“ เ้ามันบ้าไปแล้ว!” เมื่อดึงสติกลับมา หลินกู๋หยู่ก็ผลักฉือหางออกไปทันที ด้วยใบหน้าซีดและตื่นตระหนก นางหายใจหอบ และเสียงของนางสั่น “ถ้าข้าแค่เป็ไข้ธรรมดาทั่วไปย่อมไม่เป็ไร แต่ถ้าข้าเป็ไข้ทรพิษด้วย เ้าไม่กลัวหรือ ?”
"เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็เป็เหมือนเ้าแล้วสิ..." ฉือหางรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อมองไปที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของฉือหาง หัวใจของนางก็อ่อนยวบลง เสียงของนางก็อ่อนโยนลงเช่นเดียวกัน "ถ้าเ้าติดเชื้อจากข้า แล้วโต้ซาจะทำอย่างไร?"
เขาแค่กระวนกระวายไม่้าให้หลินกู๋หยู่จากไป แต่เขากลับลืมเื่ลูกไปแล้ว
ฉือหางหันศีรษะไปมองโต้ซาซึ่งนั่งเงียบๆ อยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาพลันแข็งทื่อ
"โต้ซา เ้าไปหาท่านย่าดีหรือไม่?" ฉือหางเสียงเบาหวิว ฝ่ามือของเขาคือความอบอุ่นของนาง และความอบอุ่นก็ไหลผ่านร่างกายของเขา ร่างกายของเขาเริ่มร้อน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
โต้ซาไถลลงจากเตียงและสวมรองเท้าด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นโต้ซาใกล้เข้ามา ฉือหางก็ถอยหลังก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ "ไปหาท่านย่า บอกท่านย่าว่าพ่อกับแม่ของเ้าป่วยแล้ว ให้ท่านย่าดูแลเ้า"
“ท่านแม่?” ดวงตากลมโตของโต้ซาทอดมองร่างของหลินกู๋หยู่และพูดเบาๆ ว่า “ท่านแม่ไม่สบาย?”
เ้าจะไม่ถามพ่อของตัวเองหน่อยเหรอ? หลินกู๋หยู่หันศีรษะมองไปที่ฉือหาง ดูเหมือนว่าเขาจะมีบางอย่างผิดปกติ ทำไมหน้าของเขาถึงแดงขนาดนั้นล่ะ
"อืม" หลินกู๋หยู่มองโต้ซาด้วยรอยยิ้ม "ไปหาท่านย่า ให้ท่านย่าดูแลเ้า"
โต้ซาพยักหน้าอย่างลังเล เท้าเล็กๆ ก้าวเดินออกไปข้างนอก
หลินกู๋หยู่จะออกไปด้วย แต่ทันใดนั้นเองนางก็ตระหนักได้ว่ามือของนางถูกฉือหางจับไว้
เมื่อหันศีรษะไปมองที่ฉือหางที่ยืนอยู่ด้านข้าง พวกเขาทั้งสองคนมีความเป็ไปได้ว่าจะได้ไปยมโลกด้วยกัน แต่กระนั้นก็ตาม นางยังไม่ชินกับมันอยู่หลายส่วน นาง้าที่จะถอนมือออก
ฉือหางจับมือของหลินกู๋หยู่เดินออกไปข้างนอก นิ้วมือสิบนิ้วประสานเข้าด้วยกันอย่างเป็ธรรมชาติ
นิ้วมือผสานกัน หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของนางเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่พวกเขาทั้งสองคนเห็นโต้ซาเข้าไปในบ้านสกุลฉือด้วยตาของพวกเขาเอง จากนั้นพวกเขาก็กลับไป
หลินกู๋หยู่ถอนมือจากมือของฉือหางออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก นางเดินกลับไปที่ห้องคนเดียว ปูที่นอนทันที
ทั่วร่างกายของนางรู้สึกอึดอัดไม่สบายอย่างมาก นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเืในร่างกำลังเดือดพล่าน นางวางผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นบนหน้าผากของตันเอง
ไม่รู้ว่านางป่วยเป็ฝีดาษหรือไม่ แต่นี่เป็โรคเดียวที่นางคิดได้
ในขณะที่หลินกู๋หยู่ทิ้งตัวนอนลง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังแว่วมาจากด้านนอก หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เห็นโจวซื่อที่ห่อตัวแ่าเดินเข้ามา
เสียงของนางดังขึ้นก่อนที่เ้าตัวจะมาถึง "พวกเ้าเป็อะไรหรือไม่?"
ฉือหางช่วยหลินกู๋หยู่ห่มผ้าและก้าวถอยหลังเล็กน้อย
“ท่านแม่” ฉือหางเรียกเสียงต่ำ “กู๋หยู่ไม่สบาย ฝากโต้ซากับท่าน ขอท่านช่วยดูแลโต้ซาด้วย”
เมื่อฉือหางพูดถึงตรงนี้ เขาก็เอ่ยต่อด้วยเสียงต่ำ "ข้าก็อาจจะติดเชื้อด้วย"
ดวงตาสามเหลี่ยมกลับด้านของโจวซื่อกวาดไปทั่วร่างของหลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้ารังเกียจ นางพูดอย่างเ็าว่า "ข้ารู้ว่านางออกไปข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง ไม่ป่วยก็แปลกแล้ว เ้ากลับบ้านกับข้า ข้าจะดูแลเ้าเอง"
“ท่านแม่ ไม่เป็ไร” ฉือหางที่ยืนอยู่ด้านข้างส่ายศีรษะ แสงเงาที่ตกกระทบลงบนใบหน้าทำให้โจวซื่อมองไม่เห็นการแสดงออกทางสีหน้าของฉือหางอย่างชัดเจนนัก “ท่านแค่ช่วยพวกเราดูแลโต้ซาก็เพียงพอแล้ว!”
โจวซื่อมองใบหน้าที่ซีดเซียวของหลินกู๋หยู่ด้วยความรำคาญใจ "โยนนางออกไปเป็อาหารหมาป่าให้เร็วที่สุด ส่วนเ้ากลับมากับข้า ข้าจะดูแลเ้าเอง!"
หลินกู๋หยู่ที่นอนอยู่บนกล่องไม้เงยหน้าขึ้นมองโจวซื่อ หลังจากที่นางมั่นใจว่าตนเองเป็ไข้ทรพิษจริงๆ นางจะตรงไปที่บ้านของผู้หญิงคนนั้นเพื่อเอาตุ่มฝีดาษเข้าสู่ร่างกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
ส่วนที่เหลือปล่อยให้เป็ไปตามชะตากรรมก็แล้วกัน
“น้องสี่เป็อย่างไรบ้าง?” ฉือหางไม่ตอบคำพูดของโจวซื่อโดยตรง แต่เอ่ยถามคำถาม
การแสดงออกบนใบหน้าของโจวซื่อหยุดนิ่งเล็กน้อย นางเลือกที่จะเงียบ
“ข้าจะอยู่ตรงนี้” ฉือหางชำเลืองมองหลินกู๋หยู่บนกล่องไม้ เม้มริมฝีปากเล็กน้อย “ตอนนี้ข้าสบายดี ข้าดูแลนางได้”
โจวซื่อชี้นิ้วมือไปที่ปลายจมูกของฉือหางก่อนจะก่นด่าเป็ชุด สุดท้ายนางก็เดินออกไป
ถ้าฉือหางไปที่นั่น พวกเขาจะต้องดูแลคนเพิ่มอีกหนึ่งคน
“เ้าควรไป” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง นางแค่มีไข้และไม่มีอาการอื่นใด
ฉือหางเอื้อมมือไปถอดผ้าเช็ดศีรษะของหลินกู๋หยู่ แล้วใส่ลงในอ่างไม้เพื่อล้าง จากนั้นพับและวางบนหน้าผากของนาง "ไปที่นั่นแล้วอย่างไร ถ้าโรคนี้ไม่มีวิธีรักษา ไปไหนก็ตายอยู่ดี”
ตายกับเ้ายังจะดีเสียกว่า
เพียงแต่ฉือหางไม่ได้พูดคำเหล่านี้
สองวันต่อมาหลินกู๋หยู่รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก นางเปิดแขนเสื้อออก เผยให้เห็นผื่นที่ขึ้นตามแขน ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่านางป่วยเป็ไข้ทรพิษจริงๆ
หลินกู๋หยู่พยายามลุกขึ้นนั่ง นางเห็นฉือหางที่นั่งยองๆ อยู่ข้างเตา กำลังจุดไฟทำอาหาร
อาจเป็เพราะโจ๊กต้มเสร็จแล้ว ฉือหางลุกขึ้นและตักใส่ชามสองใบ เดินไปหาหลินกู๋หยู่พร้อมนำโจ๊กมาด้วย
"กินกันเถอะ" ฉือหางยื่นชามใส่โจ๊กใบหนึ่งให้หลินกู๋หยู่
“เ้ามีไข้หรือ?” หลินกู๋หยู่กำลังถือชาม ขนตายาวงอนของนางหลุบลง แสงแดดส่องกระทบใบหน้าของเด็กสาว ทำให้ใบหน้าซีดเซียวของนางยิ่งดูน่าสังเวชมากขึ้น
ฉือหางก็สับสนเช่นกัน สองวันนี้เขาไม่ได้รู้สึกไม่สบายใดๆ เขาเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของตัวเอง ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย
"เ้าไปเถอะ" หลินกู๋หยู่มองฉือหางที่กำลังแตะหน้าผากของตนเอง เอ่ยเสียงเบา "เ้าไม่ได้ติดเชื้อจากข้า ถ้าเ้าไปตอนนี้เ้าก็จะรอด"
ฉือหางหยุดชะงักชั่วคราว เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า "ในเมื่อตอนนี้ข้ายังไม่ติดเชื้อ วันข้างหน้าก็จะไม่ติดเชื้อเช่นกัน ไม่เป็ไร"
หลินกู๋หยู่สงสัยอยู่หลายส่วนว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ดื้อรั้นถึงเพียงนี้ อันที่จริงตราบใดที่เขาไปจากนาง เขายังมีความหวังที่จะมีชีวิตรอด
หลังจากทานโจ๊กเสร็จ หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกว่าจำเป็ต้องไปที่บ้านของผู้หญิงคนนั้น
หลินกู๋หยู่พยายามลุกขึ้น นางค้นพบว่าตัวเองป่วยเป็โรคฝีดาษั้แ่เนิ่นๆ ถ้านางใช้ฝีดาษวัวตอนที่อาการยังไม่หนัก นางน่าจะไม่เป็อะไร
ร่างกายของนางอ่อนปวกเปียก หากไม่ใช้แขนพยุงเตียง นางคงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เลย
หลินกู๋หยู่เดินโซเซออกไปด้านนอก ยืนอยู่ที่ประตูและหายใจกระหืดกระหอบ จับกรอบประตูด้วยสีหน้าน่าเกลียด
ฉือหางที่เดิมทีกำลังล้างจานอยู่ด้านนอก แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากในห้อง เขาก็หันไปมอง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป "เ้าลงจากเตียงได้อย่างไร?"
หลังจากเดินไปได้สองสามก้าว หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกราวกับว่านางหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรง
ฉือหางรีบเดินไปหาและพยุงหลินกู๋หยู่ที่กำลังจะล้มลงกับพื้น
หลินกู๋หยู่ยกเปลือกตาที่หนักอึ้งมองไปที่ฉือหาง นางพูดออกมาประหนึ่งหมดลมหายใจว่า "ข้า ข้าอยากไปที่ๆ หนึ่ง"
“เ้า้าไปที่ใด ข้าจะไปกับเ้า” ฉือหางอุ้มหลินกู๋หยู่ขึ้นมา
ราวกับโลกกำลังหมุน หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าสมองของนางมีเืคั่ง ดวงตาของนางมืดลง หลังจากที่พยายามตั้งสติ นางก็ถูกฉือหางอุ้มไว้ในอ้อนแขนแล้ว
“ปล่อยข้าลง” หลินกู๋หยู่เอ่ยค้านอย่างอ่อนแรง “เอวของเ้ายังไม่หายดีเลย”
“เ้าไม่หนัก” ฉือหางไม่เคยคิดว่าหลินกู๋หยู่จะเบาถึงเพียงนี้ เบากว่ากองฟืนหนึ่งกองเสียอีก “เ้าจะไปไหน ข้าจะพาเ้าไป”
ก่อนที่ฉือหางจะไปถึงประตู เขาเห็นโจวซื่อยืนอยู่ที่ประตูพร้อมอาหาร
“เ้าสาม เ้าสบายดีหรือ?” เมื่อเห็นผิวที่แดงเปล่งปลั่งดั่งดอกกุหลาบแดงของฉือหางดูไม่คล้ายคนป่วย โจวซื่อเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองโจวซื่อและฝังศีรษะของนางไว้บนแผ่นหน้าอกของฉือหางด้วยความรำคาญ โจวซื่อเห็นนางในสภาพเช่นนี้ ไม่รู้ว่าโจวซื่อจะพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาหรือไม่
"ท่านแม่ ข้าสบายดี ข้าไม่ได้ป่วย" เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงสบายดี ไม่มีอาการเจ็บป่วยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของโจวซื่อปรากฏรอยยิ้มสดใส แต่เมื่อสายตาของนางทอดมองที่หลินกู๋หยู่ในอ้อมแขนของฉือหาง ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นางเอ่ยอย่างเ็า "เอวของเ้าเพิ่งจะหายดี เ้ากำลังจะทำอะไร?"
ในขณะที่ฉือหางกำลังจะอธิบาย โจวซื่อก็เดินไปยังเบื้องหน้าฉือหางอย่างรวดเร็ว นางวางชามอาหารในมือลงบนพื้นแล้วหยิบไม้กระบองจากด้านข้าง ชี้ไปที่ฉือหางและพูดอย่างดุเดือดว่า "วางนางลง เร็วเข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านาง!”
แม้ว่าร่างกายจะไม่ค่อยสบาย แต่นางก็ยังได้ยินสิ่งที่โจวซื่อพูดอย่างชัดเจน นางเงยหน้าขึ้นมองโจวซื่อด้วยความไม่พอใจ
"ท่านแม่!" ฉือหางอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง "ท่านจะทำอะไร ข้าก็แค่จะพานางออกไปสักพักก็เท่านั้น"
จากมุมมองของโจวซื่อ ในที่สุดสุขภาพของฉือหางก็หายดีแล้ว ถ้าเขาออกไปตอนนี้ เขาจะต้องตาย สุขภาพของฉือเย่ยามนี้ยิ่งแย่ลง นางคิดว่าคงอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว และนางไม่้าเห็นลูกคนที่สามจากไป
“วางลง!” โจวซื่อมองฉือหางด้วยดวงตาแดงก่ำ นางกัดฟันจนฟันในปากแทบจะกลายเป็ผุยผง
“ปล่อยข้าลง” เสียงของหลินกู๋หยู่อ่อนแอมาก
"กู๋หยู่..." ฉือหางเรียกอย่างลังเล
หลินกู๋หยู่พยายามที่จะออกจากห่าง นางเวียนศีรษะเล็กน้อย พลันเอื้อมมือไปจับแขนของฉือหาง
"ไม่เป็ไร" หลินกู๋หยู่พูดด้วยเสียงเบา ถ้าไม่ใช่เพราะฉือหางยืนอยู่ข้างๆ นางคงจะล้มลงกับพื้นไปแล้ว
โจวซื่อตีแขนของหลินกู๋หยู่ด้วยไม้ พูดอย่างเ็าว่า "เ้าปล่อยลูกชายของข้า"
ร่างของหลินกู๋หยู่ล้มลงไปที่ร่างของฉือหางอย่างไม่อาจควบคุมได้ เมื่อโจวซื่อกำลังจะตีครั้งที่สอง ฉือหางก็หมุนตัวและปกป้องนางไว้ในอ้อมแขนของเขา
ร่างกายทั้งตัวไม่สบายอย่างมาก ราวกับถูกไฟแผดเผา ความเ็ปที่แขนดูเหมือนจะหายไปแล้ว
เมื่อเห็นท่าทีของฉือหาง โจวซื่อก็ทิ้งไม้ในมือแล้วเดินตรงกลับไปที่บ้านของนาง
“ข้าไม่เป็ไร” ริมฝีปากของหลินกู๋หยู่แห้ง นางแลบลิ้นเลียริมฝีปากเบาๆ รู้สึกวิงเวียนศีรษะ “ข้าไปเองได้”
ก่อนที่ฉือหางจะพูด เขาก็เห็นโจวซื่อนำพี่ชายใหญ่และพี่รองเข้ามา
สีหน้าของฉือหางเปลี่ยนไป เมื่อเขายื่นแขนออกไปเพื่อกอดหลินกู๋หยู่ เขาไม่คิดว่าจะถูกตีศีรษะด้วยไม้ ดวงตาของเขามืดสนิทไร่ซึ่งสติในทันที
ฉือซู่แบกฉือหางออกไป
หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ที่เดิม ขณะที่การทรงตัวไม่มั่นคง ร่างของผู้คนที่อยู่ข้างหน้าของนางก็สั่นไหวไม่หยุด
"โยนมันออกไป!" โจวซื่อพูดอย่างดุเดือดด้วยใบหน้าเ็า
ฉือซู่และฉือเทารีบวางไม้เท้าด้านหลังหลินกู๋หยู่ จากนั้นพวกเขาก็เอาเชือกมาพันหลินกู๋หยู่โดยตรง
โยกเยกไปมาระหว่างทาง หลินกู๋หยู่เห็นท้องฟ้าที่สั่นะเืไม่หยุด
ฉือซู่และฉือเทาเดินไปที่เชิงเขา โยนหลินกู๋หยู่ที่ถูกมัดไว้บนพื้น ศีรษะของนางกระแทกหินอย่างแรง จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีก
ทั้งสองคนโยนผ้าในมือลงบนร่างของหลินกู๋หยู่ด้วยความขยะแขยงแล้วจากไปโดยไม่ลังเล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้