นาเซียส่ายหน้าหนี เธอเหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยแสงแดดที่สว่างจ้าเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ข้างเตียงนอน เธอพยายามที่จะพลิกตัวหนี แต่แสงแดดที่ส่องเข้ามามันช่างเชิญชวนให้เธอลุกออกจากเตียง นานแค่ไหนแล้วที่จะมีแสงสว่างเช่นนี้ส่องมาถึงกาบริเอล ดูเหมือนมีใครบางคนเข้ามายุ่งกับผ้าม่านของเธอ ผ้าม่านกำมะหยี่สีทองถูกรวบไว้อีกมุมหนึ่งของขอบหน้าต่าง นาเซียขบริมฝีปากเล็กน้อยอย่างเคยตัว เธอมองไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมมื้อเช้า
“ทานนี่หน่อยซิคะ” อีวอน นางคือผู้ที่สามารถเข้าออกห้องนี้ได้ เพราะได้รับอนุญาตจากมิกาเอล
“มิกาเอลละคะ” นาเซียรีบถามทันทีในขณะที่อีวอนวางถ้วยซุปไว้ข้างเตียง เธอมองใบหน้าที่เรียบนิ่งของคนตรงหน้า นางคงไม่ค่อยพอใจเสียเท่าไหร่ที่เธอกลับมาที่กาบริเอลอีกครั้ง เพราะนางคงไม่้าสนับสนุนคนอย่างนาเซียอย่างแน่นอน
“มิกาเอลเดินทางเข้าพระราชวังั้แ่เมื่อค่ำแล้ว หากคุณ้าอะไรเพิ่มกรุณาเอ่ยเรียกฉันข้างประตู” กล่าวจบอีวอนก็ปิดประตูออกไป นาเซียนั่งคิดเพียงครู่ก็รีบวิ่งไปที่ประตูก่อนเอ่ยขึ้น
“มิกาเอลจะกลับมาเมื่อไหร่คะ” เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหรือไม่ ในขณะที่อยู่ในห้องนอนแห่งนี้ มิกาเอลกำลังทำสิ่งใดไปบ้าง เขาจะปลอดภัยดีเหมือนที่กล่าวกับเธอไว้หรือไม่
“คุณไม่จำเป็ต้องถามเื่นี้ หากมิกาเอลกลับมา เขาจะมาพบคุณเอง” เสียงตอบอย่างรำคาญของอีวอนทำให้เธอไม่สบายใจนัก ดูเหมือนจะมีเื่เกิดขึ้นกับมิกาเอล ท่าทางของอีวอนกำลังโกรธเธอราวกับว่าเธอได้ทำร้ายสหายของเขา
“ฉันขอโทษ ฉันตั้งใจที่จะทำมันเพื่อมิกาเอลจริง ๆ นะคะ” นาเซียหันหลังพิงบานประตูห้องนอน เธอรู้สึกไม่สบายใจ และคิดถึงวันแรกที่เธอได้พบกับมิกาเอล ดูเหมือนเขาพยายามช่วยเหลือเธอมาตลอด แต่สำหรับเธอแล้วไม่อาจช่วยเหลืออะไรเขาได้เลย ความน้อยเนื้อต่ำใจนี้คืออะไรกัน นาเซียพิจารณามองห้องนอนตนเองที่เขาจัดไว้ให้อีกครั้ง ทุกอย่างล้วนดูดีไปหมด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก นาเซียสะดุ้งตัวอีกครั้งเมื่อเสียงเคาะเรียกที่ประตู ความสงสัยพุ่งตรงไปยังประตูห้องนอนตรงหน้าเธอเบิกตาโพลงมองดูร่างเล็กที่กำลังเข้ามา
“เซลีน!!” ไหนมิกาเอลกล่าวว่ามีเพียงอีวอนเท่านั้นไงที่สามารถเข้ามาที่ห้องนี้ได้
“สวัสดีค่ะพระชายานาเซีย” เซลีนย่อตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่อยู่ติดหน้าต่าง นางมองตาเธอเพียงเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าออกไปด้านนอก นาเซียยืนมองด้วยความตกตะลึง ‘หรือมิกาเอลอนุญาตกัน?’
“.....” นาเซีย
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ฉันทำตามสัญญานั่นอย่างดีเลยล่ะ” น้ำเสียง เล็ก ๆ เอ่ยออกมา เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดูเหมือนเซลีนไม่ได้มาเพื่อบอกสิ่งนี้จริง ๆ
“ขอบคุณนะคะ” นาเซียนั่งลงตรงข้ามพร้อมกับจดจ้องแววตาสีน้ำทะเลตรงหน้า มันดูสงบเงียบเสียกว่าท้องฟ้าราตรียาม จนเธอคาดเดาความคิดของเซลีนไม่ออก นางช่างไม่ตรงกับเนื้อหาที่กล่าวไว้เลยสักนิด ในเนื้อหาเปรียบเซลีนดั่งกับแสงของดวงอาทิตย์ยามเช้า ท่าทางของเซลีนช่วยให้ทุกคนสบายใจ แต่กลับเธอในตอนนี้ทำไมรู้สึกอึดอัดที่ได้จ้องแววตานั่น
“พระชายาไม่ควรหนีไปเป็เช่นนั้น หากเป็การลงนามถือสัญญา คุณควรที่จะรับผิดชอบเื่นี้” เซลีนเอ่ยห้วน ๆ
“แล้วหากเลดี้ไม่ชอบตัวเลือกเ่าั้ล่ะ ควรจะทำเช่นไรดี” นาเซียรีบ กล่าว แม้ดาร์เรลจะเป็ผู้สนับสนุนรายใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าไม่มีวิธีอื่นเลย เธอมองว่าเป็เพราะลาฟาซเสียมากกว่าที่้าใช้เธอเป็เกาะป้องกันให้กับเซลีน แล้วทำไมกัน ทำไมต้องเป็เธอด้วย
“พระชายาก็ควรยกเลิกสัญญาก่อนที่จะลงนามยังไงละคะ”
“เพราะอะไรกัน เลดี้ถึงอยากให้ฉันอยู่ในตำแหน่งนั้น ดูเหมือนว่าเลดี้มีสิ่งใดปิดบังฉันอยู่กันแน่”
“.....” เป็ครั้งแรกที่แววตาของนางวูบไหวเหมือนกำลังหวาดกลัวบางอย่าง
“หากเื่ที่กลัวว่าท่านบารอนบอร์นเนอร์จะส่งเลดี้ไปที่วิหารละก็ เลดี้อย่าได้กลัวไปเลยค่ะ” นาเซียเอ่ยขึ้น แม้นี้จะเป็สิ่งที่เธอรู้ได้จากเนื้อหาในนิยายที่อ่านก็ตาม
“คุณรู้ได้ยังไง!!” ดวงตาของเซลีนเบิกกว้างอย่างใ นางคงใจริง ๆ นั่นแหละเพราะเื่นี้มีเพียงนางและลาฟาซเท่านั้นที่รู้เื่นี้
“ไม่สำคัญว่าฉันรู้ได้อย่างไร แต่ฉันมีวิธีที่จะช่วยให้เลดี้ไม่ต้องถูกส่งไปที่วิหารนั่น” นาเซียยกยิ้มมุมปากอย่างเ้าเล่ห์ เธอไม่รู้ว่าบารอนบอร์นเนอร์กำลังคิดการใดอยู่ แต่ดูเหมือนว่าตอนจบตระกูลบารอนจะถูกลาฟาซสั่งขังไว้ที่คุกใต้ดินเพราะได้กระทำการกดขี่ข่มเหงเซลีนมาตลอด
“คุณมีวิธีจริง ๆ หรือคะ” แววตาของเซลีนดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันดูเหมือนเด็กสาวที่ไร้เดียงสา ‘ค่อยสมกับแววตาของนางเอกหน่อย’ นาเซีย มองแววตาคู่นั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ขอเพียงเลดี้ไว้ใจ ฉันก็ยินดีช่วยเหลือค่ะ”
“คุณไม่ได้ชอบลาฟจริง ๆ หรือคะ” ดูเหมือนเซลีนคงจะยังไม่ไว้ใจเธอ เื่ที่นาเซียชอบลาฟาซ มันก็คงไม่น่าเชื่อง่าย ๆ เพราะนาเซียก็กลั่นแกล้งเซลีนไว้ไม่น้อย นางจะระแวงบ้างก็ไม่ผิด
“นั่นก็เพราะพวกเรามีสัญญาต่อกัน ตอนนี้ฉันมีคนที่ฉันชอบจริง ๆ แล้วค่ะ” กล่าวจบใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นจนเห็นได้ชัด เธอนึกถึงภาพของเธอ และมิกาเอลที่กำลังมอบความรักอย่างล้ำลึกให้แก่กันเกือบทั้ง ค่ำคืน
“พระชายาเป็อะไรหรือไม่คะ” เซลีนเอ่ยเรียกสติเธออีกครั้ง
“มะ..ไม่เป็ไรค่ะ ฉันของสาบานแห่งสถานที่แห่งนี้ว่าจะช่วยเหลือเลดี้เซลีนจากใจจริงค่ะ” นาเซียยกนิ้วทั้งสามขึ้นราวปฏิญาณ เซลีนก้มหน้ายิ้ม
“ขอบคุณนะคะ แต่ว่าทำไงดีละคะ...คือฉัน”
“เป็อะไรไปคะ” นาเซียรีบถาม ใบหน้าของเซลีนดูซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันส่งข่าวไปให้ลาฟเื่ที่พระชายาอยู่ที่กาบริเอลนี่ไปแล้ว”
“อะไรนะคะ!!” นาเซียะโออกมาด้วยความใ เธอตระหนักได้อีกครั้งว่าไม่มีใครที่สามารถไว้ใจได้เลย นาเซียมองไปทางประตูที่ปิดสนิท เสียงฝ่าเท้าที่ดูเหมือนกำลังเดินมายังที่แห่งนี้ หัวใจของเธอเต้นแรงตามจังหวะที่ฝีเท่านั้นใกล้เข้ามา ตึกตัก ตึกตัก เสียงของใจเธอแทบจะดังพอ ๆ กับเสียงฝีเท้า ‘ไม่ใช่เพียงผู้เดียวที่กำลังเดินมาที่นี่’