ที่เซี่ยเจิงตีลงไปครั้งนี้แน่นอนว่าเป็เพราะมือเขาอยู่ไม่สุข แต่นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีความคิดอยากแต๊ะอั๋งแฝงอยู่ด้วย
ชวีเสี่ยวปอหน้าหนาชินชาไปเป็ที่เรียบร้อย อีกทั้งการถูกเซี่ยเจิงตีก้นเช่นนี้เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็เื่ใหญ่อะไร เพราะถึงยังไงเื่แบบนั้นเขากับเซี่ยเจิงก็แทบจะทำมาหมดแล้ว เพียงแค่รู้สึกว่าสภาพของตัวเองที่กำลังใส่กางเกงอยู่แค่ครึ่งเดียวนี้มันดูแปลกๆ ยังไงชอบกล ขณะนั้นชวีเสี่ยวปอจึงหันหน้าไปมาเล็กน้อย พลางยื่นขาไปทางเซี่ยเจิง :
“ช่วยฉันดึงหน่อย”
เซี่ยเจิงช่วยเขาดึงกางเกงลงมาอย่างเชื่อฟัง
เมื่อชวีเสี่ยวปอเห็นเซี่ยเจิงดึงเสร็จแล้วข้างหนึ่ง จึงยื่นข้อเท้าอีกข้างไปให้เขาโดยอัตโนมัติ ทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับว่าเขาสองคนรู้จักกันมานานหลายปี เพราะการกระทำของเซี่ยเจิงชำนาญจนดูเหมือนว่าเคยทำมาแล้วหลายพันหลายร้อยครั้งอย่างไรอย่างนั้น
ชวีเสี่ยวปอมองไปมองมาก็อดไม่ได้ที่จะก้มตัวลงไปใกล้กับเซี่ยเจิง จูบลงไปบนปลายจมูกของเขาหนึ่งที
เซี่ยเจิงผงะไปทันที ก่อนที่จะมองไปรอบๆ ราวกับเป็พฤติกรรมการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข
ส่วนชวีเสี่ยวปอก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดังอยู่พักหนึ่ง หลังจากหัวเราะจนพอใจแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า : “ตอนนี้นายคิดได้แล้วเหรอว่านี่เราอยู่ข้างนอก เมื่อกี้ตอนที่ตีก้นฉันทำไมไม่คิดฮะ นี่มันห้องลองเสื้อผ้า ไม่มีกล้องวงจรปิดหรอก”
เซี่ยเจิงััไปบนที่ที่ชวีเสี่ยวปอประทับจูบลงไป พร้อมทั้งพูดอย่างเขินอายว่า : “นายอย่าะโสิ”
ชวีเสี่ยวปอหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
เซี่ยเจิงบอกพนักงานขายให้เปลี่ยนเป็ไซซ์ที่ใหญ่กว่านี้อีกเบอร์หนึ่ง ครั้งนี้ชวีเสี่ยวปอใส่ได้พอดีเป๊ะ หลังจากเดินออกมาชวีเสี่ยวปอก็ยื่นกางเกงไปให้พนักงานขาย : “ใส่ถุงให้หน่อยครับ ผมเอาสองตัว”
พนักงานขาย : “ไซซ์เดียวกันสองตัวเลยไหมคะ? ”
ชวีเสี่ยวปอเหลือบมองเซี่ยเจิง : “ให้นายตัวหนึ่ง”
พนักงานขายเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม : “ได้เลยค่ะ” แล้วจึงหันหลังออกไปหากางเกงให้เขาทั้งคู่
เซี่ยเจิงส่ายหน้าไปมา “ฉันไม่ขาดกางเกงนะ”
“นายขาด” ชวีเสี่ยวปอเอ่ยขึ้น พร้อมทั้งขยับเข้ามาใกล้ พลางถูแขนของเขาไปมาอย่างออดอ้อน “ขาด...ตัวที่เหมือนกับฉัน” ชวีเสี่ยวปอไม่ได้พูดออกเสียงคำบางคำออกมา แต่เซี่ยเจิงมองรูปปากของเขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที
ชุดคู่
หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินช็อปปิงกันต่อ ชวีเสี่ยวปอยังใช้เหตุผลนั้นเพื่อซื้อเสื้อฮู้ดและหมวกแก๊ปที่เหมือนกันมาอีกอย่างละสองชิ้น ในตอนนั้นเองเขาถึงรู้สึกพอใจขึ้นมาแล้ว ทั้งสองคนแวะซื้อเครื่องดื่มก่อนที่จะมานั่งคุยกันบนม้านั่งยาวในโซนพักผ่อน
เซี่ยเจิงดูดโค้กเข้าไปอึกใหญ่ แต่ก็เย็นจนทำให้เขารู้สึกเสียวฟันจึงอดไม่ได้ที่จะทำเสียงซี๊ดออกมา
ส่วนชวีเสี่ยวปอกำลังคุ้ยของที่อยู่ในถุงไปมา มองดูเสื้อสองตัวที่รูปแบบเหมือนกันทุกอย่าง ไม่ได้สนใจเขา แต่เมื่อได้ยินเสียงเช่นนั้นก็คิดว่าเซี่ยเจิงคงจะไม่พอใจกับเื่นี้ เขาจึงดึงหมวกออกมาเอื้อมไปสวมไว้บนศีรษะให้เซี่ยเจิง จากนั้นก็หยิบอีกใบขึ้นมาสวมให้ตัวเอง
“ดูดีมาก” ชวีเสี่ยวปอมองดูเซี่ยเจิงอย่างละเอียด “ฉันดูดีไหม? ”
“อืม” เซี่ยเจิงพยักหน้า
“แน่นอนอยู่แล้ว” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกท้อใจแล้ว จึงพูดออกไปเสียงอ่อนเสียงหวานว่า : “ฉันเห็นคนอื่นเขาคบกัน เขาก็ใส่ชุดคู่กันทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอ? ”
เซี่ยเจิงไม่สามารถรับมือกับเขาได้เลย แต่เขากลับชอบท่าทางยิ้มโอ้อวดแบบนี้ของชวีเสี่ยวปอมากทีเดียว จากนั้นก็ทำได้เพียงเอ่ยขึ้นมาว่า : “นายนี่เก่งเื่ทำสิ่งที่พิเศษจริงๆ เลยนะ”
ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ เมื่อใกล้ถึงเวลาพวกเขาจึงขึ้นลิฟต์ไปยังโรงภาพยนตร์ที่อยู่ชั้นบน
เนื่องจากเป็วันหยุดสุดสัปดาห์ แม้ว่าจะเป็รอบดึก แต่ผู้คนที่มาดูภาพยนตร์ก็ไม่ได้น้อยลงไปเลย เซี่ยเจิงไปซื้อป๊อปคอร์นมาถังหนึ่งก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินไปยังจุดตรวจตั๋วและเข้าโรงภาพยนตร์ไปในที่สุด
“ที่นั่งของพวกเราอยู่ตรงไหนเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอเดินไปข้างหน้าพร้อมกับป๊อปคอร์นในมือพลางถามขึ้น
เซี่ยเจิงหรี่ตาลงมองไปบนตั๋วภาพยนตร์ “เดินไปข้างหน้าอีก แถวที่สิบหก ที่นั่งสิบสองกับสิบสาม”
ที่นี่เป็โรงภาพยนตร์ขนาดกลาง ที่นั่งที่เซี่ยเจิงเลือกถือว่าค่อนมาทางด้านหลังอยู่พอสมควร ทันทีที่นั่งลงชวีเสี่ยวปอก็มองไปรอบๆ แล้วจึงสะกิดเซี่ยเจิงไปเล็กน้อย พลางถามขึ้นว่า : “คงจะไม่มีคนนั่งข้างๆ พวกเราหรอกเนอะ”
.................................
ฟังดูสิ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน
สีหน้าของเซี่ยเจิงยังคงนิ่งเรียบ ทั้งยังพูดพึมพำขึ้นมาว่า : “น่าจะไม่มีหรอกมั้ง ตอนฉันซื้อตั๋วเหมือนว่าจะไม่มีนะ”
“อะไรคือเหมือนว่าฮะ” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับคำตอบนี้สักเท่าไหร่
“นายคิดให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ” ในโรงภาพยนตร์ร้อนมาก ในขณะที่พูดเซี่ยเจิงจึงถอดเสื้อคลุมออกมาวางพาดไว้บนตัก แล้วจึงพูดเสียงเบาขึ้นมาว่า : “ถึงตรงนี้จะมืด แต่ในกล้องวงจรปิดมันเห็นหมดนะ”
“บ้า”
ถูกมองออกอีกแล้ว
ก็ดูหนังอะ
ดูหนังกับแฟนด้วย
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าใน่เวลาเช่นนี้ถ้าหากไม่ทำอะไรสักหน่อยก็คงจะเสียดายน่าดูเลย... เพราะแค่ดูภาพยนตร์เพียงอย่างเดียวมีความเป็ไปได้ว่าการหลั่งฮอร์โมนบางอย่างของเขาผิดปกติไป
ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ที่นั่งตรงด้านหน้าและด้านหลังของพวกเขาก็มีคนเข้ามานั่งเป็ที่เรียบร้อยแล้ว ด้านหลังเป็คู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ส่วนด้านหน้าเป็ครอบครัวสามคน สามีและภรรยาพาเด็กชายอายุประมาณสามสี่ขวบมาด้วย
ขณะนั้นชวีเสี่ยวปอรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที พร้อมทั้งขยับเข้ากระซิบข้างๆ ใบหูของเซี่ยเจิงว่า : “จบเห่แน่”
“มีอะไรเหรอ? ” เซี่ยเจิงหยิบป๊อปคอร์นใส่ปากเขาไปหนึ่งชิ้น
ชวีเสี่ยวปอเคี้ยวๆ แล้วกลืนมันลงไป จากนั้นก็ยังคงกระซิบพูดต่อไปว่า : “ฉันน่ะ เป็คนมีััพิเศษ ถ้าตอนดูหนังแล้วมีเด็กนะ งั้นเด็กนั่นก็ต้องเป็...”
ในขณะที่ชวีเสี่ยวปอกำลังพูดอยู่ ไฟในโรงภาพยนตร์ก็ดับลง จากนั้นเด็กชายที่อยู่ด้านหน้าก็ลุกขึ้นมาทันที ทั้งยังกรีดร้องออกมาเสียงดังสนั่น
“เด็กผี” สุดท้ายชวีเสี่ยวปอก็กัดฟันพูดสองคำนั้นออกมาแล้ว
“ฉันเชื่อแล้ว” เซี่ยเจิงถอนหายใจ
พ่อและแม่ของเด็กชายที่นั่งอยู่ด้านหน้าไม่ได้มีท่าทีอะไรเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ดึงเด็กคนนั้นให้มานั่งลง
ภาพยนตร์ใกล้จะเริ่มฉายแล้ว
ชวีเสี่ยวปอและเซี่ยเจิงเองก็หยุดพูดคุยกันไปโดยอัตโนมัติ
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์จะเพิ่งเข้าฉายได้เพียงไม่นาน แต่กระแสตอบรับกลับดีมาก อีกทั้งเรตติ้งก็ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว เนื่องจากเป็เนื้อเื่ของภาพยนตร์เป็แนวสืบสวนสอบสวน ใน่เริ่มเื่สิบนาทีแรกจึงมีข้อมูลสำคัญอยู่เป็จำนวนมาก ชวีเสี่ยวปอเองก็ตั้งใจดูอย่างจดจ่อ แต่ทว่าเมื่อดูถึงฉากสำคัญของเื่ ทันใดนั้นศีรษะน้อยๆ ที่อยู่ด้านหน้าก็โผล่ขึ้นมา
ชวีเสี่ยวปอ : “ ? ? ? ” ภาพฉากนั้นแสดงขึ้นมาและผ่านไปในทันที แต่เขากลับไม่ได้ดู
เด็กชายที่ไม่มีสำนึกต่อสถานที่ส่วนรวมเลยแม้แต่น้อยะโขึ้นมาเสียงดังว่า : “พ่อครับผมอยากชิ้งฉ่อง”
ชวีเสี่ยวปอระงับความโกรธในใจของตัวเอง รอให้พ่อของเด็กคนนั้นพาออกไป
แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะได้ยินชายคนนั้นพูดขึ้นว่า : “ให้แม่ของลูกพาไปสิ”
เมื่อหญิงสาวได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที : “กำลังดูตอนสำคัญอยู่เนี่ย ลูกอั้นไว้ก่อนไม่ได้เหรอ? ”
ชวีเสี่ยวปอ : “......” นี่เขากำลังแนะนำให้เด็กฉี่รดกางเกงอยู่หรือไง
สามีภรรยาคู่นี้เกี่ยงกันไปมาอยู่พักใหญ่ เด็กชายก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นมาตลอด จนกระทั่งใกล้จะอั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้วจึงะโร้องไห้ออกมาเสียงดัง “ผมจะชิ้งฉ่อง !”
ขณะนั้นในโรงภาพยนตร์ก็เริ่มมีคนกระซิบกระซาบขึ้นมาอย่างไม่พอใจ อีกทั้งยังค่อยๆ ทยอยกันมองมาทางนี้แล้วด้วย
“นี่ !” ชวีเสี่ยวปออดรนทนไม่ไหวในที่สุด ยื่นมือออกไปตบลงบนพนักพิงของเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้า “พี่ชาย ลูกชายของพี่อั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้วไม่ได้ยินหรือยังไง? ”
ครั้งนี้เขาออกแรงตีลงไปมากอยู่พอสมควร จนทำให้ศีรษะของผู้ชายที่นั่งอยู่แถวสั่นเครือขึ้นมาครู่หนึ่ง
แต่ชวีเสี่ยวปอยังควบคุมอารมณ์เอาไว้อยู่ ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่เรียกอย่างมีมารยาทว่า “พี่ชาย” ออกไปหรอก
“เป็บ้าเหรอคุณ? ” คิดไม่ถึงว่าชายคนนั้นจะโผงผางถึงขนาดนี้ เขาตอบกลับชวีเสี่ยวปอมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
“คนที่บ้าน่าจะเป็คุณมากกว่ามั้งครับ” เซี่ยเจิงเอ่ยขึ้น “ดูแลลูกคุณให้ดีๆ ด้วยครับ”
เมื่อชวีเสี่ยวปอและเซี่ยเจิงเริ่มออกตัวเปิดประเด็น คนอื่นๆ ที่อยู่ในโรงภาพยนตร์ก็เริ่มเปิดปากพูดขึ้นมา รุมประมาณพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกว่าไม่มีมารยาท ตอนแรกชายคนนั้นก็ยังพูดต่อปากต่อคำไปสองสามประโยค แต่เมื่อหญิงสาวเห็นท่าไม่ดีเข้า จึงผลักชายคนนั้นไปหนึ่งทีให้เขารีบพาลูกชายไปเข้าห้องน้ำ
คราวนี้ถึงได้สงบลงในที่สุด