เห็นหลินฟู่อินมั่นใจยิ่งนัก แม่นางเยว่คิดว่าเป็ผู้อื่นที่นายท่านเรียกนางมาเพื่อช่วยเหลือ จึงได้พยักหน้าโดยไม่กล่าวอะไรอีก
ผ่านไปสักพักเหล่าลิ่วก็ต้มน้ำเดือดมาให้ ทั้งยังนำใบชามาอีกด้วย เขาเป็คนล้างถ้วยชา ต้มชาและยกมาให้ เห็นเช่นนี้หลินฟู่อินจึงให้เขานั่งลงดื่มชาด้วยกัน
เหล่าลิ่วจึงได้ชงชาอีกถ้วยแล้วนั่งลงด้วยอีกคน
วันนี้นายท่านให้เขามาช่วยทำธุระให้คุณหนูหลิน เขาย่อมต้องอยู่ที่นี่ด้วย
ทั้งสามคนดื่มชาด้วยกันแล้ว หลินฟู่อินก็พาทั้งสองไปซื้ออุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ และวัตถุดิบที่จำเป็ เครื่องมือทดแทนมีอยู่มาก แต่เครื่องมือดีๆ กลับหายาก สุดท้ายหลินฟู่อินจึงเลือกซื้อเครื่องกระเบื้องดีๆ มาแทน
พอซื้อเสร็จนางก็กลับไปจัดการฆ่าเชื้อทำความสะอาด แม่นางเยว่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าแปลกประหลาด ขั้นตลอดการผลิตชาดของร้านไฉ่จือไจก็ใส่ใจเื่ความสะอาดมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นเดียวกับคุณหนูหลินผู้นี้
จะอุปกรณ์ก็ดี จะขวดหรือไหก็ดี ต่างก็ต้องเอาไปล้างน้ำแล้วต้มก่อนอีกครั้ง
เมื่อหลินฟู่อินเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้ว นางก็ชั่งน้ำหนักอิ้งจือซวน เจี่ยน [1] น้ำ กันโหยว และกลิ่นดอกเก๊กฮวยหอมหวานที่แม่นางเยว่เตรียมให้ ก่อนจะเริ่มพัฒนาชาดโดยมีแม่นางเยว่คอยช่วยเหลือ
นางเขียนขั้นตอนการผลิตอย่างละเอียดเอาไว้ในกระดาษล่วงหน้าแล้ว เมื่อทำขั้นไหนเสร็จก็จะขีดถูกเอาไว้ที่ขั้นตอนนั้น แต่ครั้งนี้เป็การทดลอง ไม่ได้แปลว่าจะสำเร็จได้ในครั้งเดียว แม่นางเยว่ไม่รู้ว่าคนกำลังจะทำอะไร แต่ก็ฟังคำสั่งเป็อย่างดีไม่ว่าจะต้องทำอะไร ต้องทำอย่างไร
สำหรับแม่นางเยว่ที่เคยอยู่ในร้านใหญ่อย่างไฉ่จือไจ สิ่งนี้ไม่ได้ท้าทายแม้แต่น้อย ทำให้นางอดรู้สึกสนใจน้อยลงไม่ได้
หลินฟู่อินมีสมาธิสูงมาก แน่นอนว่าไม่ได้สนใจความคิดของอีกฝ่าย
ความตั้งใจของนางได้ผล หลังจากทดลองไปหลายสิบครั้ง ในที่สุดก็พบอัตราส่วนของวัตถุดิบที่ถูกต้องเสียที นางจึงจดบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด
เวลาไม่นาน ชาดก็ก่อตัวเป็รูปเป็ร่าง ในโหลเต็มไปด้วยชาดทาหน้าที่มีกลิ่นหอมหวานของดอกเก๊กฮวยจากการทดลองของหลินฟู่อินในห้องนั่งเล่น ภายในพริบตา ห้องนั้นก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอบอวล
กระทั่งกลิ่นอับในบ้านก็ยังถูกกลบไป
“หอม หอมเหลือเกิน!” เหล่าลิ่วสูดจมูกฟุดฟิด หรี่ตาเคลิบเคลิ้ม
แม่นางเยว่เชื่อแล้วจริงๆ นางบอกตัวเองว่าก็ควรเป็เช่นนี้ คนเหนือคน ูเาเหนือูเา!
ยามนี้นางคิดเสียใจว่าในตอนที่หลินฟู่อินลงมือทำ นางไม่ได้ใส่ใจจริงจัง… แต่เื่นั้นไม่เป็ไร ในเมื่อนายท่าน้าทำกิจการกับคนผู้นี้ คุณหนูย่อมต้องบอกขั้นตอนการทำมาแน่
หลินฟู่อินมอง ‘ครีมหิมะ’ ที่ทำสำเร็จด้วยรอยยิ้มพอใจ คุ้มแล้วที่เสียเวลาไปเกือบวัน!
“ทุกคนลองดูว่าได้ผลหรือไม่” หลินฟู่อินทราบว่าสิ่งนี้ปลอดภัยไม่เป็อันตรายต่อผิวจึงได้กล้าให้แม่นางเยว่และเหล่าลิ่วทดลอง ตัวนางก็ใช้ปลายนิ้วแตะชาดขึ้นมาทาหลังมืออย่างระมัดระวัง
โอ เพียงทาลงบนหลังมือก็หายวับไป ดูดซึมได้ดีมาก หลังมือรู้สึกชุ่มชื้นขึ้นมาก ผิวก็ดูนิ่มลงเมื่อัั
แม้ผลด้านการดูแลผิวจะไม่ได้ชัดเจนนัก แต่หลินฟู่อินก็กล้ารับประกันว่า ‘ชาดหิมะ’ ที่นางทำวันนี้ไม่มีทางด้อยกว่าชาดทาหน้าที่ดีที่สุดของไฉ่จือไจ!
“แม่นางเยว่คิดยังไงเ้าคะ?” หลินฟู่อินยิ้มถาม
แม่นางเยว่คุ้นเคยกับชาดที่สุด ของดีไม่ดี นางย่อมตอบได้ชัดเจน
ที่จริงแม่นางเยว่เองก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกทันทีที่ทาชาดลงบนหลังมือ
ไม่ใช่เพียง ‘ชาดหิมะ’ นี้น่าอัศจรรย์ ทว่าเทียบเท่าชาดทาหน้าที่ดีที่สุดของร้านไฉ่จือไจ อันที่จริงกระทั่งชาดของทางนั้นยังอาจด้อยกว่าในเื่กลิ่น
แต่ของสิ่งนี้ทำด้วยวิธีการที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน วัตถุดิบที่ใช้เต็มไปด้วยสิ่งที่คล้ายน้ำ นางจะไม่ใได้อย่างไร?
นางทราบว่าของที่หลินฟู่อินใช้ล้วนมีราคาถูก บ้างก็เป็ขยะที่ผู้อื่นทิ้งไป ต้นทุนถูกกว่าวัตถุดิบสูงค่าของร้านไฉ่จือไจไม่รู้เท่าไร
ตอนนี้เอง แม่นางเยว่จึงเข้าใจว่าเหตุใดนายท่านจึงให้ความสำคัญกับคุณหนูหลินมาก ไม่เพียงเรียกตัวนางกลับมาช่วยงาน กระทั่งส่งคนอย่างเหล่าลิ่วมาช่วยทำธุระให้
ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว สายตาที่มองหลินฟู่อินเปลี่ยนไป นางเคารพยิ่งขึ้น ทว่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเป็เพราะริษยาหรืออย่างไร…
“คุณหนู ชาดละลายนี้ดีจริงๆ ทามือแล้วรู้สึกเลยว่านุ่มนวลขึ้น!” เหล่าลิ่วก็ใช้มือใหญ่เท่าใบพายนั่นลองทาครีมด้วย จากนั้นจึงกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “เสียดายที่กลิ่นแรงเกิน จนรู้สึกราวกับกลายเป็สตรี”
คนพูดไม่ตั้งใจ แต่คนฟังใส่ใจ หลินฟู่อินคิดทันทีว่าจะทำชุดที่ไม่มีกลิ่นสำหรับบุรุษชาวเป่ยหรงด้วย
หากคนอย่างเหล่าลิ่วคิดว่าใช้ง่าย บุรุษทั่วไปก็ไม่น่าจะเลือกมากนัก
“อ้าว นายท่านมาแล้ว!” เห็นตวนมู่เฉิงเข้ามาพร้อมผู้เป็นาย เหล่าลิ่วก็รีบวิ่งไปหาตวนมู่เฉิงและหวงฝู่จิน ยกของให้อีกฝ่ายด้วยสองมือ
ตวนมู่เฉิงไม่ใส่ใจ หันไปทักทายหลินฟู่อินที่เอ่ยปากสวัสดีเขาก่อน จากนั้นจึงยิ้มให้หวงฝู่จินพร้อมทักทายชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
“สำเร็จจริงๆ” หวงฝู่จินเองก็ดีใจยิ่งนัก เด็กน้อยคนนี้บอกว่าจะทำ เขาเองยิ่งเชื่อในความสามารถของนาง ทำให้สายตาที่มองหลินฟู่อินอ่อนโยนลง
ตวนมู่เฉิงคร้านจะวุ่นวายกับคนโง่งมอย่างเหล่าลิ่ว จึงได้ขยับเข้าไปดูผลงานของหลินฟู่อิน พอได้กลิ่นแล้วก็อดยื่นนิ้วออกไปแตะเนื้อชาดมาทาที่หลังมือสองข้างไม่ได้
จากนั้นสีหน้าก็กลายเป็ยินดี เขามองหน้าหวงฝู่จิน “นายท่าน ได้ผลจริงๆ ขอรับ!”
หลินฟู่อินใช้ปลายนิ้วก้อยปาดชาดขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นมือให้หวงฝู่จิน “ท่านลองดู ไม่เป็อันตรายเ้าค่ะ”
หวงฝู่จินเห็นดังนั้นก็ยื่นมือออกไป ให้หลินฟู่อินเป็คนทาบนหลังมือทั้งสองข้างให้ตัวเอง
หวงฝู่จินมองปลายนิ้วนุ่มนวลด้วยดวงตาแวววาว ก่อนจะถูหลังมือตามที่หลินฟู่อินทำ
“กลิ่นหอมเกินไปหน่อย” ชายหนุ่มกล่าวเช่นเดียวกับเหล่าลิ่ว
หลินฟู่อินเม้มปากยิ้ม เช่นนี้ก็แปลว่าบุรุษส่วนใหญ่ไม่ชอบกลิ่นหอมจัด
“อันนี้เป็กลิ่นดอกเก๊กฮวยหวาน หากไม่้าเติมกลิ่นก็จะไร้กลิ่น หรือจะใส่เป็กลิ่นที่เบากว่านี้ หรูหรากว่านี้ก็ย่อมได้” พอหลินฟู่อินคิดก็อยากจะพัฒนาออกมาเป็หลายๆ รุ่น
แต่จะให้เรียกสิ่งนี้ว่า ‘ชาดทาหน้า’ ต่อไปก็รู้สึกเหมือนไปเลียนแบบคนอื่นมา เด็กสาวกะพริบตามองหวงฝู่จิน “เห็นคุณชายชอบอ่านตำรา ท่านต้องมีความรู้มากแน่ ท่านเป็ผู้คิดชื่อดีๆ ให้ชาดนี้เถอะเ้าค่ะ”
หวงฝู่จินชะงักไป ไม่นึกว่านางจะให้เขาเป็คนตั้งชื่อ ในเมื่อนางขอ เขาย่อมไม่อาจปฏิเสธความใจกว้างนี้ได้
คิดๆ อยู่ชั่วขณะ ก็พูดออกมาสามคำ “ชาดเสวี่ยหรง[2]”
ชาดหิมะหลอม?
หลินฟู่อินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ขนาดเลี่ยงแล้วก็ยังออกมาคล้ายกันสุดๆ ไปเลย บางทีอาจจะเป็โชคชะตาของมันก็ได้
ตวนมู่เฉิงปรบมือชื่นชม “ชื่อดี ชื่อชาดหิมะหลอมนี่เหมาะสมมากมิใช่หรือ ดูราวกับหิมะที่หลอมละลายยามทาลงบนฝ่ามือ”
หลายคนบอกว่าดี หวงฝู่จินยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจแล้วมองหน้าหลินฟู่อิน
เด็กสาวจึงพยักหน้าทันที “ข้าก็ว่าดีเช่นกัน”
รอยยิ้มบนริมฝีปากเขายิ่งกดลึก
“คุณหนู ชาดหิมะหลอมนี้ทำครั้งละมากๆ ได้หรือไม่?” ตวนมู่เฉิงถามหน้านิ่ง มองหลินฟู่อิน
เด็กสาวไม่ได้คิดเื่นี้ไว้ นางแค่คิดอยากลองทำดูก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง อย่างไรนางก็ไม่มีประสบการณ์ทำชาดทาหน้ามาก่อน ครั้งนี้ถือเป็ครั้งแรก
ตอนนี้เอง แม่นางเยว่เห็นโอกาสก็รีบก้าวขึ้นมา นางค้อมกายต่ำคารวะหวงฝู่จินแล้วกล่าวเสียงเบา “ข้าน้อยคารวะคุณชายและท่านตวนมู่”
หวงฝู่จินไม่สนใจ แต่ตวนมู่เฉิงโบกมือไปมาพร้อมรอยยิ้ม “แม่นางจะพูดอะไรหรือ?”
“ข้าน้อยติดตามคุณหนูหลินทำของสิ่งนี้อยู่ ขอเพียงมีวัตถุดิบและกำลังคน การจะจัดทำครั้งละจำนวนมากก็ทำได้ ชาดหิมะหลอมนี้ทำง่ายยิ่งกว่าชาดชั้นดีของไฉ่จือไจเ้าค่ะ” แม่นางเยว่ตอบทั้งที่ยังก้มหัว
ตวนมู่เฉิงจึงถามหลินฟู่อิน “คุณหนู้าทำเองหรือให้พวกเราทำขอรับ?”
ตวนมู่เฉิงทราบจากนายท่านว่าหลินฟู่อิน้าร่วมธุรกิจด้วย ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าไม่น่าเชื่อถือ แต่มีของจริงปรากฏอยู่เบื้องหน้า ไม่ถึงวันคนก็ทำชาดหิมะหลอมนี้ออกมาได้ พอลองดูแล้วก็ให้ผลดีมาก ประสบการณ์หลายเดือนหลายปีในการค้าขายกรีดร้องบอกเขาว่ากิจการนี้ทำได้แน่!
ไม่เพียงแค่ทำได้ แต่ขอเพียงผลิตได้มากพอ ราคาไม่แพงเกินไป ย่อมต้องทำเงินได้ ทำเงินได้มากๆ!
หวงฝู่จินรู้ว่าตวนมู่เฉิงคนนี้เหมือนจิ้งจอก เขาไม่เคยตัดสินใจอะไรหุนหันพลันแล่น คนต้องมองเห็นภาพความเป็ไปได้ของชาดหิมะหลอมนี้
ดีแล้ว ตอนที่กลับโรงเตี๊ยมเมื่อคืนเขาคิดเื่ที่หลินฟู่อินพูดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ได้ข้อสรุปว่าขอเพียงนางทำชาดได้ตามที่บอก กิจการนี้ต้องทำกำไรได้อย่างมั่นคงแน่นอน
หลินฟู่อินครุ่นคิด ตวนมู่เฉิงถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
ไม่ใช่ว่าเขาพูดหรอกหรือว่าจะดูแลแค่การขาย? แต่พอลองคิดดูแล้ว ทั้งกำลังคน ทั้งวัตถุดิบ คนของฝั่งนั้นเหมาะสมมากกว่า
ให้คนที่มีประสบการณ์อย่างแม่นางเยว่รับผิดชอบการทำชาดหิมะหลอม เช่นนี้นางก็จะได้มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่น
แต่ถ้าอย่างนั้น นางมีสูตรชาดแค่ชนิดเดียว หากผู้อื่นทำหลุดออกไป เ้าจิ้งจอกเฒ่าตวนมู่เฉิงต้องลดกำไรนางแน่
“เด็กน้อยทำอะไรพวกนี้เองจะเหนื่อยเกินไป เื่นี้ให้แม่นางเยว่จัดการเถอะ” หลินฟู่อินยังคิดไม่เสร็จ หวงฝู่จินก็อ้าปากพูดแล้ว
เห็นนายท่านออกปาก ตวนมู่เฉิงก็ยิ้มยินดี เช่นนี้เหมือนที่เขาคิดไว้ ตอนนี้นายท่านขาดเงิน ให้ฝั่งเขาจัดการเองย่อมได้เงินเร็วขึ้น
บุรุษผู้นี้ตัดสินใจแล้ว นางจะชอบหรือไม่ก็ไม่สำคัญอีก หลินฟู่อินคิด
แน่นอนว่านางยังคงยิ้ม มองตวนมู่เฉิงที่ยิ้มแล้วพูดกับนาง “แม่นางหลิน เช่นนี้ท่านสามารถบอกสูตรแล้วสอนคนของเราทำชาดได้ เอาเป็ว่าได้ส่วนแบ่งสองในสิบจากกำไรเป็อย่างไร?”
หลินฟู่อินผ่อนลมหายใจยาวในใจ ยังเป็เงินยี่สิบในร้อย นึกว่าตวนมู่เฉิงจะให้นางแค่สิบในร้อยส่วนแล้ว
“ห้าส่วน”
หวงฝู่จินพูดขึ้นกะทันหัน น้ำเสียงหนักแน่น
“นายท่าน…” ตวนมู่เฉิงวิตกเมื่อเห็นผู้เป็นายกล่าวสิ่งที่ผิดคาด แน่นอนว่าพูดเช่นนี้คุณหนูหลินต้องไม่ปฏิเสธ ไอ้หยา
นายท่านเองก็น่าจะรู้ว่าหากชาดหิมะหลอมนี้ทำออกมาได้ดีก็จะกลายเป็กิจการขนาดใหญ่ เงินที่ทำได้ย่อมไม่น้อย ถึงตอนนั้นส่วนแบ่งสองในสิบนี้ก็จะกลายเป็เงินมหาศาล
คนเป็เพียงเด็กสาวจากหมู่บ้านเล็กๆ ค้าขายร่วมกับนายท่านแล้วได้ส่วนแบ่งจากกำไรถึงสองในสิบ เท่านี้บรรพบุรุษก็คงจะจุดธูปให้นางแทนแล้ว
“ข้ากล่าวไปแล้ว” หวงฝู่จินปรายตามองตวนมู่เฉิง ก่อนจะมองหลินฟู่อิน “หากไม่มีสูตรของเ้า ไม่มีเ้าทดลองทำ ของเหล่านี้ก็คงไม่มี ส่วนแบ่งห้าในสิบนี้เ้าสมควรได้รับแล้ว”
บุรุษผู้นี้ช่างเข้าอกเข้าใจคนจริงๆ เลย!
หลินฟู่อินยิ้ม รู้สึกว่าบุรุษผู้นี้ยิ่งมองยิ่งเจริญหูเจริญตา จากที่หวั่นเกรงในตอนแรก กลายเป็ไม่อยากล่วงเกินในภายหลัง และในยามนี้ หลินฟู่อินรู้สึกว่าเขาไม่เลวเลย
“ตกลง นายท่านกล่าวมีเหตุผลขอรับ” ฟังคำของผู้เป็นาย ตวนมู่เฉิงก็แอบถอนหายใจ เช่นนี้ไม่ใช่นายท่านเช่นปกติ เห็นเงินที่ควรจะได้กลับปล่อยไปให้คุณหนูหลินเช่นนี้ แต่ในเมื่อนายท่านตัดสินใจแล้วเขาก็ไม่พูดต่อ
ล่วงเกินแม่นางหลินไม่ดี ยามนี้นายท่านดูจะชอบอยู่กับนาง เขาเองก็ไม่อยากล่วงเกินคนนำโชค
หลินฟู่อินไม่รู้ว่าสิ่งที่ตวนมู่เฉิงคิดออกจะผิดศีลธรรมไปบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร จากสถานการณ์ตอนนี้จะให้นางยี่สิบในร้อยส่วนก็ไม่เรียกว่าไร้คุณธรรม ตวนมู่เฉิงเองก็ทำไปเพื่อผู้เป็นาย
แต่พอได้กำไรสองเท่าเช่นนี้ หลินฟู่อินก็ต้องรับไว้อยู่แล้ว
“จะว่าไปแล้ว คุณหนูหลินคิดว่าราคาเท่าใดจึงจะเหมาะกับชาดหิมะหลอมที่สุดขอรับ?” ตวนมู่เฉิงโบกพัดไปมาพร้อมรอยยิ้ม ตั้งใจเอาอกเอาใจอีกฝ่าย
หลินฟู่อินไม่เคยคิดจะตั้งราคาสูงอยู่แล้ว อย่างไรนางก็ไม่คิดจะเอาชาดหิมะหลอมนี้ไปวางขายในกลุ่มลูกค้าชั้นสูงั้แ่ต้น
“ทีแรกข้าตั้งใจจะให้มีราคาครึ่งหนึ่งของชาดที่ถูกที่สุดของทางไฉ่จือไจ คิดว่าพวกท่านน่าจะสืบมาได้ว่าสินค้าที่ถูกที่สุดของทางนั้นในเป่ยหรงมีราคาเท่าไร แล้วค่อยตั้งราคาของเรา” หลินฟู่อินแนะนำ
ตวนมู่เฉิงคิดว่าราคานี้ต่ำเกินไปแต่หวงฝู่จินพยักหน้า หันไปสั่งการ “ทำตามคุณหนูหลิน หากไม่อยากให้ราคาสูงก็สามารถทำใส่ตลับที่เล็กลงอีกได้”
พอได้ยินเช่นนี้ดวงตาของเด็กสาวก็ทอประกาย มองเขาด้วยความชื่นชม หมอนี่สมองยังทำงานได้อยู่นี่!
“นายท่าน ท่านตวนมู่ คุณหนูหลิน ได้โปรดฟังข้าน้อยสักนิดเ้าค่ะ” คนในนี้ไม่สนใจถามนางที่มีประสบการณ์มากที่สุด แม้จะรู้สึกไม่ดี แต่ก็ทำได้แค่ทน
แต่เมื่อได้ยินหลินฟู่อินตั้งราคาชาดหิมะหลอมนี้ต่ำกว่าชาดที่ถูกที่สุดของไฉ่จือไจ เื่นี้นางทนไม่ได้จริงๆ
ราคาถูกขนาดนั้น ทำให้แม่นางเยว่เสียดายชาดหิมะหลอมดีๆ แทบตาย
เมื่อได้ยินเสียง หวงฝู่จินและคนอื่นๆ ก็หันไปมอง แม่นางเยว่ดูจะตื่นเต้นเล็กน้อย “นายท่านทำกิจการค้าขายชาดครั้งแรก ซ้ำชาดชนิดนี้ยังถูกสร้างขึ้นมาเป็ครั้งแรก เป็ชาดที่ใช้ง่ายเพียงนี้ ไม่เลวร้ายไปกว่าชาดที่ดีที่สุดของไฉ่จือไจเลย เหตุใดจึงไม่ตั้งราคาเท่าของไฉ่จือไจเ้าคะ? ราคาถูกเพียงนี้ชวนให้เสียดายยิ่งนัก…”
ฟังคำของนาง หลินฟู่อินก็ตอบโดยไม่ต้องคิด “ไฉ่จือไจเน้นขายคนรวย ข้ากลับคิดว่าชาดหิมะหลอมนี้เป็กิจการเพื่อคนทั่วไป ราคาต่ำเพื่อให้ผู้คนซื้อได้มากขึ้น เช่นนี้ก็ได้เงินมากขึ้น ทำให้คนมากมายได้ใช้ของดีๆ เช่นนี้ไม่ดีหรือ?”
อีกอย่าง ต้นทุนการทำชาดนี่ก็ต่ำมาก แล้วเหตุใดต้องไปเอาอย่างไฉ่จือไจที่ขายของแพงเสียดฟ้าด้วย?
ยิ่งไปกว่านั้น กำไรเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ได้ต้นทุนคืนไวกว่า
แต่แม่นางเยว่รู้สึกว่าหลินฟู่อินเป็เพียงเด็กคนหนึ่ง จึงได้มองไปยังหวงฝู่จิน ทว่าชายหนุ่มกลับไม่แม้แต่จะปรายตามองนาง หญิงสาวจึงต้องยอมแพ้ หันไปมองตวนมู่เฉิงแทน
ตวนมู่เฉิงอยู่กับหวงฝู่จินมาหลายปี ย่อมเข้าใจนิสัยผู้เป็นายดี ทราบว่าสิ่งที่คุณหนูหลินพูดออกมานี้ตรงใจนายท่านแล้ว
อีกอย่าง เขาเองก็เห็นด้วยกับคุณหนูหลิน ให้คนจำนวนมากได้ใช้ของดี ตรงกับเป้าหมายของนายท่าน
มิใช่นายท่าน้าให้ชาวเป่ยหรงได้กินดีอยู่ดีมากขึ้น ได้สวมเสื้อผ้าอุ่นๆ ไม่จำเป็ต้องย้ายถิ่นฐานไปมาหรือ?
“ทำตามที่คุณหนูหลินว่า จากนี้ห้ามคนอื่นพูดจาไร้สาระอีก!” หวงฝู่จินขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทน ทันใดนั้นห้องที่ใช้เป็สถานที่ทดลองก็เงียบกริบ
หลินฟู่อินกะพริบตา ยิ้มแล้วกล่าวกับตวนมู่เฉิง “ในเมื่อมีแผนดีๆ แล้ว และตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้วด้วย ข้าจะไปทำอาหารเย็น วันนี้ทุกคนกินข้าวร่วมกันที่บ้านข้าเป็การเลี้ยงฉลองที่ทำชาดหิมะหลอมนี้สำเร็จเถอะเ้าค่ะ!”
พูดจบนางก็ลากเหล่าลิ่วมาข้างตัวอีกครั้ง “พี่เหล่าลิ่ว ไปช่วยข้าจุดไฟด้วยนะเ้าคะ”
เพราะตอนออกไปซื้อของวันนี้นางซื้อวัตถุดิบอาหารเย็นกลับมาด้วย เพียงล้างให้สะอาดก็ทำอาหารได้เลย
เห็นนางเดินออกจากบ้าน หวงฝู่จินก็ตามไปด้วยทันที
แม่นางเยว่มองร่างสูงโปร่งสง่างามด้วยสีหน้าโศกเศร้า ในใจรู้สึกเสียดาย
หลินฟู่อินปล่อยเื่ชาดทาหน้าไปจากใจ เพราะอย่างไรอีกหน่อยนางก็ไม่ต้องกังวลเื่กิจการนี้แล้ว อันที่จริงเื่นี้ผลออกมายอดเยี่ยมมาก ทำให้ผ่อนคลายไปมาก ทั้งยินดี ทั้งสบายใจ
เห็นมุมปากนางยกสูงขึ้นทุกทีๆ หวงฝู่จินก็ยกมือปิดปากกระแอม “อย่ารีบดีใจไป ข้าขอถามเ้า ในเมื่อคิดว่าควรจะขายชาดหิมะหลอมนี้เพื่อทำเงินจากคนทั่วไป เช่นนั้นเ้ามีแผนจะขายให้พวกขุนนางยังไงหรือ?”
หวงฝู่จินทราบว่าหลินฟู่อินคงไม่ทำเพียงชาดหิมะหลอมแน่นอน คนจนคนทั่วไปมีมากทำเงินได้ง่าย แต่เขาก็รู้ว่านางชอบหาเงินจากคนรวยมากกว่า
หลินฟู่อินยิ้ม “คุณชายจะรีบร้อนไปทำไมเ้าคะ รอดูยอดขายของชาดหิมะหลอมก่อนเ้าค่ะ”
ชาดตัวนี้ยังไม่วางขาย นางมีเวลาคิดค้นสินค้าตัวใหม่ที่เหมาะกับคนรวย เป็การเพิ่มสารประกอบบางชนิดที่ดีต่อผิวเข้าไป เื่นี้นางต้องศึกษาให้ดีก่อน
อย่างเช่นพวกเวชสำอางที่นางคุ้นเคย แต่ไม่ใช่เวชสำอางทุกอันจะเหมาะกับทุกคน
หวงฝู่จินเห็นความมั่นใจของนางก็เลิกคิ้ว รอยยิ้มลึกลับผุดขึ้นในดวงตา
ทันใดนั้นในใจก็นึกขบขันขึ้นมา เขามองบ้านหลังใหญ่โตที่ตกแต่งงดงามแล้วพูดช้าๆ “บ้านเ้าดีมาก ข้าเบื่อการนอนที่โรงเตี๊ยมแล้ว นับจากคืนนี้ข้าจะมาอยู่ที่นี่กับเ้า”
-----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เจี่ยน หมายถึง อัลคาไลน์ โซดา หรือด่าง
[2] ชาดเสวี่ยหรง (雪融膏) ออกเสียงคล้ายกับ 雪花膏 ที่แปลว่าครีมหิมะ ชื่อที่เรียกกันทั่วไปของครีมยี่ห้อหย่าซวง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้