ดวงตาของมู่ชิงเซียวเปล่งประกายน้อยๆ เขามองเฟิ่งเฉี่ยนอย่างประหลาดใจ หรือที่นางพูดเมื่อสักครู่ว่าทุกอย่างอยู่ในความควบคุม มิใช่คำพูดที่พูดเพียงส่งๆ แต่เป็ความจริง
เฟิ่งเฉี่ยนมีสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง นางรวบรวมสมาธิและความตั้งใจดึงเอาทุกๆ วิธีการเดินหมากที่ร้ายกาจที่สุดใน 《ตำราทักษะการเดินหมากล้อม》ชนิดที่สามารถสร้างจักรวาลได้ ล้วนนำออกมาใช้หมดแล้ว เพื่อเป็การป้องกันไว้ก่อน นางยังหยิบยืมกลยุทธ์ปากกระเป๋าของเซวียนหยวนเช่อมาใช้แล้วด้วย ทุกย่างก้าวล้วนใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด แต่ต่อให้เป็เช่นนี้ นางก็ยังรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก นางคิดว่าการต่อสู้ควรจะยากลำบากอย่างยิ่งยวด ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเป็ถึงยอดฝีมือระดับเจ็ด!
แต่คิดไม่ถึงว่าฝีมือการเดินหมากของหานไท่ฟู่นั้นห่างไกลจากที่นางจินตนาการเอาไว้มาก กลยุทธ์ปากกระเป๋าของนางตั้งค่ายกลได้อย่างราบรื่น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
หรือนางพูดถูกแล้วจริงๆ หานไท่ฟู่ชราภาพแล้ว ดังนั้นฝีมือการเดินหมากจึงถดถอยลง
หากห่านไท่ฟู่ได้ยินเสียงในใจของนางในตอนนี้ คงจะโมโหจนขาดสติกระมัง!
ที่จริงแล้วมิใช่เป็เพราะฝีมือการเดินหมากของหานไท่ฟู่ถดถอย แต่เป็เพราะหลังจากที่เฟิ่งเฉี่ยนเรียนรู้ศาสตร์การเดินหมาก คู่ต่อสู้คนแรกที่นางต้องประลองฝีมือด้วยนั้นฝีมือแข็งแกร่งเกินไป จึงทำให้นางคิดไปเองว่า แม้นางจะศึกษา 《ตำราทักษะการเดินหมากล้อม》มาแล้ว ทว่าเมื่ออยู่บนโลกของการเดินหมากล้อม ฝีมือของนางยังคงอยู่ห่างชั้นอีกมาก!
ทว่าความจริงไม่ได้เป็เช่นนี้...
หานไท่ฟู่มีสีหน้าตกตะลึง เมื่อเขามองอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณาแล้ว หากวินาทีนี้เขายังคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็เพียงคนนอกที่เดินหมากไม่เป็อีก เช่นนั้นเขาคงเป็คนมีดวงตาทว่าไร้แววเกินไปแล้ว!
เขาเพิ่งจะรู้สึกตัวและได้สติแจ่มแจ้งว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงแต่เดินหมากเป็เท่านั้น แต่ยังเป็ยอดฝีมือที่มิอาจมองข้ามคนหนึ่ง!
ไม่เพียงแต่หานไท่ฟู่ที่มีท่าทีจริงจังขึ้นมา บรรยากาศรอบกายแปลกไปจากเดิม คนทั้งหมดแทบจะกลั้นหายใจเมื่อลุ้นสถานการณ์บนกระดานหมาก
หานไท่ฟู่เป็ถึงยอดฝีมือระดับเจ็ด ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือระบือไกล เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายไม่ไหวเอน ตัดสินใจอ่อนข้อให้อีกฝ่ายสองก้าว ได้ใช้กลยุทธ์เปลี่ยนกระบวนเดินหมากและทำลายค่ายกลปากกระเป๋าของนางลงได้!
มือของเฟิ่งเฉี่ยนที่ถือหมากอยู่นั้นชะงักน้อยๆ น่าสนใจ!
หานไท่ฟู่เห็นนางชะงักงันจึงหัวเราะเสียงดังลั่น “แค่ค่ายกลปากกระเป๋าคิดจะทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากหรือ เ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะขึ้นมาเช่นกัน “ใช่แล้ว การทำลายค่ายกลปากกระเป๋านั้นไม่ยาก แต่ไม่รู้ว่าค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมจะเป็อย่างไร”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหานไท่ฟู่แข็งค้าง ดวงตาเบิกโต เมื่อเขาจับจ้องสายตามองไปแล้วถึงกับโง่งมไปเลยทีเดียว นี่มันใช่ค่ายกลปากกระเป๋าที่ไหนกัน ชัดเจนเหลือเกินว่าเป็ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยม!
นางถึงกับ...ถึงกับแปรค่ายกลอีกแล้ว!
ผู้คนที่ล้อมเข้ามาดูการเดินหมากต่างพากันงงงันเช่นกัน
“ค่ายเจดีย์สามเหลี่ยมหรือ ค่ายกลโบราณที่กล่าวกันว่ามีเพียงยอดฝีมือระดับเก้าเท่านั้นที่กล้านำมาใช้หรือ ไฉนนางจึงกล้าเอามาใช้ได้”
“นางไม่เพียงแต่กล้านำมาใช้ แต่ทำสำเร็จแล้วด้วย!”
“นี่เป็ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมในตำนานจริงๆ ด้วย! ยอดฝีมือที่อยู่ต่ำกว่าระดับเก้าไม่มีทางรับมือได้!”
“ข้าเข้าใจแล้ว ค่ายกลปากกระเป๋าเป็เพียงเหยื่อล่อ ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมจึงจะเป็ค่ายกลที่ปลิดชีพ”
“วิธีนี้ช่างล้ำเลิศจริงๆ”
ค่ายกลโบราณที่ยอดฝีมือระดับเก้าเท่านั้นถึงจะกล้าแตะต้องหรือ ยอดฝีมือต่ำกว่าระดับเก้าไม่มีทางเอาชนะได้หรือ
เฟิ่งเฉี่ยนเองก็เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เช่นกัน ที่แท้ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมร้ายกาจเช่นนี้นี่เอง มิน่าเล่านางเดินหมากกับเซวียนหยวนเช่อ อย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้!
นางสูดลมหายใจเย็นวาบเข้าปอดลึกๆ เมื่อพบความจริงว่า นั่นหมายถึง ความสามารถในการเดินหมากของเซวียนหยวนเช่อก้าวเข้าสู่ยอดฝีมือระดับเก้าแล้ว
นางเป็เพียงผู้ที่เริ่มศึกษาคนหนึ่ง เพิ่งจะเดินหมากเป็ก็ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับเก้าคนหนึ่ง นางจะโชคร้ายเกินไปกระมัง
ชนะผายลมอันใดกัน
นางลอบขบฟัน เซวียนหยวนเช่อท่านดียิ่งนัก เพื่อไม่ให้ข้าได้รับรางวัล ท่านถึงกับยกเอาค่ายกลโบราณออกมาเดินหมากกับข้า ท่านละอายแก่ใจบ้างหรือไม่ เอาชนะอย่างไร้คุณธรรม!
ฝั่งตรงข้าม หานไท่ฟู่โกรธจนกระทืบเท้า เขาชี้นิ้วสั่นระริกมาที่นาง “เ้าๆๆ...เ้าต่ำทรามเกินไปแล้ว! ชั่วร้ายเกินไป!”
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วหัวเราะ “หานไท่ฟู่ อย่าได้มีโทสะจนขาดสติ ระวังสุขภาพด้วย!”
มู่ชิงเซียวมองนางอย่างเห็นขัน นางพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้หานไท่ฟู่ลุกขึ้นกระทืบเท้าได้แล้ว หากนางได้เปรียบเขาเพียงแค่การพูดการจาก็แล้วไปเถิด แต่นี่นางกลับมีฝีมือการเดินหมากที่ล้ำหน้าไปกว่าเขาอีกด้วย ช่างทำให้คนโมโหตายโดยไม่ชดใช้ชีวิตจริงๆ!
ทว่าเขากลับยิ่งมองยิ่งชมชอบ ยิ่งเห็นว่าน่ารัก
“เ้าอย่าได้ลำพองใจ! ข้าจะต้องทำลายค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมของเ้าได้แน่!” หานไท่ฟู่พูดด้วยโทสะ
ทว่าความจริงได้พิสูจน์ว่าหานไท่ฟู่เพียงแค่คุยโวเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามกู้สถานการณ์อย่างไร เจดีย์สามเหลี่ยมของหมากดำยังคงยืนหยัดมั่นคง ค่อยๆ กินหมากขาวของเขาไปทีละตัวๆ
สุดท้ายคนทั้งสองประมือกันไปทั้งหมด 185 ก้าว หมากดำชนะแปดตัวเป็บทสรุป
เฟิ่งเฉี่ยนชนะ!
หานไท่ฟู่มองกระดานหมากที่เขาพ่ายแพ้ด้วยสายตางงงัน ไม่กล้าเชื่อว่าตนเองพ่ายแพ้แล้วจริงๆ
หากพ่ายแพ้ให้กับนักเดินหมากอาชีพก็แล้วไปเถิด แต่นี่กลับเป็มือสมัครเล่นคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นางกำนัลเล็กๆ คนหนึ่ง!
สำหรับเขาแล้วเื่นี้กระทบกระเทือนจิตใจเขารุนแรงเกินไป!
เขานิ่งไปเนิ่นนานกว่าจะได้สติคืนมา
ทว่าคนที่อยู่รอบกายกลับวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“ท่านาุโหานถึงกับพ่ายแพ้หรือ เป็ไปได้อย่างไร”
“คนผู้นี้มีที่มาอย่างไรกันแน่ เหตุใดจึงเก่งกาจเช่นนี้”
“เมื่อสักครู่คุณชายมู่มิใช่บอกแล้วหรือ นางเป็เพียงนางกำนัลเล็กๆ คนหนึ่ง”
“นางกำนัลเล็กๆ คนหนึ่งถึงกับเอาชนะยอดฝีมือระดับเจ็ดได้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!”
“ไม่เพียงแต่เป็เพียงเื่เหลือเชื่อ แต่เป็เื่ที่ยากจะเชื่อ!”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบกระหยิ่มใจ ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมนี้เป็ค่ายกลที่นางแอบพักลักจำมาจากเซวียนหยวนเช่อ และนางก็เสียเปรียบเขาเพราะค่ายกลนี้ สู้กี่ครั้งก็พ่ายแพ้ทุกครั้งไป แม้ตอนนี้นางจะยังไม่รู้ว่าจะทำลายค่ายกลอย่างไร แต่การเลียนแบบเขาจะทำไม่ได้เชียวหรือ
นางต้องขอบคุณที่ไม่ถอดใจที่จะตามตื๊อเซวียนหยวนเช่อ ด้วยคิดจะทำลายค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมให้จงได้ เขาเองไม่อาจจะสอนนางอย่างหมดเปลือก จึงได้แต่ให้นางเลียนแบบ
นางลุกขึ้นเพื่อยิ้มเยือน “หานไท่ฟู่ ข้าชนะแล้ว! ตามข้อตกลงของพวกเรา ท่านจะต้องรับปากเงื่อนไขข้าข้อหนึ่ง”
หานไท่ฟู่ยังไม่ได้เดินออกมาจากความพ่ายแพ้ในการเดินหมาก
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นเขาไม่พูดไม่จาจึงพูดอีกว่า “ได้ยินว่าในเรือนของไท่ฟู่มีแมวเทพสองหางอยู่ตัวหนึ่ง หลายวันนี้จะบำเพ็ญตน เงื่อนไขของข้าก็คือข้า้าแมวตัวนี้ของท่าน!”
หานไท่ฟู่พลันได้สติคืนมาเขาตบโต๊ะและพูดว่า “เ้าเลิกคิดได้เลย! ข้าไม่มีทางมอบแมวตัวนี้ให้เ้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว “เมื่อสักครู่พวกเราตกลงกันแล้ว ท่านแพ้ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขข้าหนึ่งเื่ เหตุใดท่านจึงไม่รักษาคำพูด”
หานไท่ฟู่พ่นลมหายใจออกจากจมูกด้วยความโมโหและพูดปัดความรับผิดชอบ “หมากกระดานเมื่อสักครู่ไม่นับ! ข้าไม่รู้ว่าเ้าเดินหมากเป็ ดังนั้นจึงไม่ได้ตั้งใจเดินหมากกับเ้า หากเ้ามีความสามารถพวกเรามาเดินหมากกันอีกหนึ่งกระดาน ครั้งนี้ ข้าจะต้องชนะเ้าได้แน่”
เฟิ่งเฉี่ยนเหลือกตาขาวมองบน “เป็ถึงไท่ฟู่? ซ้ำยังเป็รองหัวหน้าชุมนุมหรือ ไม่รักษาคำพูด รู้จักละอายแก่ใจบ้างหรือไม่”
หานไท่ฟู่สะบัดหน้าคำรามใส่นาง “ข้าจะไม่รักษาคำพูดเช่นนี้แหละ เ้าจะทำอะไรข้าได้ อย่าลืมว่าคนที่ขอร้องข้าคือเ้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนโกรธจนต้องขบฟันแน่น ทว่าเขาพูดถูก ตอนนี้ผู้ที่ขอร้องคือนาง เขาเดินหมากพ่ายแพ้ อย่างมากก็แค่เสียหน้า แต่นางกลับต้องทิ้งแมวเทพ ไม่เพียงแต่ต้องทิ้งตำแหน่งฮองเฮา ซ้ำยังต้องไปจากวังหลวงในสภาพอเนจอนาถ เมื่อคิดเช่นนี้แล้วยังคงเป็นางที่ตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ
“ได้ เดินหมากอีกกระดานก็ได้! ครั้งนี้ ข้าจะต่อให้ท่านสองก้าว!”
ภายในห้องเดินหมากเกิดเสียงฮือขึ้นทันที
“อวดดีเหลือเกิน!”
“ก็แค่เอาชนะไปได้แค่กระดานเดียว ถึงกับพูดจาคุยโวโอ้อวดว่าจะต่อให้ นางไม่เห็นท่านาุโหานอยู่ในสายตาจริงๆ”
“เมื่อสักครู่ท่านาุโหานต่อให้นางสองก้าว นางจึงโชคดีเอาชนะไปได้ นางคิดว่านางชนะด้วยความสามารถที่แท้จริงของนางหรือ!”
“ท่านาุโหานไม่มีทางยอมรับปากหรอก! เขาเป็ถึงผู้าุโของวงการเดินหมาก จะยอมให้คนรุ่นหลังอ่อนข้อให้ได้อย่างไร”