บทที่ 8: ยอดดวงใจของหลงเหมิน
"ป้าหลิว! ท่านพี่อวี้หลง... เขายังไข้สูงอยู่เลยเ้าค่ะ"
ป้าหลิวเดินเข้ามาในห้องอย่างร้อนใจ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นบุรุษแปลกหน้าในชุดหรูหราที่ยืนสงบนิ่งอยู่กลางห้อง "เอ่อ... ท่านผู้นี้คือ...?"
"ข้าเป็แขกที่เพิ่งเดินทางมาถึง" กู้เหยียนหลงตอบเสียงเรียบ "ได้ยินว่าบุตรชายของเ้าของร้านป่วยหนัก จึงเข้ามาดูเผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้ แต่ดูเหมือนจะมีคนดูแลที่ดีอยู่แล้ว... ข้าคงต้องขอตัว"
เขาหันมาสบตากับเมิ่งหรงซินเป็ครั้งสุดท้าย... แววตานั้นเต็มไปด้วยคำเตือนและคำสัญญาที่ไร้เสียง... ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว หายลับไปในความมืดของค่ำคืน
หลังจากคืนที่พายุพัดผ่านไป... รุ่งเช้าไข้ของอวี้หลงก็ลดลงราวกับปาฏิหาริย์ เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเมิ่งหรงซินที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงด้วยความอ่อนเพลีย ภาพนั้นสลักลึกลงไปในใจของเขา ความรู้สึกขอบคุณและชื่นชมได้แปรเปลี่ยนเป็ความรักใคร่ที่ลึกซึ้งโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ท่านหลงและป้าหลิวยิ่งรักและไว้วางใจเมิ่งหรงซินมากขึ้น พวกเขามอบหมายให้นางช่วยดูแลจัดการเื่ต่างๆ ในโรงเตี๊ยมมากขึ้น
เมิ่งหรงซินเองก็ตัดสินใจแน่วแน่... นางจะไม่ยอมอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไป นางจะใช้สติปัญญาและความสามารถจากชาติก่อน สร้างเกราะป้องกันให้ตัวเอง ทำให้ตัวเองมีคุณค่าจนไม่มีใครกล้ามาแตะต้อง...
ชีวิตใหม่ของนาง... ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว ณ โรงเตี๊ยมหลงเหมินแห่งนี้ โดยมีสายใยสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับชายหนุ่มสองคน... คนหนึ่งคือแสงตะวันอันอบอุ่น... ส่วนอีกคน... คือพายุรัตติกาลที่พร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่ง...
สองเดือนต่อมา... โรงเตี๊ยมหลงเหมินได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากโรงเตี๊ยมธรรมดาๆ ชานเมืองหลวง บัดนี้กลับกลายเป็จุดพักยอดนิยมที่พ่อค้าและนักเดินทาง ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้าน เป็ระเบียบ และมีประสิทธิภาพขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
หลังจากคืนที่พายุพัดผ่านไป และชีวิตของอวี้หลงปลอดภัยแล้ว เมิ่งหรงซินก็ได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจทั้งหมดให้กับการปฏิวัติโรงเตี๊ยมหลงเหมิน นางรู้ดีว่าการยอมรับชะตากรรมและอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่ใช่วิถีทางที่จะทำให้นางแข็งแกร่งขึ้นได้
อำนาจนั้นเริ่มต้นขึ้นในตลาดสดยามเช้า...
แทนที่จะให้คนครัวไปจ่ายตลาดเหมือนเช่นเคย เมิ่งหรงซินกลับลงไปเดินด้วยตนเองทุกวัน นางไม่ได้เพียงแค่ซื้อผักหรือเนื้อสัตว์ แต่นางสร้างสัมพันธ์กับเหล่าพ่อค้าแม่ขาย นางเรียนรู้ว่าแผงไหนมีปลาที่สดที่สุด เ้าไหนมีผักที่สดและใหม่ นางใช้รอยยิ้มและการเจรจาที่ชาญฉลาด (ซึ่งฝึกฝนมาอย่างดีจากชาติก่อน) ทำให้ได้วัตถุดิบที่ดีที่สุดในราคาที่เป็มิตร
จากนั้นนางก็เข้ามาปฏิวัติห้องครัว...
"เราจะทำ 'ชุดอาหารกลางวัน' สำหรับพ่อค้าที่เร่งรีบ" นางเสนอในที่ประชุมเล็กๆ กับท่านหลงและป้าหลิว "มีข้าว ซุป กับข้าวสองอย่าง และผลไม้ตามฤดูกาล จัดเป็ชุดในราคาเดียว ไม่ต้องเสียเวลาเลือกนาน"
แินี้ใหม่มากสำหรับพวกเขา แต่ก็ยอมทำตาม และมันก็กลายเป็ที่นิยมในทันที!
เมนูเด็ดของนางคือ "ไก่ขอทานสูตรหลงเหมิน" ที่นางปรับปรุงสูตรดั้งเดิมโดยใช้ใบสมุนไพรหลายชนิดที่อวี้หลงช่วยหามาให้ ห่อด้วยใบบัวสองชั้นแล้วพอกดินเหนียวเผาด้วยไฟที่ไม่แรงนัก เนื้อไก่ที่ได้จึงนุ่มชุ่มฉ่ำและหอมอบอวลจนกลิ่นลอยไปไกลสามบ้านแปดบ้าน
ชื่อเสียงของโรงเตี๊ยมหลงเหมินโด่งดังขึ้นทุกวัน... และแน่นอน... มันไปบาดตาของคู่แข่งจนได้
โรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อ ซึ่งเคยเป็โรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ เริ่มสูญเสียลูกค้าไปอย่างน่าใจหาย เถ้าแก่เฉียน เ้าของโรงเตี๊ยมผู้มีใบหน้าอูมและแววตาละโมบ ส่งคนมาสืบสูตรอาหารของนางหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุด... เขาก็ตัดสินใจใช้วิธีสกปรก
บ่ายวันหนึ่งขณะที่โรงเตี๊ยมกำลังคึกคักที่สุด ชายร่างฉกรรจ์ท่าทางเป็นักเลงสามคนก็เดินเข้ามาสั่งอาหารชุดเด็ดของร้านไป เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ หนึ่งในนั้นก็แกล้งทำหน้าเหยเก ก่อนจะคายบางสิ่งออกมาแล้วะโลั่น!
"นี่มันอะไรกันวะ! แมลงสาบ! ในไก่ของข้ามีแมลงสาบ!"
เขาชูซากแมลงสาบขึ้นให้ทุกคนดู แขกในร้านต่างพากันมองด้วยความใและรังเกียจ
"โรงเตี๊ยมสกปรกแบบนี้ใครจะกล้ากินอีก! คืนเงินมาให้หมดแล้วจ่ายค่าทำขวัญมาด้วย!" เพื่อนของมันอีกคนลุกขึ้นอาละวาด ทำท่าจะพังข้าวของ
ท่านหลงหน้าซีดเผือดกำลังจะเข้าไปเจรจา แต่มือของเมิ่งหรงซินก็แตะแขนเขาไว้เบาๆ นางส่ายหน้า แล้วเดินออกไปเผชิญหน้ากับนักเลงสามคนนั้นด้วยรอยยิ้มที่สงบนิ่ง
"พี่ชายทุกท่านโปรดใจเย็นๆ ก่อนนะเ้าคะ" นางกล่าวเสียงหวานแต่หนักแน่น "เื่นี้นับเป็ความผิดพลาดร้ายแรงของโรงเตี๊ยมเราอย่างแท้จริง"
คำพูดของนางทำให้นักเลงชะงักไปเล็กน้อย คิดว่านางยอมรับผิดแล้ว
เมิ่งหรงซินหันไปหาแขกคนอื่นๆ ในร้านแล้วโค้งคำนับ "ทุกท่านที่เป็แขกของเราในวันนี้ เพื่อเป็การขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มื้อนี้โรงเตี๊ยมหลงเหมินไม่คิดเงินแม้แต่อีแปะเดียวเ้าค่ะ!"
แขกในร้านต่างพากันพยักหน้าชื่นชมในการตัดสินใจของนาง
จากนั้นนางก็หันกลับมามองนักเลงคนนั้น จ้องไปที่ซากแมลงสาบในมือของเขา "แต่ว่า... ข้ามีเื่สงสัยอยู่อย่างหนึ่งเ้าค่ะ" นางพูดพลางเอียงคอ "แมลงสาบตัวนี้... ดูอ้วนท้วนสมบูรณ์และยังดู... 'สด' อยู่มากเลยนะเ้าคะ ไก่ของเราผ่านการเผาด้วยความร้อนสูงมาเป็ชั่วยาม ต่อให้มีแมลงสาบอยู่ข้างในจริงๆ มันก็น่าจะสุกกรอบไปแล้ว... ไม่น่าจะยังคงสภาพดีเช่นนี้ได้"
นักเลงคนนั้นหน้าเสียไปเล็กน้อย "ขะ...ข้าจะไปรู้ได้ยังไง!"
เมิ่งหรงซินยิ้มกว้างขึ้น "นั่นสิเ้าคะ... แต่ข้ารู้" นางชี้ไปที่ขาของแมลงสาบ "ที่ขาของมันมีเศษดินเหนียวสีแดงติดอยู่... เป็ดินเหนียวชนิดเดียวกับที่อยู่หลังโรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อนั่นเอง โรงเตี๊ยมของเราใช้ดินจากริมแม่น้ำซึ่งเป็สีดำ... พวกพี่ชายคงจะเดินทางมาไกลจนเหนื่อยมากสินะเ้าคะ ถึงได้เผลอทำแมลงสาบจากบ้านของตัวเองตกลงไปในชามอาหารของพวกเราได้"
สิ้นคำพูดนั้น... ทุกคนในร้านก็เข้าใจในทันที! เสียงหัวเราะเยาะและเสียงโห่ร้องขับไล่ดังกระหึ่มขึ้น!
นักเลงสามคนหน้าซีดเป็ไก่ต้ม พวกมันไม่คิดว่าเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะฉลาดและช่างสังเกตได้ถึงเพียงนี้ พวกมันรีบวิ่งหนีออกจากร้านไปเพราะเสียหน้า
เมิ่งหรงซินโค้งคำนับให้แขกทุกคนอีกครั้ง "ขอบคุณทุกท่านที่เชื่อใจ และขออภัยที่ทำให้เสียบรรยากาศนะเ้าคะ"
เหตุการณ์ในวันนั้น ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของนางโด่งดังขึ้นไปอีก ไม่ใช่ในฐานะผู้ดูแลสาวสวย... แต่ในฐานะ "พยัคฆินีแห่งหลงเหมิน" ผู้ที่ทั้งฉลาด มีไหวพริบ และกล้าหาญพอที่จะปกป้องอาณาจักรของตนเอง... นางเริ่มเป็ที่น่าสนใจมากขึ้นในสายตาของผู้คน... และแน่นอน... ในสายตาของบุรุษผู้เฝ้ามองนางอยู่จากที่ไกลๆ ด้วยเช่นกัน
ทว่า... ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นก็ย่อมดึงดูดแขกที่ไม่พึงประสงค์
แสงแดดที่สว่างจ้าในบ่ายวันหนึ่ง ขบวนรถม้าหรูหราพร้อมบ่าวไพร่ติดตามกลุ่มใหญ่ได้มาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยม คุณหนูจิน บุตรสาวเพียงคนเดียวของเสนาบดีกรมพิธีการก้าวลงมาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง นางกวาดตามองรอบๆ ด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะสั่งให้คนจับจองห้องพักที่ดีที่สุด
"นี่น่ะรึชาขึ้นชื่อของพวกเ้า? กลิ่นจืดชืดเช่นนี้ให้ข้าบ้วนปากยังไม่เอาเลย!" นางตวาดลั่น หลังจากจิบชาที่เมิ่งหรงซินนำไปเสิร์ฟด้วยตัวเอง
เมิ่งหรงซินยิ้มรับอย่างใจเย็น "ต้องขออภัยคุณหนูจินด้วยเ้าค่ะ ชา 'หอมหมื่นลี้' ของเราเป็ชาป่าที่ชาวบ้านเก็บมา รสชาติอาจจะเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเหมือนชาในวังหลวงที่คุณหนูคุ้นเคย"
คุณหนูจินแค่นเสียง "รู้ตัวก็ดีแล้ว! แล้วอาหารเล่า? ได้ยินว่ารสชาติเลิศล้ำนักหนา รีบยกมาให้ข้าชิมสิ หากไม่ถูกปาก ข้าจะสั่งให้คนมาพังร้านของพวกเ้าทิ้งเสีย!"
เมื่ออาหารถูกยกมา คุณหนูจินก็แกล้งทำช้อนตกพื้น แล้วจ้องมาที่เมิ่งหรงซิน "ตาบอดรึไง? ไม่เห็นรึว่าช้อนข้าตก! หรือคิดว่าข้าจะต้องก้มลงไปเก็บเอง!"
แขกคนอื่นๆ ในร้านเริ่มมองมาเป็ตาเดียว รอชมว่าสาวน้อยผู้จัดการโรงเตี๊ยมจะทำอย่างไร
เมิ่งหรงซินไม่แสดงอาการโกรธเคืองแม้แต่น้อย นางยิ้มหวานกว่าเดิม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังพอให้ทุกคนได้ยิน "ต้องขออภัยในความซุ่มซ่ามของข้าด้วยเ้าค่ะที่วางช้อนไม่ดีจนทำให้ตกลงพื้นได้" นางหันไปสั่งเด็กรับใช้ "เสี่ยวเอ้อ นำช้อนคันใหม่มาให้คุณหนู... อ้อ แล้วนำช้อนที่ 'ตกพื้น' นั่นไปล้างให้สะอาดเอี่ยมด้วยล่ะ อย่าให้มีธุลีดินติดแม้แต่น้อย เพราะของสูงค่าอย่างของคุณหนูจิน ต่อให้ตกพื้นแล้วก็ยังมีค่ายิ่งกว่าของใหม่ของคนธรรมดา"
คำพูดนั้น... ทำให้คุณหนูจินหน้าชาวาบ! มันเป็การยกยอนาง แต่ในขณะเดียวกันก็เหน็บแนมอย่างเจ็บแสบว่านางเื่มาก และตอกย้ำว่าช้อนนั่นเป็ของนางที่ทำตกเอง แขกในร้านหลายคนเผลอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
คุณหนูจินโกรธจนหน้าเขียว แต่ก็เถียงไม่ออกเพราะจะยิ่งทำให้ตัวเองดูแย่ลงไปอีก ได้แต่กระทืบเท้าปึงปังแล้วเดินหนีขึ้นห้องไป
เื่ราวในวันนั้นกลายเป็หัวข้อสนทนาที่ถูกเล่าขานกันปากต่อปาก จากเดิมที่ร่ำลือกันว่าโรงเตี๊ยมหลงเหมินมีสาวงาม บัดนี้ได้เพิ่มเื่ราวของ "สาวที่ทั้งฉลาดและมีไหวพริบปฏิภาณเป็เลิศ" เข้าไปด้วย ชื่อของ "แม่นางหรงซิน" เริ่มเป็ที่รู้จักในวงสังคมของเมืองหลวงเยี่ยนจิง... เป็เป้าสายตาของบุรุษมากมาย... และแน่นอน... เป็หนามยอกอกของสตรีอีกหลายคน
ตกเย็น อวี้หลงเดินเข้ามาหานางด้วยสีหน้ากังวล "หรงซิน... เ้ากล้ามากที่ไปต่อกรกับคุณหนูจิน แต่นางเป็ถึงบุตรสาวเสนาบดี..."
เมิ่งหรงซินมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของนางทอประกายมุ่งมั่น "ท่านพี่อวี้หลง... หากเรายอมให้คนรังแกเราได้ครั้งหนึ่ง ก็จะมีครั้งต่อไปไม่สิ้นสุด" นางหันมายิ้มให้เขา "บางครั้ง... การแสดงให้พวกเขารู้ว่าเราไม่ใช่กระต่ายน้อยที่เชื่องๆ ... คือการป้องกันตัวที่ดีที่สุดแล้วเ้าค่ะ"
รอยยิ้มและแววตาที่ฉลาดหลักแหลมของนาง ทำให้อวี้หลงใจเต้นแรง... และเขาก็รู้ในวินาทีนั้นว่า... สตรีตรงหน้านี้ ไม่ใช่แค่คนที่เขาอยากจะปกป้อง... แต่นางคือคนที่สามารถยืนหยัดเคียงข้างเขา... หรือแม้แต่... ยืนอยู่เบื้องหน้าเพื่อปกป้องทุกคนได้เช่นกัน.!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้