บทที่ 5: กลิ่นกายแห่งเชลย
ความเงียบในโรงอาบน้ำนั้นหนักอึ้งเสียจนได้ยินเสียงหยดน้ำที่หยดจากปลายผมของเมิ่งหรงซินลงสู่ผืนน้ำในอ่างไม้... แกร็บ...
กู้เหยียนหลงยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตาเ็าคู่นั้นจ้องมองนางราวกับจะแผดเผาให้มอดไหม้ไปทั้งเป็ เวลาผ่านไปราวกับชั่วนิรันดร์ ก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกได้รูปจะขยับเอ่ยคำสั่งที่ทำให้ทุกคนต้องหยุดหายใจ
"พาตัวนางออกมา"
สิ้นเสียงนั้น ทหารองครักษ์สองนายก็ปรี่เข้ามาฉุดร่างที่สั่นเทาของเมิ่งหรงซินขึ้นจากอ่างไม้ทันที นางพยายามดึงเสื้อผ้าที่เปียกแนบเนื้อออกจากร่างด้วยความอัปยศ แต่ก็ไร้ผล
"ทำความสะอาดนางซะ" เขาสั่งต่อเสียงเรียบ แต่แฝงด้วยอำนาจเด็ดขาดที่ไม่มีใครกล้าขัดขืน "แล้วพาตัวไปที่กระโจมของข้า"
ประโยคสุดท้ายนั้นดังราวกับอสนีบาตฟาดลงกลางใจของเมิ่งหรงซิน!
กระโจมของเขา...
นางเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้งด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยคำถามและความหวาดผวา แต่สิ่งที่นางได้รับตอบกลับมา มีเพียงความว่างเปล่าที่เย็นเยียบจนน่ากลัวของเขาเท่านั้น
เมิ่งหรงซินถูกพาตัวไปยังกระโจมเล็กๆ หลังหนึ่ง ที่นั่นมีหญิงชราสองคนรออยู่ พวกนางไม่พูดอะไรสักคำ เพียงจับนางอาบน้ำขัดผิวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำอาภรณ์ชุดใหม่มาให้สวมใส่ มันเป็เพียงชุดผ้าไหมสีขาวเรียบๆ ไม่มีลวดลายใดๆ แต่เนื้อผ้าที่นุ่มลื่นกลับขับเน้นให้เรือนร่างของนางดูบอบบางและยั่วยวนใจอย่างน่าประหลาด มันคืออาภรณ์ของนางบำเรอ... คือเครื่องหมายของการตกเป็สมบัติของใครบางคนโดยสมบูรณ์
หัวใจของนางเย็นเฉียบ นี่มันคือการหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ!
นางถูกคุมตัวมาจนถึงหน้ากระโจมที่ใหญ่ที่สุดในค่าย มันตั้งตระหง่านอยู่ใจกลาง ดุจราชสีห์ที่คุมฝูงสัตว์ป่า ทหารยามที่เฝ้าอยู่เปิดม่านให้นางเข้าไป ก่อนจะปิดม่านลงตามเดิม ตัดขาดนางจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ภายในกระโจมนั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง โต๊ะไม้ตัวใหญ่เต็มไปด้วยม้วนแผนที่การรบ ชั้นวางดาบและอาวุธตั้งอยู่อย่างเป็ระเบียบ กลิ่นหมึกจางๆ ผสมกับกลิ่นอายของเหล็กและอำนาจลอยอบอวลอยู่ทั่วบริเวณ... และที่มุมหนึ่ง คือเตียงไม้ขนาดใหญ่ที่ปูด้วยหนังสัตว์อย่างเรียบง่าย
กู้เหยียนหลงยังไม่เข้ามา...
ความเงียบและความโดดเดี่ยวบีบคั้นหัวใจของนางจนแทบหายใจไม่ออก นางจะทำอย่างไรดี? กรีดร้อง? ต่อสู้? หรือยอมรับชะตากรรมอย่างนางเชลยคนหนึ่ง?
ไม่! เย่ชีอินไม่เคยยอมแพ้!
นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมเป็ของเล่นของใคร นางจะสู้จนถึงที่สุด!
ความคิดนั้นทำให้นางถอยหลังไปอย่างระแวดระวัง แต่ด้วยความตื่นตระหนก ประกอบกับร่างกายที่ยังอ่อนเพลีย ขาของนางกลับไปสะดุดเข้ากับพรมหนังสัตว์ที่ปูอยู่บนพื้น
"ว้าย!"
นางร้องออกมาคำหนึ่ง ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเสียหลักล้มลงไปบน...เตียงนอนของเขา!
และในจังหวะนั้นเอง... ม่านกระโจมก็ถูกเปิดออก
กู้เหยียนหลงก้าวเข้ามา ร่างสูงใหญ่ของเขาบดบังแสงจากภายนอกจนหมดสิ้น เขากำลังจะเอ่ยปากสั่งการบางอย่างกับองครักษ์ แต่แล้วคำพูดทั้งหมดก็พลันหยุดชะงักลง เมื่อภาพที่เขาเห็นคือ...
เชลยสาวคนนั้น... นางเชลยที่ดวงตาคู่สวยมักจะทอประกายดื้อรั้นท้าทายอยู่เสมอ บัดนี้กลับนอนอยู่บนเตียงของเขาในอาภรณ์ผ้าไหมสีขาวที่ขับผิวผ่อง รอยแดงจางๆ จากการอาบน้ำปรากฏบนลำคอระหง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความใ ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยราวกับจะเอ่ยคำพูดบางอย่าง...
มันเป็ภาพที่ทั้งบริสุทธิ์และยั่วยวนในเวลาเดียวกัน...
บรรยากาศในกระโจมพลันเปลี่ยนไป อุณหภูมิราวกับจะพุ่งสูงขึ้นในบัดดล ความเ็าบนใบหน้าของกู้เหยียนหลงปรากฏรอยร้าวเป็ครั้งแรก... เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก... สัญชาตญาณดิบของบุรุษเพศกำลังต่อสู้กับวินัยของแม่ทัพอย่างรุนแรง
เขาก้าวเข้ามาในกระโจมช้าๆ ... ปล่อยม่านให้ปิดลง... ทิ้งให้ภายในเหลือเพียงความเงียบ... และแรงปรารถนาที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น.!
กู้เหยียนหลงยืนนิ่งอยู่ที่กลางกระโจม ชั่วขณะหนึ่ง... โลกทั้งใบของแม่ทัพผู้ไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งใดกลับพลันสั่นคลอนด้วยภาพของสตรีเพียงนางเดียวที่นอนอยู่บนเตียงของเขา
สายตาของเขาซึ่งปกติแล้วจะมองทุกสิ่งเป็เพียงหมากบนกระดานา บัดนี้กลับกำลังไล่สำรวจเรือนร่างของเมิ่งหรงซินอย่างช้าๆ ราวกับจิตรกรผู้กำลังชื่นชมผลงานชิ้นเอกที่หลุดออกมาจากความฝัน
ผมยาวสลวยสีดำขลับของนางที่ยังคงชื้นเล็กน้อย สยายตัวออกบนพรมหนังสัตว์สีเข้มราวกับหมู่ดาวบนท้องฟ้ายามรัตติกาล มันขับให้ผิวของนางยิ่งดูขาวผ่องสะอาดยิ่งขึ้น... ขาวราวกับหยกเนื้อดีที่ผ่านการเจียระไนมาอย่างประณีต
อาภรณ์ผ้าไหมสีขาวที่นางสวมอยู่... มันควรจะเป็สัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ แต่ในยามนี้ที่มันแนบไปกับเรือนร่างจากการที่นางล้มลง มันกลับกลายเป็สิ่งที่ยั่วยวนใจที่สุด ชายเสื้อที่เลิกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นข้อเท้าขาวเนียนและเรียวขาที่งดงาม ส่วนสาบเสื้อที่เผยอออกจากกันเล็กน้อยตรง่ลำคอ ก็ทำให้เห็นไหปลาร้าที่เด่นชัดและเนินอกอิ่มที่สั่นไหวตามจังหวะหายใจอันติดขัดของนาง
กู้เหยียนหลงไม่เคยสนใจในอิสตรี เขามองพวกนางเป็เพียงเครื่องมือทางการเมือง หรือไม่ก็เป็เพียงความอ่อนแอที่บุรุษชาตินักรบไม่ควรข้องเกี่ยว แต่สตรีที่อยู่เบื้องหน้าเขานี้... แตกต่างออกไป
นางไม่ได้มีรูปโฉมที่งดงามล่มเมืองอย่างคุณหนูในเมืองหลวงที่เขาเคยพบเจอ แต่นางมีความงามในแบบของนางเอง... ความงามที่แฝงไว้ด้วยความทรหดอดทนของชาวซีเป่ย บนผิวแก้มที่เนียนละเอียดนั้น ยังคงมีรอยฟกช้ำจางๆ เป็เครื่องย้ำเตือนถึงสิ่งที่นางได้ผ่านมา และที่สำคัญที่สุด... คือดวงตาคู่นั้น
แม้ในยามนี้จะเต็มไปด้วยความหวาดผวา แต่ลึกลงไปในแววตานั้น เขายังคงเห็นประกายไฟแห่งความดื้อรั้นและไม่ยอมจำนน... ประกายไฟที่สั่นคลอนจิตใจที่แข็งแกร่งดั่งหินผาของเขาได้อย่างน่าประหลาด
กลิ่นกาย...
กลิ่นกายของนางลอยมาปะทะกับโสตประสาทของเขา มันไม่ใช่กลิ่นเครื่องหอมราคาแพง แต่เป็กลิ่นหอมสะอาดบริสุทธิ์ของสบู่สมุนไพร ผสมกับกลิ่นอายเฉพาะตัวของนางที่หอมหวานราวกับดอกเหมยแรกแย้มในคืนเหมันต์ กลิ่นนั้นแทรกซึมเข้ามาในกระโจมที่เคยมีแต่กลิ่นเหล็กกล้าและหนังม้าของเขา... และมันปลุกสัญชาตญาณดิบที่เขาเก็บกดไว้มานานให้ตื่นขึ้น
เขาเริ่มก้าวเดิน... ช้าๆ ... แต่มั่นคง...
ทุกย่างก้าวของเขาราวกับเหยียบลงบนหัวใจที่กำลังเต้นระรัวของเมิ่งหรงซิน นางได้แต่ถดกายหนีบนเตียงกว้างอย่างสิ้นหวัง จนแผ่นหลังติดเข้ากับหัวเตียง ไม่มีที่ให้หนีอีกต่อไป
กู้เหยียนหลงมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง ร่างสูงใหญ่ของเขาทอดเงาลงมาบดบังร่างของนางจนมิด เขาไม่พูดอะไร... เพียงยื่นมือข้างหนึ่งออกมา ปลายนิ้วที่หยาบกร้านจากการจับดาบมาทั้งชีวิต ค่อยๆ เกลี่ยปอยผมที่เปียกชื้นออกจากข้างแก้มของนางอย่างแ่เบา...
ัันั้น... แม้จะบางเบา แต่กลับร้อนราวกับเหล็กที่เพิ่งออกจากเตาหลอม มันทำให้ร่างของเมิ่งหรงซินสะท้านขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม... และมันคือจุดเริ่มต้นของค่ำคืนที่นางจะไม่มีวันลืมเลือน.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้