ด้วยความช่วยเหลือของฉิวอิน โม่จ้านจึงปลอดภัยเป็การชั่วคราว
ทว่าปัญหาในยามนี้คือทั่วทั้งเมืองมีหน้าของโม่จ้านติดอยู่ทุกหนแห่ง การเฝ้าประตูเมืองยังเข้มงวดขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มิมีโอกาสให้หลุดรอดออกไปสักนิด ปาอินวาดภาพเหมือนแล้วนำมาให้โม่จ้านดู ยังถูกโม่จ้านแขวะว่าฝีมือวาดแย่มาก
ถึงแม้ตนจะบอกเก๋อจือกับลาถีเท่อว่าการมิกลับไปก็เท่ากับตกอยู่ในอันตราย ทว่าด้วยนิสัยของทั้งสองคนนั้น เป็ไปได้สูงว่าจะเดินทางมาตามหา นี่คือปัญหาที่ทำให้โม่จ้านกังวลมากที่สุด ฉิวอินกับปาอินสามารถช่วยนำความไปแจ้ง ทว่าปีศาจแฝงฝันสองพี่น้องเป็บุตรของท่านเอิร์ล หากจะใช้จุดวาร์ปจำเป็ต้องได้รับการอนุญาตจากท่านเอิร์ลเสียก่อน มิอาจเร่งเดินทางไปยังเมืองนักดาบพเนจร
ส่วนไหลมั่น โม่จ้านมิกล้าแม้แต่จะคิด สำหรับโม่จ้านแล้ว สถาบันเวทมนตร์ก็คือถ้ำเสือบ่อัที่แท้จริง ตีให้ตายก็มิอาจไปรบกวนเป็ครั้งที่สอง นอกจากนั้นตามกำแพงเมืองยังมีผนึก มิอาจให้จอมเวทธาตุลมส่งตนบินออกไปได้
เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า โม่จ้านก็ยังคิดหาหนทางแก้ไขมิได้ อาหารที่โรงอาหารโรงเรียนของฉิวอินส่งมาอร่อยมาก เพียงแต่โม่จ้านที่กำลังเป็กังวลใจมิมีความอยากอาหาร ยัดเข้าไปเพียงมิกี่คำก็นั่งนอนเหม่ออยู่บนโซฟา สองพี่น้องปีศาจแฝงฝันก็ร้อนใจมากเช่นกัน ทว่าติดที่ตนมิมีพละกำลังด้านการต่อสู้ จึงมิอาจช่วยเหลืออันใดได้
โม่จ้านที่ยุ่งมากทั้งวันรู้สึกง่วงยิ่งนักก่อนจะสะลึมสะลือหลับไป
ท่ามกลางทุ่งหญ้ารกร้าง เจียนั่วที่ใบหน้าเคร่งขรึมใช้หอกยาวแผ่ไอเย็นชี้ไปทางเงาดำ “เหตุใดเ้าต้องหลอกข้า?”
“ข้ามิเคยโกหกผู้ใด”
น้ำเสียงของเงาดำค่อนข้างหนักอึ้ง ทว่ากลับมีพลังสั่นไหวจิตใจผู้คน ทำให้ผู้อื่นมิอาจมิเชื่อในสิ่งที่ตนพูด
โม่จ้านมองหน้าคนผู้นั้นมิชัด ทำได้เพียงพยายามขยับไปด้านหน้าสุดกำลัง แต่คล้ายกับขาทั้งสองข้างของตนมีรากงอก ฝังลึกลงในดินจนมิอาจขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ที่นี่คือที่ใดกัน? เงาดำนั่นคือผู้ใด? แล้วเหตุใดเจียนั่วจึงมาโผล่ที่นี่ได้?
โม่จ้านรู้สึกราวกับอยู่ท่ามกลางหมอกควัน คิดอยากจะร้องะโออกไปเสียงดัง ทว่าทันทีที่อ้าปากกลับมิอาจเปล่งเสียงได้แม้แต่น้อย
คงมิใช่ความฝันอีกกระมัง...
โม่จ้านกุมขมับมองภาพตรงหน้าที่เริ่มรางเลือน จากนั้นชกหนึ่งหมัดใส่ท้องตนเอง
“อุ๊บ!! พ่อ.....”
หลังหนึ่งหมัดนี้ โม่จ้านมิเพียงตื่น แต่ถึงกับตื่นเต็มตา
นึกมิถึงว่าต่อยตนเองก็เจ็บจนเหงื่อตกได้เช่นกัน นับได้ว่าโม่จ้านที่เจ็บจนตัวงอได้ััเป็ครั้งแรก
“ท่านโม่เจ๋อเอ่อร์ ท่านกำลังทำสิ่งใด...”
ปาอินเปิดประตูเข้ามาหลังได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว มองโม่จ้านที่มิอาจควบคุมอารมณ์ด้วยสีหน้างุนงง เริ่มั้แ่ยามที่เขาต่อยท้องตนเอง ก่อนจะงอตัวเป็กุ้งแล้วร้องโอดโอยอยู่บนโซฟา
“อุ๊บ แค่กๆ มิมีอันใด มิเป็อันใด”
โม่จ้านนวดท้องที่รู้สึกเจ็บพลางสูดปากอย่างมิอาจอดกลั้น
“...ฉิวอินเล่า? มิได้บอกว่าวันนี้หยุดเรียนงั้นหรือ?”
ปาอินบุ้ยปาก “เมื่อมิกี่วันก่อนโรงเรียนประกาศว่าเ้าเมืองของเมืองนักดาบพเนจรจะมาหารือความร่วมมือทางการค้า ดังนั้นจึงได้หยุดเรียน แต่เพราะท่านโม่จ้าน ยามนี้ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในภาวะบังคับใช้กฎอัยการศึก โรงเรียนมีประกาศให้นักเรียนพลังธาตุสายโจมตีออกไปตามหาร่องรอยของท่าน ดังนั้น...”
โม่จ้านรู้สึกเหมือนมีเืคั่งคำใหญ่อยู่ในลำคอ มิน่าหัวหน้าอัศวินรักษาการณ์ผู้นั้นจึงเอ่ยว่าอยู่ใน่สำคัญ อีกทั้งยังเป็เื่ใหญ่ไปทั่วทั้งเมือง หรือว่าเห็นเขาเป็มือสังหาร?
โม่จ้านอดกลั้นความบุ่มบ่ามที่เกิดจากการถูกใส่ร้ายเอาไว้ ย้อนกลับมาจับประเด็นสำคัญ “เ้าบอกว่าเ้าเมืองของเมืองแห่งนักดาบพเนจรจะมาเยือนงั้นหรือ?”
ปาอินพยักหน้า โม่จ้านคลี่ยิ้ม ในใจพลันมีแผนการผุดขึ้นมา กระซิบข้างหูปาอินเสียงเบามิกี่ประโยค
........
การหารือระหว่างเ้าเมือง ในฐานะที่เจียนั่วเป็หัวหน้ากองอัศวินย่อมต้องเตรียมการอย่างเหมาะสม กำจัดทุกความยุ่งยากที่อาจสร้างความรู้สึกถูกคุกคามให้ท่านเ้าเมือง ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในเมืองเป้ยเท่อ เจียนั่วที่ระมัดระวังตัวมาแต่ไหนแต่ไรรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ใบประกาศจับที่ติดอยู่ตามกำแพงเมือง เหตุใดจึงรู้สึกคล้ายเคยพบผู้ที่อยู่บนนั้น?
สีหน้าของเจียนั่วฉายแววสงสัยยิ่งกว่าเดิม หากผู้ถูกประกาศจับทิ้งร่องรอยไว้ในความทรงจำของตน เช่นนั้นจะต้องเป็ผู้ที่มีความสามารถมาก บนใบประกาศมิได้เขียนสาเหตุเอาไว้ ทว่าหากเขาพุ่งเป้ามายังท่านเ้าเมือง เกรงว่าการเดินทางในครั้งนี้ของท่านเ้าเมืองจะเสี่ยงอันตรายมากเสียแล้ว
เจียนั่วทั้งเอาใจใส่สถานการณ์ของผู้ถูกประกาศจับและจัดการดูแลความปลอดภัยของเ้าเมืองทั้งสองท่าน เขาจัดแจงทุกสิ่งได้อย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยและเหมาะสม ทำเอาเหล่าผู้มีบรรดาศักดิ์ในเมืองเป้ยเท่อต่างชื่นชมและคิดจะแย่งตัวคนเก่ง เพียงแต่เมื่อเจียนั่วบอกเงื่อนไขออกมาว่า “คิดจะว่าจ้างข้า โค่นข้าให้ได้เสียก่อน” ก็มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงอีกแม้แต่ผู้เดียว
ตาเหยี่ยวของเจียนั่วแลดูดุดันมากเป็ทุนเดิม ผนวกกับหางตาที่หยักยกและสีหน้าเ็า มิว่าสบตากับผู้ใดล้วนแต่จ้องจนอีกฝ่ายมีผุดเหงื่อเย็น รูปแบบการทำงานของเจียนั่วช่างเข้ากับลักษณะภายนอก ทั้งแข็งกร้าวและอยู่ในกรอบ มิยอมให้ผู้อื่นโต้แย้งแม้แต่น้อย หัวหน้ากองอัศวินรักษาการณ์เมืองเป้ยเท่อเห็นเจียนั่วแล้วพลันรู้สึกขวางหูขวางตาอย่างมาก จงใจยั่วยุและใช้กลอุบายยามเจียนั่วกำลังจัดแจงงาน ผลสุดท้ายถูกจัดการจนกลายเป็หมูต่อหน้าผู้บังคับบัญชา
หลังเสียงลั่นบอกเวลาของระฆัง การหารือของท่านเ้าเมืองทั้งสองได้เริ่มต้นขึ้น การเฝ้าระวังภายในเมืองเพิ่มเป็ระดับสูงสุด
ฉิวอินสะดุ้งใหลังได้พบปาอิน เขายังนึกว่าเกิดเื่อันใดกับโม่จ้าน หลังปาอินกระซิบข้างหูฉิวอิน หัวคิ้วของเด็กหนุ่มมิเพียงแต่มิคลายออกจากกัน กลับกลายเป็ขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิม
“นี่มันบุ่มบ่ามเกินไปกระมัง... จะทำจริงหรือ?” ฉิวอินค่อนข้างเป็กังวลขณะมองกระดาษภายในมือน้องสาว
“ท่านโม่เจ๋อเอ่อร์บอกว่ามิเป็ปัญหา พวกเราก็ลองดูกันสักหน่อยเถิด” ปาอินพยักหน้าแล้วยัดกระดาษใส่มือฉิวอิน จากนั้นหันหลังวิ่งไปทางหอพัก
สำหรับฉิวอินแล้ว เมืองเป้ยเท่อนับได้ว่าเป็สถานที่คุ้นเคยจนชำนาญทาง ปีศาจแฝงฝันน้อยมือซ้ายถือคทา มือขวาถือกระดาษ มินานนักก็เดินไปถึงจวนเ้าเมือง
เจียนั่วผู้สง่างามเด่นสะดุดตายามอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน อัศวินเวทธาตุน้ำแข็งยื่นตัวตรงใต้แสงแดดร้อนระอุ มิเผยสีหน้ามิเหมาะสมแม้แต่นิดเดียว ฉิวอินกลืนน้ำลาย กลัดตรานักเรียนบนอกเสื้อให้ตรงแล้วเตะเท้าเดินเข้าไป
“สวัสดี! ข้าคือฉิวอินไอเส่อเอ่อร์ สมาชิกกลุ่มเฝ้าระวังและป้องกันชั่วคราวลำดับที่สี่สิบของโรงเรียนเวทมนตร์ฝั่งตะวันออก”
“มีเื่อันใด?” สายตาของเจียนั่วหยุดลงบนใบหน้าของฉิวอิน
เสียงของฉิวอินมิดังมิเบา มีเพียงผู้ที่อยู่ละแวกใกล้เคียงจึงจะได้ยิน
“ในละแวกโรงเรียนมีการเสริมกำลังคนจนเพียงพอแล้ว มิพบปัญหาใด โปรดออกคำสั่งถึงจุดเฝ้าระวังถัดไปขอรับ”
สีหน้าของเจียนั่วมิเปลี่ยนแปลง ทว่าภายในใจกลับเกิดเป็ความระแวดระวัง เขามองแผนที่ที่ถูกประคองด้วยสองมือและสายตาแฝงความลับของฉิวอิน หลังเจียนั่วมั่นใจว่าตรานักเรียนบนอกเสื้อเป็ของจริง เขาจึงยื่นมือไปรับกระดาษแล้วชี้จุดบนกระดาษอย่างขอไปที
ฉิวอินพยักหน้า ค้อมเอวด้วยความนอบน้อมแล้วเตะเท้าเดินออกไปอย่างมิมีสะดุด รวดเร็วมิต่างกับกำลังวิ่งหนีอย่างไรอย่างนั้น
เจียนั่วกลับเข้าสู่การเฝ้าระวังดังเดิม กระทั่งสายตาของผู้คนรอบกายเคลื่อนย้ายไปจากตัวเขาจึงแสร้งยกแขนขึ้นราวกับมิตั้งใจ ในซอกเกราะมือมีกระดาษแผ่นเล็กเสียบเอาไว้ ตัวอักษรมิกี่แถวบนนั้นแทบจะมองมิออก ทว่ากลับทำให้รูม่านตาของเจียนั่วหดเกร็งภายในเสี้ยววินาที
“รีบนำความไปแจ้งหวาเอ่อร์แขกของกิลด์นักดาบพเนจร บอกว่าขนนกนั่นมอบให้เขาเป็ของขวัญ หากเื่นี้สำเร็จ ข้าจะแลกเปลี่ยนความรู้กับเ้า โม่เจ๋อเอ่อร์ที่ยุ่งมากยังอยู่”
...เหตุใดโม่เจ๋อเอ่อร์จึงอยู่ที่นี่?
ในใจของเจียนั่วมีความสงสัยวูบผ่าน ทว่าเมื่อเห็นประโยคสุดท้าย ดวงตาพลันเป็ประกายอย่างรวดเร็ว กระดาษแผ่นนี้จะต้องเป็ของจริงอย่างแน่นอน เพื่อนร่วมงานและเ้าเด็กสองคนนั้นมิมีความจำเป็อันใดให้ต้องล้อเล่นเื่พวกนี้กับตน เจียนั่วใคร่ครวญอย่างละเอียด คล้ายกับมิมีจุดใดน่าสงสัยจึงสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปจัดการ
