“อาจารย์หลิน มีแรงฮึดสู้ไม่ดีหรอกหรือคะ”
“ก็ต้องดีสิ! คนหนุ่มสาวไม่ว่าทำอะไรก็ควรทุ่มเทให้เต็มที่ ต่อให้พ่ายแพ้แต่อย่างน้อยก็เคยฮึดสู้!”
ถ้าลงแข่งแล้วก็ต้องพยายามทำให้เต็มที่ หรือไม่ก็ไม่ต้องลงแข่งเสียเลย
จะแพ้หรือชนะ หากพยายามแล้วเท่ากับไม่เสียเวลาเปล่า
อาจารย์หลินไม่ได้คิดว่าที่ผ่านมาเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีความตั้งใจ ทว่าเธอชอบพลังฮึดสู้ที่อยากคว้าชัยชนะมาให้ได้ของเซี่ยเสี่ยวหลานในตอนนี้มากกว่า อาจเพราะเื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ส่งผลกระทบต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน อาจารย์หลินได้ยินหัวหน้าภาควิชาบอกว่า เื่ระหว่างเซี่ยเสี่ยวหลานกับตระกูลจี้เหมือนทั้งสองฝ่ายจะไม่พูดถึงอีก อาจารย์หลินรู้สึกละเหี่ยใจ บางครั้งโลกแห่งความเป็จริงก็บีบบังคับให้คนเราต้องประนีประนอม ตอนนี้นักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานคงรู้สึกกล้ำกลืนมากสินะ
ตระกูลจี้บอกว่าอยากส่งเซี่ยเสี่ยวหลานไปเรียนเมืองนอกมิใช่หรือ
เซี่ยเสี่ยวหลานอาจจะอยากใช้ความพยายามของตัวเองพิสูจน์ให้ตระกูลจี้เห็นว่า ไม่จำเป็ต้องให้ตระกูลจี้เข้ามาช่วยเหลือ ตนก็สามารถไปเรียนต่างประเทศเองได้ นักศึกษาแลกเปลี่ยนเป็แค่ก้าวแรกเท่านั้น เมื่อมีประสบการณ์การเป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนแล้ว การขอทุนเรียนต่อต่างประเทศย่อมง่ายยิ่งขึ้น
นักศึกษาของหัวชิงจะสามารถยื่นสมัครมหาวิทยาลัยต่างชาติได้หรือไม่ จุดนี้อาจารย์หลินไม่เคยสงสัย
สิ่งที่เป็ข้อจำกัดในการยื่นสมัครเรียนต่อต่างประเทศของนักศึกษาหัวชิงมีแค่เื่ภาษาเท่านั้น แต่หากดูจากระดับภาษาอังกฤษของเซี่ยเสี่ยวหลาน แน่นอนว่าเธอสามารถเรียนภาควิชาภาษาอังกฤษได้อย่างสบายๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ความคิดของอาจารย์หลิน แต่หากรู้คงบอกเพียงว่าอาจารย์หลินน่ารัก ที่อยู่ๆ เธอก็ฮึดสู้ขึ้นมาเช่นนี้เป็เพราะเื่ตระกูลจี้ด้วยก็จริง แต่ที่มีมากกว่าคือเซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าการเป็ ‘นักศึกษาแลกเปลี่ยน’ นับว่าเป็ทางเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ใช้เวลาไม่นานก็ทำให้เธอได้ไปต่างประเทศ
สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง นอกจากวิธีการนี้แล้วยังจะมีทางไหนที่จะสามารถออกนอกประเทศได้บ้าง?
แม้ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ยากจน แต่การไปอเมริกาทั้งที่มีเงินเก็บเพียงเท่านี้ย่อมไม่ใช่เื่ฉลาด
คนที่ออกไปต่างประเทศั้แ่สมัยเรียนปริญญาตรีนั้นมีอยู่น้อยมาก ประเทศจีน่ปี 1981 ต่อให้สอบโทเฟลผ่านก็ไม่มีประโยชน์ เพราะทุนเรียนต่อปริญญาตรีในต่างประเทศนั้นมีน้อย ค่าเทอมกับค่าหอแต่ละปีต้องใช้เงินเกือบหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐ หากไม่ได้ทุนครอบครัวคนจีนที่ไหนจะแบกรับค่าใช้จ่ายนี้ไหว
เซี่ยเสี่ยวหลานในตอนนี้ก็แบกรับภาระนี้ไม่ไหวเช่นกัน เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้สึกว่าต่างประเทศดีกว่าในจีน เรียนสถาปัตยกรรมที่หัวชิงให้ดี แล้วจะไปเรียนต่อต่างประเทศหรือไม่ เอาไว้จบปริญญาตรีก่อนค่อยว่ากัน เพราะการไปเรียนต่อปริญญาโทกับปริญญาเอกที่ต่างประเทศนั้นง่ายกว่า ทุนการศึกษาที่มีให้กับสองวุฒิการศึกษานี้มีมากกว่าระดับปริญญาตรีหลายเท่า หากเป็เด็กหัวกะทิ นอกเหนือจากเงินทุนที่ต้องใช้จ่ายค่าเล่าเรียนแล้วยังมีเงินสนับสนุนในด้านอื่นๆ หรือที่เรียกว่า ‘ทุนการศึกษาแบบครอบคลุม’
หากไม่ได้ทุนการศึกษาแบบครอบคลุม ก็สามารถช่วยอาจารย์ทำวิจัยเป็การหารายได้เสริมได้เช่นกัน
ทว่าอย่างหลังคงไม่มีทางเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยในประเทศจีน่ปี 1984 เพราะนักศึกษาต่างก็แย่งกันช่วยอาจารย์ที่ปรึกษาทำวิจัย การได้เป็ส่วนหนึ่งของงานวิจัยเท่ากับคุณเป็คนเก่ง แล้วใครจะกล้าขอค่าแรงกับอาจารย์ที่ปรึกษาอีกเล่า แม้แต่อาจารย์ยังต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำวิจัย เงินทุกหยวนล้วนถูกนำมาใช้ในการศึกษาค้นคว้า โดยเฉพาะในขณะที่ประเทศจีนกำลังอยู่ระหว่างรอการพัฒนา ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องใช้เงิน โครงการวิจัยมีเยอะเช่นนั้น เหล่าอาจารย์ล้วนต้องต่อแถวรอยื่นเื่ของทุนวิจัย... ดังนั้นนักศึกษายุคนี้ล้วนช่วยอาจารย์ที่ปรึกษาทำงานเบ็ดเตล็ดเพราะความ้าของตัวเองทั้งสิ้น
แม้แต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็ยังคิดว่าตนไม่มีปัญญาจ่ายค่าเรียนต่อต่างประเทศเอง อีกทั้งเธอไม่จำเป็ต้องไปต่างประเทศให้ได้ ตอนเธอปรึกษากับโจวเฉิง เธอเคยบอกเขาว่าเื่นี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ หากจะไปต่างประเทศจริงก็คงเป็เื่หลังเรียนจบปริญญาตรี ทว่าตอนที่คุยกันยังไม่มีเื่การแข่งขันภาษาอังกฤษ และยังไม่มีเื่การเป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนเข้ามา การเปลี่ยนแปลงมักเร็วกว่าแผนการเสมอ เมื่อเป็เช่นนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเลือกที่จะเปลี่ยนใจ
อาจารย์หลินบอกว่าเธอมีพลังฮึดสู้ ซึ่งก็ไม่ผิด เซี่ยเสี่ยวหลานเป็พวกที่หากมีโอกาสมากองอยู่ตรงหน้าก็จะพยายามคว้ามันมาให้ได้
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศยังไม่ทันเริ่ม ตกกลางคืนเซี่ยเสี่ยวหลานนอนบนเตียงพลางหลับตา ทว่าสมองของเธอกลับกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว นักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ถูกคัดเลือกจากการแข่งขัน อย่างเร็วคงได้ไปต่างประเทศตอนปี 1985 เนื่องจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นในเดือนมกราคมปี 1985 เซี่ยเสี่ยวหลานจึงคิดว่าน่าจะต้องออกเดินทาง่ประมาณครึ่งปีหลัง
ถ้าอย่างนั้นในปี 1985 ที่ต่างประเทศมีโอกาสอะไรบ้าง?
เซี่ยเสี่ยวหลานพยายามย้อนคิดถึงชาติที่แล้ว
การที่เธอสามารถจำเื่ใหญ่ๆ ภายในประเทศ่ยุค 80 ได้ก็ถือว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว ดังนั้นเื่ของต่างประเทศเธอจำเป็ต้องค่อยๆ คิด ซึ่งเธอก็นึกขึ้นได้หลายเื่ ปี 1984 ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิลถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง จนกระทั่งปี 1996 บริษัทแอปเปิลก็เข้าสู่่วิกฤต ทางบริษัทถึงเชิญผู้ก่อตั้งท่านนั้นกลับมาช่วยกู้สถานการณ์อีกครั้ง
ชาติที่แล้ว ตอนสหายจ็อบส์เสียชีวิต โมเมนต์ในวีแชทของเธอเต็มไปด้วยโพสต์ชีวประวัติของสหายจ็อบส์ ถึงเซี่ยเสี่ยวหลาน้าลืมมันแต่ก็คงจะเป็ไปไม่ได้
เธอจะไปเกาะขาเขาดีไหม?
อย่างไรก็ตามสหายจ็อบส์ที่ออกจากบริษัทแอปเปิล เหมือนจะไม่จำเป็ต้องให้นักศึกษาจนๆ อย่างเซี่ยเสี่ยวหลานมาสงสารหรือเห็นใจน่ะสิ
แม้สหายจ็อบส์จะไม่ได้เป็ผู้บริหารแอปเปิล แต่เขาก็ยังคงร่ำรวยเงินทอง ่ที่ออกจากแอปเปิล เขาได้ก่อตั้งบริษัท Pixar และ NeXT ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานอยากไปช่วยเหลือเขาในยามยาก ก็ต้องดูด้วยว่าสหายจ็อบส์อยากรับน้ำใจไว้หรือไม่
ปี 1984-1985 สองปีนี้ยังมีบริษัทสัญชาติอเมริกาที่ภายหลังมีมูลค่าเกินหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่อีกสองแห่ง ซึ่งก็คือ Cisco และ Qualcomm
Qualcomm นั้นเลิกคิดได้เลย เพราะบริษัทนี้เป็การทำงานด้านการเงินและไอที เซี่ยเสี่ยวหลานเป็พวกไร้ความรู้ด้านการสื่อสารไร้สาย อีกทั้งทักษะด้านคอมพิวเตอร์ของเธอก็ไม่เอาไหน แต่บริษัท Cisco นั้นถูกก่อตั้งขึ้นโดยสองสามีภรรยาที่เป็อาจารย์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดทั้งคู่ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าเธอยังพอมีหวัง อย่างน้อยในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยน เธอสามารถใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักสองมหาเศรษฐีได้ค่อนข้างง่ายมิใช่หรือ?
เดี๋ยวนะ มหาวิทยาลัยที่กระทรวงศึกษาธิการจะส่งเด็กไปแลกเปลี่ยนยังไม่แน่ว่าจะเป็สแตนฟอร์ดนี่นา
เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดเกี่ยวกับเื่นี้มาครึ่งวัน ทว่าสุดท้ายก็ถูกตัวเองปัดตกไป
ซูจิ้งสะกิดโจวลี่ิ่
“น้องหกนอนอยู่บนเตียง เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเครียด ช่างน่ากลัวเหลือเกิน”
โจวลี่ิ่ปัดมือของซูจิ้งออก “ชู่ ฉันว่าเสี่ยวหลานกำลังวางแผนใหญ่อยู่แน่นอน”
โจวลี่ิ่ล้อเล่น แต่ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังวางแผนใหญ่อยู่จริงๆ แถมยังเป็แผนการคิดหา ‘ทางลัด’ เพื่อเข้าใกล้บริษัทมูลค่าหลักหมื่นล้านดอลลาร์... หลังคิดอยู่นาน ประธานเซี่ยก็ปล่อยหมัดต่อยผ้าห่มตัวเอง
เธอโลกสวยเกินไป ถ้ามีทางลัดที่ดีขนาดนั้น และอาศัยแค่การล่วงรู้อนาคตเพราะได้เกิดใหม่ เธอคงครองโลกได้ทั้งใบไปนานแล้ว
คนเราต้องรู้จักทบทวนตัวเองอยู่เสมอ ประธานเซี่ยตบผ้าห่มเตือนสติตัวเอง เธออาจจะเก่งกาจกว่าคนทั่วไปอยู่บ้าง แต่เธอไม่ใช่อัจฉริยะที่แท้จริงที่เวลาทำอะไรก็จะทิ้งรอยเท้าอันน่าจดจำเอาไว้ เื่อย่างการฉกฉวยโอกาสด้วยไหวพริบเช่นนี้ อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับเธอสักเท่าไรน่ะสิ
ซูจิ้งกับโจวลี่ิ่สบตากัน น่ากลัวมากจริงๆ ด้วย คงไม่ได้อกหักหรอกใช่ไหม?
—---------------------------------------
่ปี 1984 ระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะฮ่องกงมีเพียงเที่ยวบินจากเซี่ยงไฮ้ไปสู่ฮ่องกงเท่านั้นที่เชื่อมต่อการเดินทางของทั้งสองเมืองเข้าด้วยกัน
หนึ่งสัปดาห์จะมีเพียงแปดเที่ยวบิน ตอนนี้ตู้เ้าฮุยกับเซี่ยต้าจวินคงไม่อาจลักลอบข้ามแดนได้ดั่งเดิม พวกเขาทำได้เพียงใช้วิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อกลับเกาะฮ่องกง การลักลอบข้ามฝั่งจากเผิงเฉิงสู่ฮ่องกงนั้นใช้เวลารวดเร็วมาก แต่ตอนนี้ตู้เ้าฮุยอยู่ในสถานะนักลงทุน คงไม่สามารถนั่งเรือเถื่อนได้!
เขาต้องขึ้นเครื่องจากสนามบินไป๋อวิ๋นของหยางเฉิงไปยังเซี่ยงไฮ้ จากนั้นค่อยขึ้นเครื่องต่อเพื่อเดินทางกลับฮ่องกง
แม้จะเป็เส้นทางที่อ้อมโลก แต่คุณชายใหญ่ตู้ไม่มีทางเลือกอื่น
เขาบอกเซี่ยต้าจวินว่าจะกลับฮ่องกงคืนนี้ ทว่าความจริงคือไปหยางเฉิง
เส้นทางจากตัวเมืองหยางเฉิงไปยังสนามบินไป๋อวิ๋นนั้นเปลี่ยวมาก ตู้เ้าฮุยงีบหลับบนรถ ทันใดนั้นรถยนต์คันที่เขานั่งก็เกิดเสียหลักทำให้ตู้เ้าฮุยลืมตาตื่น
วินาทีต่อมาก็เกิดเสียงโครมดังสนั่น รถยนต์ของเขาเกิดพลิกคว่ำ
ความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในสมองของตู้เ้าฮุยคือ มีหนอนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มพวกเขา
และความคิดต่อมาก็คือ แผนการเดินทางของเขาแพร่งพรายออกไปได้อย่างไร เขายังจะเชื่อใจใครได้อีก?!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้