เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเพียงสิ้นเสียงพูดนางก็เลิกสายตาขึ้นมองไปยังเยวี่ยเจาหราน ในมือถือถ้วยชาว่างเปล่าใบหนึ่งหมุนมันไปมาบนโต๊ะ เยวี่ยเจาหรานได้ยินเช่นนั้น ก็หลุบตาลงเล็กน้อย พยักหน้าอย่างลืมตัว
“ที่เ้าพูด ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน” เยวี่ยเจาหรานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าในอกอัดอั้นคำพูดอื่นเอาไว้ไม่ได้เอ่ยออกมา ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเร่งร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
ท้ายที่สุดคนที่ไม่อาจเก็บซ่อนเื่ใดไว้ในใจได้อย่างเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เมื่อเห็นเยวี่ยเจาหรานพิรี้พิไรไม่ยอมพูดเสียที นางจึงร้อนใจขึ้นมา “เ้าอย่าพูดๆ หยุดๆ สิ ความคิดนี้เป็เช่นไรกันแน่ อย่างน้อยเ้าก็บอกให้ข้ามั่นใจสักหน่อยได้หรือไม่?” พูดจบเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็วางถ้วยในมือลงเลิกเล่นไปเสียเลย ความกลัดกลุ้มสะท้อนอยู่บนเรียวคิ้ว ยากจะปิดบัง
แท้จริงแล้วในใจเยวี่ยเจาหรานมีความคิดอื่นสำหรับเื่นี้อยู่ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ทั้งหมด ถึงอย่างไรสวี่ชิวเยวี่ยก็ดั้นด้นเดินทางมาไกลนัก ใจทั้งใจคิดอยากจะเบียดตัวเองเข้ามาในเรือน กลายเป็กุ้ยเชี่ยของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว อ้อ ไม่สิ ของเยี่ยนอวิ๋นเฟย และยิ่งไปกว่านั้น ในใจของนางอาจคิดว่าตนสามารถเป็ถึงภรรยาเอก และขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งนายหญิงได้เลยก็ได้
ผู้ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเช่นนี้ ทั้งยังขยันหมั่นเพียรตั้งใจลงมือทำ จะยอมจากไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร? เยวี่ยเจาหรานถอนหายใจยาว หัวคิ้วพลันขมวดเป็ปมโดยไม่รู้ตัว ในใจราวกับมีหินก้อนใหญ่อุดตันเอาไว้ กระทั่งเสียงที่เปล่งออกมาเองก็แหบแห้งไปไม่น้อย
“ที่เ้าพูดก็มีเหตุผล แต่เื่นี้หากจะทำให้สำเร็จได้ มันง่ายเสียที่ไหนกัน?” เยวี่ยเจาหรานจมดิ่งอยู่ในภวังค์ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขมวดคิ้ว ขณะกำลังจะเอ่ยปากก็ถูกเยวี่ยเจาหรานขัดจังหวะอีกครั้ง “ข้ารู้ ยามนี้เ้ามีความคิดมากมาย แต่ความยากเย็นของเื่นี้ หากคิดดูแล้ว เ้าเองก็คงรู้แก่ใจดีไม่ใช่หรือ?”
“เ้าว่าเปี่ยวเม่ยผู้นั้นของเ้าเดินทางมาไกล จุดประสงค์เพื่ออะไรกันล่ะ? หากไม่บรรลุซึ่งเป้าหมาย ข้าคิดว่านาง คงจะไม่ยอมวางมือเป็แน่” เยวี่ยเจาหรานรินชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง แต่กลับเพียงถือเอาไว้ในมือ โยกโคลงไปมาโดยไม่ได้ดื่ม แววตาของเขามองตรงไปยังเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ความกลัดกลุ้มและจนปัญญาในคำพูดนั้นเผยออกมาอย่างชัดเจน
“ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินกลบ!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วฮึดสู้ขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยว ยืนกรานที่จะยุติปัญหาของสวี่ชิวเยวี่ยผู้นี้ให้จงได้ “สามสิบหกกลยุทธ์พิชัยศึก ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่มีหนทางให้ก้าวไปได้เลย! แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ มันจะจัดการยากสักแค่ไหนเชียว!”
เยวี่ยเจาหรานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างลืมตัว แม้ว่าจะอดกลั้นไม่อยู่จริงๆ แต่ก็เป็การตีแสกหน้าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เหมือนราดน้ำเย็นใส่เสียดื้อๆ “เ้าลืมไปแล้วหรือ? นักปราชญ์ขงจื่อว่าไว้ มีเพียงผู้หญิงและคนถ่อยที่เข้าหาด้วยยาก!” ขณะที่เอ่ย เยวี่ยเจาหรานก็จงใจลากเสียงยาว เหมือนกับจะพูดให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วฟังอย่างไรอย่างนั้น
เยวี่ยเจาหรานแหงนหน้าขึ้นดื่มกากใบชาที่เย็นกำลังดี แล้วจึงเอ่ยหยอกล้ออีกครั้ง “ดูเหมือนว่าวิชาความรู้ของคุณชายเยี่ยนจะยังไม่ก้าวหน้านัก วันไหนกลับไปห้องเรียนของอาจารย์อวี้ น่ากลัวว่าคงต้องแอบหลั่งน้ำตายามค่ำคืนอีกแล้วสิ...”
“เ้า...!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ถูกคนอื่นจับจุดอ่อนย่อมรู้สึกรับไม่ได้ นางยกมือขึ้นกำหมัด พลันกำลังจะพุ่งลงไปยังเยวี่ยเจาหราน แต่กลับเห็นเยวี่ยเจาหรานลุกขึ้นถอยไปข้างหลังสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว “ท่านจอมยุทธ์ไว้ชีวิตด้วย พวกเรามาคุยเื่ที่จะส่งเปี่ยวเม่ยของเ้ากลับไปอย่างไรกันเถอะ ท่านว่าอย่างไร?”
เมื่อเห็นว่าความเร็วในการยอมรับผิดของเยวี่ยเจาหรานไม่เฉื่อยช้า ท่าทีก็จัดว่าเหมาะสมดีทีเดียว เมื่อนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงเก็บกำปั้นลงได้ นางแค่นเสียงเฮอะทีหนึ่งแล้วจึงเอ่ย “เห็นว่าท่าทียอมรับผิดของเ้าน่าพอใจ ข้าจะละเว้นเ้าสักครั้ง หากไม่ใช่เพราะวันนี้เ้าโชคดี รับรองว่าหมัดนี้ได้ส่งเ้าไปเจอบรรพชนแน่!”
เยวี่ยเจาหรานที่ยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไรราวกับโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แล้วจึงกลับลงไปยังตำแหน่งของตัวเองใหม่อีกครั้ง “ขอบคุณท่านจอมยุทธ์ที่ละเว้น ข้าน้อยซาบซึ้งไม่ลืมบุญคุณ!”
“พอแล้วๆ อย่ามาปากมันลิ้นลื่นกับข้า รีบพูดเื่ของสวี่ชิวเยวี่ยมา เ้าคิดจะทำเช่นไรกันแน่?” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วโบกมืออย่างรำคาญ แล้วเอ่ยเตือน “เื่นี้สำหรับข้าแล้ว มันไม่ใช่เื่ใหญ่อันใด อย่างไรนางก็คงไม่ก่อเื่วุ่นวายกับข้า แต่กับเ้า นางต้องทำแน่!”
“เ้าพูดเช่นนี้ ราวกับว่าตัดตัวเองออกไปแล้วเช่นนั้นแหละ?” เยวี่ยเจาหรานเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม เอ่ยขึ้นมาเช่นนั้น ครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสริม “หากให้นางเบียดตัวเองเข้ามาในเรือน และกลายเป็เมียเ้าจริงๆ เ้ากับนางจะไม่มีวันนอนด้วยกันเลยอย่างนั้นหรือ?”
ในคำพูดของเยวี่ยเจาหรานนั้นเผยความหมายอย่างชัดเจน หากว่าสวี่ชิวเยวี่ยกลายเป็สะใภ้ของจวนเยี่ยน เช่นนั้นก็จะต้องมาพัวพันกับ ‘เยี่ยนอวิ๋นเฟย’ เป็แน่ ต่อให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ยอม สวี่ชิวเยวี่ยผู้นี้ก็คงจะสรรหาวิธีการมาจนได้ จะช้าหรือเร็วสักวันหนึ่ง ความลับของจวนเยี่ยนและจวนเยวี่ยก็จะพังทลายเหมือนดั่งเรือล่มเมื่อจอด [1] เพราะสตรีเพียงคนเดียว
ถึงตอนนั้น นี่จะไม่ใช่เื่ราวความรักอันเรียบง่ายของเยวี่ยเจาหรานเพียงผู้เดียว
ทั้งบุคคล ครอบครัว และอำนาจที่เกี่ยวข้อง มันมากมายกว้างขวางเกินไป จวนเยี่ยนและจวนเยวี่ยจะห้ามปากพวกเขาได้หมดหรือ? ผลลัพธ์เช่นนี้ เยวี่ยเจาหรานไม่กล้าคิด และไม่อยากคิดถึงมันด้วย
“เ้า... เ้าหมายความว่า หากสวี่ชิวเยวี่ยได้สิ่งที่้าแล้ว น่ากลัวว่าความลับทั้งหมดจะถูกเผยสู่สาธารณะเช่นนั้นหรือ?” เมื่อนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงได้สติกลับมา เมื่อมองอารมณ์บนใบหน้าของนางอีกครั้ง ก็รู้ได้ว่านางสังเกตถึงความร้ายแรงของเื่นี้ได้แล้ว พลันเอาจริงเอาจังขึ้นมาทันใด ไม่กล้าทำเป็เล่นอีก
เยวี่ยเจาหรานสีหน้านิ่งสงบ เขาเพียงพยักหน้าอย่างลึกล้ำยากคาดเดา สื่อว่ามีความเป็ไปได้เช่นนั้น
“แต่ในเมื่อเป็เช่นนั้น ท่านแม่ของข้าจะต้องไม่ปล่อยให้สวี่ชิวเยวี่ยเข้ามาให้ตระกูลของเราแน่นอน หรือท่านแม่ข้าจะเอาชีวิตทั้งตระกูลเยี่ยนมาเป็เบี้ยพนัน ต่อกรกับเ้าหรืออย่างไร?”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเพิ่งจะพูดจบ ก็ได้รับการกลอกตาของเยวี่ยเจาหรานมาทีหนึ่ง “สิ่งใดคือต่อกรกับข้ากัน? การปรากฏของสวี่ชิวเยวี่ยนั้นถูกจัดเตรียมมาเพื่อข้าโดยเฉพาะหรือ?”
“เพ้อเจ้อ!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสบถ แล้วจึงเอ่ยขึ้น “สาเหตุที่ท่านแม่ของข้าลำบากพาสวี่ชิวเยวี่ยมาจากเจียงหนานขนาดนี้ เป็เพราะสะใภ้อย่างเ้าดื้อรั้นไม่เชื่อฟังไม่ใช่หรือ? สวี่ชิวเยวี่ยเป็ตัวหมากของท่านแม่ข้า การปรากฏตัวของนางก็เพื่อควบคุมและถ่วงดุลเ้าเท่านั้นแหละ”
“เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เมื่อไรเ้าจะร่ำเรียนให้หัวสมองอันตื้นเขินนั่นฉลาดขึ้นมาได้บ้าง?” เยวี่ยเจาหรานส่ายหน้าอย่างดูแคลน เมื่อเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังคงงุนงง จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อดาบหงิ [2] นั่นคือดาบที่มีจิติญญาเป็ของตัวเอง ปณิธานอันยิ่งใหญ่ของดาบก็เพียงพอที่จะกัดกินผู้ถือดาบแล้ว!”
ดาบเล่มหนึ่ง ยังสามารถมีจิติญญาและความคิดของตนเองได้ เช่นนั้นตัวหมากเล่า? ก็เป็ไปในทำนองเดียวกัน
หากผู้เดินหมากถูกหมากในมือแว้งกัด ก็หมดหนทางจะควบคุมตัวหมากในมืออีกต่อไป เช่นนั้นในมุมมองของคนนอก ใครเป็ผู้ควบคุม และใครกันที่เป็หมากคอยฆ่าฟันกันบนกระดานเ่าั้?
ในใจของสวี่ชิวเยวี่ยคิดคำนวณไว้มากมายเท่าใด คาดว่าคงไม่มีทางสงบเสงี่ยมเจียมตัวเป็หมากที่ดีได้ บางทีสักวันหนึ่ง หรืออาจจะเป็ตอนนี้ นางอาจคิดอยากจะเข้ามาแทนที่นานแล้วก็ได้ กลายเป็ผู้เดินหมากตัวจริง ถือกุมชะตาชีวิตของตนเอง กระทั่งควบคุมชะตากรรมของทุกผู้ในจวนเยี่ยนแห่งนี้...
คำพูดของเยวี่ยเจาหราน ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนิ่งเงียบ นางรู้ดี สวี่ชิวเยวี่ยนั้นห่างไกลจากความไร้เดียงสาไร้พิษสงอย่างมากนัก ถึงขนาดที่อาจจะร้ายกาจยิ่งกว่าใครทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ หากสักวันหนึ่ง ตัวหมากแว้งกัดเ้าของขึ้นมาจริงๆ และกลายเป็คนควบคุมทิศทางของกระดาน เช่นนั้นแล้วชะตากรรมของคนอื่นๆ ทั้งหมด ก็คงยากที่จะคาดเดา
เชิงอรรถ
[1] เรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่ (功亏一篑) มีอุปสรรคเมื่อใกล้จะสําเร็จ
[2] ดาบหงิ (鸿鸣刀) เป็ดาบอันมีชื่อเสียงในโบราณกาลในบันทึกต้งิจี้ (洞冥记) ซึ่งเป็บันทึกเื่ผีและิญญา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้