เนี่ยหลีเดินไปที่กำแพง กระดาษมากมายแปะติดอยู่บนนั้น ทั้งหมดล้วนเป็ปัญหาที่พบในระหว่างการกลั่นยา บนโต๊ะข้างกำแพงมีพู่กันด้ามหนึ่งวางอยู่
เนี่ยหลีหยิบพู่กันขึ้นมาจากโต๊ะ
“ช้าก่อน!” หูเหยียนิรีบหยุดเขาไว้และพูดขึ้นทันที เนี่ยหลีกำลังจะทำอะไรกัน?
“ทำไมหรือ?” เนี่ยหลีมองหูเหยียนิอย่างสงสัยและเอ่ยถาม
“เ้าคิดจะตอบคำถามเหล่านี้รึ?” หูเหยียนิเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่แล้ว อย่าบอกข้านะว่าทำไม่ได้?” เนี่ยหลีกระพริบตาปริบๆ ถาม
“ทำน่ะทำได้ แต่ว่า...” หูเหยียนิคิดอยากจะบอกว่าปัญหาหลายอย่างบนกำแพงนี้เป็ปัญหาที่อาจารย์นักปรุงยาต่างๆ ประสบในระหว่างการกลั่นยา เป็ไปไม่ได้ที่จะใช้ความรู้จากการอ่านตำรามาตอบปัญหาเหล่านี้ ยังต้องมีประสบการณ์ในการกลั่นยาด้วยตนเองอีกด้วย เขาไม่คิดว่าเนี่ยหลีจะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้
“ในเมื่อทำได้ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา!” เนี่ยหลีพูดพร้อมกับยิ้มสดใส ยกพู่กันขนแพะขึ้นและเริ่มลงมือเขียน
เนี่ยหลีตวัดพู่กันอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เห็นปัญหาหนึ่ง เขายังแทบไม่ทันกะพริบตาก็เขียนคำตอบลงไปอย่างรวดเร็ว
หูเหยียนิเห็นเนี่ยหลีเขียนคำตอบไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว ก็ได้แต่ฝืนยิ้มไม่หยุด เนี่ยหลียังไม่เคยลงมือกลั่นยาด้วยซ้ำก็มาตอบคำถามเหล่านี้แล้ว เกรงว่าจะถูกหัวเราะเยาะเย้ยเอาได้ สายตาของเขาเลื่อนไปตกอยู่ที่ปัญหาหนึ่งซึ่งเป็เื่เกี่ยวกับความสมดุลของการกลั่นเข้าตัวยา
“บัวบก หญ้าเก้าเซียน หญ้าหลงตั่น ควรกลั่นเข้าตัวยาอย่างไร? ตามทฤษฎีการปรุงยา สมุนไพรทั้งสามชนิดนี้สามารถผสมกันทำเป็ยาถอนพิษขนานเอกได้ แต่จะต้องใช้อัตราส่วนเท่าไหร่ ยังไม่มีผู้ใดตอบได้มาก่อน!” หูเหยียนิพึมพำ
คำตอบของเนี่ยหลีก็คือ ‘ไม่ว่าอัตราส่วนจะเป็เท่าไหร่ ล้วนไม่อาจกลั่นให้สำเร็จได้ ควรเปลี่ยนหญ้าหลงตั่นเป็หญ้าหลงขุย อัตราส่วนคือ สาม หนึ่ง สอง!’
หญ้าหลงขุยมีความคล้ายคลึงกับหญ้าหลงตั่นมาก ทั้งคู่ต่างมีฤทธิ์ขจัดพิษ อย่างไรก็ตามหญ้าหลงตั่นมีฤทธิ์ที่รุนแรง ในขณะที่หญ้าหลงขุยมีฤทธิ์อ่อนโยนกว่า อีกทั้งอัตราส่วนนี้ก็เหมาะสมที่สุด
“เยี่ยมมาก!” หูเหยียนิตบโต๊ะะโลั่นยกย่อง เกือบอดใจรอการทดลองกลั่นยาและทดสอบอัตราส่วนของมันแทบไม่ไหว
หูเหยียนิไล่สายตาต่อไป คำตอบของเนี่ยหลีเฉียบคมยิ่งนัก แม้เขายังไม่รู้ว่าคำตอบเหล่านี้ผิดหรือถูก แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำการทดลอง แม้ทั้งหมดยังไม่อาจตัดสินได้ว่าเป็คำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ แต่หลายข้อหูเหยียนิมีความมั่นใจ ตัวอย่างเช่นปัญหาแง่มุมของการกลั่นเม็ดยา คำตอบของเนี่ยหลีนั้นถูกต้อง
สายตาของหูเหยียนิที่ใช้มองเนี่ยหลีค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความยอมรับนับถือ เพราะปัญหาบางอย่างบนกำแพงนี้ แม้แต่ท่านประธานกู่เหยียนก็ไม่อาจแก้ได้
หรือความรู้ของเนี่ยหลีจะสูงส่งเหนือระดับอาจารย์าุโไปแล้ว? หรือว่าเข้าถึงระดับปรมาจารย์แล้ว?
เขาเป็สัตว์ประหลาดชนิดไหนกันแน่? เนี่ยหลีเพิ่งอายุสิบสามปี นี่ยังจะยอมเหลือทางรอดให้ผู้อื่นอยู่อีกหรือ?
ในฐานะที่เป็อาจารย์ขั้นต้น หูเหยียนิมีความภาคภูมิใจในตนเองสูงมาโดยตลอด ไม่ว่าอย่างไรจำนวนอาจารย์นักปรุงยาขั้นต้นในสมาคมนักปรุงยาวิเศษมีจำนวนอยู่เพียงไม่ถึงร้อย แต่บัดนี้ได้เห็นเด็กหนุ่มอายุน้อยปานนี้กลับมีความรู้กว้างขวางน่าหวาดหวั่นนัก หูเหยียนิจึงบังเกิดความรู้สึกแทบอยากเอาหัวโขกกำแพงตายเสียแล้ว
เพียงเดี๋ยวเดียวเนี่ยหลีก็ตอบคำถามไปร้อยข้อแล้ว จากนั้นจึงวางพู่กันลงพูดพึมพำว่า “คำถามเหล่านี้ไม่ยากนัก!”
ได้ยินคำพูดของเนี่ยหลีเช่นนั้นแล้ว หูเหยียนิแทบกระอักเืออกมา ปัญหาเหล่านี้เป็ปัญหาที่ทั้งสมาคมนักปรุงยาวิเศษไม่อาจไขได้มาหลายปี เนี่ยหลีกลับบอกว่ามันไม่ยากเย็นอะไร!
ทว่าต่อมา หูเหยียนิตระหนักได้ว่าการมาถึงของเนี่ยหลีอาจช่วยนำพาสมาคมนักปรุงยาวิเศษเข้าสู่ยุคใหม่ก็เป็ได้ คำตอบทั้งหมดเหล่านี้หากได้รับการพิสูจน์ก็ย่อมเพียงพอที่จะชักนำให้สมาคมนักปรุงยาวิเศษได้ยกระดับสูงขึ้นไปอีก!
ชั่วขณะที่เนี่ยหลีเพิ่งตอบคำถามเสร็จ ชายสูงวัยผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นซึ่งมีหนวดเคราผมเผ้าขาวโพลนและสตรีงดงามยวนตาผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเนี่ยหลีแล้ว
กู่เหยียนและหยางซินทั้งสองเห็นปลายพู่กันของเนี่ยหลีตวัดเขียนราวกับบินอยู่ ตอนแรกยังรู้สึกน่าขำอยู่บ้าง ปัญหาที่อยู่บนกำแพงนี้มิใช่สิ่งที่เนี่ยหลีควรตอบได้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ ทว่าเมื่อได้เห็นถึงสิ่งที่เนี่ยหลีเขียน คำพูดใดๆ ก็ไม่อาจบรรยายถึงความตื่นตะลึงในใจของพวกเขาได้
กู่เหยียนและหยางซินมองเนี่ยหลีด้วยสายตาประหลาดในใจก็แอบคิดว่า ‘เ้านี่เป็สัตว์ประหลาดชนิดใดกันแน่?’
เนี่ยหลีเพิ่งเป็เด็กอายุสิบสามปีจริงๆ หรือ? แม้ใบหน้าของเนี่ยหลียังเยาว์วัยนัก ทว่ากู่เหยียนและหยางซินกลับรู้สึกว่าเนี่ยหลีเหมือนสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ใช้ชีวิตมานับร้อยๆ ปีแล้วมากกว่า
หากไม่ได้ค้นคว้าวิจัยมานับสิบปี ก็แทบเป็ไปไม่ได้ที่จะก้าวถึงระดับอาจารย์ขั้นต้นได้
เนี่ยหลีเพิ่งอายุสิบสามปี ทว่าความรู้ความเข้าใจมากมายเหล่านี้ก้าวไกลเกินอาจารย์ขั้นต้นขั้นกลางไปแล้ว ยังเกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์ระดับสูงด้วยซ้ำ!
สายตาที่กู่เหยียนชำเลืองมองเนี่ยหลียิ่งนานเข้าก็ยิ่งตื่นเต้น หลายปีที่ผ่านมานี้สมาคมนักปรุงยาวิเศษไม่รุ่งเรืองเหมือนเช่นในอดีตอีกแล้ว อีกไม่กี่ปีข้างหน้าเกรงว่าคงต้องค่อยๆ เสื่อมถอยลง การโจมตีของสัตว์อสูรในหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้สมาคมนักปรุงยาวิเศษเกิดความสูญเสียใหญ่หลวง บันทึกโบราณมากมายสูญหายไป ประสิทธิภาพของตัวยาที่ปรุงขึ้นมาได้ก็ถดถอยลงไปเป็อันมาก ดังนั้นจำนวนนักปรุงยาในสมาคมจึงหนีหายไปจนถึงขั้นวิกฤต ผู้คนส่วนใหญ่หันไปสนใจการฝึกยุทธ์แทน น้อยคนนักที่ยังยินดีเข้ามาเป็ส่วนหนึ่งของโลกแห่งการปรุงยา
กู่เหยียนรู้ดีว่าแนวโน้มเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ยาวิเศษสามารถส่งเสริมการฝึกยุทธ์ได้เป็อันมาก หากไม่มีผู้ใดสืบทอดการปรุงยาอีกต่อไป ศิลปะยุทธ์ก็ย่อมต้องค่อยๆ ตกต่ำลงเช่นกัน
สมาคมนักปรุงยาตกอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่มีคนรุ่นใหม่มาเป็เวลานานแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ต้อนรับเนี่ยหลีผู้มีความสามารถราวกับสัตว์ประหลาด ขณะจ้องมองแผ่นหลังของเนี่ยหลีก็บังเกิดความรู้สึกว่านับจากวันนี้เป็ต้นไป สมาคมนักปรุงยาวิเศษจะต้องรุ่งโรจน์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งด้วยสองมือของเนี่ยหลีอย่างแน่นอน!
ดวงตางดงามของหยางซินเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ ริมฝีปากแดงระเรื่อเย้ายวนนั้นเผยอขึ้นลง ทรวงอกอวบอิ่มกระเพื่อมไหว นางไม่อยากเชื่อว่าคำถามที่ถูกทิ้งไว้โดยอาจารย์นักปรุงยาวิเศษเหล่านี้กลับถูกเนี่ยหลีไขข้อติดขัดได้ทั้งหมดแล้ว
เนี่ยหลีพลันหันศีรษะมาชำเลืองมองกู่เหยียนและหยางซิน
“ท่านประธานกู่เหยียน ท่านผู้อำนวยการหยางซิน ยินดีที่ได้รู้จักท่านทั้งสองขอรับ!” เนี่ยหลีเป็ฝ่ายเริ่มกล่าวทักทายก่อน
กู่เหยียนแปลกใจเล็กน้อย เขายิ้มบางๆ และพูด “ไอ้หนู เ้ารู้จักพวกเราหรือ?” กู่เหยียนจ้องมองครั้งหนึ่ง เนี่ยหลีค่อนข้างหล่อเหลา เขายิ่งมองก็ยิ่งถูกชะตา เนี่ยหลีช่างเปรียบเสมือนบุตรที่์ประธานมาให้แก่เขาโดยแท้!
“ย่อมต้องรู้จักแน่นอนขอรับ หากศึกษาเกี่ยวกับการปรุงยา ย่อมต้องรู้จักชื่อเสียงสูงส่งของท่านประธานกู่เหยียนและท่านผู้อำนวยการหยางซินอย่างแน่นอน ข้าจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ข้ายังเคยส่งบันทึกการศึกษาหญ้าจื่อหลันมาให้แก่ท่านผู้อำนวยการหยางอีกด้วย!” เนี่ยหลียิ้มบางๆ กู่เหยียนและหยางซินสองคนนี้ในอดีตเคยสร้างผลงานใหญ่หลวงแก่เมืองกวงฮุย กู่เหยียนร่วมต่อสู้จนตัวตายพร้อมกับท่านเ้าเมือง ส่วนหยางซินนั้น เพื่อที่จะคอยปกป้องการอพยพของชาวเมืองกวงฮุย เนี่ยหลีเห็นกับตาว่าสตรีรูปโฉมงดงามผู้นี้ถูกตั๊กแตนน้ำแข็งหิมะแทงทะลุทรวงอกจนตาย ภาพฉากนั้น ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันหลั่งน้ำตา
“บทความเื่หญ้าจื่อหลันฉบับนั้นเป็เ้าเขียนหรือ?” ดวงตางดงามของหยางซินเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ บทความฉบับนั้นสร้างความประทับใจให้แก่นางเป็อันมาก มีวิธีใช้ประโยชน์จากหญ้าจื่อหลันมากกว่าหกสิบอย่าง และเวลานี้วิธีการใช้งานเ่าั้ก็ถูกพิสูจน์แล้วทีละข้อๆ ทั้งหมดล้วนไม่มีข้อผิดพลาดอันใด
หยางซินเคยครุ่นคิดว่าเป็ผู้ใดกันจึงสามารถเขียนบทความเช่นนี้ได้ เกรงว่าแม้แต่กู่เหยียนซึ่งเป็อาจารย์าุโอีกทั้งยังดำรงตำแหน่งประธานของสมาคมนักปรุงยาวิเศษก็ยังไม่สามารถศึกษาสมุนไพรตัวหนึ่งได้อย่างแตกฉานถึงเพียงนี้ เป็ไปได้หรือไม่ว่าในเมืองกวงฮุยยังมีปรมาจารย์นักปรุงยาท่านหนึ่งซ่อนตัวอยู่? โชคไม่ดี จดหมายฉบับนั้นไม่ทราบมาจากไหน หยางซินส่งคนออกไปตรวจสอบ ทว่าก็ไม่มีร่องรอยอันใด
“บันทึกฉบับนั้นเป็เ้าเขียนรึ?” สองมือของกู่เหยียนสั่นเทา เขาได้อ่านบทความนั้นแล้ว มันมีผลใหญ่หลวงต่อการพัฒนาของสมาคมนักปรุงยาวิเศษเลยทีเดียว
“ไม่ใช่ข้า เป็อาจารย์ของข้าที่เขียนบันทึกฉบับนั้น อาจารย์ให้ข้ามาที่สมาคมนักปรุงยาวิเศษเพื่อรับตำแหน่งอาจารย์ขั้นสูง” เนี่ยหลีหัวเราะเบาๆ เพื่อปกป้องตัวตนมิให้กลายเป็สัตว์ประหลาดมากเกินไป เขาจึงต้องหาข้ออ้างอย่างหนึ่งเพื่อปิดบังไว้บ้างก็เป็การดีกว่า
กู่เหยียนประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าก็ไม่รู้สึกว่าเป็เื่แปลกแต่อย่างใด เนี่ยหลีประสบความสำเร็จั้แ่อายุยังน้อยถึงเพียงนี้ เขาต้องมีอาจารย์ผู้หนึ่งอยู่เื้ัอย่างแน่นอน อายุเท่านี้ก็กลายเป็สัตว์ประหลาดถึงเพียงนี้แล้ว เช่นนั้นอาจารย์ที่อยู่เื้ัเขาอย่างน้อยต้องเป็ถึงปรมาจารย์ผู้หนึ่ง ใช่หรือไม่?
“ไม่ทราบว่าเป็ปรมาจารย์ท่านใดหรือ? พวกเราควรไปเยี่ยมคารวะสักครั้ง” กู่เหยียนพูดอย่างถ่อมตน
“อาจารย์ของข้าไม่ชอบถูกรบกวน!” เนี่ยหลีส่ายหน้า
หยางซินกระพริบตาปริบๆ จ้องมองเนี่ยหลี คิดหาพิรุธจากสีหน้าของเนี่ยหลี ทว่ากลับไม่พบสิ่งใด แม้เนี่ยหลีเพิ่งอายุสิบสามปี ท่าทางสงบสุขุมของเขาทำให้ผู้อื่นอ่านเขาไม่ออก
กู่เหยียนพยักหน้าและพูดว่า “ในเมื่อท่านปรมาจารย์ของเ้าไม่ชอบเปิดเผยตัว เช่นนั้นก็ช่างเถิด อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จึงมีศิษย์ที่ยอดเยี่ยม ด้วยพร์ของเ้า การจะรับตำแหน่งอาจารย์ขั้นสูงถือว่าเกินพอ ข้าหวังว่าพวกเราคงจะมีโอกาสไปเยี่ยมท่านปรมาจารย์ของเ้าสักครั้งหนึ่ง”
เป็เื่ธรรมดาที่จะมียอดคนบางคนถือสันโดษ ไม่สำคัญว่าคนผู้นั้นจะเป็คนแบบไหน ตราบใดที่เขายังอยู่ในเมืองกวงฮุย เช่นนั้นเมืองกวงฮุยย่อมมีอนาคตอันรุ่งโรจน์แนนอน! เขาต้องไปรายงานเื่นี้ให้แก่ท่านเยี่ยโม่และท่านเ้าเมืองทันที บุคคลสำคัญปานนี้ หากพวกเขาสามารถสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกันได้ ย่อมเป็เื่ยอดเยี่ยมนักแล้ว! ส่วนการมอบตำแหน่งอาจารย์นักปรุงยาขั้นสูงให้แก่เนี่ยหลีนั้น ลำพังแค่ดูจากสิ่งที่เนี่ยหลีตอบคำถามเ่าั้ได้ทั้งหมด คำถามที่แม้กระทั่งตัวกู่เหยียนเองก็ยังอับจนหนทาง ก็ถือว่าเกินพอสำหรับเนี่ยหลีที่จะได้รับตำแหน่งนี้แล้ว การมอบรางวัลให้เนี่ยหลีได้รับตำแหน่งอาจารย์ขั้นสูงก็ย่อมเท่ากับการยกย่องยอดคนที่อยู่เื้ัเนี่ยหลีอีกด้วย
“ผู้อำนวยการหยาง นำหนังสือประจำตัว ตราประจำตำแหน่ง และชุดประจำตำแหน่งอาจารย์ขั้นสูงมาให้แก่เนี่ยหลี!” กู่เหยียนพูดอย่างเด็ดขาด
“เ้าค่ะ!” หยางซินหมุนกายจากไปจัดการธุระที่ได้รับมา ในใจเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ อาจารย์นักปรุงยาขั้นสูงอายุสิบสามปี นี่เป็ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสมาคมนักปรุงยาวิเศษทีเดียว!
“นอกจากตำแหน่งอาจารย์นักปรุงยาขั้นสูงแล้ว ข้ายังอยากปรึกษากับท่านประธานกู่เหยียนเกี่ยวกับการร่วมมือกัน!” เนี่ยหลียิ้มบางๆ เขาเตรียมการไว้แล้ว
“ร่วมมือรึ? น้องชายเชิญพูดออกมาได้เลย” ในใจของกู่เหยียนเต้นระรัว เนี่ยหลีพูดถึงความร่วมมือ เกรงว่าคนที่อยู่เื้ัเนี่ยหลีคงเป็ผู้สั่งการเป็แน่ เนี่ยหลีอย่างไรก็ยังเพิ่งเป็เด็กคนหนึ่ง เพิ่งอายุสิบสามปีเท่านั้น
“เวลานี้ข้ามีสูตรยาอยู่ห้าอย่าง ประกอบด้วยยาเสริมพลังิญญาที่ช่วยบำรุงพลังิญญา ยารวมสมาธิ ยาสงบอารมณ์ ยากลั่นร่างสีแดงเพลิง และยาแปรรูปเก้าขั้น” เนี่ยหลีลำดับรายการออกมาด้วท่าทีที่สงบ เขาไม่เชื่อว่ากู่เหยียนจะไม่เป็บ้าเป็หลังกับชื่อยาที่ได้ยินเหล่านี้
“เ้าว่าอะไรนะ? ยาเสริมพลังิญญา ยารวมสมาธิ และยาสงบอารมณ์รึ? ยังมียากลั่นร่างสีแดงเพลิง ยาแปรรูปเก้าขั้นอีก?!” กู่เหยียนพ่นลมหายใจเย็นชืดออกมาคำหนึ่ง ท่าทีที่มักสงบนิ่งมั่นคงอยู่เสมอบัดนี้ไม่สงบนิ่งอีกต่อไปแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้