“นักเรียนทุกคน”
หลี่อวี้จือเดินมายังหน้าห้อง นักเรียนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงียบลง แล้วมองไปเบื้องหน้าด้วยความสนใจ
“วันนี้ห้องเรียนของเรามีนักเรียนมาใหม่ เชิญนักเรียนใหม่แนะนำตัวเลยจ้ะ ทุกคนปรบมือต้อนรับหน่อย”
เสียงปรบมือดังขึ้น หลิงเมิ่งก้าวมายังหน้าชั้นพร้อมโค้งคำนับเล็กน้อย
“สวัสดีทุกคน ฉันชื่อหลิงเมิ่ง หลิง…คือแซ่เดียวกันกับหลิงอิน เมิ่ง มาจากคำว่า ‘ความฝัน’ เมิ่งเสี่ยง”
ในเวลานั้นไม่มีใครสนใจประโยคหลังเลยสักนิด เพื่อนร่วมห้องทุกคนต่างถูกดึงดูดด้วยประโยคหน้า
วันที่มีการตรวจสุขภาพ ทุกคนในห้องเรียนอยู่ที่นั่น เื่ที่อุ้มลูกมาผิดคนทุกคนรับทราบดี ดังนั้นคนที่กำลังยืนพูดอยู่หน้าห้องตอนนี้คือบุตรสาวที่แท้จริงของตระกูลหลิง?
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หลิงอินไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ จริงหรือ
ในเวลานั้นสายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ซูอิน
“หลิงอิน…เธอไม่ต้องรู้สึกลำบากใจนะ”
ด้านข้างมีคนสะกิดแขนเธอ ตามมาด้วยเสียงปลอบโยนเบาๆ ซูอินหันไปมองก็พบว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอ สวีเหวินเหวินกำลังมองมา
ในความทรงจำของเธอ เพื่อนร่วมโต๊ะคนนี้เป็คนขี้อาย โดยปกติเป็คนพูดน้อย นิสัยดี ใน่วิกฤตมักจะเป็คนแรกที่ออกมาปลอบโยนเธอ
“อืม ขอบใจนะ”
หลายปีมานี้ซูอินไว้ผมหน้าม้าหนาๆ มาตลอด ระดับความยาวคงปิดตาแล้ว วันนั้นก่อนเข้าเรียนเธอจึงมัดผมหางม้าแบบง่ายๆ และเก็บผมหน้าม้าขึ้นทำให้รู้สึกสบาย
สวีเหวินเหวินรู้สึกว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของตนมีบางอย่างเปลี่ยนไป เมื่อลองพิจารณาดูดีๆ ก็พบว่าแตกต่างไปจากเดิมจริงๆ อีกฝ่ายรวบหน้าม้าขึ้น เผยให้เห็นหน้าผากขาวเนียน ในขณะเดียวกัน ดวงตาที่ถูกบดบังมาหลายปีก็ถูกเผยให้เห็นเช่นกัน
เป็ครั้งแรกที่เธอพบว่าอินอินมีดวงตาสวยงาม ตาสองชั้น ส่วนสีขาวและดำแยกกันชัดเจน กลมโตสดใส รู้สึกตะลึงในแวบแรกที่เห็น เมื่อดูอีกหลายครั้งก็พบว่ามันช่างงดงาม เมื่อดวงตาคู่นี้ปรากฏ มันทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ซูอินรับรู้ได้ถึงท่าทีประหลาดใจของเพื่อนร่วมโต๊ะ แต่เธอเข้าใจเป็ในความหมายอื่น อันที่จริงเมื่อเปรียบเทียบกับรูปลักษณ์ที่อ่อนแอก่อนหน้านี้ของเธอ มันทำให้เธอดูแตกต่างไปมาก ที่คนรอบข้างประหลาดใจก็คงเป็เพราะเหตุผลนี้
แต่ว่าไม่้าปกปิดอีกต่อไปแล้ว
แค่คุกเข่ามานานเกินไป และรู้ดีว่าการลุกขึ้นยืนนั้นยากเพียงใด ในขณะเดียวกัน เธอก็รับรู้ว่าการลุกขึ้นยืนมันรู้สึกดีขนาดไหน
เธอหันกลับไปดูหลิงเมิ่งที่ยืนพูดอยู่หน้าห้อง อีกฝ่ายก็มองเธอเช่นกัน เมื่อดวงตาสองคู่ประสานกัน เธอพยักหน้าอย่างเป็ธรรมชาติเพื่อต้อนรับนักเรียนใหม่
สีหน้าของหลิงเมิ่งเปลี่ยนไป นี่ไม่เหมือนกับที่เธอคิด คนปกติควรได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ
ไม่ต้องพูดถึงซูอินที่อยู่ในสถานการณ์ราวกับตกจาก์ลงสู่นรก ต่อให้เป็เธอเองได้รับรู้ว่าตนเองมีบิดามารดาที่แสนดี มาจากครอบครัวที่มั่งคั่ง สิ่งดีๆ เช่นนี้ร่วงจากฟ้าตกใส่ศีรษะ ในตอนแรกตัวเธอก็แทบจะรับไม่ไหว เธอแอบรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่จะต้องแยกจากบิดามารดาที่อยู่ด้วยมาตลอดสิบหกปี เตรียมตัวเตรียมใจอยู่หลายวันจึงค่อยๆ ปรับตัวได้
แต่ทำไมซูอินถึงทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลิงเมิ่งใมากจนลืมไปว่าตนเองกำลังแนะนำตัวอยู่ จนได้ยินเสียงกระแอมจากคุณครูที่ปรึกษาด้านข้าง เธอถึงได้ดึงสติกลับมา
“ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่โรงเรียนมัธยมในตัวตำบล ผลการเรียนไม่ดีสักเท่าไร โรงเรียนทดลองถือเป็โรงเรียนที่ดีที่สุดในเมือง ที่นี่มีคุณครูและเพื่อนนักเรียนที่ดี ฉันหวังว่าหลังจากนี้จะได้เรียนกับคุณครูที่ดีและได้รับการช่วยเหลือที่ดีจากเพื่อนร่วมชั้น สุดท้าย ฉันขอให้สองสัปดาห์ก่อนสอบเข้าชั้นมัธยมปลายของพวกเราบรรลุผลที่ดี”
นี่คือการแนะนำตัวที่หลิงเมิ่งเตรียมตัวมาอย่างดี ก่อนหน้านี้เธอท่องมันจนขึ้นใจ แสดงต่อหน้ากระจกหลายรอบ เมื่อเตรียมการมาอย่างดี การแสดงครั้งนี้ผลลัพธ์จึงออกมาดี
ใครๆ ต่างก็ชอบฟังสิ่งดีๆ หลิงเมิ่งก้าวออกมาจากตำบลเล็กๆ และยกย่องโรงเรียนทดลองนี้ั้แ่โรงเรียน คุณครู และนักเรียนโดยไม่มีข้อบกพร่อง ทั้งคุณครูและเพื่อนร่วมชั้นต่างก็อยู่ที่นี่ ทำให้พวกเขารู้สึกดีมาก
หลี่อวี้จือนึกถึงเข็มกลัดคริสตัลติดหน้าอกบนโต๊ะในห้องสำนักงาน ซึ่งเป็สิ่งที่อู๋อู๋มอบให้เธอเมื่อครู่ที่เจอกัน กล่องของสวารอฟสกี้ที่เรียบง่ายและหรูหรา เธอเคยไปที่เคาน์เตอร์สินค้าในมณฑล และรู้ว่าถึงแม้จะเป็เพียงเข็มกลัดติดหน้าอกอันเล็กๆ แต่ก็มีราคาหลายพันหยวน
ซึ่งเท่ากับเงินเดือนเกือบสองเดือนสองเธอ
แม้แต่หลิงเมิ่งก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความบริสุทธิ์และสวยงามราวกับเข็มกลัดคริสตัล เธอยิ้มอย่างอบอุ่นและเป็คนนำปรบมือ
เสียงปรบมือดังขึ้น หลิงเมิ่งจับชายเสื้อของตนเองโดยซุกมือไว้ เมื่อเจอสภาพแวดล้อมใหม่ เพื่อนร่วมชั้นแปลกหน้า ทำให้เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพียงไม่นานเหงื่อก็ไหล
“นักเรียนใหม่นั่งกับหลิงอิน พวกเธอเป็พี่น้องกัน จะได้คอยช่วยเหลือกัน”
อะไรนะ?
พี่น้องหรือ นักเรียนใหม่เป็บุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลหลิงจริงๆ หรือ คำพูดของหลี่อวี้จือถือเป็คำยืนยันว่าข่าวลือเป็ความจริง ในเวลานี้สายตาของเพื่อนร่วมห้องมองมาที่ซูอินอีกครั้ง
เมื่อตกเป็จุดสนใจอีกรอบ ซูอินก็ชะงัก เธอลืมไปเสียสนิทว่ามีเหตุการณ์นี้ด้วย
เธอคิดว่าหลีกเลี่ยงเื่ชุดนักเรียนได้แล้วตนเองจะนอนหลับได้อย่างสบายใจ ไม่นึกเลยว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นทีละอย่างโดยไม่คาดคิด ทำให้ยากต่อการป้องกัน
เธอนึกได้แล้ว อันที่จริงเื่ที่กระโปรงหลุดในครั้งนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ เพียงแต่หลิงเมิ่งซึ่งเป็เพื่อนร่วมโต๊ะของเธอในตอนนั้นคุกคามเธอทุกรูปแบบ เวลาเรียนก็แย่งกระดาษข้อสอบกับปากกาไป บางครั้งก็สะกิดแขนและเหยียบเท้าเธอ เลิกเรียนก็คอยไล่ตามและถามคำถามมากมาย คาบวิชาพละก็ยิ่งเกาะติดเธออย่างกับขนมหนิวผี[1] ทำให้เธอสับสนงุนงง จนไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจอย่างอื่น
เมื่อนึกถึงการกระทำเล็กๆ น้อยๆ เ่าั้ของหลิงเมิ่งที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน ซูอินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว การที่เธอทำการบ้านติดๆ ขัดๆ เมื่อวานนี้ ทำให้รู้ถึงระดับปัจจุบันของตนเอง เหลือเวลาเพียงสองสัปดาห์ เธอจำเป็ต้องตั้งใจเรียน
เธอไม่สามารถยอมให้หลิงเมิ่งมาเป็เพื่อนร่วมโต๊ะเรียนของเธอได้อีก ซูอินขมวดคิ้ว
แต่เธอไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไร เธอมีท่าทีลังเล หลิงจื้อเฉิงยกโต๊ะเรียนมาถึงหน้าห้องเรียนโดยมีอู๋อู๋เดินตามมา
หลี่อวี้จือเข้าไปต้อนรับทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม หลิงเมิ่งก็เดินเข้าไปด้วย
“คุณพ่อ คุณแม่ ทำไมยังไม่กลับคะ แบบนี้จะกระทบต่อเวลาทำงานนะคะ หนูไม่อยากให้เสียเวลาการทำงานเพราะหนู” เธอเอ่ยขอโทษเบาๆ น้ำเสียงแสดงท่าทีออดอ้อน
อู๋อู๋มองเธอด้วยความรัก “เมิ่งเมิ่งอาจจะไม่้าชุดนักเรียนใหม่ แต่โต๊ะเรียนถือเป็สิ่งจำเป็นะจ๊ะ”
เดิมทีหลังห้องเรียนมีโต๊ะนักเรียนตัวเก่า แค่เช็ดถูทำความสะอาดก็ใช้ได้ แต่อู๋อู๋ไม่อยากให้บุตรสาวรู้สึกไม่เป็ธรรม เมื่อผ่านฝ่ายวิชาการ เธอจึงจ่ายเงินเพื่อซื้อโต๊ะเรียนใหม่ จากนั้นจึงให้หลิงจื้อเฉิงผู้แข็งแรงขนโต๊ะตัวนี้ขึ้นมาที่นี่
หลิงเมิ่งรีบมารับโต๊ะเรียนไปจากมือของหลิงจื้อเฉิง “เดี๋ยวหนูยกเองค่ะ”
เดิมทีอากาศในฤดูร้อนค่อนข้างร้อน ยังดีที่ในบ้านและในรถมีเครื่องปรับอากาศ แต่โรงเรียนทดลองนี้ไม่มี เมื่อครู่หลิงเมิ่งลงจากรถก็ตรงไปยังอาคารสำนักงานพร้อมกับที่ปรึกษาซุน จากนั้นขึ้นบันไดมายังตึกเรียน ใน่เวลาสั้นๆ เธอวิ่งขึ้นมาพร้อมกระเป๋าหนังสือที่หนัก ทำให้มีเหงื่อออก
ส่วนอื่นๆ ยังคงปกติดี มีเพียงยางยืดของกระโปรงที่หุ้มด้วยแถบยางหนาซึ่งทำจากผ้าสองชั้น และเป็จุดที่เหงื่อออกง่ายที่สุด เหงื่อซึมซับผ้าชั้นใน เข้าไปในยางยืด เหงื่อที่ออกมามีอุณหภูมิเท่ากับร่างกาย ัักับด้ายที่ละลายน้ำได้ ในตอนที่หลิงเมิ่งแนะนำตนเอง ด้ายละลายน้ำก็คลายตัวออกอย่างรวดเร็ว ทำให้ยางยืดเริ่มหลวม
เมื่อหลิงเมิ่งก้มตัวยกโต๊ะ การออกแรงที่เอวทำให้ยางยืดหลุดออกจากกัน ส่วนของผ้าที่ทับไว้คลายออก เอวจึงหลวม
ในตอนที่นักเรียนทุกคนกำลังให้ความสนใจ กระโปรงนักเรียนของหลิงเมิ่งก็ลื่นลงมาที่บั้นท้าย
----------------------------------------------------------------------------
[1] ขนมหนิวผี หมายถึง การเปรียบเปรยว่าเกาะติดหนึบ เพราะขนมหนิวผี เป็ขนมที่มีเนื้อเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น มีกลิ่นหอม ทำจากน้ำตาลทรายขาว งาขาว แป้ง และถั่วลิสง มีรสชาติหลากหลายด้วยการเติมถั่วสน สตรอว์เบอร์รี พุทราจีน หรือแม้แต่สีส้มจากน้ำผลไม้ลงไป