เซี่ยเสี่ยวหลานนอนหลับอย่างสนิทจนถึง 6 โมงเช้า
นี่เป็เวลาตื่นนอนที่เธอชินเสียแล้ว
กำหนดการของการสอบคัดเลือกรอบแรกเหมือนกับเกาเข่า มันคือการซักซ้อมของเกาเข่านั่นเอง วิชาแรกที่สอบคือวิชาภาษาจีน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้นำหนังสือมา อาจารย์ฉีเคยให้เอกสารความรู้แก่เธอหนึ่งชุด เกร็ดความรู้ที่จำเป็ต้องท่องจำขึ้นใจอย่างถ้อยคำสำนวนชื่อดังของยอดนักประพันธ์ซึ่งทำคะแนนได้ง่ายที่สุดถูกเขียนไว้ในนั้นทั้งหมด เอกสารชุดนี้ไม่ใช่แค่เซี่ยเสี่ยวหลานที่มี นักเรียนเตรียมสอบที่อาจารย์ฉีสอนล้วนมีกันทุกคน
เอกสารทบทวนชุดเดียวกัน ทว่าผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานล้างหน้าบ้วนปากเช่นเคย รับประทานอาหารเช้าง่ายๆ ดูไม่แตกต่างจากเวลาปกตินัก
ในขณะที่ซุนเถียนดูประหม่ามาก รอยคล้ำใต้ตาปรากฏขึ้นมา แค่เห็นก็รู้ว่านอนไม่หลับ
“ครูซุน ครูอย่าประหม่าไปเลย ฉันจะทำให้เต็มที่ค่ะ”
ซุนเถียนพยักหน้า เธอประหม่าเสียที่ไหนกันเล่า เป็เพราะตลอดเมื่อคืนวานเธอเอาแต่ครุ่นคิดถึงเป้าหมายของจ้าวกัง เอาแต่นึกถึงผลลัพธ์อันเลวร้ายหากจ้าวกังลอบเข้าห้องสำเร็จ เหงื่อกาฬของซุนเถียนไม่เคยแห้งเหือดเลย ถ้าเกิดเื่อะไรขึ้นจริง ซุนเถียนจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตอย่างแน่นอน
ตอนนี้เธอก็รู้สึกผิดมากแล้ว ทว่าไม่กล้าแสดงออกมา และยังต้องคุมสตินิ่งสงบต่อหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานอีกด้วย
เพียงแต่การแสดงช่างเงอะงะเหลือเกิน ความกังวลถูกละเลงเต็มใบหน้า
หันกลับมามองทางหลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยน เื่จิ๊บจ๊อยสร้างความกระทบกระเทือนไม่ได้ อย่างไรเสียก็ควบคุมตัวแล้ว จับมัดและยัดไว้ใต้เตียงของพวกเขา หลังคุณผู้หญิงเซี่ยสอบเสร็จค่อยซักฟอกช้าๆ ทีหลัง
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้คิดว่าความกังวลของซุนเถียนจะเกี่ยวข้องกับตนเองด้วยซ้ำ แถมยังปลอบใจซุนเถียนแทนอีกด้วย
เธอได้พักผ่อนในบ้านพักข้างเฟิ่งเสียนซานจงหนึ่งคืนเต็ม ในขณะที่นักเรียนคนอื่นต้องขึ้นรถรับส่งั้แ่เช้า นั่งรถส่ายไปส่ายมาถึงหน้าประตูซานจง มีนักเรียนคนหนึ่งเมารถด้วย ลงจากรถก็อาเจียนอันที ใบหน้าซีดเผือด ร้องไห้เป็วรรคเป็เวรใส่เหล่าวัง
“ครูวัง หนู หนูยังจะสอบได้อย่างไรกันล่ะคะ?”
ลมเหม็นเปรี้ยวในกระเพาะอาหารตีขึ้นมาเป็ระยะ พอคิดว่าต้องเข้าห้องสอบด้วยอาการแบบนี้ก็ประหม่า ยิ่งประหม่าอาการก็ยิ่งชัดเจน วนเวียนเป็วงจรอุบาทว์เลยทีเดียว
เหล่าวังจนปัญญา
เซี่ยเสี่ยวหลานยื่นกระบอกน้ำที่ตนเองเตรียมนำเข้าห้องสอบไป
“กลั้วคอก่อน รอให้ความรู้สึกเมารถมันหายไปก็พอ เมื่อรู้ว่าตัวเองเมารถแล้ว เวลานั่งรถคราวหน้าพกของรสเปรี้ยวติดตัวไว้บ้าง กินตอนเริ่มวิงเวียน บรรเทาอาการได้ผลดีเชียวล่ะ... ใช่แล้ว กลั้วคอ หลังจากนั้นจิบน้ำ เธอแค่พักผ่อนสักครู่ก็หายแล้ว จะไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น!”
เซี่ยเสี่ยวหลานใจเย็นยิ่งนัก อารมณ์ของเธอส่งอิทธิพลต่อนักเรียนหญิงที่ร้องไห้อยู่
“ขอบใจ ขอบใจนะ!”
นักเรียนเซี่ยเป็คนดีเหลือเกิน ทั้งที่นักเรียนหญิงเมารถคนนี้ไม่ได้อยู่ห้อง 3 เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คุ้นเคยกับเธอแม้แต่น้อย แต่ก็ยังอุตส่าห์ช่วยดูแล
วิธีการสอนของนักเรียนดีเด่น มักไม่เหมือนคนอื่นสินะ?
นักเรียนหญิงซึมซับความเป็ระบบระเบียบของเซี่ยเสี่ยวหลาน ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง ควบคุมการหายใจของตัวเอง พอกลั้วคอและดื่มน้ำ กลิ่นเหม็นในปากก็ไม่มีอีกแล้ว ร่างกายรู้สึกเหมือนจะสบายขึ้นด้วย ติดแค่ยังเหนื่อยล้าเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เป็ไรหรอก นักเรียนเซี่ยบอกว่าจะไม่เกิดเื่อะไรขึ้นทั้งนั้น เธอต้องผ่านการสอบภาษาจีนสนามแรกอย่างแน่นอน!
หน้าประตูซานจงมีร้านค้าอยู่ เซี่ยเสี่ยวหลานวิ่งไปซื้อลูกอมบ๊วยมาหนึ่งห่อ ส่งให้นักเรียนที่เมารถ
“เธอลองคิดดูนะ โชคดีที่รู้ว่าตัวเองเมารถตอนสอบคัดเลือก ถ้าเป็เกาเข่าก็แย่เลย สอบคัดเลือกไม่จำเป็ต้องคะแนนสูง เพียงผ่านเกณฑ์ก็พอ แถมวิชาแรกคือภาษาจีนด้วย เราทบทวนพวกเกร็ดความรู้สำคัญอยู่ตลอดเวลานี่นา ไม่มีทางกระทบต่อการทำข้อสอบหรอก”
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดหนึ่งประโยค นักเรียนหญิงก็พยักหน้ารับหนึ่งที
เพื่อนเสี่ยวหลานพูดจาได้มีเหตุผลมาก และเพื่อนเสี่ยวหลานช่างอ่อนโยนจริงๆ
ในเวลาต่อมา นักเรียนหญิงรู้สึกว่าการเมารถไม่ใช่เื่ร้ายแรงอะไรเช่นกัน ความไม่สบายกายแค่นี้ เธอสามารถเอาชนะมันได้อยู่แล้ว! ดูเพื่อนเซี่ยเสี่ยวหลานสิ เรียนหนังสือด้วยตนเองที่บ้าน คนเขาก็ยืนหยัดเสมอมาได้ไม่ใช่หรือ?
นักเรียนเสี่ยวหลานมีคุณธรรมสูงส่ง เอื้อเฟื้อช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนคนอื่นบ่อยครั้ง
หัวใจของซุนเถียนราวกับโดนทอดในกระทะ เธอควรแจ้งเื่เกี่ยวกับจ้าวกังแก่อาจารย์วัง ทางโรงเรียนจะได้จัดการจ้าวกังอย่างจริงจัง!
เธอต้องสำนึกทบทวนความผิดของตนเองเหมือนกัน การกระทำของเธอเปิดให้จ้าวกังฉวยโอกาสทำเช่นนั้น
หลี่ต้งเหลียงรั้งเธอไว้ “ครูซุน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะนัก รอสอบเสร็จค่อยจัดการทุกเื่ดีกว่า”
‘สอบคัดเลือกรอบแรก’ สำคัญมากขนาดไหน หลี่ต้งเหลียงััไม่ได้ แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำคัญสำหรับคุณผู้หญิงเซี่ยอย่างเห็นได้ชัด มิเช่นนั้นคงไม่จ้างพวกเขาสองคนมาจากหยางเฉิงเพื่อคุ้มครองโดยเฉพาะ ใครคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์รบกวนการสอบของคุณผู้หญิงเซี่ยทั้งสิ้น แม้จะเป็อาจารย์ในโรงเรียน หรือต่อให้จุดประสงค์คือการทำเพื่อคุณผู้หญิงเซี่ย
อาจารย์ซุนอายุน้อยอ่อนประสบการณ์ในการรับมือกับปัญหา หลี่ต้งเหลียงอยากพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างเป็เื่เป็ราวเสียหน่อย
“ครูซุน คุณจำเป็ต้องอดทนผ่านสองวันนี้ไปก่อน คุณทำเป็ว่าเมื่อคืนวานไม่ได้เจอคนคนนั้นก็แล้วกัน”
เหล่าวังขอให้ทุกคนตรวจสอบบัตรประจำตัวเข้าสอบ จากนั้นก็ปล่อยนักเรียนอีจงเข้าห้องสอบ
เซี่ยเสี่ยวหลานพบห้องเรียนที่เธอจะสอบ บังเอิญอยู่ห้องเดียวกับนักเรียนหญิงเมารถคนนั้นพอดี ผลกระทบจากการเมารถแทบไม่เหลือแล้ว ทั้งยังมีเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ อีกฝ่ายถึงใจเย็นลงได้อย่างเต็มที่
“นั่งที่ให้เรียบร้อย! หลังได้ข้อสอบไม่อนุญาตให้พูดคุย ไม่อนุญาตให้ชำเลืองมองไปทั่ว ไม่อนุญาตให้กระซิบกระซาบต่อกันด้วย... ถ้าทำการทุจริตและถูกจับได้ พวกเราจะแจ้งไปยังโรงเรียนกับสำนักงานการศึกษาแน่ นี่คือปัญหาที่ร้ายแรง อนาคตของพวกเธอจะพังทลายหมด! หากมีคำถามอะไรระหว่างการสอบ ต้องยกมือถามครู ครูอนุญาตแล้วถึงพูดได้ ก่อนสอบใครจะเข้าห้องน้ำก็รีบไปเสีย ระหว่างการสอบไม่อนุญาตให้เข้าห้องน้ำ เมื่อออกจากห้องสอบก็ถือว่าพวกเธอส่งกระดาษคำตอบแล้ว!”
การสอบคัดเลือกรอบแรกไม่ได้จัดทั่วประเทศ แต่เป็การสอบที่มณฑลอวี้หนานจัดขึ้น
ไม่เข้มงวดเท่าเกาเข่า และผู้เข้าสอบในหนึ่งห้องเรียนก็เยอะกว่าตอนสอบเกาเข่า ดังนั้นใครคอยาวหน่อย ก็ยังพอมองเห็นคำตอบของคนด้านข้างได้ ทว่าการทุจริตเช่นนี้ช่างไร้คุณค่ายิ่งนัก กระทั่งสอบคัดเลือกรอบแรกยังต้องอาศัยการโกงถึงจะสอบผ่าน เป็ที่ประจักษ์แล้วว่าเกาเข่าในอีกสองเดือนให้หลังก็ไม่มีทางสอบได้
เมื่ออาจารย์คุมสอบกล่าวจบ คนบางส่วนก็รู้สึกปวดปัสสาวะ พอมีคนแรกวิ่งไปเข้าห้องน้ำ คนอื่นจึงเป็ไปด้วยเช่นกัน
สาเหตุยังคงเป็เพราะประหม่ามากเกินไป เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เย้ยหยันคนอื่น เธอแค่รอคอยกระดาษคำตอบเงียบๆ
หากเป็ไปได้ เซี่ยเสี่ยวหลานจะพยายามสุดความสามารถเพื่อสอบให้ได้คะแนนสูงอยู่ดี นี่เป็การให้ยากระตุ้นหัวใจแก่โรงเรียน [1] ทางโรงเรียนมอบการดูแลที่แตกต่างจากนักเรียนคนอื่นให้เธอ เธอก็ควรใช้คะแนนดีมาตอบแทน
คะแนนของการสอบคัดเลือกรอบแรกจะเรียงอันดับทั่วทั้งมณฑล
แม้ว่าวิชาภาษาจีนคือจุดอ่อนของเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่เมื่อข้อสอบมาถึง หัวข้อแรกกลับไม่ได้ยากเย็นสำหรับเธอดั่งที่คิดไว้
ระบุเครื่องหมายกำกับเสียงให้คำศัพท์
สิ่งนี้เทียบเท่ากับการทดสอบว่าภาษากลางตรงตามมาตรฐานหรือไม่ ผู้เข้าสอบที่ชินกับการใช้ภาษาถิ่นอาจงุนงง ทว่าสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นง่ายดายมากจริงๆ ชาติก่อนตอนเธออายุสิบกว่าปีพูดจาติดสำเนียงท้องถิ่น ต่อมาดิ้นรนทำงานเลี้ยงชีพอยู่ในโลกภายนอก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ชั้นนำ ถ้าไม่ใช้ภาษากลางที่ตรงตามมาตรฐาน พอเอ่ยปากจะถูกหัวเราะเยาะ เซี่ยเสี่ยวหลานพยายามฝึกฝนอย่างหนัก แม้แต่ความยากในการพูดภาษาอังกฤษก็ฟันฝ่ามาแล้ว นับประสาอะไรกับสำเนียงมาตรฐานของภาษาแม่
โจทย์ข้อแรกผ่านไปอย่างราบรื่นมาก
ข้อสอบภาษาจีนในวันนี้เป็การเริ่มต้นที่ดี เซี่ยเสี่ยวหลานขีดเขียนคำตอบของตนเอง ลื่นไหลไม่มีสะดุดตลอดการทำข้อสอบ
เธอมิอาจเอาแต่ใจเหมือนตอนทำแบบทดสอบปกติ โดยเว้นคำถามที่ทำไม่ได้ไว้เช่นนั้น อย่าว่าแต่คำตอบที่คลุมเครือ ต่อให้อาศัยการเดาสุ่มทั้งหมด เธอก็ไม่มีทางปล่อยให้กระดาษคำตอบหลงเหลือช่องว่างใดๆ จากประสบการณ์การสอบที่อาจารย์ชี้แนะไว้ในชาติก่อน อันที่จริงอาจารย์ผู้ตรวจมีความเห็นใจ ยิ่งเป็การสอบสำคัญ ยิ่งอยากลงคะแนนให้กระดาษคำตอบเพิ่มอีกหน่อย อาจารย์ตรวจข้อสอบไม่ได้ค้นหาว่าคุณตอบผิดตรงไหน พวกเขาเพียงดูว่าตรงไหนถูกต้อง ก็สามารถให้คุณได้สักหนึ่งถึงสองคะแนน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือวิชาที่มีโจทย์อัตนัยอย่างการอ่านจับใจของภาษาจีนและรัฐศาสตร์ แม้คำตอบยาวเหยียดที่คุณเขียนจะผิดทั้งหมด ก็ดีกว่าไม่เขียนมากนัก
ถ้าเว้นว่างจะไม่มีจุดได้คะแนนเลย การพิจารณาเกิดความลำเอียง ควรมีสักสองประโยคที่เฉียดกับคำตอบถูกต้อง อาจารย์ผู้ตรวจอาจไม่เสียดายคะแนนสงสารเล็กๆ น้อยๆ หรอก... ดังนั้นการส่งกระดาษคำตอบว่างเปล่าไป เป็การกระทำอันโง่เง่าอย่างแท้จริง
เชิงอรรถ
[1]เป็การเปรียบเทียบว่าให้กำลังใจ