บ้านที่ขาดนายท่าน
น้ำเสียงของฮั่วเฉิงโจวเบาสบายมาก ราวกับเขากำลังพูดว่า “ผมทานอาหารเย็นแล้ว” หรือ “วันนี้อากาศดีจริงๆ” กับอีกฝ่าย
จู่ๆ เจียงอี้เฉินก็รู้สึกวิงเวียนและหายใจลำบาก
“ฮั่วเฉิงโจว” เขาเรียกชื่อจริงอย่างไม่สนใจมารยาทอะไรนั่นแล้ว “คุณหมายความว่ายังไง?”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ฮั่วเฉิงโจวปิดคอมพิวเตอร์ ค่อยๆ เดินไปที่หน้าต่าง และยืนนิ่งๆ
ตอนนี้ในสำนักงานเหลือเขาเพียงคนเดียว ดังนั้นเขาจึงสามารถพูดและทำได้ทุกอย่างตามที่้า
“เราตกลงทำข้อแลกเปลี่ยนกันแล้ว ผมช่วยคุณแก้ปัญหาเื่อื้อฉาวที่ยุ่งเหยิง จากนั้นก็จะขอของบางอย่างจากคุณ”
เขาคิดว่าการใช้คำว่า “ของบางอย่าง” เพื่อสื่อถึงเสิ่นอันอันนั้นไม่ดีสักเท่าไร คราวหน้าจะไม่ใช้อีก
เจียงอี้เฉินมีความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในใจ มีไฟกำลังลุกโชนแผดเผาหัวใจของเขาอยู่
เขากัดฟันและพูดเน้นคำ “ฮั่วเฉิงโจว นั่นเมียผม!”
ฮั่วเฉิงโจวยันแขนข้างหนึ่งกับขอบหน้าต่าง มองทิวทัศน์ของสนามเด็กเล่นด้านล่าง “ผมกำลังเจรจาข้อตกลงกับคุณอยู่นะครับ ไม่ได้มาขอข้อมูล”
เจียงอี้เฉินโกรธจนวางสายใส่อีกฝ่าย
ยิ่งดูข้อตกลงการหย่าที่วางอยู่ตรงหน้า ไฟในใจของเขาก็ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก เขาหยิบมันขึ้นมาและฉีกออกเป็สองท่อน “แม่งเอ๊ย!”
...
ตอนประมาณสี่ทุ่ม เสิ่นอันอันเพิ่งออกจากห้องอาบน้ำและกำลังจะนอนแผ่ตัวลงบนเตียง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
“อันอัน ผมซื้ออาหารเย็นมาให้ ออกมารับไปหน่อยครับ” ฮั่วเฉิงโจวรู้สึกว่ามันฟังดูกะทันหันจึงพูดเสริม “ระหว่างทางผมขับผ่านหน้าบ้านคุณ เลยคิดถึงคุณขึ้นมาน่ะ”
เธอย้ายออกจากเรือนหอและมาซื้ออะพาร์ตเมนต์เล็กๆ อยู่แทน ครั้งก่อนที่ไปกินข้าวกันก็ถูกฮั่วเฉิงโจวถามที่อยู่บ้านไปเสียได้
เสิ่นอันอันพยายามบอกปัดเพราะไม่อยากลงไป “เฉิงโจว ฉัน…”
“ผมซื้อกั้งกระเทียมที่คุณชอบมาให้”
“...” เอาเถอะ เธอปฏิเสธไม่ได้แล้ว
แต่เธอก็ี้เีเปลี่ยนเสื้อผ้า จึงวิ่งลงมาทั้งชุดนอน
ที่ประตูรั้ว มีรถเบนท์ลีย์คันหนึ่งจอดอยู่อย่างสง่างาม กระจกรถเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง เธอจึงมองเห็นใบหน้าสงบนิ่งของชายที่อยู่ข้างในได้รางๆ
ฮั่วเฉิงโจวลงจากรถและส่งถุงอาหารให้เธอ “ค่อยๆ กินนะครับ ถ้ากินเยอะตอนกลางคืนมันจะย่อยยาก”
เสิ่นอันอันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อื้อ รู้แล้วค่ะ”
เมื่อมองรูปร่างเล็กๆ ของเธอ เขาก็รู้สึกว่าเธอน่ารักมากๆ จนอยากจะเอื้อมมือไปััใบหน้าเล็กๆ นั่น
แต่ฮั่วเฉิงโจวก็ยังควบคุมตัวเองไว้ได้
เขายกข้อมือขึ้นดูเวลา “นี่ก็ดึกแล้ว งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
เสิ่นอันอันพูดออกไปโดยไม่ทันคิดว่า “อุตส่าห์มาถึงแล้ว ไม่ขึ้นไปนั่งหน่อยเหรอคะ?”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็โกรธตัวเองจนแทบจะกัดลิ้นตาย เธอเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ในดวงตาเรียวของฮั่วเฉิงโจวราวกับหมาป่าที่มีเจตนาร้าย
“เอาสิครับ” เขาตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ขึ้นไปนั่งหน่อยดีกว่า”
เสิ่นอันอัน “...”
แย่แล้ว ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลัง “พาหมาป่าเข้าห้อง[1]” เลยล่ะ?
...
อะพาร์ตเมนต์ที่เสิ่นอันอันเพิ่งซื้อมา เป็ทาวน์เฮาส์ขนาดเล็กที่มีทั้งหมดหกชั้น เธออยู่ชั้นสามจึงไม่ค่อยอยากใช้ลิฟต์เท่าไร
ทั้งสองคนเดินขึ้นไป้า จากนั้นก็เปิดประตูเข้าห้อง
เธอกวักมือเรียกฮั่วเฉิงโจวให้นั่งลงและรินน้ำให้เขา
ชายหนุ่มดันแว่นตาขอบทองบนดั้งจมูกขึ้น และชำเลืองมองสิ่งตกแต่งรอบๆ
ห้องของเธอไม่ใหญ่นัก ขนาดประมาณหนึ่งร้อยตารางเมตรจากการตรวจสอบด้วยตาเปล่า แม้นกกระจอกจะตัวเล็กแต่ก็ครบครัน[2] หากจะมีสิ่งใดหายไป ก็คงเป็นายท่านของบ้าน
...........................................................................................................................
อันอัน ผมชอบคุณ
“อันอัน”
ฮั่วเฉิงโจวส่งเสียงเรียกและมองด้วยสายตาอ่อนโยนละเอียดอ่อน ซึ่งเป็ความประทับใจที่เขามักทิ้งไว้ให้ผู้อื่น
เสิ่นอันอันนั่งลงตรงข้ามเขา “มีอะไรเหรอ?”
“เจียงอี้เฉินมาหาผม” เมื่อพูดจบก็เห็นว่าใบหน้าของเธอแข็งทื่ออย่างชัดเจน
เสิ่นอันอันเงยหน้าขึ้น ความประหลาดใจในดวงตาของเธอไม่สามารถซ่อนเร้นได้ “เขา...เขาไปหาคุณทำไม?”
หรือเจียงอี้เฉินจะรู้เื่ความสัมพันธ์ของเราสองคนแล้ว?
ไม่สิ ความจริงแล้วระหว่างเธอกับฮั่วเฉิงโจวไม่มีอะไรเลย แค่กินข้าวด้วยกันสองสามมื้อ ไม่ใช่ว่าเธอนอกใจเสียหน่อย
ฮั่วเฉิงโจวจ้องมองเธอนิ่งๆ “เื่อื้อฉาวเชิงลบเกือบทั้งหมดของเขา จิ้งซ่างเป็คนเขียน และหัวหน้าบรรณาธิการของจิ้งซ่างมีเดียเป็เพื่อนผม เขาเลยมาหาผมเพื่อขอความช่วยเหลือ ให้ผมช่วยคืนความบริสุทธิ์ให้เขา”
เสิ่นอันอันรู้สึกขบขันกับประโยคสุดท้าย
คืนความบริสุทธิ์ให้เจียงอี้เฉิน?
เขาสกปรกเหมือนหมึกฝน จะเอาจากไหนมาบริสุทธิ์กัน?
เสิ่นอันอันเม้มริมฝีปากชุ่มชื้นของตัวเอง “ทำไมจู่ๆ เขาถึงสนใจชื่อเสียงกัน?”
“เขาบอกว่าเื่อื้อฉาวพวกนั้นกระทบความสัมพันธ์ของพวกคุณ และทำให้คุณเข้าใจผิด”
ฮั่วเฉิงโจวไม่ได้เก็บงำอะไรไว้ เขาขายเจียงอี้เฉินจนหมดเปลือก
เสิ่นอันอันรู้สึกตลกจริงๆ “ฉันไม่คิดว่าเขาจะไร้ยางอายขนาดนี้นะ แล้วคุณตกลงหรือยังคะ?”
ฮั่วเฉิงโจวบีบแก้วในมือเล็กน้อย “ตอนแรกก็ไม่ได้ตกลง แต่เขาบอกว่ามีข้อแลกเปลี่ยนมาให้ ผมเลยช่วยเขาไปแล้วก็ขอของของเขามาอย่างหนึ่ง”
“ของอย่างหนึ่ง?” เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง “เฉิงโจว คนอย่างเขาคงไม่มีอะไรที่คุณ้าหรอกค่ะ”
เจียงอี้เฉินหยิ่งผยองมาก เขาไม่มีอะไรเป็ชิ้นเป็อันเลยจริงๆ ทั้งหมดที่เขามีคือผู้หญิงแล้วก็เงิน
แม้ฮั่วเฉิงโจวจะไม่รวยเท่าเขา แต่เงินเดือนประจำปีของศาสตราจารย์ก็อยู่ที่หนึ่งแสนถึงสองแสนหยวน[3] ซึ่งนั่นก็เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตแล้ว
อีกทั้งเขายังดูไม่เหมือนคนที่ชอบเงินด้วย
ฮั่วเฉิงโจวจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเข้มขึ้น เขาเปิดปากพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “มีอยู่อย่างหนึ่ง”
เสิ่นอันอันถามอย่างเป็กันเอง “อะไรเหรอ?”
“คุณ...”
“...”
เสิ่นอันอันเกือบคิดว่าเธอมีอาการประสาทหลอนทางหูแล้ว แต่เมื่อเธอมองเขา เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าดวงตาของเขามีความซับซ้อนบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ
ในนั้นมีกระแสของอารมณ์อยู่
เสิ่นอันอันรีบมองไปทางอื่น แต่ก็ยังได้ยินเสียงเขาพูด “อันอัน ผมรู้ว่าคุณแต่งงานแล้ว หากพูดตามเหตุผลแล้วผมก็ไม่ควรคิดอะไรกับคุณ แต่ความรักช่างซับซ้อน ผมควบคุมตัวเองไม่ได้”
เสียงของเขาอ่อนโยนมาก เหมือนแสงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่นอกหน้าต่าง
เขาไม่รอให้หัวใจที่กระสับกระส่ายของเธอสงบลงและรีบพูดต่อ “อันอัน ผมชอบคุณ”
เขาชอบเธอั้แ่แรกเห็น
ถ้าเธอมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข เขาก็คงซ่อนความรู้สึกไว้ในใจต่อไป แต่สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คือความโชคร้ายของเธอ
คนอย่างเจียงอี้เฉิน ไม่ดีพอสำหรับเธอเลย
อีกอย่าง ไม่ช้าก็เร็วเสิ่นอันอันก็ต้องรู้อยู่ดี แทนที่จะให้เธอได้ยินจากปากของเจียงอี้เฉิน สู้บอกเธอด้วยตัวเองจะดีกว่า
เธออ้าปากพะงาบ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
เหมือนสมองกำลังสับสนวุ่นวายราวกับมีบางอย่างะเิ
ชอบ?
เขาชอบเธอ?
ฮั่วเฉิงโจววางแก้วน้ำลง และลุกเดินไปข้างหน้าเธอ
เสิ่นอันอันก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็ถูกเขาจับไหล่เอาไว้
[1] ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน มาจากสำนวน 引狼入室 ที่แปลตามตัวอักษร คือ พาหมาป่าเข้ามาในบ้าน
[2] แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็มีรายละเอียดครบถ้วน มาจากสำนวน 麻雀雖小,五臟俱全 ที่แปลว่า นกกระจอกอาจตัวเล็ก แต่มีอวัยวะสำคัญอยู่ครบ
[3] สกุลเงินหลักประจำชาติจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้