เมื่อนางกลับมาถึงตำหนัก ซ่งอี้เฉินก็รออยู่ก่อนแล้ว ขณะที่นางก้าวเข้าไปในห้องพลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอำพันตลบอบอวลไปทั่วห้อง
เหยียนอู๋อวี้เดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย เห็นเพียงใบหน้าของซ่งอี้เฉินที่แทบจะจมอยู่ในกองฎีกา
อาจจะรับรู้ได้ว่าเป็เสียงฝีเท้าของเหยียนอู๋อวี้ ซ่งอี้เฉินที่แต่เดิมยังเปิดอ่านฎีกาอยู่จึงเงยศีรษะขึ้นมามอง พลางเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วงเสียงแ่ “ปกติจะเห็นเ้าอยู่แต่ในตำหนัก จนป่านนี้ไฉนจึงเพิ่งกลับมา?”
หากคำนวณตามเวลา ซ่งอี้เฉินอาจรู้ั้แ่ครั้งแรกที่เกิดเหตุตรวจค้นตำหนักหลัง ยามนี้เขาเอ่ยถามนางเช่นนี้ ้าอันใดกันแน่?
“ไทเฮาทรงสงสัยว่าหม่อมฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเหล่านี้ จึงรั้งหม่อมฉันอยู่ซักถามสองสามประโยคเพคะ” เหยียนอู๋อวี้เอ่ยพลางเดินไปอยู่ข้างกายซ่งอี้เฉิน ก่อนจะล้มลงบนกองฎีกาโดยมิได้ตั้งใจ
นี่เป็ฎีกาถอดถอน ส่วนใหญ่จะเขียนว่าเดิมทีซิ่วหนี่ว์ตำหนักหลังมีน้อยอยู่แล้ว เพิ่งเข้าวังก็สูญเสียไปสองคน ประเด็นหลักคงเป็เพราะในวังหลวงไร้คน จึงทรงเขียนฎีกาทูลขอให้ฝ่าาแต่งตั้งฮองเฮา
เมื่อเห็นฎีกาเหล่านี้ แววตาของเหยียนอู๋อวี้พลันมืดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนหน้านี้นางได้ยินมาว่าขุนนางเฒ่าพวกนี้ปกติจะเป็พวกกินอิ่มแล้วไม่มีงานทำ สายตาล้วนจับจ้องตำหนักหลัง
ยามนี้ดูแล้วเป็เช่นนั้นจริง เพียงแต่ศึกชิงตำแหน่งฮองเฮากลับไม่ใช่การคัดเลือกซิ่วหนี่ว์ อีกทั้งฝ่าาทรงโปรดปรานเพียงอย่างเดียวไหนเลยจะเพียงพอ?
หากตำแหน่งสำคัญในวังหลวงไม่ว่างเว้นไปนาน ไหนเลยจะมีผู้ใดมีความคิดเช่นนี้
“โอ้? จริงหรือ?” ซ่งอี้เฉินปรับน้ำเสียงเล็กน้อย สายตาคล้ายกำลังไต่ถาม ทว่าความจริงแววตากลับกำลังมองประเมินสีหน้าของเหยียนอู๋อวี้
เพียงแต่น่าเสียดายที่เหยียนอู๋อวี้มีสีหน้าไม่สะทกสะท้านและไม่ตื่นตระหนกเลยสักกระผีก ทำให้ซ่งอี้เฉินไม่เห็นความผิดปกติอันใดเลย
“ทูลฝ่าา หม่อมฉันไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จริงๆ เพคะ พระองค์กล่าวว่าเชื่อใจหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ?” มุมปากของเหยียนอู๋อวี้ขยับเล็กน้อย คล้ายน้อยอกน้อยใจเล็กๆ ทว่าดวงตากลับแสดงอารมณ์แตกต่างกันอย่างชัดเจน ไหนเลยจะมีความไม่พอใจ
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น จู่ๆ เสียงของเว่ยหรูไห่พลันดังขึ้นด้านหลังของเหยียนอู๋อวี้
“ฝ่าา ไทเฮาเชิญพระองค์เสด็จไปหาพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงที่ปรากฏอย่างกะทันหันนี้ทำให้ร่างกายของเหยียนอู๋อวี้สั่นเทิ้มอย่างอธิบายไม่ได้ และเผยท่าทางตื่นใออกมา
“บ่าวสมควรตาย ทำให้นายหญิงท่านใ” เว่ยหรูไห่คุกเข่าขออภัยบนพื้นทันที
“บ่าวไม่ได้เื่ผู้นี้ก็เป็เช่นนี้ ไฉนอวี้เอ๋อร์จึงต้องคิดเล็กคิดน้อย?” ซ่งอี้เฉินวางมือบนเอวบอบบางของเหยียนอู๋อวี้อย่างแ่เบาพลางเหยียดมือหนุ่มแน่นออกมา
มือที่เดิมทีแตะลงบนแก้มของเหยียนอู๋อวี้ ทว่าจู่ๆ กลับเปลี่ยนไปจับคางของเหยียนอู๋อวี้แทน ออกแรงเพียงเล็กน้อยนางก็ถูกบังคับให้สบสายตากับซ่งอี้เฉิน
ทันใดนั้นเหยียนอู๋อวี้พลันรู้สึกว่าบนริมฝีปากของตนเองนุ่มลงอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ตามด้วยกลิ่นอำพันระลอกหนึ่งพัดพาเข้าสู่จมูกนาง
เมื่อนางได้สติกลับคืนมา คนเบื้องหน้าก็เดินไปไกลแล้ว
“ป้าโฉ่ว ยกน้ำมา” ความเขินอายทั้งหมดบนใบหน้าของเหยียนอู๋อวี้จางหายไป เหลือเพียงสายตาเ็า
นึกไม่ถึงเลยว่าซ่งอี้เฉินจะจุมพิตนาง? ไม่รู้ริมฝีปากเขาแนบกับริมฝีปากสตรีนางอื่นมากมายเพียงใด นางจึงต้องทำความสะอาดให้ดีเสียหน่อย
เหตุการณ์เมื่อครู่ย่อมอยู่ในสายตาของป้าโฉ่ว นางก้มหน้าเดินไปเอ่ยข้างกายเหยียนอู๋อวี้ “นายหญิง เวลานี้ไม่รู้ว่ามีสายตากี่คู่กำลังจับจ้องเรา พวกเราควรระมัดระวังให้มากเ้าค่ะ”
นางเอ่ยพลางเหลือบไปเห็นผ้าสี่เหลี่ยมลายดอกเหมยหนึ่งผืนจึงยื่นไปให้เหยียนอู๋อวี้
เหยียนอู๋อวี้เช็ดริมฝีปาก ก่อนโยนผ้าสี่เหลี่ยมผืนนั้นทิ้งแล้วเดินสาวเท้ามายังกลางตำหนัก
ความจริงแล้วเมื่อครู่ที่เว่ยหรูไห่เข้ามาใกล้นางแค่เพียงห้าจั้งนั้น นางััรู้ได้นานแล้ว นางเพียงแค่แสร้งทำเป็ไม่รู้เท่านั้นเอง
ทว่าวันนี้ซ่งอี้เฉินผิดปกติมากจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่า…..มือนางแตะบนริมฝีปาก
น่าขยะแขยงเสียจริง
แววตารังเกียจของนางหายวับไปในทันที ใบหน้างดงามเผยรอยยิ้มออกมา
เวลานี้มีเงาร่างหนึ่งปรากฏอยู่นอกประตูพอดิบพอดี
“ฝ่าาเชิญนายหญิงไปตำหนักอี้คุนอีกรอบพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหรูไห่เงยหน้าขึ้นพบรอยยิ้มบนใบหน้าของเหยียนอู๋อวี้พอดี
“ข้าจะไปทันที” เหยียนอู๋อวี้กวาดสายตามองป้าโฉ่วที่อยู่ด้านข้างอย่างเลี่ยงไม่ได้
ป้าโฉ่วสบตาของเหยียนอู๋อวี้ นางพลันก้มหน้าอย่างเข้าใจอยู่ในที ก่อนจะพยุงนางออกจากตำหนักเฟิ่งชัยพร้อมกันด้วยความนอบน้อม
การไปครั้งนี้ อาจเพราะเว่ยหรูไห่เป็ผู้นำทาง จึงเข้าสู่ตำหนักอี้คุนอย่างราบรื่นยิ่งนัก
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในตำหนัก เมื่อฮวารั่วซีที่เดิมทีนั่งอยู่บนต่ำแหน่งสูงเห็นว่าเหยียนอู๋อวี้มาถึงแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะลุกขึ้นเดินลงมาจูงมือนางอย่างสนิทสนมพลางกล่าวว่า “เมื่อครู่ฝ่าาเพิ่งมาถึงก็โหยหาน้องหญิงแล้ว ช่างเป็วาสนาของน้องหญิงเสียจริง!”
ปากเอ่ยวาจาน่าฟัง ทว่ามือกลับกระชับแน่นอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
มือเรียวงามของเหยียนอู๋อวี้ปรากฏรอยแดงเป็จ้ำหลายจุดในเวลาเพียงชั่วครู่
“ซูเฟยกล่าวเกินไป…...แล้ว แค่ก…...” สีหน้าของเหยียนอู๋อวี้ที่แต่เดิมยังดีๆ อยู่พลันเปลี่ยนเป็ซีดขาวในพริบตา เืสีดำพุ่งออกมาจากปากนางหนึ่งค่ำ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก ทุกคนเห็นเพียงฮวารั่วซีกับเหยียนอู๋อวี้พูดคุยกันอยู่เท่านั้น เหตุใดพริบตาเดียวเหยียนอู๋อวี้จึงอาเจียนออกมาเป็เื
ฮวารั่วซีหน้าถอดสี จิตใต้สำนึกของนางบอกว่าต้องสะบัดมือตนเองออกทันที ทว่าเมื่อคิดจะปล่อยมือ เหยียนอู๋อวี้กลับบีบมือนางไว้แน่น คล้ายกลัวว่านางจะวิ่งหนีไป
“อวี้เอ๋อร์?” ซ่งอี้เฉินสีหน้าเปลี่ยนทันที ก่อนจะโผเข้าไปกอดร่างที่จวนจะล้มลงของเหยียนอู๋อวี้ไว้อย่างรวดเร็วพลางเอ่ยถามเสียงแ่เบา “เ้าเป็อันใด?”
เหยียนอู๋อวี้ยื่นมือออกไป หมายจะเอ่ยอันใดบางอย่าง ทว่ากลับหมดสติไปเสียก่อน
ทันใดนั้นตำหนักอี้คุนพลันเกิดความโกลาหลขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้