หลินฟู่อินได้ยินเสียงบุรุษด้านนอกก็เดาว่าคงเป็ท่านหมอใหญ่สกุลหลี่ที่หลี่ฮูหยินเคยเล่าให้นางฟังว่าอยากจะหารือกับนาง
แน่นอนว่านายท่านใหญ่หลี่ก็ได้แต่ยิ้มอับจนหนทาง “แม่นางหลิน ทางนั้นคือน้องชายแท้ๆ ของข้าเอง เป็ผู้ที่มีฝีมือด้านโรคสตรีที่สุด พอได้ยินชื่อเสียงท่านก็อยากจะเดินทางไปสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ที่ชิงหยางกับท่านมานานแล้ว วันนี้โชคดีได้พบกันก่อน”
นายท่านใหญ่หลี่พูดอย่างสุภาพ หลินฟู่อินเห็นว่าเป็การพูดไปตามธรรมเนียมจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
พอเดินออกมาก็ได้เห็นบุรุษวัยกลางคนรูปร่างกลมหน้าแดงก่ำ คนสวมชุดสีกรมท่า มีเคราแพะ ดูท่าทางอารมณ์ดี
พอเห็นหลินฟู่อินเดินออกมาก็หัวเราะลั่นแล้วะโ “แม่นางหลิน ท่านเป็วีรสตรีจริงๆ!”
หลินฟู่อินรู้สึกว่าอีกฝ่ายเห็นนางเป็ ‘วีรสตรีเด็ก’ นี่ดูจะไม่ถูกต้องนัก แต่ก็คิดว่าเขาเป็คนที่น่าสนใจมาก
“ไม่กล้ารับเ้าค่ะคุณชาย” หลินฟู่อินไม่รู้จะเรียกเขาอย่างไรดี จะเรียกอีกฝ่ายว่าคุณชายก็คงไม่ผิดอะไร
“โอๆ ข้าไม่กล้าเป็คุณชายของแม่นางหรอกขอรับ ข้าสกุลหลี่คนที่แปด แม่นางเรียกข้าเหล่าปาก็ได้ขอรับ”
ฟังสำเนียงแล้ว ผู้ชายคนนี้พูดว่าให้นางเรียกเขา ‘พ่อ’ [1] เฉยเลย… นางกลั้นหัวเราะจนหน้าสั่น
สุดท้ายนางก็ยังเรียกเขาว่า ‘คุณชายแปด’ อยู่ดี
คุณชายแปดทนพูดจาอ้อมค้อมไม่ไหว จึงรีบเข้าเื่ทันที
เื่แรกเกี่ยวกับคุณสมบัติของต้น ‘อ้ายเฉ่า’ เห็นเขามีสีหน้าจริงจัง ดูแล้วไม่เห็นนางเป็เด็กแม้แต่น้อย
หลินฟู่อินชอบคนตั้งใจทำงานเช่นนี้ จึงได้บอกทุกสรรพคุณที่รู้ของอ้ายเฉ่าออกไปอย่างละเอียด
ได้ยินแล้วคุณชายแปดก็พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นจึงถามถึงสรรพคุณของ ‘กัญชาเทศ’ ต่อ
หลินฟู่อินยังคงบอกเขาจนหมดสิ้น ทั้งยังเสริมตำรับยาและสมุนไพรที่มีสรรพคุณเข้ากันอีกหลายอย่าง
คุณชายแปดเกาหัวเกาแก้มด้วยความยินดี ขอบคุณนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ที่จริงทั้งสองมาถึงห้องรับรองนานแล้ว นายท่านผู้เฒ่ากับคนอื่นๆ ของสกุลหลี่ต่างก็นั่งมองหลินฟู่อินกับคุณชายแปดยืนคุยกันเื่ตัวยาต่างๆ ล้วนแต่ฟังด้วยความตั้งใจไม่เอ่ยขัดบทสนทนาแม้แต่น้อย
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็ตระกูลหมอหลวง เป็เื่ยากที่จะได้พบกับความรู้ทางการแพทย์ใหม่ๆ ที่ทำให้สนใจได้ แต่แม่นางหลินผู้นี้กลับเต็มไปด้วยความรู้แปลกใหม่ ทำให้กระหายที่จะเรียนรู้
ดังนั้นเมื่อเห็นหลินฟู่อินใจกว้างชี้แนะเช่นนี้ทุกคนย่อมกางหูฟังเต็มที่
พอหลินฟู่อินกับคุณชายแปดคุยกันจบ นายท่านผู้เฒ่าหลี่ก็ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณหลินฟู่อิน ถึงกับเอ่ยปากเรียกนางว่าเป็ ‘ผู้มีจิตใจของหมอ’ นับเป็การชื่นชมอย่างสูงจากชายชรา
นายท่านผู้เฒ่าหลี่คุยกับนางอีกสักพักหนึ่ง นายท่านใหญ่หลี่ก็เดินเข้ามารายงาน “ท่านพ่อ น้องสาวสบายดีขอรับ เพียงแต่เหน็ดเหนื่อยจนหลับไปเท่านั้น”
นายท่านผู้เฒ่าหลี่พยักหน้าก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายนั่งลง จากนั้นก็มองหน้าหลินฟู่อิน “ผู้ชราได้ยินจากสะใภ้เล็กว่าแม่นางหลินมีธุระมากมายต้องทำในชิงหยาง แต่ยังเดินทางมาทำคลอดให้ลูกสาวข้าแม้จะยุ่งวุ่นวาย ขอบคุณในความใจกว้างของท่านเป็อย่างยิ่ง!”
คำแทนตัวเปลี่ยนจากข้ากลายเป็ ‘ผู้ชรา’ แสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญต่อหลินฟู่อินเป็อย่างยิ่ง
เด็กสาวยิ้มถ่อมตน ก่อนจะมองหลี่ฮูหยิน “เื่ของหลี่ฮูหยินก็เหมือนเื่ของข้าเ้าค่ะ นายทานผู้เฒ่าอย่าได้สุภาพนักเลย”
เป็การให้เหตุผลว่าที่นางมาทำคลอดหลี่ซื่อครั้งนี้ล้วนเป็เพราะเห็นแก่หน้าของหลี่ฮูหยินทั้งสิ้น เพื่อยกย่องสถานะของหลี่ฮูหยินต่อหน้าพ่อสามี
นายท่านผู้เฒ่าหลี่แก่แล้วแต่ยังแข็งแรง แน่นอนสามารถอ่านความหมายระหว่างประโยคได้อย่างชัดเจน เขาพยักหน้าให้หลินฟู่อินด้วยรอยยิ้ม
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้นิสัยของสะใภ้เล็กคนนี้จึงได้ไม่ชอบ ยามนี้ได้เห็นด้วยสองตาของตนก็โยนอคติทิ้งไปนานแล้ว ทั้งยังดีใจที่เห็นหลินฟู่อินกับหลี่ฮูหยินสนิทสนมกัน
หลี่ฮูหยินเข้าใจสิ่งที่หลินฟู่อินกล่าวเช่นกัน จึงได้มองเด็กสาวอย่างซาบซึ้งใจ
หลินฟู่อินเห็นว่าเื่ในเมืองชิงหยางน่าจะปกติดี แต่นางไม่ได้เจอเ้าแฝดมาเจ็ดวันแล้ว นางคิดถึงแทบแย่ จึงได้ถามนายท่านผู้เฒ่าหลี่ว่าจะจัดการเื่หลี่ซื่อแม่ลูกอย่างไร
ชายชรามิได้เห็นนางเป็คนนอก จึงได้ตอบ “ให้นางพักที่นี่อีกสองสามวัน พอเดินได้แล้วค่อยให้คนพาไปจากจวนสกุลโจว ตอนนี้เราเช่าบ้านเตรียมไว้แล้ว ว่าจ้างพี่เลี้ยงกับสาวใช้แล้ว พอหมด่อยู่ไฟก็จะย้ายไปที่หมู่บ้านแถบชานเมืองชิงหยาง”
การจัดการของนายท่านผู้เฒ่าเหมาะสมมาก หลินฟู่อินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ที่บ้านข้าเองก็มีน้องสาวน้องชายสองคนอายุไม่ถึงสี่เดือนเ้าค่ะ ตอนนี้เื่พี่หญิงหลี่ลงตัวแล้ว เช่นนั้นฟู่อินต้องขออำลานายท่านผู้เฒ่า ท่านลุงและพี่ชายทุกท่านก่อนนะเ้าคะ”
ได้ยินว่านางเป็ห่วงน้องๆ ที่บ้าน นายท่านผู้เฒ่าหลี่ย่อมไม่ฝืนให้นางอยู่ต่อ มีแต่เร่งเร้าให้นางรีบออกเดินทาง
หลินฟู่อินอยากรีบกลับอยู่แล้ว จึงตัดสินใจเดินทางในวันพรุ่งนี้เลย
นายท่านผู้เฒ่าหลี่แสดงความขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเข้าเื่ “แม่นางหลิน ข้าทราบว่าท่านร่ำเรียนมาจากมารดาที่จากไป ครอบครัวท่านมีความสามารถทั้งการแพทย์และการค้า ดังนั้นข้าขอเป็ตัวแทนสกุลหลี่เพื่อทำข้อตกลงกับท่าน อีกหน่อยหากท่าน้าหาคู่ค้าในกิจการชนิดใด ได้โปรดนึกถึงพวกเราสกุลหลี่ด้วย”
คำพูดของนายท่านผู้เฒ่าหลี่เป็การประกาศอย่างถ่อมตน ตระกูลหลี่อยู่ในวงการสมุนไพรและยา มีกิจการอยู่ทั่วต้าเว่ย มีหรือจะขาดคู่ค้า?
เด็กสาวเข้าใจว่าเขากำลังแสดงความปรารถนาดี ในใจยินดีเป็อย่ายิ่ง ครั้งนี้นางเพียงมาทำคลอดให้หลี่ซื่ออย่างจริงใจ ผลสุดท้ายกลับได้สายสัมพันธ์กับสกุลหลี่
เรียกว่าทำดีได้ดีแท้ๆ
ทว่านายท่านผู้เฒ่าหลี่ยังเสริมต่ออีกประโยค “แม่นางหลิน ผู้ชราทราบว่าท่านเก่งอาจด้านโรคสตรี ทั้งยังมีฝีมือด้านการทำคลอดเป็อย่างยิ่ง หวังว่าอีกหน่อยเมื่อผู้ชราเชิญท่านไปยังเมืองหลวงเพื่อทำคลอดให้ภรรยาขุนนางทั้งหลาย ท่านจะไม่ปฏิเสธ!”
หลินฟู่อินนิ่วหน้าลงน้อยๆ ทันที ตอบไปว่าขอเพียงนายท่านผู้เฒ่าแจ้งนางล่วงหน้า จัดการธุระเสร็จแล้วนางย่อมต้องไปแน่นอน
แล้วจึงเสริม “นายท่านผู้เฒ่า ต่อให้เป็ครอบครัวคนทั่วไปที่คลอดยาก หากท่านแจ้งให้ฟู่อินทราบล่วงหน้า ฟู่อินก็จะรีบไปเ้าค่ะ”
ไม่ว่าจะรวยหรือจนต่างก็คือชีวิตทั้งนั้น
หากทำได้ นางย่อมทำอย่างเต็มที่
“แน่นอน แน่นอน!” นายท่านผู้เฒ่าหลี่ได้ยินคำของหลินฟู่อินก็หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย หลุบตาลงโดยไม่ขยับ แต่ยกน้ำชาขึ้นจิบ
คืนนั้นหลินฟู่อินกับหลี่ฮูหยินนอนในห้องเดียวกัน ให้นอนร่วมเตียงกับผู้อื่นนางไม่ชิน ดังนั้นเด็กสาวจึงเอาผ้าไปปูที่เก๋งข้างหน้าต่าง
หลี่ฮูหยินนอนบนเตียงสลักหลังใหญ่ หันหน้ามองนางแล้วพูดคุย
“ยายเฒ่านั่นถูกพี่ๆ น้องๆ ที่มีวรยุทธ์ขู่ว่าจะลากไปเจอเ้าหน้าที่จึงกลัวจนสารภาพออกมาหมดแล้ว” หลี่ฮูหยินพูดด้วยน้ำเสียงโมโห “หมอตำแยนั่นที่แท้เป็หนึ่งในหมอตำแยที่โดนสกุลโจวจ้างเอาไว้ให้มาดูครรภ์น้องสาวบ่อยๆ ั้แ่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่นายหญิงสกุลโจวตัวดีนั่นเตรียมแผนเอาไว้แล้ว พอน้องสาวคลอดเมื่อไร ไม่ว่าจะคลอดออกมาได้หรือไม่ก็ให้นางออกแรงหนักั้แ่แรก กล่าวว่าเพื่อลดอาการเจ็บ…”
หลินฟู่อินนิ่วหน้า ความจริงอาบเืเช่นนี้ นางได้แต่หวังว่าหลี่ซื่อจะไม่มีวันได้รู้ว่าสกุลโจวถึงกับใช้อำนาจตระกูลเพื่อทำร้ายตนเอง เพียงเท่านี้คนก็เ็ปมากเกินพอแล้ว
“ถึงหมอตำแยจะตั้งใจสังหารนางแต่ก็ไม่ใช่ผู้อยู่เื้ั เป็เพียงผู้ร่วมก่อการ นายท่านผู้เฒ่าจัดการอย่างไรเ้าคะ?” เด็กสาวถาม
หมอตำแยที่ไม่เห็นค่าชีวิตมนุษย์ อย่างไรก็ปล่อยให้ไปทำคลอดคนอื่นต่อไม่ได้ ไม่อย่างนั้นวันใดวันหนึ่งเกิดสังหารคนขึ้นมาเล่า?
ได้ยินหลินฟู่อินถาม หลี่ฮูหยินก็หัวเราะเสียงเย็น “นายท่านผู้เฒ่าตัดสินใจแล้ว ให้ญาติทั้งสองนำตัวนางไปยังศาลาว่าการโดยตรง สกุลโจวคงปวดหัวไปอีกหลายวัน”
ทันทีที่หมอตำแยเฒ่านั่นพูดชื่อสกุลโจวออกมา อย่างไรก็ต้องถูกเ้าหน้าที่ทางการเรียกตัวไปสอบสวนแน่ ปล่อยให้สุนัขกัดกันไปเถอะ
หลินฟู่อินรู้ว่าหากยายแก่คนนั้นพูดชื่อสกุลโจวออกมาจริง สกุลโจวต้องหาทางปิดปากคนแน่
แต่เื่นี้ไม่เกี่ยวกับนาง
คนตระกูลหลี่ก็ไม่ใช่คนไม่เอาไหน จะว่าไปแล้วหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หลานชาย มีหรือจะยอมประนีประนอมเช่นนี้
เช้าตรู่วันที่สอง หลี่ฮูหยินก็ช่วยหลินฟู่อินเก็บของ นายท่านใหญ่หลี่เป็คนยื่นตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึงเงินให้หลินฟู่อินกับมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวว่าหลินฟู่อินช่วยน้องสาวของพวกตนเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรับความขอบคุณจากสกุลหลี่ไป
หลินฟู่อินปฏิเสธไม่ได้ จากนั้นก็ถูกหลี่ฮูหยินดึงตัวไปกอดแน่น
คนที่ตามหลินฟู่อินกลับเมืองชิงหยางมีคุณชายแปดสกุลหลี่ เดิมทีคนก็ตั้งใจจะไปชิงหยางอยู่แล้ว จึงถือโอกาสนี้คุ้มกันเด็กสาวกลับบ้านด้วยเสียเลย
แน่นอนว่าสาเหตุหลักที่คุณชายแปดเดินทางไปชิงหยางไม่ใช่แค่เพราะอยากสนทนากับหลินฟู่อินอย่างเดียว แต่เป็เพราะสกุลหลี่ค้นพบว่าตอนนี้สมุนไพรของเป่ยหรงเริ่มเข้ามาในเมืองชิงหยางมากขึ้น บุตรชายคนเล็กของเขามีรากฐานอยู่ที่ชิงหยาง จึงตั้งใจส่งคุณชายแปดไปก่อนเพื่อเป็แนวหน้า
หากเป็ไปได้ด้วยดี ย่อมสามารถตั้งฐานกิจการวัตถุดิบยาขนาดใหญ่ในชิงหยางได้
แม้อาจเป็การเบียดบังกิจการของบุตรชายคนเล็กไปบ้าง แต่ก็เป็เื่สำคัญของทั้งสกุลหลี่
ส่วนหลี่ฮูหยินนั้นอยากจะอยู่ที่ชิงเหลียนต่อเพื่อดูแลน้องสามีใน่อยู่ไฟหลังคลอด จึงไม่ได้กลับพร้อมหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินขึ้นรถม้าของคุณชายแปดพร้อมเ้าตัว ก่อนจะเคลื่อนตัวออกเดินทางกลับเมืองชิงหยางภายใต้สายตาของสกุลหลี่
เห็นรถม้าจากไปแล้ว นายท่านผู้เฒ่าหลี่ก็หันไปพูดกับบุตรชายคนโตที่อยู่ข้างกาย “ปล่อยข่าวเื่แม่นางหลินสามารถจัดท่าเด็กในครรภ์ให้พ้นท่าอันตรายได้ เชื่อว่าด้วยวิสัยทัศน์ของแม่นางหลิน สักวันคนต้องมาที่ชิงเหลียนแน่นอน”
“ขอรับ ข้าจะส่งคนไปจัดการตามนี้” นายท่านใหญ่หลี่รับปาก แต่ยังถามกลับด้วยความลังเล “จะหยั่งรากในเมืองชิงเหลียนนี้ไม่ง่าย แม่นางหลินก็ยังเป็เช่นนี้ ตัวเล็กทั้งพื้นฐานยังไม่ดีนัก…”
“จำไว้ อย่ารังแกคนหนุ่มสาว!” นายท่านผู้เฒ่าหลี่เงยหน้าขึ้น ดวงตาเจิดจ้ายามกล่าวตักเตือน แล้วกล่าวเสริม “ให้น้องๆ เ้าอยู่ที่นี่ไม่กี่คนก็พอ ที่เหลือกลับไปที่จวนได้ ทั้งกิจการที่มี ทั้งโรงหมอต่างก็้ากำลังคนทั้งนั้น”
นายท่านใหญ่หลี่พยักหน้าหนักแน่นแล้วจากไปทำงาน
นายท่านผู้เฒ่าหลี่มองตามทิศที่รถม้าของหลินฟู่อินจากไปอีกครั้ง จากนั้นจึงนำทุกคนกลับเข้าเรือนของหลี่ซื่อไป
นับั้แ่ที่สกุลหลี่สกุลโจวฉีกหน้ากันไปวันนั้น พวกเขาก็ไม่เคยเห็นคนของสกุลโจวอีกเลย
ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าโจวรู้ว่าสกุลหลี่ส่งหมอตำแยที่ปองร้ายหลี่ซื่อไปยังศาลาว่าการ นางก็โมโหยิ่งนัก ส่งบุตรชายคนโตไปที่นั่นพร้อมของขวัญมากมาย
ส่วนเื่ข้อตกลงนั้นไม่มีใครเห็นย่อมไม่ทราบว่าเป็อย่างไร
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่กล้ายั่วยุโทสะนายท่านผู้เฒ่าหลี่ ได้แต่หวังว่าคนจะรีบพาหลี่ซื่อออกไปจากจวนสกุลโจวโดยเร็ว
หลินฟู่อินรีบร้อนเดินทาง ครั้งนี้นางก็ลืมส่งจดหมายให้หลิวฉินอีกแล้ว แน่นอนว่านางไม่ได้ส่งจดหมายถึงหวงฝู่จินเพราะครั้งนี้นางไม่ได้คิดอะไรมาก
ขากลับนี้หัวใจนางมีแต่จะลอยไปหาน้องๆ สองคนที่บ้าน
ครึ่งวันต่อมานางก็มาถึงเมืองชิงหยาง หลินฟู่อินไม่เสียเวลาแวะตัวเมือง แต่ตรงดิ่งกลับหมู่บ้านหูลู่โดยตรง แน่นอนว่ายังเป็รถม้าของคุณชายแปดที่พาตัวนางกลับไป ขณะที่เ้าของรถม้าเดินเท้าไปยังร้านยาสกุลหลี่แทน
หลินฟู่อินกลับถึงหมู่บ้านหูลู่ด้วยรถม้าเช่นนี้ดึงดูดความสนใจจากผู้พบเห็นและชาวบ้านยิ่งนัก แต่เพราะก่อนหน้านี้ย่าหลี่เคยพูดไปแล้วว่ามีตระกูลใหญ่ในเมือง้าเชิญหมอหญิงไปตรวจสตรีที่บ้านจึงจะไม่กลับบ้านหลายวัน ตอนนี้เห็นหลินฟู่อินนั่งรถม้าดีๆ กลับมา คนพวกนี้ก็ทราบแล้วว่าเด็กสาวคงดูแลคนรวยพวกนั้นเป็อย่างดี หาไม่มีหรือตระกูลใหญ่จะส่งรถม้าพานางกลับมาถึงบ้าน
พอเห็นหลินฟู่อินลงจากรถม้า คนเหล่านี้ก็ร้องทักนางด้วยความกระตือรือร้นปนอิจฉา
พอเห็นชาวบ้านเหล่านี้ หลินฟู่อินก็ยิ้มทักทายทุกคนอย่างอบอุ่น
ยิ่งเห็นเด็กๆ วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังร้องเรียกพี่ฟู่อินๆ รอยยิ้มนางก็ยิ่งกดลึก นึกขึ้นได้ว่ายังมีถุงขนมถั่วตัดในสัมภาระที่หลี่ฮูหยินจัดให้เพื่อให้นางกินเล่นระหว่างเดินทาง
แต่นางไม่ชอบของหวานจึงไม่ได้แตะต้องมัน
เด็กสาวหยิบเอาถุงขนมใบใหญ่ออกมาเปิดก่อนจะแจกจ่ายให้เด็กๆ ที่เข้ามารายล้อม ทำให้แต่ละคนดีอกดีใจราวกับได้ฉลองปีใหม่ก็ไม่ปาน
บางคนพอเห็นบุตรตนเองได้รับขนมจากหลินฟู่อินก็รีบกล่าวขอบคุณนางทันที
เพราะขนมถั่วตัดราคาแพงและหายาก มีแต่ตระกูลใหญ่ในเมืองที่จะซื้อไหว กระทั่งในเมืองชิงหยางก็ยังแทบไม่มีใครซื้อ
ย่าหลี่ได้ยินเสียงเอะอะของเด็กๆ อยู่หน้าประตูบ้านก็เดาว่าหลินฟู่อินคงกลับมาแล้ว แม้อีกฝ่ายจะบอกว่าคงไปราวๆ สิบวัน แต่ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้หากหลี่ซื่อคลอดก่อนกำหนด
แต่กลับไม่มีข่าวส่งมาว่าเด็กคลอดก่อนกำหนด
ทำให้ย่าหลี่นึกสงสัย ทันทีที่เปิดประตูออกมาก็เห็นหลินฟู่อินยืนอยู่หน้าประตู กำลังแบ่งขนมให้เด็กๆ รอยยิ้มตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของย่าหลี่ นางก้าวออกมารับหลินฟู่อินแล้วร้องทัก “ฟู่อิน เ้ากลับมาแล้ว”
หลินฟู่อินหันไปกอดย่าหลี่แล้วยิ้ม “ท่านย่า ข้ากลับมาแล้วเ้าค่ะ ที่บ้านเป็อย่างไรบ้าง?”
“ดี ทุกอย่างไม่มีปัญหา” ย่าหลี่ไม่กล้ากอดเด็กสาวต่อหน้าผู้อื่น สีหน้าขึ้นสีแดงก่ำแต่ยังถามอย่างภูมิใจ “นายหญิงผู้นั้นเป็อย่างไรบ้าง?”
หลินฟู่อินเห็นอีกฝ่ายจงใจถามต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้ก็ยิ้ม ตอบกว้างๆ “ดีเ้าค่ะ ทุกอย่างเป็ไปได้ดี”
“ใช่แล้ว ขอเพียงฟู่อินของเราไปหา ย่อมต้องรักษาได้แน่นอน” ความภาคภูมิใจในดวงตาของย่าหลี่ยิ่งชัดเจน หลินฟู่อินแอบหัวเราะเบาๆ มีหรือจะไม่เข้าใจความคิดของย่าหลี่
“ฟู่อิน เข้าไปดูน้องชายน้องสาวเ้าเถอะ ไม่ได้เจอหลายวัน เด็กๆ โตขึ้นไม่น้อย” ย่าหลี่ดันหลังหลินฟู่อินเข้าไปในบ้าน เป็ฝ่ายหยิบถุงขนมมาแจกจ่ายให้เด็กๆ ที่ยังไม่ได้ของแล้วพูดคุยกับชาวบ้านไปพลาง
ย่าหลี่ช่วยกันชาวบ้านให้นางแล้ว หลินฟู่อินจึงค้อมศีรษะให้คนที่มาทักทายก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไป
แม่นมฉินพาเ้าซาลาเปาสองลูกมาทักทายถึงที่
เห็นเสี่ยวเป่าดูสบายดี เด็กน้อยดูดนิ้วตัวเองจุ๊บจั๊บ มองนางด้วยดวงตากลมโต ส่วนเสี่ยวเป้ยขยับตัวยุกยิกอยู่ในอ้อมแขนของแม่นม
หลินฟู่อินเกรงว่าน้องจะตก จึงได้รีบยื่นมือไปรับเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน ทันใดนั้นเสี่ยวเป้ยก็กอดคอนาง หัวเราะน้ำลายยืดทันที
ส่วนเสี่ยวเป่าที่ตอนแรกเงียบๆ พอเห็นพี่สาวกอดแต่น้องสาวไม่ยอมกอดตนเองก็เบะปากร้องไห้ทันที
แม่นมฉินอึ้งไป รีบเปลี่ยนท่าอุ้มเด็กในอ้อมแขน แต่เสี่ยวเป่าก็ยังไม่หยุดร้อง
พอดูที่ผ้าอ้อมก็ไม่เห็นว่ามีการขับถ่ายออกมา
“เด็กคนนี้นี่ คงไม่ใช่ว่าอิจฉาที่พี่สาวเอาแต่กอดน้องสาว ไม่ยอมกอดตัวเองกระมัง?” แม่นมอดหัวเราะไม่ได้จนต้องกล่าวหยอกล้อเมื่อเห็นเสี่ยวเป่าน้ำตาไหลแหมะๆ ดวงตาเอาแต่มองหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินก็หัวเราะตาม ส่งเสี่ยวเป้ยให้กับแม่นมฉินแล้วกอดเสี่ยวเป่าต่อ นางจิ้มจมูกน้อยเบาๆ ก่อนจะยิ้มกริ่มแล้วดุเบาๆ “เ้าตัวเล็กนี่รู้จักทำตัวร้ายกาจั้แ่ยังตัวกระจิ๋ว โตขึ้นไปจะเป็อย่างไรกันนะ?”
แม่นมหัวเราะ “เด็กซนคือเด็กฉลาด เสี่ยวเป่าเป็เด็กฉลาดยิ่งนัก!”
เสี่ยวเป่าซุกหน้าเข้ากับอ้อมแขนของหลินฟู่อินไม่ยอมมองหน้านาง แต่หยุดร้องไห้แล้ว
ขณะเดียวกัน เมื่อเสี่ยวเป้ยเห็นพี่ชายอยู่ในอ้อมแขนพี่สาวก็ปรบมือน้อยๆ แล้วหัวเราะคิกคัก ไม่รู้กำลังหยอกล้อเสี่ยวเป่าหรืออย่างไร
เห็นเสี่ยวเป้ยยิ้มมีความสุข หลินฟู่อินก็รู้สึกคันยุบยิบ อดยื่นหน้าเข้าไปใกล้แก้มยุ้ยๆ แล้วจูบฟอดใหญ่ๆ ไม่ได้
เสี่ยวเป้ยหัวเราะคิกคักมีความสุขยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้จงใจหรือไม่ แต่พอหลินฟู่อินจะผละออกมา เ้าตัวเล็กก็หันหน้ามาจูบแก้มหลินฟู่อินพร้อมน้ำลายเปียกๆ
แม่นมฉินก็หัวเราะเบิกบานไปด้วย นางมองหน้าหลินฟู่อิน “แม่นาง ไม่ใช่ข้าชมเด็กที่ข้าเลี้ยงเกินไปหรอกนะเ้าคะ เพียงแต่เสี่ยวเป่าเสี่ยวเป้ยสองคนนี้ แม้จะยังเด็กแต่ฉลาดกว่าเด็กอายุเจ็ดแปดเดือนในหมู่บ้านมาก!”
หลินฟู่อินกลับคิดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ก็ต้องดูด้วยว่าใครเป็คนคลอดออกมา
ส่วนเื่ท่านแม่ของนาง หลินฟู่อินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าจะไม่ธรรมดา โชคร้ายจากโลกนี้ไปเร็ว ทั้งท่านพ่อที่รู้ความลับของท่านแม่ก็หายตัวไป หากนางอยากไขปริศนาที่อาจมีผลต่ออนาคตของนาง เกรงว่าจะไม่ง่ายเลย
แต่ถึงจะยากเพียงใดนางก็ไม่ยอมแพ้หรอก!
โดยเฉพาะเื่ความตายของท่านแม่!
ย่าหลี่ส่งชาวบ้านกลับไปแล้ว จากนั้นจึงค่อยๆ ขนสัมภาระที่หลินฟู่อินทิ้งไว้บนรถม้าลงมา
จากนั้นจึงยิ้มพูดกับนาง “คืนนี้ย่าจะทำอาหารอร่อยๆ เลี้ยงต้อนรับเ้า!”
เพราะตอนนี้ผ่านมื้อเที่ยงมาแล้ว หลินฟู่อินกับคุณชายแปดก็เลยกินอาหารแห้งระหว่างอยู่บนรถม้า
หลินฟู่อินพยักหน้ารับ
ทันใดนั้นนางก็เห็นแม่นมฉินนิ่วหน้า จึงถามออกไป “ท่านป้าฉินขมวดคิ้วทำไมหรือเ้าคะ? เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
แม่นมฉินมีท่าทีลังเล บุ้ยปากไปทางย่าหลี่ “ให้ย่าหลี่บอกเ้าเถอะ”
หลินฟู่อินหันไปมองตาม “ท่านย่า ่ที่ข้าไม่อยู่ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นเ้าคะ?”
------------------------------------------
[1] คำว่าพ่อในภาษาจีนคือ 爸爸 ในเื่คุณชายแปดให้หลินฟู่อินเรียกตัวเองว่า “เหล่าปา (老八)” ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า “เหล่าปา (老爸)” ที่แปลว่าพ่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้