ยอดเขาที่นิกายหยุนไห่ตั้งอยู่ถูกล้อมรอบด้วยูเาสูงเสียดฟ้าทั้งแปดลูก ในขณะเดียวกันูเาทั้งแปดลูกจะเชื่อมต่อกัน ศิษย์ของนิกายหยุนไห่สามารถเลือกหาถ้ำ์ที่อยู่ในูเาเหล่านี้เพื่อฝึกฝนได้ ูเาทั้งแปดลูกนี้นอกจากจะสูงแล้วยังมีพื้นที่ที่กว้างขวางมาก เป็เื่ง่ายที่จะหาสถานที่ที่เงียบสงบสำหรับฝึก
บนหน้าผาแห่งหนึ่งที่มีพื้นที่กว้างขวางและลอยตัวสูงจากพื้น เมื่อมองลงมาจากหน้าผา จะเห็นทะเลเมฆอันกว้างใหญ่ ซึ่งทิวทัศน์ดังกล่าวทำให้คนที่มองดูรู้สึกผ่อนคลาย
แต่อย่างไรก็ตามหลินเฟิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะชื่นชมวิวทิวทัศน์ ตามร่างกายของเขาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ขณะที่ร่างกายยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เขาชักดาบซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“ตูม!” เสียงะเิดังขึ้นอีกครั้ง หินที่หน้าผาพลันแตกกระจาย บนหน้าผามีรอยคว้านเป็หลุมฝังอยู่ นั่นก็คือรอยดาบ
เป็เวลากว่า 7 วันแล้วที่หลินเฟิงมาฝึกที่นี่ บนหน้าผาเต็มไปด้วยหลุมนับร้อยนับพัน ซึ่งระดับความลึกของหลุมไม่เท่ากัน อีกทั้งยังสะเปะสะปะไร้ระเบียบอีกด้วย
เคล็ดวิชาชักดาบมีเพียง 2 จุดเท่านั้นที่ต้องพัฒนา หนึ่งคือความเร็ว ต้องเร็วให้ได้มากที่สุด สองคือพลัง วินาทีที่ชักดาบจะต้องะเิพลังที่เหนือชั้นออกมา ส่วนวิถีหรือองศาในการฟัน สามารถทำตามใจชอบ เดิมทีมันก็มีแค่ท่าเดียวอยู่แล้ว ถ้าหากมีลำดับที่แน่นอนพวกศัตรูจะได้มองไม่ออก อีกอย่างเคล็ดวิชาชักดาบไม่ได้เน้นที่ท่าดาบ
หลินเฟิงไม่สนใจเหงื่อที่ไหลโทรมกาย เขายังคงฝึกชักดาบซ้ำไปซ้ำมา การเพิ่มความแข็งแกร่งไม่ใช่สิ่งที่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน มีเพียงแค่ความอุตสาหะและปณิธานที่แน่วแน่ จึงจะสามารถกลายเป็ผู้ที่แข็งแกร่งในเส้นทางแห่งนักรบได้ หลินเฟิงจำไว้เสมอว่าตัวเองคือผู้ที่กลับมาเกิดใหม่ เขาไม่มีทางลืมโดยเด็ดขาด ถึงแม้ว่าโลกนี้จะเต็มไปด้วยความฮึกเหิมและมีชีวิตชีวา แต่ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยอันตราย หากไม่แข็งแกร่งก็อาจจะถูกฆ่า เหมือนที่หลินเหิงเคยทำไว้กับหลินเฟิงคนก่อน
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เงามืดที่อยู่ด้านหลังของหลินเฟิงก็ค่อยๆ กลายเป็เงาสีดำสลัวๆ เมื่อจิติญญาดูเลือนราง หลินเฟิงก็หยุดการเคลื่อนไหว ก่อนจะเรียกจิติญญาของตนกลับเข้าร่าง
จิติญญาแห่งนักรบก็คือจิติญญาของผู้ฝึกยุทธ์ ทุกครั้งที่เรียกใช้จะต้องสูญเสียพลังิญญาเป็จำนวนมาก
หลิงเฟิงเก็บดาบอ่อนเข้าไปในฝักที่คาดไว้ตรงเอว ตัวฝักดาบทำมาจากหนังของอสูรปีศาจซึ่งฝังอัญมณีไว้ ร่างของหลินเฟิงกะพริบหายไปราวกับเงา เขาเริ่มฝึกเคล็ดวิชาตัวเบาต่อ
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า หลินเฟิงที่พักอยู่บนหน้าผานี้ มองไปยังทะเลเมฆที่ลอยเอื่อยๆ อยู่ตรงหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มสดใสออกมา
‘ในมือถือดาบเปื้อนเื ที่ใจมีแสงจันทร์กระจ่างดุจเกล็ดน้ำค้าง ยามเหลือบมองลงมา ภูผาช่างเล็ก!’
“ถึงเวลาไปหาถ้ำฝึกแล้ว” หลินเฟิงนั่งพักอีกครู่ใหญ่ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินไปทางูเา
ไม่นานหลิงเฟิงก็พบถ้ำอยู่สองสามแห่ง แต่ถ้ำเ่าั้ก็มีคนแล้ว หลินเฟิงตัดสินใจเดินต่อไปอีกเล็กน้อย ก่อนจะมาถึงูเาแห่งหนึ่ง เมื่อมองไปทีู่เาลูกนี้ ดวงตาของหลินเฟิงเป็ประกายขึ้นมา
“ช่องผา!” ด้านหน้ามีูเาสูงอยู่ลูกหนึ่ง ซึ่งตรงกลางของูเาลูกนี้ดูราวกับถูกดาบั์ผ่าออกจากกัน และตรงกลางยังมีทางเดินแคบๆ ที่พอให้คนแค่สองคนเดินผ่านเข้าไปเท่านั้น เมื่อมองจากไกลๆ จะเห็นท้องฟ้าเป็เส้นเดียว
“ไม่รู้ว่าข้างในจะมีอะไรอยู่” หลิงเฟิงคิดในใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปในช่องผา
ดูเหมือนว่าธารน้ำในูเาก็ไหลมาจากช่องผานี้เช่นกัน
ไกลออกไป มีศิษย์สองคนเห็นหลินเฟิงเดินเข้าไปในช่องผา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “ไอ้ขยะนี่มันโชคร้ายจริงๆ ในละแวกนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่า ที่ตรงนั้นเป็ที่ของศิษย์น้องหลิ่วเฟย มันช่างกล้าจริงๆ ที่เดินเข้าไป”
“พลังของหลิ่วเฟยแข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก และถูกจัดให้อยู่ในระดับสูงของหมู่ศิษย์สายนอก นายควรเรียกนางว่าศิษย์พี่สิถึงจะถูก”
ในขณะที่ศิษย์ทั้งสองกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น หลินเฟิงก็เดินเข้าไปในช่องผาได้ร้อยกว่าเมตรแล้ว ทันใดนั้นดวงตาก็พลันเบิกกว้างขึ้น ด้านในนี้เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ที่นี่มีพื้นที่ที่กว้างขวาง และด้านซ้ายยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ด้วย
ไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากทะเลสาบ ที่แท้ก็เป็น้ำพุร้อนธรรมชาติ
“เป็สถานที่ที่ดีจริงๆ ข้าสามารถอาบน้ำที่นี่ได้” เสื้อผ้าบนร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำให้หลินเฟิงรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว หลินเฟิงถอดเสื้อผ้าท่อนบนออก ก่อนจะะโลงไปในน้ำพุร้อน
“สบายยิ่งนัก” หลินเฟิงกล่าวออกมาอย่างมีความสุข แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงน้ำกระเซ็นดังมาจากอีกด้านหนึ่งของน้ำพุร้อน เส้นไหมสีดำสนิทโผล่พ้นขึ้นมาจากทะเลสาบ หลินเฟิงได้เห็นใบหน้าที่สวยงามของเด็กสาวนางหนึ่ง
เด็กสาวคนนั้นอายุราวๆ 15 - 16 ปี นางมีใบหน้าที่เรียวได้รูปและคิ้วใบหลิว นับได้ว่าเป็สาวงามวิลาสล้ำคนหนึ่ง และเนื่องจากว่าผู้คนในโลกนี้ต่างก็บ่มเพาะพลัง ดังนั้นจึงมีผิวพรรณดี ต่อให้ไม่ต้องแต่งหน้าก็ยังสวยงามเป็ธรรมชาติ
แต่สายตาของเด็กสาวคนนี้ดูไม่ค่อยเป็มิตรเท่าไรนัก ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายไฟแห่งความโกรธ หลิ่วเฟยกำลังฝึกกลั้นหายใจในน้ำอยู่ และคาดไม่ถึงเลยว่า ในนิกายจะมีศิษย์สารเลวเปลือยอกลงมาอาบน้ำในที่ของนาง
“ขออภัย ข้าไม่รู้ว่ามีคนอยู่ที่นี่” หลินเฟิงส่งยิ้มลุแก่โทษไปให้ จากนั้นก็ลุกเดินออกมา แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักหลิ่วเฟย สาวงามอันดับหนึ่งของศิษย์สายนอก
แต่สีหน้าของหลิ่วเฟยไม่ได้ดีขึ้นเลย ไม่รู้? ศิษย์ของนิกายหยุนไห่ที่ฝึกวิชาในูเาลูกนี้ มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าช่องผาแห่งนี้เป็สถานที่ฝึกของนาง เ้าสารเลวน้อยนี่ตั้งใจจะล่วงเกินนาง!
ความจริงแล้วหลินเฟิงไม่รู้ว่าที่นี่มีคนอยู่ เนื่องจากหลินเฟยคนก่อนมีนิสัยขี้ขลาด ดังนั้นจึงไม่เคยมาฝึกฝนทีู่เา
ถึงแม้ว่าหลิ่วเฟยจะงดงามมาก แต่หลินเฟิงก็หวั่นไหวเพียงแค่ครู่เดียว และไม่มีความคิดเป็อย่างอื่น หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็รีบทะยานจากไปทันที
“เ้าคิดจะไปไหน” ในขณะที่หลินเฟิงกำลังจะออกจากช่องผา ทันใดนั้นน้ำเสียงเ็าก็ดังขึ้น เมื่อหลินเฟิงหันกลับไปมองก็พบว่าหลิ่วเฟยกำลังง้างคันธนูและเล็งมาที่ตัวเขาอยู่
“แล้วเ้าคิดจะทำอะไร?” หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขายังไม่ได้ล่วงเกินอะไรเลย นี่มันก็แค่เื่เข้าใจผิด นอกจากนี้เขาก็เอ่ยปากขอโทษนางไปแล้วด้วย
ไม่มีคำตอบจากนาง ร่างกายอันน่าหลงใหลของหลิ่วเฟยตั้งท่ายิงธนู นางวางลูกศรลงบนคันธนูแล้วปล่อยสาย
เสียงหวีดหวิวดังขึ้นมา พร้อมลูกศรสีทองแหวกอากาศและพุ่งเข้าหาหลินเฟิง
“แข็งแกร่ง” แววตาของหลินเฟิงดูสั่นไหว แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ลังเลที่จะใช้คลื่น์เก้ากระแทกตอบโต้
ลูกศรที่ถูกปล่อยออกมานั้นทรงพลังเป็อย่างมาก ยามที่ลูกศรดอกนี้ฝ่าอากาศจะส่งเสียงแหลมสูงตลอดเวลา
คลื่น์เก้ากระแทกโจมตีไปยังลูกศรที่พุ่งเข้ามา ด้วยระลอกคลื่นอันบ้าคลั่งทำให้ลูกศรชะงักค้างอยู่กลางอากาศสักพัก ก่อนจะร่วงลงพื้น
“เ้า้าฆ่าข้า?” น้ำเสียงของหลิงเฟิงแฝงไปด้วยความโกรธ ลูกศรดอกนี้มีพลังถึง 7,000 จิน ถ้าเป็หลินเฟิงคนก่อน เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้
“ใช่ แล้วจะทำไม” หลิ่วเฟยกล่าวออกมาขณะที่ง้างธนูอีกครั้ง ทันใดนั้นเองด้านหลังของหลิ่วเฟยก็ปรากฏลูกศรสีทองขึ้นมา
ในใจของหลินเฟิงพลันสั่นสะท้าน ความหนาวเย็นได้แพร่กระจายไปทั่วร่าง สำหรับเขาแล้วลูกศรดอกนั้นราวกับจะปิดกั้นลมหายใจของเขา
จิติญญาแห่งลูกศร สามารถปิดกั้นลมหายใจของศัตรูเพื่อโจมตีได้ นี่เป็เอกลักษณ์เฉพาะของจิติญญาแห่งลูกศร
“ฟิ้ว…” เพียงชั่วพริบตาคันธนูก็สั่นไหว
“เคล็ดวิชาตัวเบาเคลื่อนไหวดั่งเงา คลื่น์เก้ากระแทก” หลินเฟิงถอยหลังไปสิบเมตร แล้วปล่อยคลื่นพลังโจมตีลูกศร แต่ครั้งนี้กลับทำได้แค่ชะลอความเร็วของลูกศร เสียงฟิ้วๆ ที่ดังออกมาทำให้หลินเฟิงใจสั่น เพราะลูกศรดอกนี้เล็งมาที่หน้าผากของหลินเฟิง
หลิ่วเฟยจัดอยู่ในประเภทศิษย์สายนอกที่โดดเด่น นางบรรลุขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 9 เมื่อใช้จิติญญาแห่งลูกศร ลูกศรจึงมีพลังมากกว่า 9,000 จิน ดังนั้นคลื่น์เก้ากระแทกที่หลินเฟิงใช้จึงไม่สามารถหยุดลูกศรนี้ได้
หลินเฟิงเอนหลังหลบลูกศรที่พุ่งเข้ามา แต่ทว่าลูกศรดอกนี้ถูกควบคุมด้วยจิติญญาแห่งนักรบ ทำให้มันดูเหมือนมีชีวิตและสามารถตีโค้งกลับมาสังหารหลินเฟิงต่อ
“ย้าก…!!!” หลินเฟิงะโ ก่อนที่แสงสว่างสีขาวจะเจิดจ้าขึ้น และหายไปในวินาทีต่อมา
“เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้า หลินเฟิงจะจำไว้”
เสียงที่ลอยมาจากที่ไกลๆ ทำให้หลิ่วเฟยตกตะลึง ลูกศรของนางถูกตัดออกเป็สองส่วน และตัวหลินเฟิงก็หายไปจากช่องผานี้แล้ว ความเร็วนี่มันน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว
“นั่น... คลื่นดาบเหรอ?” หลิ่วเฟยพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะไล่ตามออกไป
ไม่ไกลจากช่องผานัก ศิษย์สองคนที่ปักหลักรอชมเื่สนุกก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อเห็นหลินเฟิงทะยานออกมาจากช่องผา หลิ่วเฟยไม่ได้จัดการไอ้ขยะนั่นหรอกเหรอ?
หรือบางทีศิษย์น้องหลิ่วเฟยอาจจะคิดว่า มันไม่มีค่าพอที่จะให้ลงมือ
แต่ในตอนนั้นเองพวกเขาก็เห็นหลิ่วเฟยพุ่งออกมาจากช่องผาในสภาพที่เสื้อแนบลู่ไปกับร่าง เรือนกายที่แสนเย้ายวนเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์นั่น ทำให้พวกเขาต้องกลืนน้ำลายลงคอและเม้มปากแน่น พวกเขาไม่กล้าที่จะชะโงกหัวขึ้นมา ได้แต่แอบชมวิวที่หายากอย่างเงียบๆ
ทุกคนรู้ว่าหลิ่วเฟยแข็งแกร่งมาก นอกจากนี้ยังมีศิษย์ในนิกายหยุนไห่จำนวนมากตามจีบ ซึ่งในบรรดาคนที่ตามจีบไม่เพียงมีแค่ศิษย์สายใน กระทั่งศิษย์หลักที่แข็งแกร่งก็ยังมี ถ้าหากมีคนรู้ว่าพวกเขาได้เห็นเรือนร่างของหลิ่วเฟย เกรงว่าพวกเขาคงไม่ได้ตายดีแน่ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้