ้นมา
ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไหร่ที่สายตาของพี่สาวมีเพียงท่านอ๋องคนเดียวเท่านั้น
“ข้าเข้าใจ เพียงแค่กลัว แค่กลัวเท่านั้น”
นางพลิกมือกลับแล้วกุมมือของเสี่ยวอวี้เอาไว้ฝ่ามือนุ่มนิ่มอบอุ่นัักับฝ่ามือของนาง ทำให้นางรู้สึกมีเรี่ยวแรงมากขึ้น
“พี่สาว ท่านดูเป็ห่วงท่านอ๋องมากจริงๆ”
หลินจงอวี้บ่นพึมพำ น้ำเสียงเจือไว้ซึ่งความอิจฉา
หลินเมิ้งหยาหันหน้ากลับมาลูบไล้เส้นผมของเด็กหนุ่มหัวใจของนางมิอาจปิดบังเขาได้
“เสี่ยวอวี้ หากวันหนึ่งพวกเราจำเป็ต้องจากจวนอวี้ไปเ้าอยากไปที่ใด?”
ใบหน้าที่เคยงดงามดั่งหยกของเด็กหนุ่มเริ่มเปลี่ยนเป็หล่อเหลาคมเข้ม
ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวในงานเลี้ยง เขามักจะได้รับความนิยมเสมอ
ทว่า หลินจงอวี้มักจะมองตอบหญิงสาวเ่าั้ด้วยท่าทางเ็า
“จากไป?” ท่านจะจากไปได้จริงๆหรือ?”
แปลกใจ แต่ั์ตาของหลินจงอวี้กลับเผยให้เห็นร่องรอยของความหวัง
“อือ ข้าไม่มีทางอยู่ที่นี่ตลอดไป เสี่ยวอวี้พี่สาวพาเ้าไปอยู่ที่เจียงหูดีหรือไม่?”
ทันทีที่คิดว่าต้องจากไป ความเ็ปแล่นพล่านไปทั้งหัวใจ
บางคน ยิ่งฝังลึกในหัวใจของนางมากเท่าไรนางก็จะยิ่งตัดเขาออกไปได้ยากมากขึ้นเท่านั้น
หากวันหนึ่งนางต้องไปจากจวนอวี้ เกรงว่าตนเองอาจจะมิอาจทำใจได้
แต่เพราะความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเองดังนั้นจะให้นางยินยอมแบ่งสามีของตนเองกับผู้อื่นได้อย่างไร?
“ขอรับ ไม่ว่าพี่สาวไปที่ไหน เสี่ยวอวี้ก็จะติดตามไปด้วย”
แต่หลินจงอวี้ไม่เข้าใจทั้งที่พี่สาวและท่านอ๋องเหมาะสมกันถึงเพียงนี้ เหตุใดภายในแววตาของพี่สาวจึงดูเศร้าหมองเสียจริง?
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง กักเก็บความเสียใจของตนเองเื่การจากไปเป็เื่ในอนาคต ตอนนี้นางยังมีเื่ใหญ่ให้ต้องจัดการ
เสือขาวถูกทหารไล่ตามจนไปถึงป่าขนาดเล็กองค์ชายที่เตรียมแข่งขันล่าเสือเองก็เปลี่ยนชุดแล้วเรียบร้อย
สายลมยามค่ำคืนพัดเอื่อยเฉื่อยทว่าใบหน้าของพวกเขากลับกระตือรือร้นมากเป็พิเศษ
แสงจากดวงดาวส่องสกาวจนท้องฟ้าสว่างไสว
แม้จะอยู่ห่างกันไกล ทว่าเสียงเสือคำรามดังกึกก้อง
เป็เสือที่แข็งแรงและมีลักษณะที่ดีหากมิใช่เพราะถูกคนควบคุมเอาไว้ บางทีมันอาจจะกลายเป็เ้าแห่งป่า
องครักษ์ที่ถูกส่งมาอารักขาถูกเอาตัวไปไม่น้อยครอบครัวของนักล่าออกจากกระโจมมาเดินเล่น
หลินเมิ้งหยามิได้สร้างความสนใจต่อคนเ่าั้ทว่ากลับจูงมือหลินจงอวี้ออกมาดูบรรยากาศด้านนอกเพราะความไม่สบายใจ
เงาดำของมนุษย์เคลื่อนไหวไม่อยู่นิ่ง บางครั้งก็มีเสียงเสือคำรามดังออกมา
“พี่สาว พวกเรากลับไปกันเถิด รออยู่ที่นี่ก็ไม่มีความหมาย”
หลินจงอวี้ชอบความรู้สึกที่ถูกพี่สาวกุมมือหัวใจสั่นไหวเพราะความตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ถึงกระนั้นยังคงส่งเสียงเร่งเร้าพี่สาวให้รีบกลับเข้าไปในสถานที่ปลอดภัย
“อือ พวกเรากลับกัน...นั่นใครน่ะ?”
ขณะที่คิดจะหมุนตัวกลับ เงาดำร่างหนึ่งพลันบินผ่านกระโจมตรงหน้าไปอย่างรวดเร็ว
“บางทีอาจเป็คนในตระกูลไหนสักตระกูลถึงอย่างไรเมื่อครู่ทุกคนก็ไปรวมตัวกันในกระโจมมากมาย”
หลินจงอวี้จ้องเข้าไปในความมืด หากพี่สาวไม่พูดเขาเองก็ไม่รู้สึกตัวว่ามีคนอยู่
“ข้าว่าไม่ใช่ คนในครอบครัวนักล่าจะวิ่งออกมาคนเดียวได้อย่างไร? ทิศทางที่เขาหายไป เหมือนจะเป็กระโจมของพี่เยว่ถิงพวกเราไปดูกันเถอะ”
ทั้งสองรีบสาวเท้ายาวๆ ไปยังกระโจมของสกุลเยว่ บริเวณรอบๆ เงียบสงบราวกับไม่มีคน
“หรือพวกเราจะตาฝาด? ไม่มีใครเลยนี่นา”
หลินจงอวี้กระซิบเสียงเบา ทว่าตอนแรกนางเห็นเงาคนจริงๆแต่เหตุใดตอนนี้จึงไม่มีแล้ว
“ไม่ใช่ พวกเราลองหาดูก่อนเถิด ข้าว่าพวกเราไม่ได้ตาฝาดแน่นอน”
สายตาของนางเป็ปกติดี แล้วจะตาฝาดได้อย่างไร
มองดูรอบๆ ไม่มีเสียงใดๆ หลินเมิ้งหยาแหวกผ้าของกระโจมออกด้านในมืดสนิท มองไม่เห็นสิ่งใด
“เสี่ยวอวี้ เ้ามีหินเหล็กไฟหรือไม่?”
หลินจงอวี้หยิบหินเหล็กไฟออกมาหนึ่งคู่ หลินเมิ้งหยารับไปก่อนจะจุดไฟอย่างระมัดระวัง
แสงไฟริบหรี่ถูกจุดขึ้น ก่อนจะถูกใช้เป็แสงสว่างท่ามกลางความมืด
“พี่สาว...”
หลินจงอวี้ร้องเรียก เสียงดังขึ้นในลำคอ ดวงตาเปิดกว้างจับจ้องมองทิศทางหนึ่ง
“เป็อะไรไปเสี่ยวอวี้?”
หลินเมิ้งหยาไม่รู้ว่าหลินจงอวี้เป็อะไร หันหน้าไปมองบนเตียงก่อนจะพบร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย
เดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ที่แท้นางคือพี่เยว่ถิง
ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอกัน ท่าทางของนางเหมือนคนกำลังหลับสนิท
ชุดสีแดงสดหลุดลุ่ยยุ่งเหยิง ราวกับถูกดึงกระชากอย่างไรอย่างนั้นแม้แต่ผิวบริเวณเนินอกยังเผยออกมาให้เห็น
เพียงเดินเข้าไปใกล้ กลิ่นอายของชายหนุ่มหญิงสาวที่เพิ่งผ่านการเสพกระสันตลบอบอวล
แม้แต่สาวบริสุทธิ์อย่างหลินเมิ้งหยายังรู้แจ้งว่าเกิดเื่อะไรขึ้น
“พี่สาว นี่มัน...”
แม้หลินจงอวี้จะเข้าใจ แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็เด็กอีกทั้งเื่นี้ดูจะไม่ใช่เื่ปกติทั่วไป
“เ้าไปรอข้างนอก ห้ามให้ใครเข้ามาเด็ดขาด อีกทั้งห้ามให้ใครรู้เื่นี้”
หลินเมิ้งหยารีบจัดการปัญหาเฉพาะหน้า อยากปกป้องพี่เยว่ถิง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่หลินจงอวี้เดินออกมานอกประตูเสียงก่นด่าจะดังขึ้นที่ด้านนอก
“เด็กบ้านั่นกล้าทำเื่แบบนี้ออกมาเชียวหรือข้าจะสั่งสอนให้หลาบจำ”
เสียงของฮูหยินเยว่ดังขึ้นกระแทกหู หัวใจของหลินเมิ้งหยาเย็นเฉียบหรือฮูหยินเยว่จะรู้ดีว่าเกิดเื่อะไรขึ้น?
“เ้าเด็กน้อย หลบไป”
หลินจงอวี้ขวางทางฮูหยินหลินเอาไว้ดังนั้นทั้งคู่จึงเกิดการปะทะกัน
“ไม่ พี่สาวของข้าบอกว่าไม่ให้ใครเข้าไป”
หลินจงอวี้แสดงจุดยืนของตนเอง ไม่มีใครทำลายแนวป้องกันของเขาไปได้
หลินเมิ้งหยาไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมเขา จ้องมองพี่เยว่ถิงแต่ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
หญิงสาวที่เคยหลับสนิทค่อยๆ ตื่นขึ้นแต่หลังจากที่ได้เห็นหลินเมิ้งหยา หยาดน้ำตาพลันรินไหล
“พี่เยว่ถิง อย่าร้องไห้ เกิดเื่อะไรขึ้น บอกข้าได้หรือไม่”
พี่เยว่ถิงจะต้องไม่ได้ยินยอมอย่างแน่นอนเหตุเพราะตอนที่นางขยับเข้าไปใกล้ นางได้กลิ่นธูปหมีเซียง
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่รู้ว่าไอ้คนโรคจิตวิตถารคนไหนก่อเหตุเช่นนี้
“ข้า...ข้าไม่คู่ควรกับพี่หนานเซิงแล้ว”
น้ำเสียงอ่อนหวานเจือไว้ซึ่งความรู้สึกหัวใจแตกสลาย
หลินเมิ้งหยาไม่เคยได้ยินเสียงเ็ปเจียนตายเช่นนี้มาก่อน
ราวกับพลังชีวิตของพี่เยว่ถิงถูกใช้ออกมาหมดแล้วในคราวเดียวใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ขาวซีด
ริมฝีปากสั่นเทา ไร้ซึ่งรอยยิ้มสดใส
หลินเมิ้งหยากำหมัดแน่น ตกลงมันเป็ใครกัน?
“พี่เยว่ถิง ท่าน...พักผ่อนก่อนเถิด”
ตอนนี้หลินเมิ้งหยารู้แล้วว่าควรเข้าไปถามคำถามนี้กับใคร
