อวิ๋นซีคิดไม่ถึงว่าตอนที่บิดาอวิ๋นอายุสิบปีจะเคยพบเจอกับเื่เช่นนี้ นางเอื้อมมือไปลูบศีรษะของหวานหว่านที่นั่งอยู่ข้างกายเบาๆ จากนั้นก็พูดว่า “ในเมื่อท่านพ่อไม่อยากยอมรับก็ไม่จำเป็ต้องยอมรับพวกเขาหรอกเ้าค่ะ ตอนนั้นท่านลำบากมามากก็ยังผ่านมาได้ ตอนนี้ไม่จำเป็ต้องเสนอตัวเข้าไปอีก ดังนั้น คราวหน้าหากคนตระกูลจางหรือตระกูลหลินมาหาท่านอีก ท่านพ่อ ท่านไม่จำเป็ต้องเกรงใจ เหวี่ยงพวกเขาออกไปเลยเป็พอ และหากคนพวกนั้นเกิดตายขึ้นมา ท่านก็ไม่ต้องกังวล ลูกจะรับผิดชอบนำไปฝังให้เอง”
จ้าวลี่เจียได้ยินคำของอวิ๋นซีก็ทนไม่ไหวถึงขนาดหลุดหัวเราะออกมา “เ้าเด็กคนนี้นี่ ร้ายกาจจริงๆ แต่ว่าข้าเองก็เห็นด้วยนะ สำหรับคนที่หน้าไม่อายเ่าั้ ไม่จำเป็ต้องเกรงใจสักนิด”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ที่หญิงชั้นต่ำคนนั้นด่าว่าอวิ๋นซาน ในใจจ้าวลี่เจียก็รู้สึกไม่สบายเป็อย่างยิ่ง แม้นางกับเขาจะยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็ความรักใคร่ แต่ก่อนหน้านี้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเดินไปด้วยกันตราบจนชั่วชีวิต ในจิตสำนึกของจ้าวลี่เจีย บุรุษผู้นี้จึงนับเป็บุรุษของตน ดังนั้น สิ่งที่เป็ของตนถูกผู้อื่นด่าว่า หากนางยังสามารถทำเป็เหมือนเื่ทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นเลยนั่นสิถึงจะแปลก
ตัวนางมีนิสัยไม่ยอมคน หากผู้อื่นไม่มาหาเื่ตนก่อน นางก็ไม่คิดจะไปหาเื่ผู้ใด ทว่า หากคนอุกอาจมาหาถึงที่ เช่นนั้นก็เป็อย่างที่อวิ๋นซีว่า เหวี่ยงออกไปเลย แต่หากเหวี่ยงออกไปแล้วยังทำตัวโอหังอีก เช่นนั้นทางเลือกสุดท้ายก็แค่ทำให้ตายเสีย
แน่นอนว่า ความคิดนี้ของจ้าวลี่เจียห้ามให้ใครล่วงรู้เป็อันขาด โดยเฉพาะบุรุษข้างกายนางคนนี้ เพราะหากถูกเขารู้เข้า ก็คงไม่ดีแน่
อวิ๋นซียิ้มบางๆ พูดเสริม “ท่านแม่ ข้าก็แค่พูดความจริงเ้าค่ะ จางเหวินเหมยผู้นั้นโอหังเกินไปแล้ว คิดว่าที่นี่คือแดนใต้หรือไร ถึงได้ทำตัววางโตเช่นนี้ นี่นางคิดจริงๆ หรือว่า ใครๆ ก็ต้องยอมให้นาง? ”
“ท่านแม่ ข้าไม่ชอบพวกเขาเลย ไล่พวกเขาออกไปจากจวนเราได้หรือไม่เ้าคะ? หากทำเช่นนั้น ท่านตากับท่านยายย่อยต้องย้ายกลับมาแน่” หวานหว่านอิงแอบอยู่ในอ้อมอกมารดา ถามเสียงเบา
เมื่ออวิ๋นซีได้ยิน ในใจก็ขบคิดถึงความเป็ไปได้ของเื่นี้ หากเป็คนทั่วไปที่ผ่านเื่เมื่อคืนมา พวกเขาจักต้องย้ายออกไปอย่างแน่นอน ทว่า พวกจางเหวินเหมยนี้ไม่ใช่คนธรรมดา หนังหน้าหนาเสียยิ่งกว่าอะไร
จ้าวลี่เจียมองอวิ๋นซี จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าใกล้หูหวานหว่านพูดสองสามประโยค เพียงเท่านั้นหวานหว่านที่ได้ยิน ดวงตาทั้งสองข้างก็เปล่งประกาย “ได้เ้าค่ะ ข้าเชื่อฟังท่านยาย”
อวิ๋นซีสงสัยนักว่า สองยายหลานพูดคุยอะไรกัน ขณะที่หวานหว่านก็ตั้งอกตั้งใจทำเป็ลึกลับ ไม่ยอมบอกอวิ๋นซี ทว่า เมื่อกลับถึงจวน จู่ๆ เด็กน้อยก็อยากจะเข้าวังไปพบไทเฮาและฮ่องเต้ อวิ๋นซีรู้นิสัยของลูกสาวตนดี หากพูดแล้วย่อมต้องทำ หากคนบอกว่าอยากจะเข้าวังก็ย่อมต้องได้ไป
และเพราะทำอะไรไม่ได้ อวิ๋นซีจึงทำได้แค่ให้เตี๋ยอีและเพ่ยเอ๋อร์ติดตามบุตรสาวเข้าวังไปด้วย...
หวานหว่านออกไปได้ไม่นาน เจิ้นหนานอ๋องก็มาหาอวิ๋นซี ทันทีที่ชายชราเห็นหน้าอวิ๋นซี ชายชาตรีเช่นเขาก็ถึงกับขอบตาแดงก่ำ เขาถามด้วยเสียงสั่นเครือ “อาซี บิดาเ้าอยู่ที่ใด? ”
อวิ๋นซีขมวดคิ้ว ในใจเข้าใจดีว่า ท่านผู้นี้คงรู้แล้วว่าบิดานางคือจางเฉินปิน บุตรชายแท้ๆ ที่หายไปของเขา นางตอบเรียบๆ “เจิ้นหนานอ๋อง บิดาข้าบอกว่าไม่มีเื่ใดให้ต้องพูดคุยกับพวกท่านคนตระกูลจางอีกแล้ว ทั้งยังหวังเป็อย่างยิ่งว่า พวกท่านจะส่งเสริมพวกเรา ไม่เข้าไปรบกวนชีวิตอันสงบสุขของบิดามารดาข้าในยามนี้”
เมื่อเจิ้นหนานอ๋องได้ยินเช่นนั้น ร่างกายก็สั่นสะท้านเล็กน้อย และเป็นานเขาถึงหาเสียงตัวเองเจอ เอ่ยถาม “เขาโกรธแค้นข้าหรือ? เ้าเองก็รู้เื่ราวในตอนนั้นแล้วใช่หรือไม่? ” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะมองอวิ๋นซี แท้จริงแล้วนางก็คือหลานสาวของตน มิน่าเล่าครั้งแรกที่เห็นเด็กคนนี้จึงได้มีความรู้สึกคุ้นเคย อีกทั้ง รูปลักษณ์ของอวิ๋นซีก็ดูคล้ายมารดา หากเป็คนที่รู้จักมารดาของเฉินปินก็จะรู้ว่า ดวงตาของอวิ๋นซีนั้นคล้ายท่านย่าของนาง
เพราะความรู้สึกคุ้นเคยนี้ ทำให้เขาคิดอยากจะมาพักอยู่ที่นี่ แต่มิคาดว่าอวิ๋นซีจะกลายมาเป็หลานสาวแท้ๆ ของตน ยิ่งกว่านั้น หลานสาวของเขาก็ยังแต่งงานแล้ว มิหนำซ้ำยังมีลูกชายแท้ๆ ที่นางเป็ผู้ให้กำเนิดอีกสองคน อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มาพักอยู่ที่นี่ เขาเองก็เคยเห็นฉางรุ่ยฉางฮว๋ายแล้ว สองคนนั้นคือหลานทวดของเขา เด็กๆ น่ารักน่าชัง เพียงพิศดูก็รู้แล้วว่าเฉลียวฉลาดยิ่ง
ถึงแม้หลินหลานอี๋ที่เป็หลานสาวของเขาจะให้กำเนิดลูกชายลูกสาวออกมาแล้วเช่นกัน หลานทวดของเขาเองก็มีอยู่หลายคน แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกอย่างแท้จริงว่าตนเองได้เป็ทวดแล้ว อย่างไรเสีย ลูกทั้งสองที่เกิดจากพระชายา เขาก็หาได้มีความรู้สึกปลาบปลื้มยามที่ได้เป็พ่อคนไม่ สำหรับเขาแล้ว ลูกของเขากับนางก็เป็เพียงคนที่ต้องอยู่ร่วมกัน ไม่มีแม้ความสนิทชิดเชื้อใด ทว่า ตัวเขากลับปรารถนาที่จะได้ใกล้ชิดกับสตรีตรงหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าอวิ๋นซีมองไม่เห็นความคาดหวังในดวงตาของเจิ้นหนานอ๋อง ทว่า ในตอนนั้นเป็เพราะเจิ้นหนานอ๋องไม่รู้จักปกป้องคนให้ดี ทำให้ท่านย่าที่อายุยังไม่ถึงสามสิบเป็ต้องจากไปก่อนวัยอันควร ด้วยเื่นี้ล้วนเป็ความผิดของเขา ดังนั้น การที่บิดาอวิ๋นไม่ยอมรับชายผู้นี้เป็พ่อตน แน่นอนว่าตัวนางเองก็จะไม่รับเขาเป็ปู่เช่นกัน เช่นเดียวกับตระกูลอวิ๋น หากจ้าวลี่เจียไม่ยอมรับคนตระกูลอวิ๋น นางก็ไม่มีทางยอมรับญาติจากทางตระกูลอวิ๋นแน่นอน
ผ่านความเป็ความตายมาหลายครั้งเพียงนี้ ในใจของอวิ๋นซี เื่สัมพันธ์ทางสายเืไม่ได้สลักสำคัญอะไรจริงๆ ก็เหมือนกับนางและจ้าวลี่เจียในตอนแรกที่เพียงรู้จักกันได้ไม่นาน นางก็กลับรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจจากใจจริงๆ
ส่วนเจิ้นหนานอ๋อง แม้คนจะมีศักดิ์เป็ท่านปู่ แต่กลับไม่สามารถมอบความรู้สึกปลอดภัยและน่าเชื่อถือให้นางได้แม้แต่น้อย สำหรับนางแล้ว คนเช่นนี้จะมีหรือไม่ก็ได้ทั้งนั้น
“เื่ในตอนนั้น บิดาข้าไม่อยากจะกลับไปนึกถึงอีกแล้ว พวกท่านไม่มีใครรับรู้ถึงความทุกข์ความเศร้าของเขาที่ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบขวบ บิดาข้าต้องเผชิญหน้ากับการป่วยและตายจากของมารดา จากนั้นจึงได้ตัดสินใจออกจากบ้านไป พวกท่านย่อมไม่มีทางรับรู้ถึงความลำบากทุกข์ยากตลอดหลายปีมานี้ที่เขาต้องเผชิญ ในเมื่อตอนนั้นตัวท่านไม่อาจปกป้องท่านย่าของข้าได้ เช่นนั้นตอนนี้ท่านก็ไม่จำเป็ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับบิดาข้าอีก กว่าพวกเราทั้งครอบครัวจะเดินมาถึงวันนี้ได้ก็เรียกได้ว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ พวกเราแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข”
นางมองเจิ้นหนานอ๋องที่มือทั้งคู่กำแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดต่อ “เจิ้นหนานอ๋อง เื่ในตอนนั้นก็ผ่านมานานเพียงนี้แล้ว หวังว่าตัวท่านจะสามารถปล่อยวางลงได้ ยามนี้ท่านมีทั้งลูกสาว และหลานสาว ครอบครัวเรา สำหรับท่านแล้วมิได้สำคัญเลยสักนิด”
เจิ้นหนานอ๋องฟังถึงตรงนี้ก็ส่ายหน้าพูดขัดทันที “เ้าไม่รู้หรอกว่า หลายปีมานี้ เพียงเพื่อจะตามหาบิดาเ้า ข้าต้องสละอะไรไปเท่าไร ในเมื่อเขาบอกเล่าเื่ราวในตอนนั้นแก่เ้าแล้ว เช่นนั้น เ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าและท่านย่าของเ้า เรารักกันเพียงใด บิดาเ้าถือเป็ลูกที่ข้าให้ความสำคัญและใส่ใจมากที่สุด ตอนนั้นข้าต้องสูญเสียสตรีที่รักที่สุดไป ซ้ำร้ายลูกชายก็ยังมาหายตัวไปอีก สิ่งเหล่านี้กระทบกระเทือนต่อตัวข้ารุนแรงเพียงใด พวกเ้าไม่อาจจินตนาการได้หรอก”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็จ้องมองไปยังอวิ๋นซี “เ้าเป็หลานสาวของปู่ นี่เป็เื่ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ อาซี สิ่งที่ปู่อยากจะร้องขอต่อเ้าไม่ได้มากมาย ปู่หวังเพียงว่าครอบครัวเราจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งก็เท่านั้น”
“หากให้พูดตามจริง บ้านของท่าน บิดาข้าไม่ได้อยากกลับไป วันนี้เพิ่งได้เจอกันอีกครั้ง ลูกสาวของท่านก็มีจิตคิดเข่นฆ่าบิดาข้าแล้ว คนเอ่ยวาจาด้วยคำที่ไม่น่าฟัง...แท้จริงแล้วท่านน่าจะรู้ดี บ้านต้องเป็สถานที่ที่อบอุ่น ไม่ใช่ที่ที่เต็มไปด้วยจิตใจคิดร้ายและการต่อสู้”
คำกล่าวของอวิ๋นซี ทำให้เจิ้นหนานอ๋องที่ได้ยินมีสีหน้าหดหู่ลง ชายผู้ทรงเกียรติค่อยๆ เดินออกไปจากสวนอย่างช้าๆ
อวิ๋นซีมองเงาหลังของเขาด้วยใจที่ไม่มีแม้ความสงสารแต่อย่างใด หากนางสงสารเขา แล้วใครจะไปสงสารท่านย่าของนางกัน คนแค่เพราะต้องลมหนาวเพียงนิด แต่กลับต้องมาตายไปเช่นนี้ อีกทั้ง ต้นเหตุทั้งหมดก็ยังมาจากชายชราผู้ที่มองแล้วน่าสงสารอยู่เล็กน้อยผู้นี้